เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
แล้วชีวิตปกติสุขของผมก็หายไปuryd1999
5 ละลายพฤติกรรม

  •  
                    “เซนเดฟนี่แกมาทำอะไรที่นี่กันแน่เนี่ย!”โจชัวเปิดฉากแหกปากถามอย่างใส่อารมณ์ แต่เซนเดฟกลับยิ้มละมุนไม่โต้ตอบอะไรแต่เดินไปที่โต๊ะตัวใหญ่ก่อนจะมุดลงไปหาอะไรบางอย่างที่ใต้โต๊ะ
                    ผ่าง!!!
                    ชุดคลุมสีดำเหมือนชุดยมทูตของเซนเดฟนั่นเองเขานำมันขึ้นมาใส่ทัพชุดสูทที่แสนจะดูดีนั่นอย่างมิดชิดก็กลายเป็นว่าเซนเดฟก็กลับร่างเป็นยมทูตจอมรุงรังเหมือนเดิม...
                    “ไร้รสนิยมสุดๆครับผม” ฮันท์เจ้าของผมสีควันบุหรี่พูดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้จริงๆ
                    “ก็ชุดนี้เป็นชุดที่ฉันใส่แล้วดูดีที่สุดนี่นาพวกนายไม่คิดแบบนั้นหรอ” เซนเดฟพูดอย่างภูมิใจกว่าครั้งไหน
                    “นิยามคำว่าดูดีของนายช่างห่างไกลความเป็นจริง”ไบรอันช่วยตอกย้ำให้เซนเดฟคิดได้บ้างแต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไร เขามองเซนเดฟผ่านเลนส์แว่นตาทรงสี่เหลี่ยมอย่างเอือมระอา
                    “พวกเธอนี่ก็แปลกเนอะทั้งที่ปฏิเสธการสืบทอดแฟมิลี่อย่างออกนอกหน้า แต่สุดท้ายก็แอบมารวมตัวกันเอง”เซนเดฟพูดพลางยิ้มเหมือนล้อเลียน
                    “บังเอิญซะมากกว่านะคือทุกคนมาแบบไม่ได้นัดหมายน่ะ” สเวนช่วยแก้ต่างให้กับเพื่อน เขาเกาหัวแกรกๆด้วยความเขินอาย นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มและน้ำเงินเข้มของเขาเสมองไปทางอื่นด้วยความประหม่าที่ต้องสบตาผู้อื่นเวลาพูดจาแต่นั่นยิ่งทำให้เซนเดฟยิ้มร่าขึ้นกว่าครั้งไหน
                    “มันคือโชคชะตาไงล่ะพวกเธอถูกเลือกแล้ว ต่อให้หนียังไง ก็คงไม่พ้นหรอก”
                    “แล้วเรียกมามีอะไรฉันไม่อยากเสียเวลา” เอวาตัดบทพูดไร้สาระของพวกหนุ่มๆ อย่างไม่ใยดี
                    “อ้อ...เรื่องนั้นพวกเธอที่ทำผิดกฎโรงเรียนขั้นร้ายแรงคือก่อเหตุทะเลาะวิวาททำร้ายร่างกายนักเรียนคนอื่น แล้วก็ยังข่มขู่อีกด้วยถ้าตามปกติแล้ว ก็ต้องโดนไล่ออกสถานเดียวอ่ะนะแต่เพราะหลักฐานอะไรก็ไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ ไม่มีใครอยากจะเอาผิดพวกเธอก็เลยลดโทษให้ พวกเธอต้องมาเข้าค่ายละลายพฤติกรรม ในวันหยุดนี้”
                    “งั้นฉันก็ไม่ต้องมาสินะเพราะฉันไม่เกี่ยวข้อง” ไบรอันเริ่มแทรกเรื่องของตัวเองขึ้นมา
                    “ต้องมาสิไบรอันฉันขอให้นักเรียนดีเด่นมาช่วยเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับนักเรียนที่จะมาเข้าค่ายน่ะ” ไบรอันเหล่ตามองบนอย่างไม่สบอารมณ์ตามปกติแล้วเขามักจะอยู่บ้านและทบทวนตำราเรียน โดยมีเป้าหมายคือสอบเข้ามหา’ลัยไอวีลิกให้ได้
                    “ถึงผมไม่เกี่ยวก็จะมาอยู่ดีเพราะว่ามันน่าสนุกดีนี่นา” ฮันท์พูดขึ้นอย่างร่าเริงซึ่งเป็นอารมณ์ที่ตรงกันข้ามกับทุกคนในที่แห่งนี้
