เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
นิยาย UmbrellaNapassorn CHAN
Umbrella


  • PS. ฟังเพลงนี้ตอนอ่านิยายด้วยนะคะ


  • Umbrella




    ปกติประเทศไทยจะมีสามฤดูกาล คือ ร้อน ฝน หนาว แต่ภาคใต้ของเรามีแค่สองฤดูเท่านั่น คือ ฤดูร้อนกับฝน… ซึ่งผมไม่ชินกับฤดูและคนของที่นี้เลย

    “ทำอะไรกินว่ะ กลิ่นแม่งหอมไปถึงห้องนอน”

    “หูฉลาม”

    “ตลกไหมสัด”

    เอือมยักไหล่ด้วยท่าทีกวนๆ

    ไม่กวนตีนกูสักวันจะลงแดงตายเหรอว่ะ ไอ้สัดเอือมนี้

    “จะกินไหมข้าว ไปหยิบจานมาเตรียมดิ อ่อ…กูลืมไปว่ะธัน ที่จริงมึงไม่ได้ใช้จานกินข้าว กะละมังของไอ้แดงมึงเอาใช้แทนก่อนได้นะ ฮ่าๆๆๆๆ”

    “ไอ้เอือมกูคนไม่ใช่หมา!!!”

    พอผมโวยวายออกมามันหัวเราะร่าเดินไปหยิบจานมาใส่ข้าวผัดเอง

    ปล่อยให้ผมยืนฮึดฮัดอยู่คนเดียว แม่ง! หาเรื่องกูแต่เช้า ได้ ประกาศสงครามกับกูแต่เช้า จะจัดให้อย่างงามเลยมึง

    “นินทากูอยู่ในใจหรือไง”

    สัดนี้! อ่านใจกูได้อีก มึงจะเทพไปนะเอือม

    “แสนรู้จังติดไอ้แดงมาหรา”

    “ติดมาจากมึงสิไม่ว่า ฮึฮึ”

    ผมมองค้อนมันก่อนจะหันไปลุยกับข้าผัดตรงหน้า อร่อยชิบ ไม่รู้ไอ้เอือมมันใส่อะไรไปบ้างถึงอร่อยขนาดนี้ พอผัดกินเองรสชาติหมาไม่แดกเลย ให้ไอ้แดงหมาหน้าหอมันยังไม่กินเลย นี้แหละครับ คำว่าหมาไม่แดกของแท้

    “กินดีๆ สิว่ะ ไม่มีใครแย่งมึงกินหรอก”

    เอือมบ่นด้วยสีหน้าเหนื่อยใจกับพฤติกรรมของตัวโตตรงหน้า ทำหน้างอนเป็นเด็กสามขวบ แถมยังกินเลอะเทอะอีก ทำอะไรขัดลูกตาชิบ ว่าแล้วหยิบชิชชู่ส่งให้อีกฝ่าย

    “ถามจริงไอ้ธัน มึงอายุเท่าไหร่แล้วว่ะ”

    “ถามประชดกูเพื่อ กูไม่ได้มีความเป็นคุณชายแบบมึงนะครับ กูมันเด็กบ้านๆ เด็กเลี้ยงวัว…”

    “พอ! แดกข้าวต่อไปเถอะมึงอ่ะ เพ้อเจ้อ”

    ฮ่าๆๆๆ ขำครับ ขำหน้าไอ้เอือม โอ๊ยยยย! อยากขำเป็นภาษาอิตาลี

    “ไม่ต้องกินหรอกมึง เอามานี้กูกินเอง”

    “ไอ้เอือมข้าวกู เอาคืนมา!”

    แล้วสงครามการแย่งข้าวก็เกิดขึ้น!!!

    11:00

    ตอนนี้ผมอยู่ข้างๆ สนามบอล ขับรถมารอรับไอ้ธันที่วันนี้มันมาซ้อมบอล เพื่อที่จะไปแข่งงานประเพณีของมหาลัย ผมเรียนวิศวะ หน้าอย่างไอ้ธันบอกใคร ใครจะเชื่อ ว่ามันเรียนบริหาร -__- หน้าอย่างกับพวกใช้แรงงาน ผิวขาวเหมือนสำลีเม็ดใน ตัวใหญ่อย่างกับคิงคอง ตกลงที่ผมพูดมา มันยังเป็นคนอยู่รึเปล่าว่ะ ฮ่าๆๆ

