เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Be like a protononethousandrivers
ใช้ชีวิตให้เหมือนตายพรุ่งนี้
  • เนื่องจากช่วงนี้เพิ่งกลับไปเรียนเทอมสองที่อเมริกาหมาดๆ มันก็จะยุ่งๆหน่อย ทั้งเรื่องเรียน อนาคต และ สิ่งที่อยากทำ เราก็คงรู้กันอยู่แล้วหล่ะเนอะว่าชีวิตของเด็กมหาลัย ก็คือชีวิตที่ต้องโฟกัสทั้งเรื่องการเรียนและอนาคตไปพร้อมๆกัน มันอาจจะดูปวดหัว ยุ่งยาก แต่เราไม่อยากให้ทุกคนท้อแท้และใช้ชีวิตไปวันๆเราอยากให้ทุกคนมองว่าทุกๆวันมันเต็มไปด้วยโอกาสและเวลาว่าง  เราอยากให้มองว่าทุกๆวันเราสามารถทำมันให้เต็มที่ได้เสมอ และทำให้มันดีที่สุดเพราะเราเองก็ไม่รู้ว่าจะตายวันไหน

    และถ้าเลือกได้เราก็คงอยากตายแบบคนที่มีคุณค่าและมีคนจดจำ


    ดังนั้นเราเลยอยากมาแชร์ค่ะ ว่าเราจะใช้ชีวิตยังไงให้มีไฟตลอดเวลา ใช้ชีวิตยังไงให้เต็มที่ แล้วเราจะไม่เสียดายอะไรเลยกับชีวิตที่ผ่านมา

    1. ใครทำสี่ ฉันจะทำห้า 

    ตามนี้เลยค่ะ ไม่ว่าจะทำอะไรบวกหนึ่งไปเสมอ ตัวอย่างก็คือลงวิชาเรียนของเรานี่แหละ5555
    ตามปกติแล้วชาวบ้านที่มหาลัยเราจะเรียนแค่สี่วิชาต่อเทอม แต่อย่ามองว่ามันน้อยนะ คือการบ้านและแลปของแต่ละวิชานี่ก็ใช่ย่อย อย่างวิชา Japanese mystery and science fiction ของเราซึ่งอยู่ในหมวด asian study ก็มีอ่านอย่างน้อย 50 หน้าต่อวัน แล้วก็มีคลาสเพิ่มเติมทุกวันจันทร์ เพื่อให้นักเรียนไปนั่งดูหนังแล้ววิเคราะห์ แต่โชคดีที่เราเน้นเรียนสายเลขกับคอมพิวเตอร์ ทำให้วิชาที่เหลือของเรามีการบ้านน้อย(แต่ยาก) เราเลยท้าทายตัวเองด้วยการเรียน5วิชาค่ะ  ซึ่งเราก็ชอบนะมันทำให้รู้สึกว่าเรายุ่งตลอดเวลาซึ่งมันทำให้เราเฟรชมาก และไม่ทำให้เราโฮมซิกเพราะไม่มีเวลาคิดเรื่อยเปื่อยค่ะ 

    2. วางแผนล่วงหน้าทีละสามเดือน

    'ตอนนี้เราโตแล้วนะ' บอกตัวเองอย่างนี้นะคะ โดยเฉพาะคนที่ออกไปใช้ชีวิตในโลกกว้างเพียงลำพัง 
    บอกตัวเองนะคะ ว่า 'พ่อแม่ไม่ได้จัดการชีวิตให้เราอีกแล้ว ชีวิตของเราเราต้องจัดการเอง'

    ที่เราจะบอกคือ จงวางแผนว่าอนาคตจะทำอะไรไว้เสมอ 
    คนสมัยนี้บอกได้เลยค่ะว่า วันๆคิดว่าจะกินอะไร จะไปร้านเค้กร้านไหนที่สวยๆ เราไม่ได้จะว่านะคะ แต่เราแค่จะบอกว่าอย่าให้ค่านิยมและกิเลสต่างๆนานามาบดบังคุณค่าของตัวเราค่ะ

