เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
The Unbreakable Chain (Omegaverse)piyarak_s
Chapter 9: Precious
  • ในที่สุด จัสตินก็หาเหตุผลที่จะโทรศัพท์หาแคลเรนซ์ได้ เพราะข้อความเสียงขู่ฆ่านั่นเลยทีเดียว


    ข้อความที่คุกคามมีทั้งหมดมีหลายสิบข้อความตลอดสามวันที่เขาไม่ได้กลับมาที่ห้อง ข้อความที่ทิ้งไว้มีหลายเสียง อาจผ่านการแปลงเสียง ดัดเสียง หรือบางทีอาจเป็นเสียงจริงก็ได้ แต่ข้อความของทุกเสียงที่โทรศัพท์มาด้วยหลากหลายหมายเลขนั้นมีสาระอย่างเดียวกันคือ ข่มขวัญและขู่ฆ่า 


    วิสัญญีแพทย์กลับมาที่อพาร์ตเมนท์ของจัสตินหลังจากที่เขาโทรศัพท์ถึง บอกเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น และปรึกษาว่าจะทำอย่างไรต่อไป ไม่มีการถามซ้ำว่าจริงหรือไม่ กังวลไปเองหรือเปล่า เพียงแค่บอกว่า อย่าเพิ่งลบข้อความทิ้ง อย่าเพิ่งแจ้งตำรวจก่อนที่เขาจะไปถึง เพียงไม่กี่อึดใจ เจ้าตัวก็โทรศัพท์บอกว่า รออยู่หน้าอพาร์ตเมนท์แล้ว


    ทันทีที่เห็นหน้าและเห็นว่าเขายังปลอดภัยและอยู่ในสภาพไม่ต่างจากตอนที่จากกัน แคลเรนซ์ถึงกับถอนใจเฮือกด้วยความโล่งอก เกือบคว้าตัวเขามากอดอยู่แล้ว แต่เมื่อนึกถึงอาการบาดเจ็บที่ยังไม่หายดีของเขาขึ้นได้ โอเมก้าหนุ่มก็ทำเพียงเอื้อมมือมาจับบ่าของเขาแล้วบีบเบา ๆ เหมือนต้องการแน่ใจว่า เขายังอยู่ดีจริง ๆ และเหมือนปลอบใจเขาไปในตัว ก่อนขอให้เขานำไปที่ห้องเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น


    การมีใครสักคนอยู่เป็นเพื่อนทำให้เขาอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก แม้ว่าใครคนนั้นจะเป็นคนที่เพิ่งรู้จักกันเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ตาม แม้ว่าการไว้ใจคนที่เพิ่งรู้จักกันไม่นานจะเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อและค่อนข้างไม่เป็นเหตุเป็นผล แต่จัสตินก็คิดว่า เขาตัดสินใจถูกที่เลือกปรึกษาแคลเรนซ์ที่รู้ปัญหาของเขาตอนนี้ดีที่สุด และไม่ต้องเริ่มต้นอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้เพื่อนที่ (เขาคิดว่า) รู้จักกันมานานซึ่งอาจช่วยอะไรเขาไม่ได้ 


    “ผมว่ามันแปลก ๆ นะ จัสติน” แคลเรนซ์ออกปาก หลังจากฟังเสียงในเครื่องตอบรับข้อความอัตโนมัติที่เขาเปิดให้ฟัง และกดเล่นข้อความสุดท้ายซ้ำอีกครั้งหนึ่ง เวลาที่บันทึกเสียงคือเวลาที่พวกเขากินมื้อค่ำอยู่ด้วยกันที่ร้านอาหารอิตาเลียนเล็ก ๆ แห่งหนึ่งใกล้กับที่พัก 

      
    ‘แกหนีไปไม่พ้นหรอก ต่อให้หนี ฉันก็จะตามไปจัดการแกให้ได้” 


    จากนั้นก็เล่นข้อความที่เก่ากว่านั้นอีกข้อความหนึ่ง บุคคลปริศนาโทรศัพท์มาในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน


    “แกรอดตายมาได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าแกจะรอดไปได้ตลอดหรอกนะ ไอ้เบต้า” 


