เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Novelber 2017sleepy cat
Novelber วันที่หก: น้ำกัดเท้า
  • “ห้ามรบกวนงาน ห้ามยุ่งกับขนมที่ทำ ห้ามออกไปหลอกลูกค้าห้ามมาในสภาพแปลกๆ ห้าม.. รอให้นึกออกอีกก่อนแล้วกัน เข้าใจมั้ย”

    “ครับ” โอเค ทุกอย่างฟังดูดี “แล้วก็ บอกให้รู้ไว้ก่อน ร้านนี้ไม่ใช่ของฉันคนเดียว ยังมีเพื่อนของฉันอีกคน” ไม่เป็นไรเลยครับ “เขาจะเข้ามาที่ร้านวันนี้” สีหน้าของเธอดูเป็นกังวลเล็กน้อย “จะอยู่ก็บอกเขาหน่อยแล้วกัน” เธอบอก ก่อนจะลุกออกไปจากห้องครัว

    เขานั่งเรื่อยเปื่อยอยู่ในห้องครัวตามลำพัง เริ่มคิดแล้วว่าจะหาอะไรทำแก้เบื่อดีหากต้องอยู่ที่นี่ทั้งวัน ก่อนเที่ยง เธอเดินเข้ามาในครัวพร้อมจานข้าวในมือ ไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของรถดังใกล้เข้ามาก่อนจะเงียบลงฉับพลัน ตามมาด้วยเสียงไขกุญแจประตูครัวหลังร้านดังกรุกกริก

    ประตูเปิดออกพร้อมเสียงร้องทักทายดังลั่น “ฮายยยย กูดม้อร์นิงงงงงง” ร่างที่เดินเข้ามาถือของเต็มสองมือ “ไหนๆ ก็กลับบ้าน เลยซื้อเม็ดมะม่วงกับอัลมอนด์มาด้วย เห็นแกบอกว่าจะหมดแล้ว ส่วนนี่อินผลัม เสาร์นี้ไว้ทำเค้...” เจ้าตัวหันมาเจอเขาพอดี สีหน้าตกใจ ของที่หิ้วมาเต็มสองมือร่วงลงกับพื้น มือล้วงเข้าไปในกระเป๋าที่สะพายติดตัว “Who are you?”

    “เบาๆ ถั่วหักหมด” ตักข้าวเข้าปากเคี้ยวอีกคำ “บอกแล้วว่าไม่เป็นไร ราคาขายส่งที่นี่ก็พอกันจะได้ไม่ต้องหิ้วหนัก แต่ก็ขอบคุณมาก” หันไปบอกผีตัวโตที่มองเธอราวกับเธอเป็นผีเสียเอง “แนะนำตัวเร็ว เดี๋ยวฉันต้องออกไปเฝ้าร้านแล้ว” ก่อนจะหันไปบอกเพื่อนที่ตั้งท่าเตรียมพร้อม “เก็บสเปรย์พริกไทยไปเหอะ ใช้ไม่ได้ผลอยู่แล้ว อ้อ พูดไทยก็ได้นะ เขาฟังเข้าใจ” หันกลับมาหาเขาอีกรอบ “นี่นัท เพื่อนฉันเอง แล้วก็เป็นเจ้าของร้านอีกคนด้วย”

    นัทดูผ่อนคลายมากขึ้น เอามือออกมาจากกระเป๋า “เพื่อนแกเหรอ? ปกติไม่เคยเห็นแกยอมให้ใครเข้ามาในครัว”

    เธอพ่นลมออกจมูก “ก็นี่เพื่อนซะที่ไหน” ก็ถูกของเธอ “ไม่ใช่คนด้วยซ้ำ”ตักข้าวเคี้ยวอีกสองสามคำระหว่างปล่อยให้เพื่อนทำความเข้าใจ กลืนข้าวลงคอก่อนจะพูดย้ำอีกครั้ง “ความหมายตรงตัวเลย”

