เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
At The Age of 22 : ความสับสนแห่งวังวนที่ 22shortlegs
งานศิลปะที่ไม่ได้จัดแสดงในหอศิลป์
  •       กลิ่นจิตวิญญาณลอยมาแตะจมูกทันทีที่ฉันย่างกรายเข้าไป ฉันมาสิงอยู่ที่นี่บ่อยจนกลายบ้านหลังที่สอง หอศิลป์เป็นหนึ่งในพื้นที่สาธารณะไม่กี่แห่งของกทม. ที่ทำให้ฉันรู้สึกสงบและเป็นอิสระ 
          ฉันเดินเข้าร้านกาแฟร้านประจำในหอศิลป์ สั่งอเมริกาโน่เย็นเพิ่มฉ็อตเมนูประจำ เจ้าของร้านพยักหน้ารับออเดอร์ เราสนทนาประปรายเล็กน้อย ก่อนจะเดินชมนิทรรศการที่จัดแสดงในวันนี้ พร้อมกับเพื่อนผู้ส่งกลิ่นหอมละมุนเฉพาะตัวอย่างอเมริกาโน่เย็น
          ฉันปล่อยความคิดและจินตนาการให้โลดแล่นไปทั่วหอศิลป์ด้วยความสนุกสนาน วิ่งเล่นหยอกล้อกับจิตวิญญาณของศิลปินที่ลอยล่องอยู่ ผ่านการตีความผลงานนามธรรมต่าง ๆ แบบงูๆ ปลา ๆ สีแดงแทนความโกรธ สีเขียวแทนความสงบ... อืม สีเหลืองแทนความสุขสินะ 

          ก่อนมาที่หอศิลป์ ฉันเพิ่งเสร็จธุระจากงานสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยที่ไม่ไม่ได้เจอกันเกือบ 5 ปีได้ ต่างคนต่างแยกย้ายไปทำงานหลังเรียนจบ เพื่อนส่วนใหญ่ในกลุ่มแต่งงานมีครอบครัวกันหมดแล้ว ชีวิตแต่ละก็คนก็ดูไปได้สวย...มั้งนะ 

          "ลูกชายฉันกำลังขี้อ้อนเลย สามีก็ติดลูกมาก อยู่แต่บ้าน ไม่ออกนอกลู่นอกทางเลย" เพื่อนหมายเลขหนึ่งกล่าว แต่ฉันเพิ่งเห็นเธออัพสเตตัสบ่นเรื่องลูกที่ซนยังกับเด็กเปรต แถมสามีก็ติดเกม ไม่ยอมช่วยเลี้ยงลูกนะ
          "บอสน่ะเอ็นดูฉันมาก เห็นเปรย ๆ ว่าจะเพิ่มเงินเดือนให้อีกหนึ่งเท่าล่ะ" เพื่อนหมายเลขสองกล่าว จ้า...ยินดีด้วย ได้เงินเดือนเพิ่มแล้วก็อย่าลืมใช้หนี้ฉันด้วยล่ะ
          "ส่วนฉันก็...เรื่อย ๆ น่ะ" เพื่อนหมายเลขสามเพิ่งสูญเสียสามีไปจากอุบัติเหตุรถยนต์ ตอนนี้เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ช่างน่าสงสารที่ต้องมาทนฟังคนพวกนี้อวดชีวิตของตัวเองที่ดู 'ปลอมสุด ๆ' 
          เฮ้อ...ดีจังที่มีหอศิลป์และอเมริกาโน่ช่วยปลอบประโลมจิตวิญญาณ

          ทุกคนเก็บซ่อนอารมณ์ที่แท้จริงไว้ใต้ม่านแห่งความสมบูรณ์แบบ โกหกเพราะอ่อนแอและอับอายที่จะเผยความจริง ทั้ง ๆ ที่มนุษย์ทุกคนต่างก็มีเรื่องให้เจ็บปวดและทุกข์ใจกันทั้งนั้น 
          ทำไมพวกเขา รวมทั้งตัวฉัน ไม่สามารถแสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกมาได้อย่างอิสระเสรีเหมือนผลงานศิลปะพวกนี้นะ ทำไมการปลดปล่อยอารมณ์และจิตวิญญาณจึงถูกบีบให้เกิดขึ้นในพื้นที่จำกัดเท่านั้น
          หากความรู้สึกมีสี โลกนี้คงเต็มไปด้วยสีสันของอารมณ์ที่ถูกพ่นออกมาจากผู้คน สีแดงฟุ้งกระจายเต็มถนนในชั่วโมงเร่งด่วน สีแห่งมิตรภาพปลอม ๆ ในที่ทำงาน สีเหลืองแห่งความสุขในสวนสนุก เราปั้นใบหน้ายิ้มแย้มขึ้นมาเพื่อซ่อนอารมณ์สีหม่นไว้ 