                    “ฉันไม่อยากมาเลยวันหยุดก็อยากอยู่กับคุณวิคตอเรีย” สเวนพูดด้วยน้ำเสียงหดหู่เหมือนที่ชอบทำเป็นประจำแม้จะไม่อยากทำให้เป็นแบบนั้น แต่มันดันติดเป็นบุคลิกหลักของเขาไปเสียแล้ว
                    “เลิกบ่นเลยนะทุกคนทำผิดก็ต้องยอมรับผิดสิ เจอกันวันหยุดนี้ แต่งกายด้วยชุดยมทูตให้เรียบร้อยด้วยล่ะ”
                    “ใครจะแต่งฟะ!!!”ทุกคนประสานเสียงดันอย่างสามัคคี ไม่มีใครเห็นต่าง

                   
                    วันหยุดสุดสัปดาห์
                    สเวนออกจากบ้านตามเวลาปกติ สวมชุดวอร์มมาเพื่อให้คล่องตัวในการเคลื่อนไหวได้ยินว่าเป็นการเข้าค่ายละลายพฤติกรรม ก็คงต้องมีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอด คงไม่ใช่ค่ายที่สนุกสนานนักหรอกก็เป็นการลงโทษนี่นะเมื่อมาถึงโรงเรียนเขาก็พบว่าทุกคนกำลังวอร์มร่างกายอยู่กลางสนามถึงจะบอกว่าเป็นการเข้าค่าย แต่ทำไมคนที่มาเข้าค่ายมันถึงมีแค่ 5 คนละเนี่ย น้อยนิดซะเหลือเกิน
                    “ไฮสเวนมาสายนะนาย พวกเราโดนวิ่งรอบโรงเรียนไปสองรอบแล้วเนี่ย” โจชัวพลิกหมวกแก๊บพลางบ่นอิดออดเหงื่อโทรมกายบอกได้เป็นอย่างดีว่าเขาออกแรงมาเยอะ
                    “โทษทีไม่คิดว่าจะเริ่มเร็วแบบนี้น่ะ แล้วให้ทำอะไรหรอ”
                    “วิ่งรอบโรงเรียน20 รอบล่ะน่าสนุกใช่ไหมล่า~” ฮันท์ก็ยังเป็นคนเดียวที่ตื่นเต้นและสนุกสนานอยู่ตลอดเวลา นัยน์ตาสีฟ้าของชายหนุ่มสุกสกาวทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องที่ตนคิดว่าสนุก
                    “เอาล่ะมาพร้อมทุกคนแล้วนะ งั้นถือว่าสองรอบเมื่อกี้ที่วิ่งไป เป็นแค่การวอร์มนะต่อจากนี้คือของจริง วิ่งรอบโรงเรียน 20 รอบ!!!”เซนเดฟที่อยู่ในชุดยมทูตเหมือนเดิม ยืนกางร่มหลบแดดพร้อมตะโกนสั่ง
                    “แล้วทำไมฉันต้องมาวิ่งด้วย”ไบรอันขมวดคิ้วเป็นปมอย่างไม่เข้าใจ
                    “เป็นตัวอย่างไงไบรอันนักเรียนดีเด่นต้องเชื่อฟังอาจารย์น้า” เซนเดฟ
                    “สักวันฉันจะฆ่ามันเองไอ้นั่นน่ะ” โหดแบบนี้ ไม่ใช่ใครที่ไหน เอวาเอง หล่อนกำลังกระดกน้ำอึกใหญ่สภาพทุกคนตอนนี้ร่อแร่กันเต็มที หลังจากที่วิ่งไปแล้วสองรอบมีแต่สเวนที่ดูไม่เหนื่อยไม่เดือดร้อน
                    “อะไรกันพวกนายโรงเรียนก็ไม่ได้ใหญ่มาก ทำไมดูเหนื่อยกันจังเลย” สเวน
                    “ก็แบบว่านะสเวนระหว่างวิ่งไปอ่ะ มันจะมีปังๆ ตุบๆ ตับๆ เต็มไปหมดเลย สนุกสุดยอด”ฮันท์ตาเป็นประกายพร้อมชูนิ้วโป้งสองนิ้ว เวลาหมอนี่บอกสนุกทีไรไม่ค่อยหน้าไว้ใจทุกที
                    “เอาเถอะน่าวิ่งไปเดี๋ยวก็รู้เอง โกๆๆ ” โจชัวฮึดเต็มที่ก่อนจะเริ่มออกวิ่งไปคนแรก

                   
                    วิ่งไปได้สักพัก...
                    “เฮ้ย! ระวังกับระเบิด!” โจชัว
                    ติ้ดๆบึ้ม!!!
