เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ผู้ป่วยลูคีเมียที่หัวร้อนที่สุดในโลก_93f.b
คิดถึ๊งชั้นมั้ยเวลาที่เทอ
  • 13

                     หนาวๆ ร้อนๆว่ะช่วงนี้ ร้อนข้างในแต่ดันขนลุกซะงั้น เหมือนจะเป็นไข้ก็ไม่เป็น เจ็บใต้คางอีกต่างหาก เห้ย เดี๋ยวก่อน ใต้คางนี่มันมีสิ่งนั้น สิ่งเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่ ที่เราเรียกกันว่าต่อมน้ำเหลืองนี่หว่า ที่เจ็บมันไม่น่าใช่ทอมซินเพื่อนรักแน่นอน อะไรวะ อยู่ๆ ทำไมเลือดออกที่ฟัน ความกังวลเริ่มเกาะกุมข้างในจิตใจ ใจสั่นระดับแปดริกเตอร์ บ้าหน่า ที่ไปตรวจระดับยีนส์คราวก่อน ผลออกมา เซลล์มันก็ลดลงไปเยอะเลยนี่หว่า เหลือแค่ 0.06 จากที่ขึ้นมานิดหน่อยเมื่อสามเดือนก่อน ก็ไม่น่าเป็นอะไรปะวะ รอยช้ำก็ไม่มีนะ แต่เลือดออกฟันเฉยเลย หนาวๆ ร้อนๆ อาการเหมือนตอนนั้น.. แต่เห้ย จะเป็นอะไรได้ไง มันไปแล้ว มันก็ต้องไปลับสิวะ 

                       งงเลยสิ หายไปเกือบปี เปิดมาอีกทีมึงก็จะตีกับแม่ซื้ออีกเลยหรอ ฮือๆ วันนี้เราพึ่งไปพบแพทย์มาเพราะอาการข้างต้นค่ะ ทนเก็บความสงสัยไว้ไม่ไหวอีกต่อไป ใจก็กลัวว่า "สิ่งนั้น" มันจะกลับมา เครียดอยู่ข้างในมันทรมานรู้ไหมเธอ เราเลยตัดสินใจไปหาหมอให้มันรู้ดำรู้แดงกันไปเลย 

                       คลินิคเดิม หมอคนเดิม พัดลมเพดานเก่าๆตัวเดิม และชั้นที่ประสาทแดกเหมือนเดิม โอ้มาเต้อฟักเก้อ เหตุการณ์มันคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นฉากๆนี้มาก่อน เมื่อตอน เลียคีมู(ไม่ได้ขายของ) ขณะที่นั่งรอหมอ จิตใต้สำนึกก็ยังสร้างตัวดีตัวร้ายมาเถียงกันเองซ้ำไปซ้ำมาอยู่แบบนั้น จนกระทั่งได้ยินประโยค "เดี๋ยวญาติเข้าไปด้วยนะคะ" จากผู้ช่วยหมอ ปอดชั้นแหกแบบ เออ คิดไปถึงว่า ถ้าไม่มีอะไรจะให้ญาติเข้าไปด้วยทำไมวะ มึงจะเดจาวูปะเนี่ย อีตัวร้ายมันกำลังควบคุมจิตใจชั้น แล้วทำไมยังไม่ถึงคิวซักที ฝนก็ตกไม่หยุด ตกเก่ง สร้างบรรยากาศเก่ง ฮือ ไอ้บ้าเอ้ย กุล่ะอยากเดินไปเล่นเอมวีกลางฝนให้มันจบๆ

                        เราไม่มาเคยหาหมอที่คลินิคนี้อีกเลย ตั้งแต่วันนั้น วันที่หมอแนะนำให้เราไปตรวจอย่างละเอียดที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ หมออ่านประวัติไปด้วย ถามสารทุกข์สุขดิบไปด้วย เราแปลกใจมากที่หมอจำเราได้ดี แม้กระทั่งตอนที่เล่าให้หมอฟังว่า ตอนนั้นกว่าจะได้รักษาจริงๆ เม็ดเลือดขาวก็ขึ้นไปถึง 430,000 แล้ว หมอยังถามอยู่เลยว่า วันนั้นผมบอกให้ไปวันรุ่งขึ้นเลยไม่ใช่หรอ เออ อุ่นใจแปลกๆ ไม่รู้ว่าเพราะเขาไม่ค่อยได้เจอเคสอะไรแบบนี้หรือความจำเขาดีกันแน่ 

    หลังจากที่เราเล่าอาการให้หมอฟัง หมอก็บอกว่า
    "ก็น่าจะต่อมน้ำเหลืองนั่นแหละ"
    "ต่อมน้ำเหลืองนี่ยังไงนะคะ" ปากสั่น ใจเต้นตุบๆ ในใจคิดไปประมาณร้อยโรคแล้วที่เกี่ยวกับต่อมน้ำเหลือง และโรคที่เรากลัวมาที่สุดอย่างมะเร็งต่อมน้ำเหลืองก็ด้วย คิดไปถึงเคสที่เลวร้ายที่สุด ถ้ามันกลายพันธุ์จะทำไงวะ ซึ่งไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเกิดขึ้นได้ไหม 
    "ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ น่าจะไม่เกี่ยวกับตัวโรคหรอก แต่ก็ไปตรวจเลือดดูให้สบายใจแล้วกัน"

