เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
แล้วชีวิตปกติสุขของผมก็หายไปuryd1999
1 Who are you?

  •  
                    สเวนกำลังยืนอยู่หน้าคฤหาสน์สไตล์ตะวันตกโบราณซึ่งเป็นที่ที่ไม่รู้จัก เขามองแผนที่เพื่อให้แน่ใจว่ามาถูกที่แล้วนี่แทบจะเป็นเรื่องที่ตื่นเต้นที่สุดในชีวิตของเขา
                    หลังจากที่เขาเปิดกล่องใบนั้นกล่องที่บุรุษไปรษณีย์ปริศนานำมาส่ง เขาก็พบกับหลายอย่างที่ทำให้เขาทึ่ง อย่างแรกคือแผนที่ที่บอกเป้าหลายที่เขาต้องไปที่นั่นตั๋วเครื่องบิน เงินค่าเดินทางอื่นๆ น่าทึ่งมากเพราะเมื่อสเวนมาถึงหน้าคฤหาสน์นี้เงินค่าเดินทางนั้นก็หมดพอดี เหมือนกับวางแผนไว้สำหรับเขาเป็นอย่างดีของในกล่องยังมีอีกหลายอย่างที่น่าแปลกใจและพิศวงยิ่งนัก
                    ถ้าเรียกนี่ว่าการผจญภัยมันก็ตื่นเต้นเร้าใจสุดๆ เพราะตั้งแต่เกิดมาสเวนเพิ่งเคยมาไกลจากบ้านก็คราวนี้เองขึ้นเครื่องบินก็ครั้งแรก มาต่างประเทศก็ครั้งแรก ใจเต้นไม่เป็นส่ำกันเลยทีเดียวอยากจะร้องตะโกนออกไปดังๆ เพื่อระบายความอัดอั้น แต่ความลึกลับตรงหน้าก็บอกว่าให้อดใจไว้ก่อน
                    “นี่นายน่ะมาเพราะกล่องนี่เหมือนกันใช่ไหม” เสียงจากด้านข้าง สเวนหันไปมองในทันทีเขาพบชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันที่กำลังแบกเป้เดินทางใบใหญ่พร้อมกับถือกล่องที่คล้ายๆกับกล่องของเขา กล่องที่ลึกลับราวกับกล่องแพนโดร่า แต่มันใหญ่พอสมควรสเวนจึงนำของออกและทิ้งกล่องนั่นไว้ที่บ้าน
                    “อื้ม”
                    “โอเคดี ฉันโจชัว” ชายหนุ่มผู้มาใหม่ยื่นมือมาทักทายสเวน เขามองมือของหมอนั่นอย่างลังเล
                    “สเวนควินน์” สเวนจับมือโจชัวเบาๆความรู้สึกที่ไม่เคยได้รับรู้มาก่อนถาโถมใส่สเวนอย่างไม่ให้ตั้งตัวเขาไม่เคยมีเพื่อน ไม่เคยได้ทำความรู้จักกับใครอย่างเป็นทางการอะไรแบบนี้เลยนี่เป็นครั้งแรกล่ะมั้งที่เขาได้ทำความรู้จักกับคนอื่นความรู้สึกโล่งใจอย่างมากนี้ มันทำให้สเวนกังวลขึ้นมาเล็กน้อย
                    “ก็ง่ายดีเหมือนกันนะ”
                    “...”สเวนไม่กล้าที่จะถามไปว่าโจชัวหมายถึงอะไร เขากลัวว่านั่นจะเป็นการละลาบละล้วง
                    “ไปเถอะเข้าไปข้างใน ตรงนี้มันหนาว”
                    “ก็ดี”
                    พูดจบทั้งโจชัวและสเวนก็เดินเข้าไปในคฤหาสน์ด้วยความตื่นเต้นอยากรู้ว่าจะพบเจอกับอะไรอีก
                    ระหว่างทางสเวนแอบเหลียวมองโจชัวที่เดินขนาบข้างเป็นระยะเขาเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างตัวเล็ก ถ้าเทียบกับสเวนแล้วจุดเด่นของเขาก็คงจะเป็นผมสีแดงเพลิงนั่น มันดูเจิดจ้าเอามากๆแต่น่าเสียดายที่โจชัวใส่หมวกแก๊บสีขาวไว้ตลอดเวลาทำให้ไม่สามารถเห็นผมของเขาได้ชัดเจนนักถ้าดูจากภายนอกแล้วสเวนคิดว่าโจชัวค่อนข้างจะเป็นคนอารมณ์ร้อนที่น่ากลัวเลยล่ะ โจชัวเองก็ไม่ยอมแพ้เขาก็ลอบสังเกตสเวนอย่างเอาเป็นเอาตาย และเขาก็คิดว่าสเวนเป็นคนมืดมนไปตามระเบียบ...