    เราเองก็เป็นคนที่คิดแต่เรื่องกิน และก็เรื่องคลายเครียดมาก่อน แต่ตอนนี้เราเปลี่ยนไปเพราะสภาพแวดล้อมที่เรามาเจอค่ะ คนที่มหาลัยเรา ทุกคนมีไฟค่ะ ทุกคนอยากทำนู่นทำนี่เต็มไปหมด และเขามีการจัดอบรมเกี่ยวกับโอกาสทางการศึกษา และโอกาสในการออกค่ายอาสามากมาย มันเลยทำให้เรามีไฟมากๆ และเราก็อยากส่งต่อไฟนี้ให้ทุกคนค่ะ 

    มาวางแผนว่าจะทำอะไรหน้าร้อนนี้กันค่ะ!

    สำหรับเรานะ ด้วยความที่มันเป็นอเมริกาและสาขาที่เราเรียนไม่ใช่หมอ มันเลยทำให้เรามีวันหยุดนานถึงสามเดือน!!! แต่จงระวังตัวเลขนี้ไว้ค่ะ 
    สามเดือนมันอาจจะดูนาน แต่เราทำให้มันสั้นได้ด้วยการผลาญไปกับการดูซีรีย์ นอนเล่น อ่านการ์ตูน หรือแม้กระทั่งเที่ยวไปเรื่อย  เราไม่ได้อยากจะสื่อว่าการท่องเที่ยวไม่ดีนะ แต่เราอยากจะบอกว่ามันมีอะไรให้ทำมากกว่านั้นมากในชีวิต เพียงแต่เราต้องหูตากว้างไกลหน่อยๆ เราเลยอยากลองให้เพื่อนๆคิดถึงโอกาสพวกนี้ดู 

    งานที่เกี่ยวข้องกับสาขาที่เราเรียน 
    ตอนนี้เรากำลังสมัครfellowship หรือทุนเพื่อการวิจัยกับสถาบันที่เราเรียนอยู่ค่ะ เราอยากจะลองทำงานกับอาจารย์ที่นี่ดูเพื่อเพิ่มประสบการณ์ในสาขาวิชาชีพของเรา ซึ่งเราคิดว่ามันอะไรที่น่าทำที่สุดในช่วงที่เรามีเวลาว่างค่ะ เพราะว่าการแข่งขันในการสมัครงานนั้นสูงมาก และคะแนนมันเป็นเพียงแค่บันได้ขั้นเล็กๆเท่านั้น ต่างจากประสบการณ์ที่เป็นบันไดขึ้นใหญ่ที่จะนำเราไปสู่ความสำเร็จค่ะ

    staff ในกิจกรรมต่างๆ 
    นอกจากนั้นเรายังสมัครเป็นstaffให้กับค่ายฤดูร้อนที่จัดเพื่อเด็กไทยที่กำลังจะมาศึกษาต่อในอเมริกาค่ะ 
    อันนี้มันอาจจะไม่ได้ประโยชน์ต่อเรามากมาย แต่มันทำให้เราได้คอนเนคชั่น และมันทำให้เราได้ฝึกความเป็นผู้นำค่ะ

    ค่ายอาสาสมัครเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม 
    เช่น อาสาสมัครของโครงการ AIESECค่ะ ซึ่งเป็นโครงการที่รวมคนจากหลายๆชาติเพื่อมาสอนภาษาอังกฤษในประเทศต่างๆไม่ว่าจะเป็น อินเดีย จีน ไทย ลาว เวียดนาม อเมริกา เปรู และอื่นๆอีกมากมาย 
    หรือจะเป็นพวกค่ายอาสาสมัครของไทยที่รับคุณครูอาสาไปสอนตามที่ต่างๆ ปีก่อนเราก็ไปค่ะ เป็นประสบการณ์ที่หาไม่ได้ที่ไหนจริงๆ 

