เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
The Unbreakable Chain (Omegaverse)piyarak_s
Chapter 11: Cruel
  • คืนนั้น แคลเรนซ์ถูกตามไปโรงพยาบาลกลางดึกเพราะกรณีอุบัติเหตุที่ต้องผ่าตัดฉุกเฉิน เสียงโทรศัพท์ที่อีกฝ่ายเปิดอยู่ตลอดเวลาปลุกจัสตินให้ตื่นขึ้นมาด้วย 



    คนที่นอนอยู่ข้างเขาพลิกตัวลงจากเตียง ควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงที่กองอยู่บนพื้น คว้าเสื้อผ้าขึ้นมาสวมทั้งที่ห้องยังมืดพร้อมกับโทรศัพท์ไปด้วย เมื่อวางสาย อีกฝ่ายก้มลงจูบหน้าผากเขาและขอโทษที่ทำให้ตื่น บอกว่าจะโทรศัพท์กลับมาหาทันทีที่งานเสร็จ ถ้าไม่กลับมาคืนนี้หรือพรุ่งนี้เช้าก็ให้เขาหาของกินและใช้ห้องได้ตามสะดวก เขาได้ยินเสียงอีกฝ่ายเปิดประตูเข้าไปในห้องของตัวเอง แล้วกลับเข้ามาอีกครั้ง ให้กุญแจสำรองเอาไว้ ก่อนออกไปทำงาน



    หลังจากพยายามนอนต่อ จัสตินก็พบว่าตัวเองหลับต่อไปไม่ได้แล้ว เขาเอื้อมมือไปเปิดไฟอ่านหนังสือที่หัวเตียง และเอื้อมหยิบเอาโทรศัพท์มือถือของตัวเองบนพื้นขึ้นมาดูเวลา


    ตีสี่ครึ่ง อีกไม่นานก็จะสว่างอยู่แล้วสำหรับช่วงเวลาคาบเกี่ยวระหว่างสิ้นฤดูหนาวกับต้นฤดูใบไม้ผลิ ช่วงเวลาที่เขาเคยชอบที่สุดกลายเป็นช่วงเวลาของความสับสนที่สุดในชีวิตที่เกิดมายี่สิบห้าปี เพราะมีเรื่องร้ายและดีเกิดขึ้นปะปนกันไปหมดภายในช่วงระยะเวลาไม่กี่วัน 


    จัสติน เคลย์มอร์ค่อย ๆ เอนตัวกลับลงไปนอน แขนของเขายังสัมผัสได้ถึงความอุ่นและร่องรอยที่หลงเหลือของแคลเรนซ์ที่นอนอยู่ข้าง ๆ ตลอดคืนจนกระทั่งถูกปลุกให้ลุกออกไปอย่างกะทันหัน 


    แปลกดีเหมือนกันที่สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ทำให้เขาลืมเรื่องแผลที่สีข้างและเรื่องเลวร้ายที่เผชิญอยู่ไปได้ชั่วคราว


    เขาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดพวกเขาจึงถูกดึงดูดเข้าหากัน 


    อาจเพราะดวงตา รอยยิ้ม เสียงกระซิบปลอบใจ หรืออะไรที่เป็นนามธรรมยิ่งกว่านั้น


    หรือเพราะพวกเขาต่างเป็นคนโดดเดี่ยวและแปลกแยกสองคนที่รู้จักกันในช่วงเวลาที่อ่อนไหวและไม่มั่นคงเหมือนยืนอยู่บนสะพานแขวน และในห้วงเวลาที่ต่างคนต่างอยากหาที่จับยึด มือของพวกเขาก็ไขว่คว้าหากันพบพอดี


    ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร แต่เป็นครั้งแรกที่เขาโยนเหตุผลและตรรกะทุกอย่างสำหรับทุกการกระทำทิ้งไป

      
    พวกเขาไม่รู้จักกัน แต่ ณ เวลานั้น ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการรู้ว่าอีกฝ่ายมีตัวตนอยู่จริง และได้ค้นพบว่าอีกฝ่ายต่างรับรู้ถึงการมีตัวตนอยู่ของกันและกัน


    นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเรียนรู้การมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์คนอื่นในแบบที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน


    แคลเรนซ์ ชเวไม่ได้สอนวิธีการมีชีวิตอยู่หรือเอาตัวรอดให้เขาแบบเดียวกับที่ครูสอนเขาในโรงเรียน แต่ทำให้เขาเรียนรู้มันด้วยตัวเองและจดจำได้ขึ้นใจ ยิ่งไปกว่านั้น แคลเรนซ์ทำให้เขาเข้าใจแง่มุมที่เป็นนามธรรมและเหตุผลของสิ่งที่ดูเหมือนไร้เหตุผลในชีวิตในเวลาชั่วข้ามคืน โดยไม่ต้องบอกเลยสักคำว่า เขาควรต้องทำตัวอย่างไรเหมือนอย่างที่หลายคนเคยสอน 