                    “ฉันว่าฉันเริ่มเข้าใจที่นายพูดแล้วล่ะฮันท์” สเวนตาโตเป็นไข่ห่านเมื่อกับระเบิดที่มีใครสักคนในพวกเขาเหยียบเข้าทำงานของมันระเบิดนั้นเป็นของแท้ไม่มีเทียม อนุภาคค่อนข้างรุนแรงกินรัศมีห้าเมตรได้แต่โชคดีที่ทั้งห้าคนต่างเคลื่อนไหวหลบได้ทัน เรียกได้ว่าเฉียดตายกันเลยทีเดียว  
                    “ใช่ไหมล่ะผมบอกแล้วว่าสนุกสุดๆ” ฮันท์ตอบรับอย่างดี๊ด๊าพร้อมทั้งกระโดดโลดเต้นไปมาเหมือนคนเสียสติ
                    “ใครมันวางระเบิดไว้ในโรงเรียนว้า” เอวาเริ่มแหกปากโวยวายจิตอาฆาตแค้นของเธอเริ่มตื่นขึ้นมาทีละนิด เพราะความเหนื่อยและความร้อนของแสงอาทิตย์ยามสาย
                    “ไม่เห็นต้องถามก็ต้องเป็นเซนเดฟอยู่แล้ว” ไบรอันพูดด้วยน้ำเสียงที่ปลงเสร็จสรรพ ผมสีน้ำตาลเข้มของเขาถูกกิ๊บดำสองตัวติดขึ้นไปอย่างลวกๆเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าเขากำลังจดจ่อและต้องใช้สมาธิมาก
                    “แม่จะฆ่าให้สิ้น”เอวาพูดพลางออกวิ่งต่อไป 
                    ระหว่างที่วิ่งผ่านหลังอาคารเรียนหลังหนึ่งเพราะเงาของอาคารทำให้ช่วงนี้เป็นที่ที่ไม่ค่อยโดนแดดจากดวงอาทิตย์ เหล่าเด็กๆทั้งห้าจึงลดความเร็วเพื่อซึมซับความเย็นเข้าตัว
                    “เด็กๆระวังหน่อยนะ ฉันจะกลาดยิงให้ทั่วเลย” เสียงที่คุ้นเคยพร้อมกับการปรากฏตัวของคนในชุดยมทูต เขากำลังถือปืนไรเฟิล พร้อมกระสุนเป็นแผงห้อยคออย่างกับเครื่องรางของขลังซึ่งมันเยอะมาก ราวกับจะไปทำสงคราม
                    ปังปัง ปัง ปัง ปัง ปัง...
                    เสียงรัวยิงไปทั่วบริเวณที่ทั้งห้าคนอยู่อย่างไม่เกรงใจเรียกได้ว่ากลาดยิงหมายฆ่ากันให้ตายนี่มันเข้าค่ายละลายพฤติกรรมหรือเข้าค่ายฝึกทหารกันแน่
                    “เฮ้ย! ไอ้บ้าเอ๊ย!ไอ้เซนเดฟ ไอ้ยมทูตบ้าบอ ไอ้หมาเอ๊ย”โจชัวตะโกนด่าอย่างไม่เกรงใจหลังจากที่ตัวเองวิ่งพ้นแนวกลาดยิงของเซนเดฟแล้ว
                    “นึกว่าจะตายจริงๆซะแล้ว ขอบใจให้ขี่คอมานะ ฮันท์” ไบรอันพูดอย่างจริงจังดูแล้วเหมือนไบรอันจะเป็นคนที่เคลื่อนไหวได้ช้าสุดในกลุ่มนี้คงจะใส่กล้ามเนื้อไปที่สมองมากเกินไป จนร่างกายปวกเปียก
                    “ฉันว่านี่มันไม่ใช่การเข้าค่ายแล้วนะทุกคน”สเวนหอบหายใจถี่รัว ทั้งตื่นเต้น แล้วก็เหนื่อยจากการหลบกระสุนที่ยิงมาแทบทุกวิถี
                    “มันคิดจะฆ่าเราก่อนที่เราจะฆ่ามันไงล่ะ ไอ้เซนเดฟ...”เหมือนรอบตัวของเอวาจะมีคลื่นพลังบางอย่างเอ่อล้นออกมา มันเป็นสีดำขมุกขมัว จิตสังหารชัดๆ
                    ...
                     “ใครมันสร้างหลุมกับดักไว้ฟะ!!!”โจชัวบ่นระงมหลังจากที่ทั้งห้าคนตกลงมาในหลุมลึกกว่าร้อยเมตรที่ถูกขุดไว้
                    ...
                    “มิทไซน์ติดตามเป้าหมาย ว้าวๆ ตื่นเต้นสุดๆ เลยครับผม~”  ฮันท์กระโดดโลดเต้นหลบมิทไซน์ที่วิ่งจ่อก้นเข้ามาทุกที
                    ...