    แต่รวมๆ มันก็ดูคมๆ สไตล์คนใต้และครับ หุ่นผมสองคนก็ไล่ๆ กันและครับ แต่ไอ้ธันมันดูตัวหนากว่า เพราะมันชอบเล่นกีฬา เข้ายิม ดูแลร่างกายตลอด ผิดกับผมที่ไม่ชอบออกำลังกายเลยซักนิด ผมเป็นคนเหนือโดยกำเนิด ใช้ชีวิตอยู่แต่ภาคเหนือมาตลอดอยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง เลือกลงมาภาคใต้เลย ร้อนซะใจเป็นบ้า ฮ่าๆๆ

    ตอนปีหนึ่งที่เข้ามาใหม่ๆ ฟังภาษาที่นี้แทบไม่ออกเลย ได้แต่ยืนงงอยู่หน้ามหาลัย ไม่กล้าเดินเข้าไป จนไอ้ธันเดินเข้ามาทักแล้วลากเข้าไปที่ตึกเขารับน้องกัน แถมยังพาผมไปกินข้าว พาไปทุกที่ในมหาลัย อย่างไม่มีหลง ตกลงมึงเป็นใหม่หรือเด็กเก่ากลับมาเรียนใหม่ว่ะ สงสัยจนต้องถาม

    “แม่กูเป็นอาจารย์สอนอยู่นี้ ต่อให้กูหลับตาเดินก็ยังไม่หลงเลย”

    ประเด็นนี้จบไป ต่อมาเราก็ต้องอยู่หอใน ซึ่งมันต้องอยู่สองคนต้องมีรูมเมทแล้วไอ้ธันมันก็ยัดเหยียดตัวเองให้ผมรับเป็นรูมเมท เพราะมันอยากมีคู่จิ้นอย่างกับในละครบ้าง! สึด ! มันเกี่ยวกันตรงไหน มันเลยเอาเพจของมหาลัยให้ผมดู มีแต่รูปมันกับผมเต็มไปหมด แล้วก็มีสาวๆ มาเม้นกันเต็ม แถมไลค์ปาไปสี่พันกว่าๆ โอ้วว อะไรจะขนาดนั่น ก็เลยได้ปล่อยเลยตามไป ไอ้ธันมันมาและ

    “จะแดกอะไรก็ไวๆ ก็มีเรียนบ่าย ”

    ผมส่งกระเป๋าตังค์ให้ไอ้ธัน ยิ้มหน้าระรื่นหันไปซื้อข้าวอย่างไว ผมซื้อข้าวราดแกงอย่างง่ายๆ มา นั่งกินรอมันไปพลางๆ ไอ้ธันกับมาพร้อมข้าวมันไก่พูนจาน

    “ถ้าไม่มีมึงเมื้อนี้กูอดตายแน่อ่ะ”

    ผมได้แต่กรอกตามองมัน ยังจะมีหน้าหัวเราะอีกนะมึง

    “เออ…เอือมถ้ามึงเรียนจบจะกลับบ้านเลยป่ะ”

    ไอ้ธันดูดน้ำในขวดเอือกใหญ่แล้วหันมาถามผม

    “ก็น่าจะอย่างนั่น”

    ไอ้ธันพยักหน้า ผมก็เงียบไม่ได้พูดอะไรต่อ ผมนึกสงสัยในใจว่าทำไมมันถึงถามแบบนี้ รึว่ามันเรียนเยอะสมองเลยเพี้ยนว่ะ

    “มึงคิดยังไงถามกูว่ะ”

    “ไม่เสือกดิเอือม ฮ่าๆๆ”

    แทบจะยกจานข้าวคว่ำใส่หัวมันแม่ง! ถามดีๆ เสือกตอบกวนตีน

    ตลอดระยะเวลาสี่ปีที่ผมอยู่หอเดียวกับมันมาตลอด ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ถึงผมจะต้องเลี้ยงมันก็ตาม แต่มีช่วงหนึ่งที่ไอ้ธันมันย้ายไปอยู่กับแฟน แต่สุดท้ายก็กลับมา เพราะเขาขอเลิกกับมัน

