เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
บันทึกไม่สมบูรณ์ ก้ำกึ่งสถานะ และเรื่องเล่าจากคนๆหนึ่งPensive.Lady
ขอโทษนะ คุณกำลังทำให้ฉันเจ็บ
  • "..ไม่ควรใส่ใจคนอื่นมากจนเกินไปทุกวันนี้เหนื่อยกับการปฎิเสธที่ไม่เด็ดขาดของตัวเอง
    เมื่อไหร่จะแก้หาย.."

                       เป็นอีกสเตตัสหนึ่งที่ตอนแรกอยากจะอัพขึ้นไปบนหน้าวอลเฟสบุ๊ค แต่ก็ทำได้แค่ก็อปปี้มันแล้วเอามาวางไว้ที่อื่นที่ไม่มีใครรู้จักตัวเราดี เป็นผู้หญิงทำไมลำบากจัง ไม่สิจริงๆต้องบอกว่าเป็นตัวเราที่เกรงใจทุกคนไปหมดนี่ลำบากจัง ทุกวันนี้รู้สึกยากเย็นมากกับการที่จะบอกใครสักคนออกไปด้วยประโยคที่สื่อแค่ว่า 

    "ขอโทษนะ ช่วยหยุดทีได้มั้ย สิ่งที่คุณทำมันคุกคาม มันทำให้เราเจ็บ มันทำให้เรารู้สึกไม่ดี" 

    แต่ทำไมต้องคิดทุกครั้งว่า เขาต้องรู้สึกไม่ดีแน่ๆถ้าเราพูดว่าเรารู้สึกไม่ดี ทั้งๆที่อีกฝ่ายก็อาจจะไม่ได้คิดอะไรเลย อาจจะไม่ได้ตั้งใจ อาจจะยังไม่เข้าใจหรือคิดว่าสิ่งที่ทำอยู่มันไม่เป็นไร

    "เพราะเราไม่พูด"

    ในช่วง4-5 เดือนหลังมานี้ รู้สึกเหนื่อยมากๆ กับการต้องพยายามตอบคำถาม หรือคุยกับคนที่เราไม่ได้อยากจะคุยด้วย เพียงเพราะเรารู้สึกว่า เขาก็ไม่ได้คุกคามเรามากขนาดนั้น เขาก็ไม่ได้ทำผิดมากขนาดนั้น ทั้งๆที่ใจจริงเราไม่อยากคุยเลย ไม่อยากสนทนา รู้สึกว่าหัวข้อนั้นมันห่วย วิธีพูดของเขาก็ห่วย ทัศนคติก็ห่วย มันแย่ไปหมด แต่แค่เพราะเขายังไม่รุกล้ำเข้ามาถึงจุดที่เรารู้สึกว่าต้องกันออกไปจากชีวิตเราก็เลยไม่ยอมทำ 

    แล้วอะไรล่ะ คือกฎเกณฑ์ที่เป็นตัวบอกว่า "ขอโทษนะ มันเกินไปแล้ว ช่วยถอยออกไปหน่อยได้มั้ย"

    จริงๆมันไม่จำเป็นต้องมีกฎเกณฑ์ไม่ใช่เหรอ?
    ใครกันที่เป็นคนตั้งกฎเหล่านั้นขึ้นมา?
    ตัวเราเองไม่ใช่เหรอ...?
  • ก็นั่นสิ (พอพิมพ์มาถึงตรงนี้ก็แอบอยากจะหัวเราะออกมาหน่อยๆแล้วพูดกับตัวเองว่า "สมน้ำหน้า")

    ที่จริงมันไม่ต้องใช้กฎเกณฑ์อะไรในการกันใครออกไปเลยด้วยซ้ำ
    แค่เพราะเราเริ่มรู้สึกไม่ดี เราก็มีสิทธิ์ที่จะกันเขาออกไปแล้วไม่ใช่เหรอ?

    ทำไมเราถึงยังปล่อยให้เขาเข้ามาทำร้ายเราซ้ำๆอีกเพียงเพราะเราใช้บรรทัดฐานของเราไปตัดสินว่าเขายังไม่ใช่คนที่แย่ขนาดนั้นกันล่ะ ในเมื่อแต่ละคนก็มีขีดจำกัดหรือจุดที่จะรู้สึกไม่เท่ากัน เพราะถ้าไม่งั้นเราก็คงไม่ต่างอะไรจากเครื่องจักร ไม่ต่างจากเด็กผู้หญิงในเกมจีบสาว ที่พอคุยถึงระดับนึงก็จะเปลี่ยนจากรู้สึกแย่มาเป็นรู้สึกดีได้ คิดแบบนี้แล้วยิ่งตลกเข้าไปกันใหญ่

               มีอยู่หนนึงเมื่อสองปีก่อน เราไปหาหมอด้วยความรู้สึกที่ว่าไม่อยากทนแบกหลายๆอย่างไว้แล้ว ตอนนั้นจำไม่ได้แล้วว่าเรื่องหลักๆคืออะไร แต่ได้ข้อสรุปกลับมาว่า ก็ไม่หนีไปจากเรื่องนี้ ไม่ต่างกันเลย แค่ทุกครั้งต้องรีบรู้ตัวให้ทันว่า "เธอปล่อยให้เขาเข้ามามีอิทธิพลกับความรู้สึกเธอมากเกินไปแล้วนะ" 
    การที่เราใส่ใจความรู้สึกของผู้อื่นมันก็เป็นเรื่องที่ดีนะ มันถูกแล้ว แต่ว่า เธอต้องแยกให้ออกเธอต้องเข้าใจว่าไม่มีใครที่จะสามารถเป็นคนดีได้ทุกวัน ทุกคนมีส่วนแย่ๆกันทั้งนั้น 