    และข้อความก่อนหน้านั้นอีก เป็นข้อความของวันที่เขาถูกทำร้าย แต่เป็นข้อความที่ส่งมาก่อนที่เขาจะพบกับอัลฟ่าพวกนั้นที่บริเวณซอกตึกลับตาคนที่เขาใช้เป็นเส้นทางลัดกลับบ้านในบางเวลาที่กลับจากห้องสมุดดึกกว่าปกติ


    “คนอย่างแกสมควรตายอย่างหมาข้างถนนแล้ว” 


    แคลเรนซ์วางมือจากเครื่องบันทึกข้อความโทรศัพท์ ยกมือขึ้นเท้าเอว ขบริมฝีปากอย่างครุ่นคิด ก่อนเงยหน้าขึ้นสบตากับเจ้าของห้องที่ถูกคนปองร้าย


    “ข้อความที่ส่งมาถึงคุณ ถ้าเรียงตามลำดับเวลาก่อนหลัง เหมือนมันรู้ความเคลื่อนไหวของคุณ หรืออย่างน้อยที่สุด ก็รู้ความเป็นไปของคุณ”


    จัสตินมองตอบและพยักหน้าเห็นด้วย แคลเรนซ์ ชเวพูดถูกทุกอย่าง 


    ถ้าเรียงลำดับข้อความโดยเริ่มจากข้อความของเมื่อสามวันก่อนเป็นข้อความที่แสดงให้เห็นว่า เขามีอันเป็นไปหรือตายไปแล้ว ข้อความที่ถูกส่งมาในวันถัดมาแสดงให้เห็นว่า อีกฝ่ายรู้แล้วว่าเขาหนีรอดไปได้ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน และข้อความประเภทหลังนี้มีความถี่มากที่สุด เหมือนเป็นการขู่ไปด้วยและทดสอบไปในตัวว่า เขากลับมาถึงห้องแล้วหรือยัง เพราะถ้าเขากลับมาถึงที่พักแล้ว ก็มีความเป็นไปได้ที่จะรับโทรศัพท์ หรือมีใครสักคนหนึ่งเห็นความเคลื่อนไหวของเขาบ้าง 


    “พวกมันรู้ว่าผมรอดมาได้” จัสตินบอก “แต่อาจจะยังไม่รู้ว่าช่วงสามวันก่อนนั้น ผมอยู่ที่ไหน กับใคร”
    “เป็นไปได้” แคลเรนซ์เห็นพ้องด้วย แต่ยังคงขมวดคิ้วด้วยความไม่สบายใจ “แต่ผมอดคิดไม่ได้ว่า ในขณะที่เราส่งคนตามความเคลื่อนไหวของคุณอยู่ อีกฝ่ายก็อาจมีคนคอยตามคุณอยู่เหมือนกัน ปัญหาคือผมรู้ว่าพวกเรามีใครบ้าง แต่ไม่รู้ว่าพวกมันเป็นพวกไหน” 


    “แสดงว่าพวกที่ตามล่าผมอยู่มีหลายพวกงั้นเหรอ” 


    เวรแล้ว... เบต้าหนุ่มนึกในใจ เมื่อคิดตามคำพูดที่เต็มไปด้วยความกังวลอย่างไม่ปิดบังของโอเมก้าตรงหน้า 


    เขาไม่เคยคิดจริง ๆ ว่า สิ่งที่ทำเพื่อให้โอเมก้าเป็นอิสระ สามารถทำอะไรได้ตามใจตัวเองมากขึ้น โดยไม่ต้องตกอยู่ใต้อาณัติของอัลฟ่าไปตลอดชีวิตจะนำไปสู่ความเดือดร้อนของตัวเองมากมายถึงขนาดนี้ เพราะเมื่อคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยและอาจารย์ที่ปรึกษาอนุมัติให้เขาทำการทดลองในมนุษย์ได้ เขาวางใจแล้วว่า ถ้าไม่เกิดผลกระทบทางลบมากเกินไป วิทยานิพนธ์ของเขาคงเดินหน้าไม่ได้และคงไม่ผ่านในระดับดีมากอย่างที่เป็นอยู่ 