                    “ทุกคนระวังมีดบินให้ดีล่ะ” เสียงเซนเดฟพูดจาบนตึกอีกครั้ง ก่อนที่มีดคมกริบนับร้อยเล่มจะถูกเหวี่ยงลงไปใส่เด็กๆที่กำลังวิ่งรอบโรงเรียนอยู่
                    “ฮันท์นายทำดีมาก ขอบใจที่ให้ขี่หลังนะ ฉันไม่ไหวแล้ว แฮ่ก แฮ่กๆ ”เอวาที่เหนื่อยหอบจากการวิ่งหลายรอบติดๆจนหลบมีดแทบไม่ทันขึ้นไปอยู่บนหลังฮันท์ที่ยังสนุกสนานและเคลื่อนไหวได้เต็มร้อย
                    ...            
                    “เด็กๆอันนี้ทีเด็ดเลย หลบไดมาไมด์พวกนี้ให้หมดนะ”
                    ตู้มๆตู้ม ตู้มๆ
                    ไดนาไมด์กว่าร้อยลูกถูกจุดและส่งโปรยลงมาจากบนอาคารเรียนดั่งสายฝนที่โหมกระหน่ำ
                    “ฉันก็ไม่ไหวแล้ว...”สเวนหอบพูดเสียงแผ่วเจียนจะหมดแรง ผมสีดำสนิทของเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ

     
                    “ดีจังเลยนะทุกคนวิ่งครบ20 รอบก่อนเที่ยง นี่เป็นเพราะทุกคนสามัคคีกันนะเนี่ย เก่งจังเลย~”เซนเดฟยืนดีใจปรบมืออย่างยินดี แต่ไม่มีใครมีเรี่ยวแรงพอจะโต้ตอบเขาได้อีกแล้วหมดสภาพกันทั้งนั้น สเวนนอนราบอยู่บนพื้นหลับตาสนิทเหมือนคนตายในโลงศพเอวาก็นั่งอย่างเลื่อนลอยอยู่ตรงที่แอร์ตกฮันท์ที่ถึงจะร่าเริงแต่ก็เหนื่อยกำลังกระดกน้ำไม่หยุดปาก โจชัวนอนคว่ำหายใจถี่รัวไบรอันนี่ไม่ต้องพูดถึง หลับสนิทเหมือนตาย
                    “ฉันจะบอกภารกิจต่อไปแล้วนะถ้าทุกคนไม่รีบล่ะก็ คืนนี้ต้องได้นอนโรงเรียนแน่เลย”
                    “...”
                    “เด็กๆเวลาเหนื่อยก็จะว่าง่ายแบบนี้ล่ะนะ” เด็กๆ ทั้งห้าคนไม่โต้ตอบอะไรทำให้เซนเดฟสรุปเองเสร็จสรรพว่านั่นคือความว่าง่ายตามประสาเด็ก
                    “...”
                    “โอเคงั้นต่อไปนี่คือภารกิจที่เหลือของพวกเธอ ตอนนี้เอวาพอมีสติที่สุดฉันขอมอบใบภารกิจให้เอวาแล้วกันนะ”
                    ชิ้ง!
                    แววตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้นของเอวา
                    “ทำหน้าโหดเชียวฉันไปก่อนล่ะ รีบทำภารกิจซะนะ J ” ว่าจบเซนเดฟก็รีบพุ่งออกจากห้องพักไปโดยไม่สนใจพวกเขาอีกเลย
                    “หมอนั่นเห็นพวกเราเป็นเครื่องเล่นรึไงเล่นสนุกอยู่ได้” เอวาบ่นก่อนจะคลี่กระดาษที่ได้รับมาจากเซนเดฟ

                    ภารกิจสุดชิวกับค่ายละลายพฤติกรรมวันนี้
                    1.ตอนนี้ที่ป่าหลังโรงเรียนฉันได้ปล่อยหมียักษ์ที่แสนจะดุร้ายเอาไว้ เอ้ยๆ ฉันไม่ได้ปล่อยนะมันหลุดมาจากสวนสัตว์ ก็ประมาณนั้นแหละ ภารกิจของพวกเธอคือจับมันไว้จนกว่าฉันจะมารับตัวมัน เข้าใจไหมเอ่ย ชื่อของหมีตัวนั้นคือ ‘คิมคิม’ เป็นเพื่อนรักของฉันเลยล่ะอุตส่าห์เสียสละเอาเพื่อนรักมาปล่อยเลยนะเนี่ย~ เอ้ยๆ มาจากสวนสัตว์ ไม่เกี่ยวกับฉันเลย(เซนเดฟมันเอามาปล่อยแหงแซะ เอวาคิดในใจขณะอ่าน)