                        เห้ย มันแบบ จะโล่งก็โล่งไม่สุด หลังจากไปตรวจเลือดมาและเราเอาผลเลือดกลับมาให้หมอดู หมอก็โทรกลับไปถามที่แลป ว่าในสไลด์มีเซลล์ตัวอ่อนไหม ระหว่างรอแลปดูสไลด์ หมอก็ให้เราออกไปรอข้างนอกอีกแล้ว 



                      แก ชั้นโคตรเกลียดการรอคอย จังหวะน้้นนะ นึกขอโทษมีมพระทั้งหลายที่เคยขำมาทั้งหมด นี่สินะหมาจนตรอก ฮือๆ พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกด้วย






                       "อืม ไม่มีตัวอ่อนนะ ไม่มีอะไร ก็กินยาที่ให้ไป แล้วค่อยกลับมาดูอาการอีกทีอาทิตย์หน้าแล้วกัน" แก มันเหมือนยกภูเขาออกจากอก รู้ตัวดีว่าชั้นเองที่มันกระต่ายตื่นตูม แต่จะให้ทนเก็บความสงสัยไว้เรื่อยๆมันก็ไม่ไหวปะวะ บั่นทอนในใจอะ มันจ้อยใน ต้องมานอนคิดก่อนนอนทุกคืนว่าใช่แกมั้ยวะยัยลูคีเมีย นังตัวดี ไปแล้วก็ไปลับนะ ไม่ต้องกลับมาหาชั้นอีก ลาก่อย


                        ขอโทษที่ไม่ได้มาอัพเดตอะไรเลยนะคะ ไม่รู้ว่ายังมีคนนึกสงสัยอยู่มั้ยว่า "แกๆ แกว่ายัยลูคีเมียคนนั้นมันเป็นไงบ้างวะ" เราสบายดีค่ะ(ไม่นับที่ประสาทแดกไปเอง) ยังไปหาหมอตามนัดทุกๆ สามเดือน นัดห่างขึ้นเรื่อยๆแล้ว อ้อ แล้วสำหรับเรื่อง NK Cells Therapy ที่เราเคยเล่าให้ฟัง สรุปว่าเลือดเราแอนตี้ทุกคนในบ้านเลย ไม่สามารถทำกับใครได้ จะมีก็แต่พี่สาวที่มีหวังที่สุด อาจจะต้องให้ยาเพิ่มเพื่อกดนังแอนตี้เอาไว้ นังซาแซงเอ้ย แต่ก็นั่นแหละค่ะ ระดับยีนส์เราดีม้ากกกกก(อวด) จนหมอยังไม่อยากทำอะไร แปลว่าคุณพระเอกก็ยังเมตตาเราอยู่นะเนี่ย แล้วก็จะบอกว่าเราไม่อ้วกมาสองเดือนแล้วค่ะ เก่งใช่มะ ฮิฮิ (สรุปอัพปุ๊บอ้วกปั๊บ) 

                          อ๋อ แล้วเราก็!!!! ได้!!!! ทำ!!!! งาน!!!! แล้ว!!!!! เราเกลียดวันจันทร์ เราได้เป็นเฟิร์สจ็อบเบอร์เต็มตัวแล้วค่ะ ถึงแม้ว่าการงานจะไม่เคยให้อะไรกับเราเลย นอกจากเงินเดือน(ที่หายใจก็ปลิว)และโรคประสาท(อยากมาเล่ามากๆแต่กลัวพี่ที่ทำงานเจอ ฮือ) แต่เราก็ได้นอนเป็นเวลา กินเป็นเวลา ก็จะขอคิดว่ามันเป็นข้อดีของการทำงานแล้วกันเนอะ แม้ในใจจะอยากลาออกทุกวันก็เถอะ แต่พอเราได้เงินเดือนเดือนแรก มันเหมือนได้ปลดแอกแบบแปลกๆ เราเครียดอยู่บ่อยๆ เรื่องที่เราเหมือนเป็นภาระที่บ้านมาตลอด พอได้ทำอะไรแบบนี้มันแบบ เห้ย เราก็เจ๋งเหมือนกันนี่หว่า ที่เลิกปอดแหกแล้วกล้าออกมาจากคอมฟอร์ทโซนซักที เราก็ดูแลตัวเองได้แล้วนะ เก่งมากไอ้ตัวจ้อย 



    อยากมาอัพบ่อยๆ  แต่ก็ไม่มีเรื่องอะไรจะเล่าเลยค่ะ นอกจากหัวร้อน(ในใจ)ไปวันๆ ซึ่งมันก็ดีเนาะ ไม่มา = สบายดี นังลูคีเมียและคุณพระเอกไม่มีอะให้ด่า 5555555555 


    เจอกันใหม่เมื่อมีเรื่องให้ประสาทแหล่กนะคะ ขอให้ทุกคนมีสุขภาพที่แข็งแรงเสมอ




    ยัยลูคีเมีย



    tbc.
     

                          

                        


                     

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
ชื่นชมมากค่ะ น้องดูแลอารมณ์ความรู้สึกของน้องได้ดีมากเลย ได้ความรู้ใหม่เกี่ยวกับการดูแล รักษา มะเร็งเม็ดเลือดขาว การปลูกถ่ายไขกระดูก การตรวจสอบความเข้ากันได้ น้องเล่าได้เห็นภาพมาก อ่านแล้วรู้สึกอยากไปสมัครเป็นผู้ให้เลยค่ะ เสียดายที่อายุป้าเกินค่ะ รอติดตามและให้กำลังใจนะคะ
ไม่ได้อ่านมานาน แต่รออ่านอยู่นะครับ55555?