    “แกจะบอกว่าอะไรแน่ พูดตรงๆ เลยดีกว่า ไม่ใช่คนแล้วจะเป็นอะไร ผีงั้นเหรอ” “ใช่ครับ” เขากล่าวแทรกบทสนทนา ฉวยโอกาสที่ผู้ฟังกำลังจ้องหน้าค้างอยู่กล่าวต่อรวดเร็ว“ผมบังเอิญเจอเพื่อนคุณเมื่อวานนี้”

    เธอกินข้าวอิ่มแล้ว “คุยกันไปก่อนนะ ฉันจะไปดูร้านต่อ” เธอถือจานข้าวลุกไป เขาเล่าเรื่องทั้งหมดซ้ำอีกรอบ นัทนั่งนิ่งกอดอกฟังจนจบ “สรุปคือจะขออยู่ที่ร้านจนกว่าจะกลับได้?” เขาพยักหน้า เธอถอนใจ “แล้วเพื่อนฉันว่าไง”

    เขาตอบไปตามที่บอก นัทพึมพำ “แล้วแต่ฉันสินะ” ก่อนจะหันมาถามเขาต่อ “สถานที่เชื่อมต่อจะเป็นอยู่ถาวรรึเปล่า” “เท่าที่รู้ มีทั้งถาวรและชั่วคราว”“แล้วถ้าวันหนึ่ง ร้านของฉันเชื่อมต่อไม่ได้อีกแล้ว คุณจะทำยังไง”

    “ผมก็ต้องไป ออกหาที่ใหม่ ที่ไหนที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับโลกวิญญาณเราก็อยู่ไม่ได้นาน” เขาหยุดคิด ก่อนจะพูดต่อ “กรณีที่เลวร้ายที่สุดคือไม่เจอสถานที่เชื่อมต่ออีก ต้องร่อนเร่ในโลกมนุษย์ไปตลอดกาล” เสียงที่กล่าวออกมาฟังดูเลื่อนลอยเคว้งคว้าง ไม่เหมือนเสียงของเขาเองเลย

    ผู้ฟังของเขาหันไปคว้ากล่องกระดาษทิชชู่ ดึงออกมาแผ่นหนึ่งเหลือบมองเขาก่อนจะพูด “ถ้าอย่างนั้นก็อยู่ที่นี่ไปก่อนแล้วกัน ช่วยฉันเฝ้าร้านก็ได้” เขายิ้มกว้าง ส่วนนัทยัดกระดาษทิชชู่แผ่นนั้นกลับลงกล่อง หันไปหาตู้เก็บของ เริ่มหยิบแป้งและข้าวของอื่นๆ ออกมา

    “นายทำอะไรได้บ้าง กินไม่ได้ ดื่มไม่ได้ จับของได้?” “ได้แต่ของจะเย็นมากหลังจับ” นัทยิ้ม “ดี มาช่วยฉันตีวิปครีม”

    เธอกลับเข้ามาในครัวอีกครั้งหลังปิดร้านเห็นหนึ่งคนหนึ่งผีกำลังช่วยกันเก็บอุปกรณ์ บนโต๊ะมีเค้กโรลครีมสดอยู่ นัทหันมาร้องบอก “หมอนี่ใช้ตีวิปครีมได้ดีเลย อ่างเย็นเฉียบเลยล่ะ” เธอหัวเราะหึๆ

    “ที่บ้านเป็นไงบ้าง น้ำท่วมมั้ย”

    “แถวบ้านเกือบๆ แต่ยัง ส่วนที่อื่นโดนบ้าง น้ำ มาม่า ยาทาแก้น้ำกัดเท้าเลยขายดี ส่วนยายไม่เป็นอะไรมากแล้ว หลงๆ ไปบ้างเหมือนเดิม”

    “ดีแล้ว” เธอตอบก่อนจะเปิดตู้เย็นหยิบกล่องใส่แป้งเครปที่ผสมไว้แล้วออกมา หันไปบอกเขา “มาช่วยฉันเตรียมเครปเค้กที”

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in