                    2.ในคืนนี้พวกเธอจะต้องจัดปาร์ตี้แคมป์ไฟให้ฉัน ไม่สิ... ให้พวกเธอสนุกกันนั่นแหละนะ ต้องไปหาไม้มาทำแคมป์ไฟฉันต้องการแคมป์ไฟที่ใหญ่ที่สุด ถ้าใหญ่ไม่เท่าที่ฉันคิดไว้ จะต้องเข้าค่ายต่ออีก 1 วัน และพวกเธอจะต้องย่างบาร์บีคิวแสนอร่อยในปาร์ตี้ด้วยเพราะฉะนั้นเตรียมอาหารให้เรียบร้อย แต่มีข้อแม้ว่าห้ามออกเงินตัวเองโดยเด็ดขาด
                    ทั้งหมดต้องเสร็จก่อน1 ทุ่มของวันนี้มิฉะนั้นเข้าค่ายต่ออีก 1 สัปดาห์ฉันสัญญาจะให้มันเป็นค่ายที่ตราตรึงในความทรงจำของพวกเธอเลยล่ะ
                    แล้วตรงไหนที่เรียกว่าชิว ให้ไปจับหมีเอย ทำแคมป์ไฟขนาดใหญ่เอยหาเงินซื้อของกินเอย

                     
                    “หมอนี่เคยเป็นราชารึไง ถึงได้เอาแต่ใจขนาดเนี่ย”เอวาแทบจะขยำกระดาษนั่นทันทีที่อ่านจบ เอาแต่ใจระดับสิบเอวาปากระดาษก้อนนั้นไปยังไบรอัน ซึ่งไบรอันก็ขยับตัวที่ไร้เรี่ยวแรงมาหยิบอ่าน 
                    “ฉันไม่เคยเกลียดใครเท่านี้มาก่อนเลย”ไบรอันพึมพำ
                    “ทำไมหมอนั่นต้องจองล้างจองผลาญพวกเราด้วยฟะ”โจชัว
                    “อะไรกันพวกนายเขาให้พวกเราทำเรื่องสนุกขนาดนี้ ยังจะไปว่าเขาอีก ผมว่าเรามาทำภารกิจต่อไปกันเถอะ!” ฮันท์ที่ไม่รู้ไปเอาพลังมาจากไหนลุกขึ้นอย่างฮึกเหิมก่อนจะเปิดกระดาษอ่าน
                    “รีบทำให้มันจบๆไปเถอะ แล้วเราก็จะได้กลับบ้านกัน”สเวนพูดเสียงแผ่วก่อนจะขยับเข้าไปอ่านกระดาษพร้อมกับฮันท์
                    “ฉันจะไปล่าหมีเอง”เอวาพูดขึ้น
                    “อะไรกันเอวาผมจะไปล่าหมีเอง ผมชื่อฮันท์นะ ฮันท์(Hunt)แปลว่านักล่าสัตว์มันเป็นหน้าที่ที่ถูกกำหนดมาตั้งแต่เกิดแล้ว เรื่องแบบนี้คงยอมให้เธอทำไม่ได้หรอกอีกอย่างเมื่อกี้เธอก็หมดแรงจนต้องขี่หลังผมไม่ใช่รึไง”ฮันท์พูดอย่างองอาจและภาคภูมิแต่เอวาก็ไม่มีอารมณ์จะเถียงด้วยเธอจึงลุกและออกไปเพื่อทำในสิ่งที่พูด แน่นอนว่าเมื่อเห็นดังนั้นฮันท์ก็รีบวิ่งตามไปทันที
                    “งั้นที่เหลือก็คือจัดแคมป์ไฟกับจัดอาหารฉันคิดว่าจัดอาหารคงต้องไปหาเงินก่อน แล้วค่อยไปซื้อของมาทำบาร์บีคิวนะ”สเวนเสนอความคิดเห็นด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา  
                    “อื้มงั้นแบ่งกันแบบนี้แล้วนะ” ไบรอัน

     
                    ย่านการค้าของเมือง
                    “จากที่ฉันลองค้นหาข้อมูลดูตอนนี้มีงานพาร์ทไทม์เปิดอยู่ไม่มาก และที่ที่ได้รับเงินมากที่สุดก็คือที่นี่”ไบรอันจิ้มสมาร์ทโฟนเพื่อเช็คข้อมูลอีกครั้งให้แน่ใจ
                    “แต่ว่านะไบรอัน ต่อให้เราทำงานที่นี่ทั้งวัน ก็ได้เงินมาไม่มาก จะพอซื้อของมาทำบาร์บีคิวสำหรับ6 คนหรอ”สเวนพูดพลางแสดงสีหน้าหมดหวัง ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่ไบรอันคิดอยู่เหมือนกัน
