เมื่อวานเราได้มีโอกาสคุยเล็กๆน้อยๆกับศาสตรจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ เขาก็ถามเรากับเพื่อนอีกสองคน เรื่องทั่วไปและก็ตั้งคำถามว่า "what is the last book you read outside the class?"
ทุกคนแบบนิ่ง เออนานเท่าไหร่แล้วนะที่เราไม่ได้อ่านอะไรนอกเหนือจากที่อาจารย์สั่งนอกห้องเรียน
เราก็นึกๆไป จนได้คำตอบว่าหนังสือที่เราอ่านเล่มล่าสุดคือ the cursed child ซึ่งมันก็จะปีแล้ว
แค่คำถามง่ายๆ มันกลับทำให้เรารู้สึกเลยว่า
'เราให้เวลากับสิ่งอื่นๆรอบตัวเราน้อยขนาดไหน'
บทสนทนายังคงดำเนินต่อ แม้ว่าในใจจะรู้สึกผิดกับการที่ตัวเองไม่ให้เวลากับการอ่านหนังสือ สิ่งที่เรา้คยชอบทำที่สุดตอนเด็กๆ
ศาสตรจารย์คนนั้นพูดต่อไปว่า ทุกวันนี้คนไปห้องสมุดเพื่ออ่านหนังสือน้อยลงแล้ว แต่ไม่ใช่ว่าไม่มีเลย คนอาจจะรับข่าวสารผ่านทางสื่อออนไลน์มากขึ้น แต่ห้องสมุดก็ยังจำเป็น
เขาเงียบไปสักพัก และพูดขึ้นมาว่า
"รถเข็นในห้องสมุด บ่งบอกความเป็นไปของโลกใบนี้"
หนังสือในรถเข็นสะท้อนว่าผู้คนกำลังวิตกกังวลกับอะไร
สะท้อนว่าผู้คนกำลังสนใจอะไร และ อะไรคือสิ่งที่ดึงดูดพวกเขา
ถ้าลองสังเกตรถเข็นในห้องสมุดดีๆ
เราจะเห็นว่าหนังสือศิลปะ ประวัติศาสตร์ จำนวนมาก
เห็นหนังสือบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเงินในรถเข็นนั้น
และเห็นหนังสือปรัชญา และ พ้อกเก็ตบุ๊คที่ว่าด้วยเรื่องของชีวิตและความสุข
มันสะท้อนได้อย่างชัดเจนว่า
พวกเราล้วนแต่ต้องการหาความมั่นคงในชีวิต และถ้าเป็นไปได้ก็คงอยากจะได้ความมั่งคั่ง
และเราไม่ได้สนใจหรอกว่าเทคโนโลยีต่างๆ วิทยาศาสตร์ต่างๆรอบตัวเรามันคืออะไร
เราชอบสิ่งที่สวยงาม และ สัมผัสได้ เราชอบศิลปะ ชอบขีดเขียนวาดรูป
เราชอบสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเรา ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของมนุษย์
และสุดท้าย เราทุกคนก็ต่างไขว่คว้าหาความสุข
โดยหวังว่าจะเจอแนวทางเหล่านั้นในหนังสือ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in