เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Another moon | #เท่าพระจันทร์ชบjibi_girl
My favourite clothes

  • Everyday I wonder if you ever miss my love.



    ‘เรากลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมเถอะ’

    พลั่ก!

    เพราะความคิดไม่เข้าท่าที่โผล่มานั่นแหละ ที่ทำให้เขากลายเป็นไอ้ซุ่มซ่ามเดินไม่ระวังทางอย่างเมื่อกี้นี้

    เขาโค้งตัวให้หญิงสาวแปลกหน้า บอกไม่เป็นไรกับคราบสีน้ำตาลบนเสื้อตัวโปรด เขาพ่นลมหายใจ นี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาสวมเสื้อตัวนี้

    แต่ช่างมันเถอะ

    ต่อให้มันผ่านความทรงจำมามากมายขนาดไหน แต่ก็ช่างมันเถอะ

    มันไม่สำคัญ...

    เขาถอดมันและโยนลงตะกร้าอย่างไม่ใส่ใจอีกต่อไปแล้ว เสื้อตัวโปรดที่เขาโยนทิ้ง อดีตที่เขาจงใจทิ้งมันไว้ด้านหลัง

    ทิ้งร่างเปลือยท่อนบนลงกับโซฟา พาดขายาวไปกับพนัก เหม่อมองฝ้าสีขาวที่หมองลงตามเวลา นับรอเวลาให้ประตูถูกเปิดออก การอยู่กับในที่ที่เห็นตัวเองในอดีตเดินวนไปมาไม่ใช่สิ่งน่าอภิรมย์ใจนัก

    เขากลับมา

    ในสถานที่ที่ไม่คิดว่าจะได้กลับมาอีก แม้อีกคนจะบอกว่าอยากให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิมก่อนที่เราจะคบและจบกัน แต่เขาก็ขลาดเกินกว่าจะสู้หน้า

    เขาหายไป เพื่อยอมรับและทำความเข้าใจกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น

    เขาเข้าใจ...

    ปัง!

    “นาย...”
    “ไง”
    “นายหายไปไหนมา”

    ร่างของเขาถูกทับด้วยก้อนบางอย่างที่หนักจนลุกแทบไม่ขึ้น แบคฮยอนกอดรัดเขาแน่นจนแทบลืมหายใจ แต่เขาก็ปล่อยให้อีกคนกอดอยู่อย่างนั้น จนกว่าจะพอและผละออกไปเอง

    “ฉันเอาเสื้อมาคืน”

    เขาบอกตอนที่แบคฮยอนยอมปล่อยให้เขาหายใจบ้างแล้ว คนตัวเล็กที่เพิ่งตระหนักได้ว่าท่อนบนเขาเปลือยเปล่านั้นทำตาโตขึ้นนิดหน่อย และพยักหน้าลง

    “...แต่ว่ามันเปื้อน และคงเอากลับมาใส่ไม่ได้อีกแล้ว”
    “ไม่เป็นไรหรอก ฉันเข้าใจ”
    “...”
    “ถ้านายไม่อยากเก็บมันไว้แล้ว...”

    ความเงียบปกคลุมเราชั่วขณะ เขายันตัวลุกขึ้นนั่งเพื่อจะได้มองใบหน้านั่นชัดๆ หากแบคฮยอนไม่ได้แสดงท่าทีว่าน้อยใจอะไร

    “เสื้อของฉัน...”
    “...”
    “ยังเก็บไว้อยู่หรือเปล่า”

    “อ่า...” แบคฮยอนทำหน้านึก “นายจะขอคืนเหรอ มันน่าจะอยู่ในตู้น่ะ เดี๋ยวฉัน...”

    “ไม่”
    “...”
    “นายเก็บไว้เถอะ จะใส่มันจนเก่าเลยก็ได้”
    “...”
    “เผื่อว่าวันหนึ่ง”
    “...”
    “นายจะคิดถึงฉัน...บ้าง”

    เขาปล่อยให้ความเงียบงันคั่นกลางอีกครั้ง แบคฮยอนเป็นคนทำลายมัน

    “แล้วนายล่ะ...”
    “...”
    “จะไม่คิดถึงฉัน...แล้วเหรอ?”

    มันไม่ใช่แบบนั้น

    แต่ชานยอลกลับไม่พูดอะไรออกไป ปล่อยให้อีกคนจมอยู่กับความคิดของตัวเอง จนกระทั่งความรู้สึกในมือร่วงหล่น เขาปลุกแบคฮยอนออกจากภวังค์

    “เป็นยังไงบ้าง”
    “...”