     


                    “ยินดีต้อนรับนะทั้งสองคน~ฉันดีใจที่เจอนายทั้งคู่เลย สเวนและโจชัวสินะ ดีมากที่พวกนายดูเข้ากันได้นะ J ”ก้าวแรกที่เข้ามาในคฤหาสน์ก่อนพบกับมือที่เย็นยะเยียบของบุคคลปริศนาเขาจับมือสเวนและมือโจชัวคนละทีก่อนจะกอดคอทั้งคู่พาเดินไปตามทางที่เขาต้องการ
                    “นี่นายคือไอ้บุรุษไปรษณีย์ประหลาดนั้นใช่ไหมฮะ!? ”โจชัวพูดตะคอกเสียงดังก่อนจะพยายามสลัดมือที่คล้องคอเขาอยู่
                    “ใช่แล้วๆฉันคือคนๆ นั้นเองแหละ ฉันออกท่องไปตามที่ๆ พวกเธออยู่และส่งของให้พวกเธอ ทั้งหมดก็เพื่อให้พวกเธอมาอยู่ที่นี่กับฉัน ตอนนี้ สเวนเธอไม่ใช่คนพูดน้อยนะตามความจริงแล้วเธอรู้สึกอึดอัดใจอะไรรึเปล่า”
                    “ผมก็แค่ไม่เข้าใจอะไรหลายๆอย่างจนทำให้รู้สึกไม่ไว้ใจอะไรหลายๆ อย่าง”
                    “พูดได้ดีนะสเวนเพราะนั่นเป็นสิ่งที่ทุกคนรู้สึกเวลาเจออะไรที่มันลึกลับจนเกินจิตใต้สำนึกจะรับได้เอาเป็นว่าฉันจะส่งให้พวกเธอพักผ่อนที่ห้องพัก และเมื่อทุกๆ คนมาพร้อมหน้ากันเราค่อยมาทำความเข้าใจไปพร้อมๆ กันนะ ส่วนมื้อเย็นจะเริ่มตอนหกโมงจัดที่ห้องโถงด้านนู่นนะ และนี่คือห้องพักของพวกเธอ”
                    “อะไรของแกวะพูดเองเออเองตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว มันหงุดหงิดนะเว้ย!”โจชัวที่ดูจะโมโหหนักกว่าเก่าเริ่มจะฟาดงวงฟาดงา
                    “โจชัว...ฉันเข้าใจว่านายหงุดหงิดแต่ช่างเถอะ ช่างความรู้สึกนั่นเถอะ”สเวนจับมือโจชัวไว้ก่อนจะพูดประโยคที่แสนจะธรรมดาเป็นประโยคที่โทนเสียงแสนจะราบเรียบ แต่มันก็เป็นประโยคที่โจชัวรู้สึกเหมือนต้องมนต์ไม่อาจขัดขืนหรือดื้อดึง“เราไปพักให้ใจเย็นกันก่อนดีกว่า ที่นี่บรรยากาศดีนะ J ” รอยยิ้มจากคนมืดมนอย่างสเวน เขาไม่รู้เลยว่ามันจะช่วยให้เพื่อนของเขาใจเย็นลงบ้างได้ไหม
                    “งั้น...ฉันขอตัวก่อนนะทั้งสองคนดื่มด่ำกับความคลาสสิคของที่นี่ให้เต็มที่ล่ะแล้วก็พยายามอย่าเดินไปเรื่อยนะ เพราะที่นี่นอกจากพวกเธอก็มีคนอื่นๆอยู่กันอีกเยอะ โดยเฉพาะทางอีกฝั่งของคฤหาสน์ ฉันไปล่ะ”แล้วคนในชุดยมทูตนั่นก็เดินจากทั้งสองคนไป ปล่อยให้ทั้งคู่ยืนอยู่หน้าห้องพัก