    แคลเรนซ์สอนทุกอย่างให้เขารู้ผ่านมือที่ฉุดเขาให้พ้นจากอันตราย ผ่านแขนที่คอยประคองเขาให้หยัดยืนได้ด้วยขาของตัวเอง ผ่านคำพูดที่ทำให้เขาฮึดสู้เพื่อรักษาลมหายใจของตัวเองเอาไว้ ผ่านดวงตาที่มองเขาอย่างเข้าใจ และผ่านริมฝีปากที่สอนให้เขารู้ว่าตัวเองมีอารมณ์ ความรู้สึกและยังเป็นที่ต้องการของใครสักคนอยู่ 


    จัสตินยันตัวขึ้นนั่งบนที่นอน สลัดศีรษะไล่ความมึนลง แล้วลุกออกจากเตียงเดินไปที่ห้องน้ำซึ่งอยู่ในห้องนอน เปิดน้ำอุ่นจากฝักบัวรดลงบนศีรษะและปล่อยให้ตัวเองยืนอยู่ใต้สายน้ำที่ไหลผ่านปลายเท้าลงท่อไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง ก่อนปิดน้ำ ลูบน้ำออกจากใบหน้า แล้วเสยเส้นผมชุ่มน้ำที่ปรกหน้าขึ้นเหนือหน้าผาก สำรวจดูว่าน้ำไม่ซึมเข้าไปหลังพลาสเตอร์กันน้ำที่แคลเรนซ์ใช้ปิดแผลเอาไว้ให้ก่อนหน้านี้ 


    เขาคิดว่าตัวเองเริ่มตั้งสติได้บ้างแล้ว 


    ถึงตอนนี้ เขาก็ยังคิดไม่ออกว่า จะวางแผนการสำหรับวันข้างหน้าของตัวเองอย่างไร เพียงแต่รู้ว่าเขาก็ไม่ได้อยู่ตามลำพัง และมีใครอีกคนหนึ่งเป็นเพื่อนให้พออุ่นใจได้บ้าง เท่านั้นก็มากพอแล้ว


    โลกที่มีอัลฟ่าเป็นใหญ่และปกครองอย่างไม่เป็นธรรมเพราะต้องการกุมอำนาจเหนือเพศรองอื่นอาจเลวร้าย แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายเกินไปนัก ในสถานการณ์ที่เหมือนติดอยู่ในห้องมืดที่มองไม่เห็นอะไรและคลำไปก็เจอแต่กำแพงทั้งสี่ด้านอาจมีประตูหรือช่องทางสักช่องหนึ่งที่รอการค้นพบอยู่ 


    พันธนาการของอัลฟ่าที่มีเหนือโอเมก้าที่ทุกคนเคยคิดว่า เป็นสายโซ่ที่ไม่มีวันจะทำลายลงได้ เขาก็ทำให้มันขาดออกจากกันมาแล้ว ถึงไม่ใช่โซ่ทุกเส้น แต่อย่างน้อยที่สุด เขาก็มองเห็นทางที่จะทำให้พันธนาการเหล่านั้นหายไป 


    ถึงจะถูกตามล่า แต่เหตุผลที่ถูกตามล่าทำให้เขาเริ่มเรียนรู้จุดอ่อนของผู้ที่กำลังตามล่าเขาอยู่แล้วว่ามันคืออะไร


    เขามองเห็นเหตุผลที่แคลเรนซ์บอกให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไป เขาเริ่มเข้าใจเหตุผลที่โร้คเห็นว่าเขามีความสำคัญ


    ตราบใดที่เขายังมีชีวิตอยู่ ความกลัวของอัลฟ่าก็จะไม่มีวันหายไป 


    ถ้าทำลายโซ่ที่พันธนาการโอเมก้าลงได้ อัลฟ่าที่หวงอำนาจก็จะถูกพันธนาการด้วยความกลัวของตัวเอง 







    To be continued.... Chapter 12: Whale

    ---------------------------------------------- 

    หมายเหตุ: เรื่องนี้ขอยืมไอเดียกับ prompt มาจากทวิตของคุณเกดอันนี้ค่ะ เป็นพล็อตโอเมก้าเวิร์สที่โฟกัสกับบทบาทของเบต้า เห็นว่าน่าสนใจดีก็เลยลองเอามาเขียนดู แล้วไหนๆ ก็จะเข้าช่วง #Fictober กันแล้วก็เลยใช้คำโจทย์ของ Inktober ปี 2018 มาเขียนด้วย ก็หวังว่าจะรอดจนจบ 30 ตอนนะคะ

    ตอนนี้ เริ่มเข้าช่วงกลางเรื่องแล้ว หนุ่มเบต้าของเรากำลังชิฟท์เข้าโหมดตั้งสติได้ เลยได้เวลานำเสนอเพลง theme ของเรื่องนี้ คือ The Reckoning ของ Within Temptation คำว่า reckon มีหลายความหมาย จะแปลว่าคาดเดา คำนวณ เชื่อ หรือตัดสินก็ได้ เช่น Day of Reckoning ก็คือ Judgment Day หรือวันพิพากษา หรือวันที่ตัดสินชะตาก็ได้



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in