    “พอจะ...มีเสื้อให้ฉันยืมใส่บ้างไหม” เปลี่ยนบทสนทนาเมื่อนึกขึ้นได้ว่าคำตอบที่ได้รับอาจทำร้ายจิตใจตนไม่มากก็น้อย 

    มันเป็นสิ่งที่เขากลัว...และหวังมาตลอด

    “อ่า...มีสิ”
    “...”
    “รออยู่นี่นะ”

    แบคฮยอนเดินหายไปแล้ว แต่ชานยอลไม่ได้อยู่นิ่งตามที่อีกฝ่ายสั่งไว้ การแอบเข้ามาในห้องส่วนตัวของแฟนเก่าไม่ได้เสียมารยาทเท่าสิ่งที่เขากำลังจะทำต่อไปนี้

    “ชานยอล...”
    “อืม”


    Cause I can’t make you stay if you wanna go
    เพราะฉันไม่สามารถรั้งนายไว้ได้ ถ้านายต้องการจะไป


    “ไปได้สวยหรือเปล่า”
    “...”
    “กับคนใหม่น่ะ”


    But I will wait for you to say “come home”
    แต่ฉันจะรออยู่ตรงนี้และบอกกับนายว่า “กลับมาได้นะ”


    “ขอโทษนะที่ฉันแอบดู”
    “...”
    “แต่จริงๆ...ก็รู้มาสักพักแล้ว”


    Now might not just be the time for us
    บางทีนี่คงไม่ใช่เวลาของเรา


    “...ที่มาวันนี้ไม่ใช่เพราะอยากจะเอาเสื้อมาคืนหรอก”
    “...”
    “แต่ไม่รู้จะหาเหตุผลไหนที่ดีกว่านี้แล้ว”


    But know that what we have will always last
    แต่อยากให้รู้ไว้ว่าสิ่งที่เรามีจะคงอยู่ตลอดไป


    แบคฮยอนจ้องชานยอลนิ่ง มองสลับกับรูปโพลารอยด์ที่เขาวางทิ้งไว้บนโต๊ะ มันเคยเป็นรูปของเราสองคน แต่ตอนนี้มันไม่ใช่อีกแล้ว เขาหายใจติดขัด หลากความรู้สึกตีรวนไปหมด

    มือใหญ่ที่ครั้งหนึ่งเคยกอบกุมกันไว้วางมันกลับไว้ที่เดิม พร้อมกับสาวเท้าเข้ามาใกล้ แตะผ่านมือของเขาเบาๆ ผ่านการหยิบเสื้อตัวใหม่

    และผละออกไป

    อย่างไม่ถือดี ไม่มีสิทธิ์ ไม่รำลึกอะไรอีกแล้ว

    “เขาทำให้นายยิ้มได้ใช่หรือเปล่า”
    “...”
    “เขา...จับมือนายไว้ในวันที่นายอ่อนแอใช่ไหม”
    “...”

    “แบคฮยอน..”
    “อืม”
    “...”
    “เขาทำ”

    เป็นการยอมรับที่ทำให้คนฟังระบายยิ้มออกมา หากคนเล่ากลับมีน้ำตาเจือผสมอยู่

    “แต่ว่า...มันไม่ได้ดีไปทั้งหมดหรอก เราทะเลาะกันอยู่”
    “...”
    “เป็นเพราะฉัน...อีกแล้วนั่นแหละ”
    “...”
    “หรือจริงๆ แล้วฉัน...ไม่สมควรกับความรักกันนะ”

    ไออุ่นเจือจางทาบทับลงกับร่างเล็ก ชานยอลสวมกอดแบคฮยอนไว้แผ่วเบาเท่าที่จะทำได้ในฐานะเพื่อน ปลอบประโลมความรู้สึกเปราะบางของคนตัวเล็ก

    “สะบักสะบอมมากเลยใช่ไหม”
    “...”
    “ไม่เป็นไรนะ ทุกอย่างมันจะดีขึ้น”
    “...”
    “ฉันอยู่ตรงนี้”

    เสมอนั่นแหละ

    “ชานยอล...” หัวทุยซบลงกับแผ่นอกกว้าง ระบายความเสียใจและเรื่องราวที่เขาไม่ได้รับรู้มานานแล้ว ฝ่ามือใหญ่ลูบผ่านแผ่นหลังเผื่อว่ามันจะช่วยบรรเทาความเศร้าเสียใจ

    “ไม่ร้องแล้วนะ”
    “...อือ”
    “ไม่ต้องเสียใจ ต่อให้มันต้องจบลง นายก็ยังเป็นคนที่สมควรต่อการถูกรัก ไม่ว่าในรูปแบบไหน”

    เหมือนกับที่เขารัก...และยังรออยู่ตรงที่เดิมเสมอ

    ชานยอลไม่ได้พูดขอให้แบคฮยอนกลับมา ไม่คิดอ้อนวอนในสิ่งที่ต้องฝืนใจ ไม่ได้บอกว่าเขายังรู้สึกมากมายขนาดไหน ไม่เคยคร่ำครวญ

    เพียงแต่ใช้สายตา ใช้สัมผัส เพื่อบอกว่าเขายังอยู่ตรงนี้

    ยังรอการกลับมาเสมอ

    เผื่อว่าสักวันหนึ่ง

    “ขอบคุณนะชานยอล”
    “...”
    “ขอบคุณ...ที่ยังไม่หายไป”

    “อืม”
    “...”
    “ไม่หายไปไหนหรอก”

    เขาจะได้เห็นรอยยิ้มนั่นอีกครั้ง

    แม้รู้ดีว่าไม่มีทางเป็นไปได้ก็ตาม










      1145 words



    thank you





เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in