เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Minimalorevewerearich
อดีตไม่สำคัญเท่าปัจจุบัน
  •                    ในชีวิตของคนหนึ่งคนได้พบเจอเรื่องราวมากมาย ทั้งทุกข์และสุขใจ เปลี่ยนไปคือการเข้ามาของใครบางคนที่เข้ามาเติมสีให้กับชีวิต บางวันก็มีสีสันสดใสซะใจอยากให้เป็นแบบนั้นตลอดไป แต่ตลอดไปมันไม่มีไปตลอด วันสีเทาที่เศร้าและมัวหม่นก็เข้ามาทักทายชีวิตบ้างในบางครั้ง หากแต่สีเทานั้นไม่สามารถทำอะไรเราได้ เราชนะ แต่ก็นั่นแหละชนะไปไม่ตลอดก็มี สีเทามันน่าเศร้าและมัวหม่นซะจนบางครั้งเราก็เผลอทำอะไรลงไปเพราะสภาวะอารมณ์ในตอนนั้นเป็นตัวตัดสิน แต่ก่อนทำเราเป็นคนที่คิดดีแล้วนะก่อนที่จะทำ สุดท้ายแล้วมันก็อดคิดไม่ได้อยู่ดี ว่ามันดีแล้วหร๋อที่ตัดสินใจเดินออกจากชีวิตใครสักคน ทั้งที่ก่อนหน้านั้นมันก็สดใสดีนะ แต่ก็คงทำอะไรมากไม่ได้ คงต้อง move on ต่อไป ทิ้งอดีตและความทรงจำไว้ให้นึกถึงในวันที่สุขใจ :)
  • วันแรก.

                 คิดไหมบางทีโชคชะตาก็ตลกนะ ....
                 จากที่ไม่คิดว่าจะชอบใครจริงจัง กลับมีความคิดที่อยากชอบใครจริงจังตอนเปิดเทอมม.1
    นั่นแหละนะ เจออกหักครั้งแรกเลยไง เจ็บสุด เจ็บหนัก จนไม่อยากจะมีอีกแล้ว แต่ก็นั่นแหละ เจ็บไม่จำ
    ยังใช้ได้กับในปัจจุบัน เราก็ยังคงค้นหาความรักกันต่อไป 
                  ความรักใช่ว่าจะมีข้อเสียไปหมดซะที่ไหน ข้อดีของมันก็มีนะ เเยะ  
                  แต่ติดอยู่ตรงที่ เรายังไม่เจอนะสิ.
                 จากการคร่ำหวอด เป็นที่ปรึกษาเฉพาะกิจด้านความรักให้กับเพื่อนๆ ซึ่งอิชั้นนั้นก็ไม่ได้เคยมีเเฟนเป็นตัวเป็นตนนะจ๊ะ แต่ก็นะ เมื่อเพื่อนทุกข์ เราก็ต้องอยู่ข้างๆ คอยฟังมันปรับทุกข์ พร้อมให้คำปรึกษาฉบับอิชั้นโสดให้ไป ซึ่งร้อยละ 80 คนที่มีแฟนพอมีปัญหากับคนรัก มักจะเลือกปรึกษาคนที่โสด ซึ่งประสบการณ์โสดแบบไร้ผู้นี้ มันช่าง...  
  • 3 years ago.

                  นี่ก็อยู่มหาลัยจนอย่างเข้าปีที่3แล้ว
                  ก่อนหน้านั้น ตอนเรียนม.ปลายเราก็อยากที่จะเข้ามหาลัย วาดฝันทุกสิ่งอย่าง แต่พอเอาเข้าจริงๆแล้ว ก็แทบจะหน้ามือเป็นหลังมือ ทำให้เราโตขึ้นและรับผิดชอบตัวเองมากขึ้นกว่าเดิม การเดินทางที่สมัยมัธยมไม่กล้าที่จะออกไปไหนคนเดียวเลย พอมาอยู่ที่มหาลัยสิ่งแวดล้อมจะบังคับเราเอง เราคิดว่าตัวเองโชคดีนะ แม้ว่า... แต่เราก็ชอบตัวเองที่เป็นอยู่ตอนนี้มาก และสิ่งที่เปลี่ยนชีวิตเราก่อนจะเข้า            มหาลัยคือหนังสือ หนังสือพวกhow to ปกติแล้วเราชอบอ่านการ์ตูนมากกว่า แต่ไม่ถึงกับติดมาก แต่พวกhow toที่อ่านนี่ เราอ่านตามพี่ชาย ซึ่งหนังสือพวกนั้นเปลี่ยนเราจริงๆ ทั้งด้านทัศนคติ ความคิด เรื่องการใช้ชีวิต เราไม่ถือว่าตัวเองเป็นพวกโลกสวยนะ แต่เราเลือกมองโลกอย่างที่มันเป็นมากกว่า
                 และตอนนี้ก็ก้าวเข้าปีที่ 3 ในรั้วมหาลัยแล้ว เอาจริงเราก็แถบจะไม่มีความทรงจำสักเท่าไหร่ ถ้านับจริงๆ ก็ความทรงจำประปราย งานใหญ่ๆเพียงไม่กี่งานจริงๆ เพราะเราเป็นเด็กไม่ค่อยชอบทำกิจกรรมสักเท่าไหร่ เราคิดว่าเราเข้ามหาลัยเพื่อมาเรียน แต่พอเข้าปี3 ซึ่งทุกอย่างมันผ่านไปไวมาก มันทำให้เราได้รู้ว่า เราควรเก็บเกี่ยวทุกช่วงเวลาต่อจากนี้ให้ดี ทำให้เราเริ่มทำกิจกรรมและแบ่งเวลาในการเรียน ซึ่งเป็นเรื่องที่ท้าทายตัวเราเองมาก เพราะต่อจากนี้ สิ่งดีดีกำลังจะเริ่มต้น...
                  
               
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in