                    “ฉันก็พอคิดอะไรดีๆ ออกนะ แต่มันบ้าเลือดมากๆ เลย นายสู้เก่งไหม” ไบรอันจัดการติดกิ๊บดำที่ผมสีน้ำตาลเข้มของเขาอีกครั้งให้มันอยู่ทรงเหมือนเดิม 
                    “ทำไมต้องสู้ด้วยล่ะ”สเวนถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ
                     

                    “เฮ้ย...นักเรียนมาทำอะไรแถวนี้วะ”ไอ้เหี้ยมหน้าโหด ร่างโต ที่กำลังนั่งสูบบุหรี่อยู่ที่หลังกระบะรถยนต์ ซึ่งรอบข้างของมันมีผู้ชายหน้าตาน่ากลัวอยู่เต็มไปหมดแต่ละคนถือท่อนเหล็กบ้าง ไม้หน้าสามบ้าง บางคนก็แอบโชว์ปืนให้ได้เห็นกันเล็กน้อยนี่มันนักเลงของจริง ถ้าเทียบกับที่เอวาจัดการไปครั้งที่แล้ว คนละเรื่องกันเลยสเวนนึกกลัวในใจ
                    “ไม่รู้รึไงว่าแถวนี้มาแล้วเจ็บ”
                    “เรามาแข่งกันเถอะว่าใครมีเงินในกระเป๋ามากกว่ากัน”ไบรอันพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ
                    “ก๊ากๆๆไอ้นี่มันอวดรวยนี่หว่า หื้ม...มั่นใจขนาดนี้ ก็เอาสิ นานๆ ทีก็อย่างแข่งอะไรไร้สาระกับเด็กๆ บ้าง”ไอ้เหี้ยมที่ดูโหดที่สุดพูดตอบก่อนจะส่งซิกกับลูกน้องเกี่ยวกับเรื่องชั่วในหัวสมอง
                    “แข่งไร้สาระก็อย่าแพ้แล้วกัน”ไบรอันยิ้มมุมปากอย่างท้าทาย  
                    “มันไม่คิดแข่งแค่นี้แน่ไบรอัน”สเวนสะกิดแขนไบรอันพลางกระซิบบอก
                    “ฉันจะให้โอกาสพวกแกกระเป๋าเงินของฉันใบเดียว จะแข่งกับเงินทั้งหมดที่พวกแกมีถ้าพวกแกชนะฉันจะให้พวกแกหมดกระเป๋าเลย แต่ถ้าฉันชนะฉันขอตบหัวแกทีนึงลูกผู้ชายรึเปล่าวะแกน่ะ” ไบรอันยังพูดแบบไม่เกรงกลัว
                    “ก๊ากๆๆไอ้นี่มันแน่เว้ย มาที่นี่เพราะอยากตบหัวฉันเลยสินะ ก็ฉันมันคนใหญ่คนโตนี่นา”
                    “งั้นเริ่มจากฉันก่อนเลยล่ะกัน”ไบรอันเริ่มเปิดกระเป๋าเงินออกมา ก่อนจะนับแบงค์พันทีละใบ ซึ่งมันเยอะมากแน่นอนว่าฝ่ายนักเลงเมื่อเห็นเงินของไบรอันก็ตาโตเป็นไข่ห่าน
                    “ไอ้เด็กนี่มันรวยจริงนี่หว่า”เสียงพึมพำจากพวกนักเลง
                    “ก็อย่างที่เห็นฉันมีทั้งหมด 2 หมื่น แบงค์พัน 20 ใบ ฉันนับแค่เงินนะ ถ้านับบัตรทั้งหลายด้วยพวกแกคงสู้ไม่ไหวแน่”ไบรอันแสยะยิ้มอย่างผู้ถือไพ่เหนือกว่า
                    “คิดว่ารวยแล้วเจ๋งรึไงวะพวกฉันเป็นผู้ใหญ่นะเว้ย ยังไงก็ต้องพกเงินมากกว่าเด็กอยู่แล้วทั้งยังเป็นผู้ใหญ่ตั้งสิบกว่าคน พวกแกเอาเงินออกมาให้หมด”
                    “ลูกพี่วันนี้ผมพกมาแค่ร้อยเดียวเอง” 
                    “เฮ้ย!!! แล้วเงินที่ไถไอ้พนักงานนั่นมาล่ะเอามาแข่ง” ไอ้หน้าเหี้ยมเริ่มรนราน
                    ...
