เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
At The Age of 22 : ความสับสนแห่งวังวนที่ 22shortlegs
โฮ้ป
  • "คุณแม่คะ หนูอยากถ่ายรูปกับโฮ้ป!" เด็กน้อยผมเปียเขย่าแขนแม่ของเธอ ชี้มือชี้ไม้มาทางผมด้วยความตื่นเต้น
    "ขอถ่ายรูปหน่อยได้ไหมคะ?" แม่ของเด็กน้อยพูดกับผม ผมพยักหน้าตอบรับ เด็กน้อยผละจากแม่ของเธอ วิ่งแจ้นมากอดผม ยิ้มเริงร่าสดใส ชูสองนิ้วให้กล้อง "ขอบคุณค่ะ" แม่และเด็กน้อยเดินจากไป ผมโบกมือลาพวกเธอ
    "ขอถ่ายรูปหน่อยค่ะ" ผมพยักหน้าตอบรับ กลุ่มหญิงสาววัยรุ่นเข้ามาห้อมล้อมผม โอบกอดผม ยิ้มใส่กล้อง สลับที่กันยืน เปลี่ยนท่าทางเพื่อให้ได้รูปภาพที่ออกมาดูดีที่สุด หัวเราะคิกคักด้วยความสนุกสนาน ก่อนกล่าวขอบคุณแล้วเดินจากไป ผมโบกมือลาพวกเธอ
    วัน ๆ ของผมผ่านไปแบบนี้ คนมากมายสับเปลี่ยนหมุนเวียนเข้ามากอดผม ถ่ายรูปกับผม พวกเขาเหล่านั้นล้วนเป็นคนแปลกหน้า คนแปลกหน้าที่รู้จักผมเป็นอย่างดี ผมมีความสุขเหลือเกินที่ได้โอบกอดพวกเขา พวกเขาเองก็มีความสุขที่ได้โอบกอดผมเช่นกัน
    ดวงอาทิตย์เริ่มหย่อนกายอันเมื่อยล้าลงหลังขอบฟ้า หลังส่งแสงเจิดจ้ามาทั้งวัน ดวงจันทร์เข้ารับไม้ต่อจากเพื่อนรวมทีมราวกับกำลังแข่งวิ่งผลัดโดยมีหมู่ดาวเป็นกองเชียร์ เมื่อมีสิ่งหนึ่งมาแทนที่ อีกสิ่งหนึ่งก็ต้องไป 'กลับบ้านได้แล้วหนุ่มน้อย' กลางคืนกระซิบบอก ผมยอมกลับแต่โดยดี