    และมันไม่ได้แปลกหรือแย่ตรงไหนถ้าเธอจะมีจุดบกพร่อง ผิดพลาด หรือทำตัวแย่ๆออกมาบ้าง

    จำได้ว่าหมอเคยให้ออกไปสังเกตคนที่เรารู้สึกว่าเป็นคนดีมากๆที่สุดที่เรารู้จักมาหนึ่งคน ให้สังเกตเขาในระยะเวลาสองสัปดาห์ ต้องเป็นคนที่เรารู้จักและเจอหน้าหรือคุยได้ทุกวัน แล้วกลับมาทบทวนดูว่าคนๆนั้นเป็นคนดีจริงๆมั้ย มีจุดผิดพลาดมั้ย พอครบสองสัปดาห์ หมอให้เราเปลี่ยนใหม่ คือหาคนที่รู้สึกว่าอยู่ด้วยแล้วแย่ไปหมด อึดอัด มาลองสังเกตดูในระยะเวลาเดียวกัน (แต่ไม่ได้หมายความว่าจำเป็นต้องคุยนะ แค่สังเกตก็พอ อะไรที่ไม่ทำให้ลำบากใจเกินไป) แล้วมาดูว่าเขาเป็นคนไม่ดีจริงๆมั้ย
  • ข้อสรุปของตอนนั้นคือ "ไม่มีใครที่เพอร์เฟค" และ "ไม่มีใครที่แย่จนถึงที่สุด"
    ปัญหาของใครหลายๆคนอาจจะเป็นการที่ไม่ให้อภัยกับคนอื่นเลยก็จริง แต่ปัญหาของคนที่ต้องต่อสู้กับความคิดตัวเองอย่างเราที่ยากที่สุดเลยคือ "การที่เราไม่ให้อภัยกับตัวเราเอง" เราไม่กล้าจะเป็นคนที่ผิดพลาด ไม่กล้าจะเป็นคนที่ไม่ดีในสายตาบางคน ทั้งๆที่การยอมให้ตัวเราเป็นคนดีในสายตาเขามันทำให้เราเจ็บ ทั้งๆที่การบอกไปตรงๆในระยะแรก อาจทำให้เสียความรู้สึกน้อยกว่าที่ควรจะเป็น

    กี่วันแล้วที่ต้องใช้ชีวิตอยู่กับการพะวง หงุดหงิด ไม่อยากเปิดโซเชียลแค่เพราะกังวลว่าต้องเห็นเขาทักเข้ามาในกล่องข้อความ กดไลค์สเตตัสทุกสเตตัสที่เราอัพเดท ต้องเห็นเขาโพสต์คอมเม้นต์ที่ต่อให้เขาไม่รู้ว่าสเตตัสนั้นเราพูดถึงอะไรก็จะคอมเม้นต์ ต้องเห็นเขากดไลค์ไอจี แล้วแคปรูปภาพมาถามซ้ำในกล่องข้อความอีกว่ามันคืออะไร ทั้งๆที่เราพิมพ์บอกไว้หมดแล้ว กี่ครั้งแล้วกับการที่มีคนทักมาเพราะอยากแลกเปลี่ยนไอเดียเรื่องเซ็กส์เพียงแค่เพราะเราแชร์รูปเสื้อผ้าวาบหวิวเพราะมันสวยดีแต่ไม่ได้อยากใส่เอง 

    เราเหนื่อย...ทั้งๆที่จริงๆแล้วเราไม่ต้องเหนื่อยกับพวกเขานาน

    ทำไมต้องแคร์ว่าเขาคือคนรู้จักของใคร คนๆนั้นมีบุญคุณกับเรา เราถึงได้ไม่อยากทำตัวเสียมารยาทกับคนๆนี้ แม้ว่าเขาจะทำตัวแย่แค่ไหนก็ตาม ทำไมไม่พูด

    "อีเหี้ย หยุดระรานกูสักที กูเหนื่อย"

    จริงๆมันก็แค่พูด ทำไมยากเย็น... หรือเพราะเราคิดมาตลอดว่ามันคือคำพูดที่รุนแรง
    จริงๆแล้วเราก็ไม่ได้อยากพูดจารุนแรงขนาดนั้น
    เราก็แค่อยากพูดว่า

    "ขอโทษนะ สิ่งที่เธอกำลังพูดมา มันทำให้เราเจ็บ มันทำให้เราไม่ชอบ"

  • ทำไมมันยากขนาดนี้

    "เราไม่โกรธถ้าเธอจะเลิกคุยกับเราไปเลย เพราะเราก็รู้สึกว่าเราคุยกับเธอไม่ค่อยได้"

    "เราเหนื่อยล้ากับการตอบคำถามที่เธอพยายามจะเอาทุกเรื่องมาคุย ทั้งๆที่เธอไม่เข้าใจมันเลย"
     
    "และเราก็เหนื่อยล้ากับการที่ต้องพยายามเข้าใจเรื่องที่เธอไม่แม้แต่จะถามเราว่าอยากฟังรึเปล่า"

    "เราอึดอัด"

    "เรารู้ด้วยว่าเธอจะรู้สึกไม่ดี"

    "แต่เราทนให้ัตัวเองรู้สึกไม่ดีแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว"

    "เราหวังว่าเธอจะเข้าใจ เพราะถึงแม้เธอจะไม่เข้าใจ เราก็จะไม่มายด์กับมันแล้ว"

    หวังว่าเรื่องพวกนี้จะไม่ใช่เรื่องที่เราทำได้แค่พิมพ์ออกไป
    สวัสดี.

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in