    ก็เจ็บดีนะครับที่ต้องมองคนที่เรารักไปอยู่กับใคร…

    ใช่แล้วครับ ผมรักไอ้ธัน…รักมันเกิดคำว่าเพื่อน…รักตั้งแต่เจอหน้าครั้งแรก

    และมันจะไม่มีทางได้รู้…เพราะผมไม่มีทางบอกมันแน่นอน

    เหมือนพายุจะเข้าหรือไง ฝนตกหนักมากจนนักศึกษาที่เพิ่งเลิกเรียนหลบอยู่ในอาคาร ส่วนคนมีร่มก็เดินออกไปก่อน แล้ววันนี้ผมก็ซวยสุดๆ ดันให้รถไอ้ธันยืมรถไปรับเด็ก แล้วให้มันเอารถไปไว้ที่มันอีก ผมกดโทรหามันแต่มันก็ไม่รับ ส่งข้อความไปก็เงียบไม่ตอบกลับ พอโทรย้ำๆ แม่งปิดเครื่องใส่อีก

    ผมเงยหน้าจากโทรศัพท์เห็นไอ้ธันกำลังวิ่งกางร่มเข้ามา ผมอมยิ้มกำลังจะเดินออกไปหามัน แต่มันกลับเดินผ่านผมไป…

    “โทษที เรามาช้าอ่ะ” ไอ้ธันพูดกับรุ่นน้องคนหนึ่งในคณะของผม พร้อมกับลูบหัวเธออย่างอ่อนโยน

    ผมยืนมองภาพตรงหน้ากี่ครั้งแล้วที่เป็นแบบนี้ กี่ครั้งแล้วที่ต้องเห็นมันยิ้มให้อื่นแบบนี้ จะกี่ครั้งผมก็ไม่ชิน ความรู้สึกตื้อๆ ภาพที่มองเห็นค่อยๆ พร่ามัว จนผมรีบยกมือปาดน้ำตาทิ้ง ความเจ็บนี้มันกำลังเล่นหัวใจผมอย่างหนัก ผมตัดสินใจวิ่งตากฝนออกมา เพราะ…ร่มคันนั่น

    “มึงกลับมาถึงตอนไหน”

    ผมถอนหายใจไม่ได้ตอบมัน

    “กูถามคนอื่นมา เขาบอกมึงวิ่งตากฝนออกมา มึงบ้ารึเปล่าว่ะเอือม!”

    ไอ้ธันเดินเข้ามากระชากแขนผม จนผ้าที่ผมใช้เช็ดหัวร่วงลงพื้น

    “กูมีปัญญากลับมาเองได้ ถามอย่างกับมึงจะไปรับกูเหรอ หึ”

    ผมก้มลงเก็บผ้าเช็ดหัวที่ตกอยู่ที่พื้นขึ้นมา แต่ไอ้ธันกับกระชากมันออกจากมือผมแล้วปาทิ้งไปอีกทาง มันทำหน้าเหมือนโกรธใครมา จะหาเรื่องกันไปถึงไหนว่ะ แค่นี้กูก็เกินจะรับไหวแล้วไอ้ธัน

    “กูจะเช็ดผม”

    ผมมองหน้ามันนิ่งๆ ทั้งที่ในใจมันกำลังอ่อนล้าอย่างมากมาย

    “กูไม่ให้เช็ด! มึงต้องคุยกับกูให้รู้เรื่องก่อน”

    “มีเรื่องอะไรก็รีบพูดมาซิว่ะ”

    ไอ้ธันคว้าข้อมือผมก่อนจะลากผมไปที่เตียงก่อนจะผลักผมให้ล้มลง แม่ง! ไอ้ธันมันเป็นบ้าอะไร ผมหันมาเพื่อจะด่ามัน แต่เห็นมันยืนกำลังปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาออก

    “มึง…ไอ้ธันมึงจะทำอะไรว่ะ!”

    ผมค่อยๆ เขยิบหนีมัน ไอ้ธันทิ้งเสื้อลงพื้นอย่างไม่ใยดีแล้วขึ้นเตียงมาลากตัวผมแล้วกดผมไว้ใต้ร่างของมัน ผมพยายามดิ้นแต่กับสู้แรงมันแทบไม่ได้เลย

    “หยุด! กูบอกให้หยุดไงไอ้ธัน…กูเพื่อนมึงนะไอ้ธัน”

    ไอ้ธันที่กดแขนผมอยู่หยุดนิ่ง ลมหายใจหอบเหนื่อยของเราสองดังได้ยินจนชัดเจน ไอ้ธันจ้องหน้าผมก่อนจะพูดว่า

    “แน่ใจนะว่าคิดกับกูแค่เพื่อน”