                    “ฉันไม่ชอบคนแบบเจ้านั่นเลย นายรู้ไหมไอ้หมอนั่นมันคิดว่าตัวเองฉลาดมากมั้ง”
                    “ฮ่าๆๆฉันว่าเขามีสไตล์ที่พิลึก”
                    “โคตรเห็นด้วยคนบ้าอะไรใส่ชุดพะรุงพะรังสุดๆ ”
                    โจชัวและสเวนนินทาบุคคลปริศนาเล็กน้อยก่อนที่โจชัวจะเปิดประตูเข้าไปในห้องพัก
                    “ไฮ...”เสียงทักทายดังขึ้นทันทีที่พวกเขาเปิดประตูห้องพักบานใหญ่
                    “นายเป็นใครอีกวะ”โจชัวรีบเดินเข้าไปในห้องและถามด้วยแรงอารมณ์ล้วนๆ บุคคลที่ปรากฏตัวในครั้งนี้เป็นชายหนุ่มสวมแว่นกรอบสีเงินทรงสี่เหลี่ยม เขากำลังนั่งจดจ่ออยู่กับโน๊ตบุ๊คบนตักนั่งขลุกอยู่ที่เตียงอย่างสบายอารมณ์ ผมสีน้ำตาลของเขาถูกติดไว้ด้วยกิ๊บดำสองตัวราวกับว่าเป็นผู้หญิงแต่ตามจริงเวลาที่เขาจดจ่อกับอะไรสักอย่างเขาจะติดกิ๊บไว้เพราะผมมันมักจะตกมาบังตาทำให้เสียสมาธิ
                    “ฉันชื่อไบรอันเป็นอัจฉริยะ”
                    ห้องนี้เป็นห้องพักขนาดใหญ่ซึ่งใหญ่ราวกับโรงอาหารโรงเรียนเลยทีเดียว มีเตียงสุดหรูวางเรียงกันทั้งหมดสี่เตียงและโคมไฟระย้านั่นก็ดูราคาเหยียบหลายล้าน เฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างดูมีคุณค่าเกินจะตีเป็นเงินได้นอกจากจะหรูหราและยังมีคุณค่าทางด้านประวัติศาสตร์ ตู้เก็บของสี่ตู้ที่เป็นตู้ไม้ที่ดูมีราคาประดับประดาไปด้วยเพชรนิลจินดาถ้าบอกว่านี่เป็นพระราชวังจะไม่แปลกใจเลย
                    “ฉันเดาว่าจะมีคนมาอยู่ห้องนี้สี่คนซึ่งนอกจากเราสามคน จะมีมาอีกหนึ่ง และถ้าพวกนายเกลียดไอ้คนใส่ชุดรุงรังนั่นล่ะก็เราเป็นเพื่อนกัน” แม้จะพูดอยู่แต่ไบรอันก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาจากโน๊ตบุ๊คแม้แต่น้อย เขายังคงจิ้มคีย์บอร์ดเปาะๆแปะๆ ต่อไป
                    “เออเกลียดดิ ทำตัวเหมือนตัวเองฉลาดและทุกคนโง่เง่า เหมือนรู้ไปทุกอย่าง น่ารำคาญ”โจชัวพ่นๆ พลางวางกระเป๋าลงบนเตียงถัดไปจากเตียงของไบรอันเตียงหนึ่งและให้สเวนอยู่เตียงใกล้ๆ ไบรอัน