          หากเปิดประตูเข้าไปในบ้าน ในคอนโด ในห้องของคนเหล่านั้น คงเห็นสีดำที่มืดมิดที่สุดสาดอยู่เต็มกำแพง เจ็บปวดแค่ไหนก็ทำได้แค่กรีดร้องโดยปราศจากเสียงอยู่หลังประตูห้อง โลกมันเป็นไปแบบนั้น
          เราถามว่าสบายดีไหมกันอยู่บ่อยครั้ง แต่ผู้ถามต้องการคำตอบจริงๆ หรือถามตามมารยาทเท่านั้น เว้นระยะเพื่อรอคำตอบสักกี่นาทีกัน ก่อนจะเอ่ยคำถามอื่นขึ้นมาอย่าง ลูกเรียนจบหรือยัง? ได้เกรดเท่าไหร่? เมื่อไหร่จะแต่งงาน? เงินเดือนเท่าไหร่? ราวกับว่าเรื่องพวกนี้มันสำคัญนัก 
          สำคัญแหละ...แต่มากกว่าความรู้สึกในใจของผู้ถูกซักถามจริงหรือ หรือเราควรเปลี่ยนคำถามเหล่านั้นเป็นการรอคำตอบอย่างจริงใจ 
    แต่ก็นะ...โลกมันเป็นไปแบบนั้น

          ระหว่างทางกลับบ้าน ฉันได้เจอกับเพื่อนอีกครั้งโดยบังเอิญ เพื่อนหมายเลขสาม ถึงวันนี้จะเพิ่งเจอกันไป แต่เราแทบไม่ได้สนทนากันเลย เธอมีใบหน้าอมทุกข์แบบที่แปะอยู่บนหน้าคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ก่อนจะเปลี่ยนใบหน้ายิ้มแย้มแต่ใจไม่ได้ยิ้มตามเมื่อเห็นฉัน 
          ''เจอกันอีกแล้ว เมื่อกี้เราแทบไม่ได้คุยกันเลยเนอะ เธอสบายดีไหม" ฉันถามด้วยความเป็นห่วงจากใจจริง และแน่นอนฉันเว้นระยะเพื่อรอคำตอบจากเธอ แต่เมื่อโลกเป็นไปแบบนั้น คำตอบจึงเป็นแค่เพียง
          "ก็สบายดี เธอล่ะ เป็นไงบ้าง ว่าจะถามแต่ไม่มีโอกาสเลย" ฉันเงียบไปสักพัก
          "เหนื่อยเป็นบ้า ไม่มีความสุขเลย งานน่าเบื่อ เงินเดือนก็น้อย นัดสังสรรค์วันนี้ก็โคตรห่วย มีแต่คนอวดชีวิตตัวเอง นี่! เราไปหาอะไรดื่มแล้วนั่งปรับทุกข์กันมั้ย ฉันมีเรื่องอยากคุยกับเธอเยอะแยะเลย ไม่ได้เจอกันตั้งนานแหนะ"
          เธอเงียบไปสักพัก งุนงง ประมวลสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า ก่อนตอบรับคำเชิญชวนของฉัน 
    คืนนั้นเรานั่งปรับทุกข์กัน เธอเล่าความเจ็บปวดในใจออกมา ร้องไห้กลางบาร์ที่เราไปนั่งดื่ม ฉันโอบไหล่เธอ ปลอบเธอ และให้กำลังใจเธอ
    โลกเป็นไปแบบนั้น 
    แต่ใช่ว่าเราต้องหมุนตามทุกครั้งไป

    คุณล่ะ สบายดีไหม มีความสุขหรือเปล่า? 
    ฉันรอคำตอบอยู่นะ 

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in