    นะตอนนั่นลมหายใจของผมก็สะดุดขึ้นมาดื้อๆ ผมจ้องตาไอ้ธันอย่างคนสับสน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมันรับรู้มาตลอดเลยเหรอ ทั้งที่ผมระวังตัวพยายามไม่ทำอะไรที่ทำให้รู้ ไอ้ธันค่อยๆ โน้มหน้าเข้ามา วินาทีนั่นหัวใจผมแทบหยุดเต้น แล้วริมฝีปากหนาค่อยๆ บดเบียดชิดลงมา จนผมไม่สามารถจะจินตนาการได้เลยว่า…พรุ่งนี้จะเป็นไง

    เช้าวันใหม่ที่ผมตื่นขึ้นมาตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงวันแล้ว ผมปวดเนื้อปวดตัวไปหมดแถมยังเจ็บทางด้านหลังอีก ผมอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าทั้งตัว สภาพห้องในเวลานี้เหมือนผ่านสงครามมาหมาดๆ ภาพความความทรงจำเมื่อคืนไหลมาเป็นฉากๆ จนรู้สึกร้อนหน้าผ่าวๆ คิดแล้วก็อดยิ้มไม่ได้แหะ

    แต่อีกความรู้สึกอีกอย่างที่มันกำลังถาโถมใส่ผมก็คือมันทำกับผมแบบนี้ทำไม ทั้งที่ตัวมันเองไม่ได้คิดอะไรกับผมและตัวมันเองก็ยังมีแฟนอยู่…

    นับตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องไอ้ธันไม่เคยกลับมาห้องอีกเลย ไปหาที่คณะกี่ทีก็ไม่เคยเจอ โทรไปก็ไม่ติด ผมลงทุนไปขอเบอร์มันจากแฟนคนล่าสุดของมัน อยากคุยกับมันเพื่อเคลียร์ปัญหาบ้าๆ นี้ ไม่ใช่เอาแต่หลบหน้ากัน แต่ผู้หญิงคนนั่นกลับไม่สนใจที่ผมพูดด้วยสักนิด แถมเธอยังตอกกลับมาจนผมหน้าชาไปเลย



    “ธันเขามีความสุขดีแล้ว นายเลิกเป็นห่วงเขาแล้วล่ะ เพราะต่อไปนี้เราจะดูธันเอง”



    ผู้หญิงคนนั่นเธอเดินจากไปนานแล้ว แต่ผมกลับก้าวขาเดินออกไปไม่ไหว เจ็บจนไม่มีคำพูดใดๆ เจ็บไปทั่วร่างกาย เหมือนใครเอามีดมาแทงเราซ้ำๆ แล้วก็กระหน่ำแทงซ้ำที่หัวใจ เข้าใจแล้วว่าเจ็บเจียนตายมันเป็นยังไง

    ผมพาตัวเองมาที่ชายหาดตรงนี้ ตรงที่เรามารับน้อง ตรงที่เราได้เจอเจอกันอีกครั้ง วันนั่นเป็นวันที่ฝนตกหนักมาก ด้วยความที่ผมไม่อยากเปียก ก็เลยได้แต่ยืนอยู่ในอาคารที่พักเพราะไม่มีร่มเดินออกไป ตอนนี้เป็นเวลาอาหารเย็นด้วย หิวก็หิว เมื่อไหร่ฝนจะหยุดตกว่ะแม่ง!

    แต่ก็มีผู้ชายตัวใหญ่ๆ วิ่งเข้ามาทางนี้ ตัวหมอนั่นเปียกโชก แต่ที่ให้ผมประหลาดใจก็คือในมือเขาก็มีร่มนะ แต่ทำไมมึงไม่กางร่มมา -_-

    ผมมองมันงงๆ แต่ไอ้คนตรงหน้ายิ้มจนเห็นฟันครบสามสิบสองซี่เลยจ้ะ หมอนี้ลืมของเลยกลับมาเอา ผมก็ก็นึกว่ามันจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าซะอีก กับเดินออกมาทั้งที่ตัวเปียกแถมยังมาเบียดอยู่ในร่มคันเดียวกับผมอีกด้วย เพราะว่าไม่อยากเปียกไปมากกว่านี้ -_-!!! ทั้งที่ตัวมันเปียกจนไม่มีที่จะเปียกแล้วไอ้บ้า! ร่มคันเล็กๆ อัดผู้ชายหุ่นหมีควายถึงสองคน สภาพเราสองคนเลยเหมือนหมีควายตกน้ำไป

    ผมหยิบร่มคันนี้ขึ้นมาดู ก่อนจะกางมันออก แต่กับมีบางอย่างหล่นลงมา ซองจดหมายสีขาว ผมวางร่มที่กางแล้วลงข้างตัวก่อนจะเปิดซองจดหมายนั่นดู