                    “นายมีแค่หมื่นเดียวเองนี่นา แบบนี้ฉันก็ชนะสิ...”ไบรอันยิ้มเยาะอย่างพออกพอใจ
                    “เฮ้ยจัดการไอ้เด็กสองคนนั้น เอาเงินมันมาให้หมด! ”
                    “เริ่มเลย...”ไบรอันส่งสัญญาณให้สเวน ก่อนที่เขาจะปล่อยลูกบอลขนาดจิ๋วกระแทกพื้นจนแตกควันสีแดงพวยพุ่งออกมาจากลูกบอลจิ๋วนั่นอย่างรวดเร็วเหมือนกับระเบิดแก๊สอย่างรุนแรงไบรอันสวมแว่นที่เตรียมเอาไว้สเวนที่แอบเข้าไปแฝงตัวในกลุ่มศัตรูก็สวยแว่นแบบเดียวกัน
                    “นี่คือระเบิดควันที่ฉันทำเองมันชื่อ Smoke KYEเป็นระเบิดควันรุ่นพิเศษที่จะมีสีแดง ซึ่งมันจะทำให้แสบตาจนลืมตาแทบไม่ขึ้นเลยล่ะแต่ก็เฉพาะพวกนายน่ะนะ เพราะพวกฉันเตรียมตัวมาอย่างดี ไหนๆก็ชนะแล้วอยากจะขอตบกบาลหัวหน้าพวกแกซักหน่อย” ไบรอันพูดจาอย่างสงบจากตำแหน่งเดิมเพื่อหลอกล่อศัตรูให้ไม่ทันระวังตัวและเข้าใจเป้าหมายของทางนี้ผิดไป
                    “ไอ้เด็กเวรนี่พวกแกไปจับมันไว้ จับมันแล้วทุบให้หัวแบะไปเลย เอาของเล่นแบบนี้มาเล่นกับฉันซะได้”แล้วลูกน้องหลายคนก็กูกันไปตามไบรอัน ทำให้รอบตัวของหัวหน้าพวกมันเหลือคนอยู่น้อย
                    สเวนที่อ้อมไปด้านข้างและเห็นเงินวางอยู่ข้างๆลูกพี่ใหญ่ของพวกมัน มือข้างหนึ่งของลูกพี่ใหญ่กำเงินของตัวเองไว้แน่นสเวนเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะหยิบปืนพกที่พกไว้ขึ้นมายกสันปืนขึ้นฟาดที่ท้ายทอยตำแหน่งที่เหมาะเจาะ ทำให้ไอ้หัวของพวกมันหมดสติไปและเพราะเสียงโวยวายของพวกมันเองทำให้ไม่มีใครได้ยินเสียงร้องของหัวหน้าเลยสเวนคว้าเงินหมื่นกว่าบาทง่ายดาย ก่อนจะค่อยๆย่องออกจากตรงนั้นพร้อมกับไบรอันที่มองเห็นอยู่ตลอด เนื่องจากแว่นตาชนิดพิเศษที่เตรียมไว้ใช้คู่กับSmoke KYE

     
                    “แบบนี้สินะที่เรียกรู้เขารู้เรา รบร้อย ชนะร้อย ฮ่าๆๆ ”สเวนระหว่างที่กำลังกินบาร์บีคิวที่แสนอร่อยก็คุยเรื่องวันนี้ที่เกิดขึ้นกับไบรอันหลังจากที่พวกเขาขโมยเงินนั่นมาได้ก็ไปซื้อวัตถุดิบต่างๆ มาทำบาร์บีคิวในวันนี้แน่นอนว่าเงินหมื่นกว่าบาทก็เหลือเฟือจึงนำส่วนที่เหลือไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรไปแล้ว
                    “ถ้ามีสมองสักหน่อยทำอะไรก็สำเร็จได้ทั้งนั้นพวกนั้นเสียเปรียบแค่ว่ามองไม่เห็นกับโง่แค่นั้นเองนะแพ้ราบคาบแบบไม่เหลือความเป็นคนเลย” ไบรอันได้ทีก็อวดอ้างสรรพคุณของรอยหยักในสมองต่อไป
                    “แคมป์ไฟของฉันก็สุดยอดเหมือนกันล่ะน่าไอ้เซนเดฟนี่อึ้งจนแทบหงายหลัง ฮ่าๆๆ ”ตัดภาพไปที่แคมป์ไฟขนาดมหึมาที่สูงเกือบเท่าอาคารเรียนสี่ชั้นไฟสีแดงฉานลุกโชนช่างเป็นแคมป์ไฟที่อลังการเกินจำนวนคนจริงๆ “เนี่ยเพราะฝีมือดาบที่ชำนาญของฉันหรอกนะถึงหั่นเจ้าไม้แข็งเกรดเยี่ยมนั่นได้” โจชัวก็อวดอ้างความสามารถอย่างใส่ความจริงจังไปเกินร้อยสมแล้วที่เป็นโจชัวเจ้าอารมณ์