                    “แต่ฉันว่าเขาก็ไม่ได้โง่เท่าไหร่หรอกนะดูจากที่เขาทำทุกๆ อย่างแล้ว คงเป็นคนที่ละเอียดรอบคอบและฉลาดเป็นกรดเลยล่ะนี่ฉันพยายามจะหาข้อมูลของหมอนั่นจากดาต้าเบสทั้งหมดที่รู้จักแต่ก็ไม่มีปรากฏชื่อของมันแม้แต่นิดเดียวอุตส่าห์หลอกถามชื่อหมอนั่นมาได้แล้วเชียว”
                    “แกก็น่ารำคาญเหมือนไอ้เสื้อผ้ารุงรังนั่นแหละอวดฉลาด โว๊ะ” โจชัวที่ไม่ชอบคนอวดฉลาดก็ตะโกนมาต่อว่าไบรอันในทันที
                    “เหอะ”ไบรอันไม่โต้ตอบอะไร แต่ปล่อยให้โจชัวบ้าน้ำลายไปคนเดียว
                    “เอ่อ...ไบรอันฉันชื่อสเวนนะ สเวน ควินน์”
                    “อ่อ...อื้ม ยินดี”
                    “สเวนนายอย่าไปเกลือกกลั้วกับคนอย่างไอ้หมอนั่นเลย เดี๋ยวจะนิสัยเสียเหมือนมัน”
                    “พวกนายนี่ก็แปลกเนอะน่าจะเจอกันเมื่อกี้นี่ สนิทกันเร็วจริง คงจะมีอะไรเหมือนกันสินะ โง่เหมือนกันบ้าเหมือนกัน หรือไม่มีเพื่อนคบเหมือนกันล่ะ”ไบรอันที่พูดจาผิดสถานการณ์เข้าทำให้ใครบางคนถึงกับฉุนกึก แต่ผิดคลาดที่คนๆนั้นไม่ใช่โจชัว แต่กลับเป็นสเวนที่ดูจะสงบกว่า สเวนยกปืนพกที่พกมาขึ้นจ่อหน้าผากของไบรอัน
                    “...”
                    เสียงดีดคีย์บอร์ดของไบรอันเงียบลงแม้แต่โจชัวเองก็ตาโตเป็นไข่ห่านไม่คิดว่าสเวนที่ดูจะสุขุมจะเสียการควบคุมขนาดนี้แม้โจชัวจะคิดที่จะชกหน้าไอ้ไบรอันเหมือนกันที่มาว่าเขากับสเวนทั้งที่ไม่รู้อะไรแต่สเวนดันทำสิ่งที่เหนือกว่าเขา ทำให้โจชัวต้องลดหมัดลงทันที
                    “นี่นายจะฆ่ากันเลยหรอเนี่ยคิดว่าจะเป็นคนมีสติกว่านี้ซะอีก” ไบรอันที่โดนปืนต่อหน้าผากยังมิวายจะปากดี
                    “ฉันช่วยนายมากกว่านะเพราะโดนแค่นี้ ดีกว่าจะโดนต่อย”
                    “...”ไบรอันจ้องสเวนตาเขม็ง
                    “ขอยิงละนะ”สเวน
                    .              
                    .
                    .