    รูปถ่ายงั้นเหรอ พอดึงขึ้นมาดูเป็นรูปผมกับไอ้ธันสมัยตอนปีหนึ่งที่ประกวดดาวเดือนของมหาลัย จำได้ว่ารูปนี้มันขอให้ตากล้องของมหาลัยถ่ายให้ในห้องแต่งตัว มันชูสองนิ้วยิ้มกว้าง ยกมืออีกข้างกอดคอผมไว้ส่วนผมยิ้มธรรมดาๆ ผมยกมือปาดน้ำตาทิ้ง พอพลิกด้านหลังรูปมีลายมือหวัดๆ ของไอ้ธันเขียนไว้



    “ถ้าไม่ใช่ร่มคันนี้เราคงไม่ได้สนิทกัน”

    “ถ้าไม่ใช่ร่มคันนี้มึงคงไม่ยอมคุยกับกูแน่”

    “ถ้าไม่ใช่ร่มคันนี้เราคงไม่ได้เป็นเพื่อนกัน”

    กูชอบนะ…กูชอบทุกอย่างที่เป็นมึง…ถึงชื่อมึงจะแปลกไปหน่อย

    แต่ก็น่ารักดี…นะครับคุณชายเอือม :P

    กูไม่ใช่คนดีอะไรมากมาย แต่คำที่กูอยากบอกมึงก็คือคำว่าขอโทษ ขอโทษในทุกอย่างๆ ที่มันเกิด…

    31 ธันวานี้ อย่าลืมมางานแต่งของกูกับขวัญนะ

    รักมึงนะเพื่อน กูจะรอมึงนะ

    ปล. จากคนที่หล่อที่สุดธันวา



    ผมปล่อยโฮอย่างสุดเสียงกอดรูปนั่นไว้แนบอกจนแน่น จบแล้วครับความรักตลอดสี่ปีที่ผ่านมา

    ไอ้ธันมึงแม่งโคตรใจร้ายเลยว่ะ…

    _____________________________________________


    ผมตัดสินใจย้ายกลับบ้านทันทีหลังจากรับปริญญาเสร็จ เราเจอหน้าครั้งแรกหลังจากเหตุการณ์วันนั่น ที่หอประชุมวันรับปริญญามันส่งยิ้มให้ผมเหมือนเดิมที่ผ่านมา ผมยิ้มกับไปบางๆ พอรับเสร็จก็กลับเลย ไม่ได้อยู่ถ่ายรูปกับใคร ถึงเรื่องมันจะผ่านมาหลายเดือนแล้วก็ใช่ว่าผมจะเข้มแข็งพอที่จะไปคุยกับมันได้

    งานแต่งของมันผมก็ไม่ได้ไป ผมเลิกเล่นโซลเชี่ยลต่างๆ เบอร์โทรศัพท์ก็เปลี่ยนใหม่ งานแต่งผมก็ได้ส่งของขวัญไปโดยเขียนชื่อเท่านั่น ของที่ส่งไปก็เป็นร่ม ร่มคันแรกที่ทำให้เราได้รู้จักกัน ขอให้มันมีความสุขในสิ่งที่มันเลือก ส่วนผมก็อาจจะมีคนใหม่ๆ เข้ามาเพื่อที่จะลืมมันได้บ้างเนอะ

    “มีความสุขมากๆ นะมึง”

    “โทษทีที่ไม่ได้ไปด้วยตัวเอง”

    เอือม



    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .










    สวัสดีค่ะทุกคน ><

    คือจะบอกว่าตื่นเต้นมากที่ได้มาลงนิยายในวันนี้ เป็นเรื่องอีกหนึ่งเรื่องที่เราแต่งเก็บไว้นานแล้ว แต่เพิ่งได้มีโอกาสหยิบมาปัดฝุ่นแต่งให้จบ ที่จริงเรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นค่ะ จบแบบไม่สมหวัง เรารู้สึกว่าไม่อยากให้ตัวละครที่เรารักไม่สมหวังแบบนี้เลย เลยตัดสินใจเขียนเรื่องยาวของทั้งสองคนออกมา อ่า...หวังว่าทุกคนจะรักธันวากับเอือม แบบที่เรารักนะคะ

    ส่วนเรื่องยาวจะลงที่เว็บธัญวลัยแทนนะคะ ขอบคุณนะคะที่เข้ามาอ่านกัน

    ตามไปเม้าท์ที่ทวิตเตอร์ @FarNN_ZL













Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in