                    “ว่าแต่หมีที่ว่าไปจับมาล่ะไม่เห็นเลยสักตัว เซนเดฟก็หายไปไหนแล้วเนี่ย” สเวนขมวดคิ้วถามอย่างสงสัยปกติแล้วเซนเดฟน่าจะมาขัดขวางความสุขสิ เพราะหมอนั่นชอบทำให้คนอื่นลำบากนี่นาแต่ไหงคราวนี้กลับให้นั่งกินบาร์บีคิวอย่างสบายใจได้ล่ะ
                    “คือเรื่องนั้นผมพยายามจะห้ามเอวาแล้วนะ แต่เธอน่ากลัวจริงๆ พอเจอเจ้าคิมคิมตัวนั้นตอนแรกผมก็กลัวหมีเหมือนกันเพราะมันตัวใหญ่กว่าผมตั้งเท่าตัวแต่สักพักยัยนั่นก็เหมือนปล่อยลำแสงได้แล้วพุ่งเข้าใส่หมีตัวนั้นขนาดหมียังหมอบเลย ยัยนั่นบอกว่ามันเป็นหมีที่เซนเดฟรักใช่ไหมล่ะแล้วเธอก็ปลิดชีพมันไปแล้ว ผมยังตัวสั่นไม่หายเลยล่ะ แค่คิดถึงเหตุการณ์พวกนั้นก็เหมือนจะฝันร้ายไปทั้งชีวิต”
                    “หมีตัวนั้นตายเลยหรอ”สเวน
                    “เละไม่มีชิ้นดีเลยล่ะครับทีแรกเธอบอกจะเอามาย่างกินแต่เซนเดฟมาเห็นก่อนแล้วเขาก็ร้องห่มร้องไห้แล้วก็ลากซากหมีไปฝังคงอีกนานกว่าจะกลับมา” ฮันท์เล่าอย่างสั่นกลัวนี่มันเรื่องสยดสยองที่เกิดขึ้นในป่าหลังโรงเรียนมัธยมชารอนแห่งนี้
                    “ไม่เป็นไรเร้อเค้าบอกให้จับหมีดันไปฆ่ามันซะได้ เดี๋ยวก็ได้เข้าค่ายอีกหรอกยัยผู้หญิงนั่นทำเรื่องบ้าๆ จนได้ ฉันล่ะรำคาญสุดๆ ” โจชัว
                    “ก็บอกให้จับไม่ได้บอกว่าจับเป็นสักหน่อย” เอวา
                    “ก็ถูกล่ะนะ”ไบรอัน
                    “ฮ่าๆๆๆ ”สเวนหัวเราะออกมาซะดื้อๆ
                    “นายเป็นอะไรน่ะผมกลัวจนกินอะไรไม่ลงแล้วนะ ได้ดูหนังฆ่าหั่นศพแบบโฟร์ดี สยอง”ฮันท์พูดพลางเบะปากเหมือนคนจะร้องไห้ ทั้งที่เคยร่าเริงขนาดนั้นแท้ๆ
                    “ฉันว่าวันนี้ก็สนุกดีเหมือนกันนะได้ตั้งแคมป์ไฟด้วย ถ้าเป็นชีวิตปกติๆ ของฉัน คงไม่มีเรื่องอะไรแบบนี้เด็ดขาดเลย”สเวนพูดพลางมองที่มือของตัวเหมือนกับระลึกถึงบางอย่างอยู่
                    “พูดอะไรไม่เห็นจะเข้าใจเลยสเวนนี่นายไปอยู่กับไอ้อั้นอึแค่ครึ่งวัน สมองเพี้ยนไปแล้วงั้นหรอ!!!”โจชัวเดินเข้าจับไหล่ของสเวนแล้วเขย่าแรงๆ เพื่อเรียกสติเพื่อนให้กลับมา
                    “ไอ้ชั่วแบบแกน่ะเงียบปากไปเลย”
                    “หนอยแก รับกระสุนพริกไทยชนิดพิเศษนี้ไปซะ”ขวดพริกไทยถูกโยนไปใส่หน้าไบรอันทั้งที่ยังไม่ได้ปิดฝา
                    “พวกนายน่ะอยากโดนฆ่านักใช่ไหม~!” เอวาตะคอกเสียงดังจนเสียงแหบทุกคนไม่ได้หยุดการกระทำแม้แต่น้อย ซ้ำยังปามากกว่าขวดพริกไทยแล้ว...
                    “ฮ่าๆๆ ” 

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in