เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
WWOOF till the sun goes downkookkookisachick
let's get going
  • -ตอนบ่ายแก่ๆของวันที่ 1 มกราคม 2017-

    .

    ก่อนหน้าที่จะไป wwoof เราเองก็เคยไป backpack คนเดียวบ้างสองคนบ้างทั้งในไทยและประเทศใกล้ๆ
    แต่ครั้งนี้เป็นการ backpack คนเดียวที่ต่างออกไป และให้อะไรเรามากที่สุด
    จนทุกวันนี้มันก็ยังทิ้งตะกอนไว้กับตัวเรา
    ตอนนั้นเรากำลังจะจบปี 1 
    เป็นความยากลำบากมากๆ เราเหมือนคนมองอะไรไม่เห็นเลย
    การไปมหาลัยเหมือนไปให้ครบตามตารางเรียนไปวันๆ ไปให้มันจบๆ
    ตื่น เรียน หาข้าวกินแถวยูสแควร์ กลับหอ นอน วนลูปไปเรื่อยๆ
    จนมันสุดท้ายจริงๆ
    เราตัดสินใจไม่ลงซัมเมอร์ ไม่กลับบ้าน วางแผนในใจอยู่เงียบๆ
    เราไม่ได้ต้องการหากำลังใจหรือแรงบันดาลใจ เราแค่อยากไปจากตรงนี้
    ก่อนจบเทอม 2 ไม่กี่เดือน เราเริ่มทำตามแผนในใจ จัดการเองทุกอย่าง
    หาตั๋ว อะ ไม่ยาก หา airbnb ไว้พักตอนเข้าโตเกียว ก็ไม่ยาก
    แต่สำหรับการทำเรื่อง wwoof 
    คนที่เคยไป wwoof จะทราบดีว่า แม่งยากอะ.. 
    การหาโฮสท์นี่วุ่นวาย เต็มไปด้วยขั้นตอน แล้วคนรอใจมันก็จะขาดเด้อ..
    เราหลับตาจิ้ม หลับตาจิ้มจริงๆนะทั้งๆที่ตอนนั้นตั้งใจจะไป Nagano 
    แต่ไปทั้งทีจะไปทำไมใกล้ๆโตเกียวล่ะวะ หลับตาจิ้มเลยดิ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว
    สุดท้าย เราก็ได้ที่นี่ เมือง Hiroaki จังหวัด Aomori ภาค Tohoku
    เหนือสุดจนข้ามทะเลไปก็ฮกไกโดแล้ว อืม อย่างบ้า..
    ส่วนต่อมา เราก็ต้องหา pass ที่เหมาะสมกับการเดินทางของเรา
    งานนี้ต้อง JR East Pass เท่านั้นแหละคุณ สนนราคาอยู่ที่ 20000 เยนนิดๆ
    ไม่ยาก จอง N'EX ขาไปและกลับก็ไม่ยาก 
    ทุกอย่างออกแบบไว้ให้นักท่องเที่ยวสามารถจัดการเองได้อย่างสะดวก
    สุดท้ายก็เหลือแค่บอกครอบครัวเท่านั้น เป็นขั้นตอนที่ขนลุกที่สุดแล้วแหละค่ะ


  • ขอฝาก tip ไว้นิดหน่อย
    ไม่อยากทำให้เป็นเหมือนหนังสือนำเที่ยวเลยอะ 
    แต่เราก็อยากจะบอกข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับคนที่หลงเข้ามาอ่านของเราหน่อยๆ
    ไม่รู้เหมือนกันว่าสมควรมั้ย แต่ลองพิจารณาดูนะคะถ้าเกิดมีแพลนว่าจะไป wwoof ที่ญี่ปุ่น..

    - การขอ visa 
    ทุกคนคะ เราปวดใจกับขั้นตอนนี้มากจริงๆ
    ตัวเราในตอนนั้น ไม่มั่นใจเลยว่า wwoof ผิดกฎหมายมั้ย เลยตั้งใจทำเอกสารไปยื่นเรื่องขออยู่เกินกำหนด ซึ่งที่ตั้งใจขอคือ 25 วัน
    เรายื่นทุกอย่างครบถ้วนค่ะ จนวันนึง ทางเค้าโทรมาหาเรา ซึ่งบทสนทนายาวมากค่ะ
    เต็มไปด้วยความกระแทกแดกดันและดูถูก เราก็ไม่รู้ว่าทำไมเนาะ แต่ตอนนั้นก็จะเอาแล้วแหละ 
    ขอไม่ลงรายละเอียดมากนะคะ ดูจะเป็นการไม่ดีกับองค์กรเขาเกินไป
    แต่สรุปก็คือ เราขอวีซ่าไม่ผ่าน บอกตรงนี้ชัดๆเลยแล้วกัน
    ว่าการไป wwoof ไม่ถูกกฏหมายนะคะทุกคน
    แม้ว่าการ wwoof ของเราจะไม่ได้ตังค์ แต่มันเป็นการทำงานแลกด้วยที่พักและอาหาร
    มันคือการทำงานแลกสิ่งตอบแทนค่ะ
    ส่วนตัวของพี่เรา เขาไป wwoof ที่ฮกไกโดแล้วผ่านค่ะ
     แต่อย่างไรก็ตาม ใครจะไปขอเพราะอยากไป wwoof เราอยากให้คิดดีๆนะคะ 
    เจ้าหน้าที่เองมีประสบการณ์สูงอยู่แล้ว
    เขาทราบดีว่าแบบนี้มัน wwoof หรือไปเที่ยวจริงๆ เพราะถ้าไม่ผ่าน
    มันจะติดกับพาสสปอร์ตเราไปตลอดเลยนะคะ
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in