    “มีอัลฟ่าที่สนับสนุนให้อัลฟ่าเป็นใหญ่อยู่หลายพวก” แคลเรนซ์รับตามตรง ไม่พยายามจะพูดบิดเบือนให้เขาสบายใจขึ้นว่า คนที่มองเขาเป็นศัตรูมีแค่ไม่กี่พวก “แต่เท่าที่ฟังจากข้อความที่พวกมันส่งมาถึงคุณ น่าจะมีแค่กลุ่มเดียวที่เคลื่อนไหวโดยใช้ความรุนแรงกับคุณ เพียงแต่ผมยังไม่กล้าคาดเดาว่าเป็นพวกไหน” 


    “ผมคิดว่า ผมพอจะเข้าใจสถานการณ์ของตัวเองอยู่บ้าง” จัสตินบอก พยายามทำสีหน้าให้ปกติ แต่เขากลับรู้สึกว่าตัวเองคงจะทำหน้าตาไม่เข้าท่าหรือฝืนยิ้มแหย ๆ ให้อีกฝ่ายอยู่ เพราะสายตาและสีหน้าของแคลเรนซ์ที่มองเขาตอบกลับมานั้น เต็มไปด้วยความสงสารและเห็นใจ 


    “คุณคิดไว้บ้างหรือเปล่าว่าจะทำยังไงต่อไป” 


    นักชีวเคมีที่ถูกตามล่าส่ายหน้าอย่างจนปัญญา “ผมไม่เคยเจอประสบการณ์อะไรแบบนี้มาก่อน”


    “ถ้าผมบอกให้คุณทำตามคำแนะนำของผม คุณจะเชื่อใจและทำตามผมไหม จัสติน” 


    เขานิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้า “ผมเชื่อคุณ แคลเรนซ์” 


    “ถ้าอย่างนั้น รีบเก็บเสื้อผ้า คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก เอกสารสำคัญที่ต้องใช้และของที่คุณจำเป็นต้องใช้ตอนนี้เลย” แคลเรนซ์จับต้นแขนของจัสติน มือของเขาเย็นแต่กลับให้ความรู้สึกอบอุ่น เสียงของเขาบ่งบอกถึงความเร่งรีบแต่ก็ให้ความมั่นใจและมั่นคงกับคนฟังได้ ไม่จำเป็นต้องขยายความเพิ่ม จัสตินก็รู้ว่าเขาต้องทำอะไรและจะไปที่ไหนต่อ


    “ทำไมคุณถึงยอมเสี่ยงช่วยผมมากขนาดนี้” มันเป็นคำถามงี่เง่า แต่เขาก็หลุดปากถามไปแล้ว ระหว่างที่เปิดตู้เสื้อผ้า หยิบกระเป๋าเดินทางออกมา กึ่งหยิบกึ่งกระชากเสื้อผ้าบนราวแขวนโยนลงกระเป๋า “เพราะงานของผมมีค่ากับคุณและโอเมก้าทั้งหลายมากจริง ๆ ใช่ไหม ผมแค่อยากแน่ใจว่าตัวเองเป็นประโยชน์คุ้มค่าพอที่คุณจะเอาตัวเองมาเสี่ยง” 


    แคลเรนซ์ที่ช่วยปิดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กที่อัพเดทระบบปฏิบัติการเสร็จทันเวลาพอดีลงในเป้ให้หยุดมือและหันมามองเขาพร้อมกับยิ้มให้ 


    รอยยิ้มของแคลเรนซ์มีความหมายอะไรบางอย่างอยู่ในนั้น 


    “งานวิจัยของคุณมีค่ากับเรา และยิ่งไปกว่านั้น คุณมีค่ากับผมมากเกินกว่าที่ผมจะยอมเสียคุณไป”






    To be continued.... Chapter 10: Flowing


    ---------------------------------------------- 

    หมายเหตุ: เรื่องนี้ขอยืมไอเดียกับ prompt มาจากทวิตของคุณเกดอันนี้ค่ะ เป็นพล็อตโอเมก้าเวิร์สที่โฟกัสกับบทบาทของเบต้า เห็นว่าน่าสนใจดีก็เลยลองเอามาเขียนดู แล้วไหนๆ ก็จะเข้าช่วง #Fictober กันแล้วก็เลยใช้คำโจทย์ของ Inktober ปี 2018 มาเขียนด้วย ก็หวังว่าจะรอดจนจบ 30 ตอนนะคะ 



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in