    ใครๆ ก็รักโฮ้ป 
    เจ้าหมีโพล่าร์แบร์ขนสีขาวปุกปุย ตัวอ้วนตุ้ยนุ้ยน่ากอด คาแรกเตอร์จากการ์ตูนชื่อดังที่กำลังฮิตไปทั่วบ้านทั่วเมืองในตอนนี้ เจ้าหมีผู้ออกเดินทางเพื่อเรียนรู้โลกผ่านการโอบกอดคนแปลกหน้า 'ให้โฮ้ปได้กอดเธอนะ' ประโยคสุดฮิตประจำตัวเจ้าหมีนักกอด ที่ปรากฎอยู่แทบทุกที่ บนเสื้อยืด กระเป๋า เข็มกลัด ผ้าพันคอ โปสเตอร์ และอื่น ๆ ที่ใหญ่พอจะยัดข้อความนี้ลงไปได้ 
    ใครๆ ก็รักโฮ้ป 
    แต่ผมไม่ใช่โฮ้ป ผมเป็นเพียงชายหนุ่มผู้อยู่ภายใต้ชุดมาสคอตขนสีขาวปุกปุย  ใบหน้าบิดเบี้ยวผิดรูปจากโรคทางพันธุกรรม การปรากฎตัวของผมมาพร้อมกับเสียงกระซิบกระซาบเสมอ บางคนถอยห่างแสดงความรังเกียจเดียดฉันท์อย่างเห็นได้ชัด ผมเป็นชาย ที่เบาะที่นั่งข้าง ๆ บนรถโดยสารจะว่างเสมอ ผมไม่โทษพวกเขาหรอก แต่บางครั้งมันก็น่าเศร้า ที่พวกเขาไม่มอบโอกาสให้ผมได้แสดงความเป็นตัวเองเลย พวกเขาตัดสินผมไปแล้ว 'แกมันอัปลักษณ์ น่าขยะแขยง' การหางานในสภาพกายแบบนี้จึงแทบจะเป็นศูนย์ จนกระทั่งผมมาเจอกับเจ้าของสวนสนุกแห่งนี้ ที่หยิบยื่นที่พัก งานที่ดีที่สุดในโลก และความรักให้ 
    ผมขดกายบนเตียงในห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าแคบๆ ห้องเล็ก ๆ ที่ซุกซ่อนอยู่ในสวนสนุก เล็กแต่อบอุ่นเสมอ ห้องที่คอยร้องเพลงกล่อมให้ผมหลับใหล พร้อมตื่นรับเช้าวันใหม่ไปทำงานที่ผมรัก งานที่ได้แจกความสุข รอยยิ้ม และความอบอุ่นให้ผู้คน 
    โครงที่สองของบทเพลงขับกล่อมถูกขัดจังหวะด้วยเสียงร้องไห้ ผมลุกขึ้นยืน มองลอดหน้าต่างไปตามทิศทางของเสียง หญิงสาวจ้ำม่ำกำลังนั่งร้องไห้อยู่ในมุมมืดของสวนสนุก ผมจำเธอได้ เธอเข้ามาที่แห่งนี้พร้อมกับชายหนุ่มคนหนึ่งที่น่าจะเป็นแฟนของเธอ หายไปไหนแล้วนะ ทำไมถึงทิ้งให้เธออยู่คนเดียว
    ผมสวมชุดมาสคอตอีกครั้ง หยิบลูกโป่งสีแดงที่ใช้ในขบวนพาเหรดมาจากห้องเก็บของ เดินตรงไปหาหญิงสาวที่กำลังร้องไห้คนนั้น เธอเงยหน้ามองผม ดวงตาบวมเป่ง 
    "สวนสนุกจะปิดแล้วใช่ไหมคะ ขอโทษด้วยค่ะ จะรีบออกไปแล้ว" เธอปาดน้ำตา คว้ากระเป๋าสะพายใบจิ๋วอย่างเร่งรีบ ผมไม่ตอบอะไร เพียงแต่ยื่นลูกโป่งในมือให้เธอ เธอทำหน้างุนงง ก่อนจะรับไว้พร้อมน้ำตาที่เอ่อล้นทะลักออกมาอีกครั้ง  
    ผมกางแขนออก แสดงท่าทางที่แฟน ๆ ของเจ้าโฮ้ปรู้กันดีว่าหมายถึงอะไร 'ให้โฮ้ปได้กอดเธอนะ' เธอวิ่งเข้ามาในอ้อมกอดของผมราวกับเด็กน้อย ร้องไห้สะอึกสะอื้นซบขนปุกปุยของชุดมาสคอต 
    "เขาทิ้งฉันไปแล้วโฮ้ป เพราะฉันไม่สวย เพราะฉันไม่สวยใช่ไหม ฉันอยากน่ารักน่ากอดแบบเธอจัง" เธอสวย ผมคิดในใจ เรายืนกอดกันแบบนั้นสักพัก ก่อนที่เธอจะกล่าวคำขอบคุณ บอกลา แล้วออกจากสวนสนุกไป 
    เธอไม่โทษแฟนหนุ่มที่ทิ้งเธอไป เช่นกันผมไม่โทษพื้นที่นั่งว่างเปล่าบนรถโดยสาร ผมไม่โทษผู้คนเหล่านั้น แต่ผมเชื่อเหลือเกินว่าจะมีสักวัน วันที่จะมีคนมองทะลุชุดมาสคอต ทะลุใบหน้าบิดเบี้ยว กล้ามเนื้อ กระดูก จนพบสิ่งที่อยู่ข้างใน สิ่งที่ผมเชื่อเหลือเกินว่ามันสวยงามไม่แพ้สิ่งใด 

    ไม่แพ้แม้เจ้าหมีที่น่ารักน่ากอดที่สุดอย่างโฮ้ป  

    ขอเพียงโอกาส

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in