    เรียนภาษา 
    แผนสุดท้ายของเราคือไปเรียนภาษาที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมันน่าสนใจมากค่ะ แต่ไม่มีทุนใดๆที่สนับสนุนเราอย่างเต็มจำนวน ราคาของมันจึงตกอยู่ที่สองแสนบาท ซึ่งเราคงจะไม่ไปจนกว่าจะทำงานหาเงินก้อนนั้นมาได้เองค่ะ แต่ถ้าใครมีทุนเองหรือหาทุนที่เขาสนับสนุนเราเต็มที่ได้ อย่ารีรอค่ะ ภาษายิ่งรู้เยอะยิ่งได้เปรียบ และยิ่งได้เพื่อนค่ะ 

    3. ลองอะไรแปลกๆที่ไม่เคยทำ 
    เช่นไปร้องเพลงประสานเสียง ไปเต้น หรือ ไปนั่งเขียนหนังสือพิมพ์ให้โรงเรียน เราเองยังขาดจุดนนี้อยู่เหมือนกันค่ะ แต่มีแพลนแล้วว่าจะไปเข้าชุมนุมประสานเสียงเทอมหน้า มันจะต้องสนุกมากแน่ๆ !

    นอกจากนี้เราก็ชอบไปฟังทอล์ค ไปฟังคอนเสิร์ตของโรงเรียน คือเราชอบเวลามีคนมาพูดแล้วมันกระตุ้นเราให้ออกไปทำนู่นทำนี่ เวลาเราฟังแล้วเรามีไฟค่ะ5555 

    ตัวอย่างเช่นที่เราฟังแล้วชอบมากๆคือทอล์คที่ทางโรงเรียนเชิญศาสตรจารย์จากโรงเรียนอื่นมาพูดเรื่อง privillege หรือสิทธิพิเศษ แต่เขาพูดถึงในแง่ของความเหลื่อมล้ำทางสังคม เพราะคนบางคนเกิดมาก็มีสิทธิเหล่านั้นอยู่ในตัวแล้ว ทอล์คนั้นมันทำให้เรารู้เลยว่า 'เฮ้ย ขนาดเราที่ไม่ได้ยากจนมาก ยังเป็นคนที่เกือบจะเรียกได้ว่าด้อยโอกาสกว่าคนอื่นๆในโรงเรียนบ้านี้เลย แล้วคนจนอีกตั้งมากมายที่อยู่ที่ไทย เขาจะรู้สึกยังไง แล้วเขาใช้ชีวิตกันยังไงนะ' มันเลยทำให้เรารู้สึกได้ว่าเราต้องทำอะไรซักอย่างแล้วหล่ะ

    4. ผ่อนคลาย เพื่อเติมไฟ
    ขอบอกไว้เลยว่าทุกวันนี้เราไม่ได้ทำทุกๆอย่างที่เราพูดมาแบบบ้าระห่ำทุกวัน เราให้เวลาตัวเองในการออกกำลังเบาๆ ฟังเพลง และเขียนเรื่องสั้นอยู่ค่ะ เราเชื่อว่าชีวิตที่ดีต้องไม่ผ่อนและตึงเกินไป ชีวิตที่มีคุณค่าคือชีวิตที่อยู่เพื่อคนอื่น แต่ต้องไม่ลืมที่จะอยู่เพื่อตัวเอง

    และสุดท้ายคือไม่ว่าจะทำอะไร ก็อย่าลืมว่ามีคนที่เป็นห่วงเรา และต้องการเราอยู่เสมอ ใช้ชีวิตให้เต็มที่และแบ่งเวลาไปให้ครอบครัวบ้างนะคะ ทำเพื่อคนอื่น ทำเพื่อตัวเอง ทำเพื่อครอบครัว แค่นี้ชีวิตก็ไม่มีอะไรต้องเสียใจแล้วหล่ะ 









Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in