                    ปี้ดปี้ด
                    น้ำใสๆถูกยิงออกจากกระบอกปืนพกของสเวนนาทีที่ลั่นไกทั้งไบรอันทั้งโจชัวก็กลั้นหายใจไปตามๆ กัน แต่คนที่สนุกสนานสุดๆเหมือนจะเป็นสเวน เหมือนว่าการสังเกตคนอื่นอยู่ตลอดของสเวนจะไม่ใช่ข้อเสียแล้วนะ
                    “ไอ้เฮียปืนฉีดน้ำ ฮ่าๆๆๆ โอ๊ยๆ ฮ่าๆ” โจชัวล้มลงไปกับพื้นทั้งที่ยังขำครวญครางอยู่อย่างนั้น
                    “...”ไบรอันปาดน้ำออกจากหน้าผากสองสามทีใบหน้าไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่แต่ก็ดีกว่าเป็นปืนจริงละนะ
                    “โชคดีนะที่วันนี้เป็นน้ำเปล่าปกติฉันชอบใส่น้ำแปลกๆ เข้าไป” สเวนเริ่มแนะนำของเล่นของตนเอง
                    “เออน่ารำคาญแม่มทุกคนเลย”


     
                    กลางดึก
                    “ตามปกตินะฉันไม่อยู่ดึกแบบนี้หรอกนะเว้ย แค่สามทุ่มก็หลับเป็นตายแล้ว”โจชัวยังคงบ่นให้สเวนฟังอย่างไม่ขาดสาย สเวนเองก็ไม่คิดจะรำคาญแต่อย่างใดออกจะดีใจที่มีคนอยากเล่าเรื่องของตัวเองให้เขาฟัง
                    “แล้วทำไมวันนี้ไม่นอนสักที”สเวนถามขึ้นขณะที่ตัวเองยังนอนห่มผ้าพร้อมนอนเรียบร้อย ทั้งโจชัวเองก็เช่นกันทั้งคู่กำลังนอนมองเพดานและโคมไฟระย้าสุดสวยคลอไปด้วยเสียงดีดคีย์บอร์ดของไบรอันที่ไม่เลิกดีดสักที ไม่รู้จะพิมพ์อะไรนักหนา
                    “ก็คฤหาสน์สไตล์เนี่ยมันก็ต้องสร้างมานานแล้วใช่ไหม แสดงว่ามันต้องมีไอ้นั่นใช่ไหมล่ะ”
                    “อะไรของนายล่ะไอ้นั่นไอ้นี่ คฤหาสน์ก็มีแทบทุกอย่างแหละ อาหารก็อร่อยสุดๆ เลยเหมือนฝันสุดๆ ”
                    “อย่าเพ้อดิสเวนฉันกำลังพูดจริงจังนะเฟ้ย”
                    “สเวนไอ้ชั่วมันหมายถึงวิญญาณคนตายน่ะ” ไบรอันที่ฟังอยู่นานจนหมดความอดทนช่วยพูดให้ไบรอันคิดว่าสองคนนี้เข้ากันได้แบบแปลกๆ สเวนเป็นคนไม่ค่อยเข้าใจภาษาคนเท่าไหร่ส่วนไอ้ชั่วก็เป็นพวกพูดจาไม่รู้เรื่องใช้แต่อารมณ์ แต่ดันเข้ากันได้เฉยเป็นเรื่องแปลกที่ไบรอันก็ประหลาดใจเหมือนกัน
                    “อย่าเรียกฉันแบบนั้นนะเฟ้ยฉันชื่อโจชัว โจชัวน่ะเข้าใจมะ” โจชัวที่ไม่พอใจต่อว่าไบรอันขึ้นมาเสียงแข็ง
                    “ทั้งสองคนนี่ทะเลาะกันเก่งจังฮ่าๆๆ ” สเวน
                    “โรงเรียนไหนเขาสอนว่าการทะเลาะกันเป็นความสามารถน่ะ”ไบรอันที่ไม่เข้าใจสเวนอย่างหนักก็จำใจต้องถามขึ้นมาอีกทั้งที่ตามจริงแล้วไม่อยากที่จะเปิดปากคุยกับไอ้สองตัวนี้เลย แต่ไบรอันก็หยุดไม่ได้เพราะถ้าปล่อยให้มันคุยกันสองคน มันก็จะคุยคนละเรื่องเดียวกันอย่างสนุกสนานเลยล่ะ
                    “แล้วสรุปว่าจะมีผีจริงๆหรอ” สเวนถามขึ้นมาขณะที่นึกขึ้นได้ว่าผีนั้นค่อนข้างน่ากลัว
                    “ผีไม่มีจริงหรอกนะพวกถ้ามีมันก็แค่ก้อนพลังงานบางอย่างที่ย่อยสลายไปเองไม่ได้เท่านั้นแหละนั่นหมายความว่ามันไร้ค่ายิ่งกว่าก้อนอึซะอีก”
                    “พูดอะไรของแกไอ้อั้นอึฉันนี่งงสุดหูรูดเลย” โจชัวเริ่มพูดขัดคอวิชาการของไบรอันอีกครั้ง(โจชัวเรียกไบรอันว่า‘อั้นอึ’)
                    “แต่ว่านะที่เนี่ยมียมทูตที่แต่งตัวรุงรังด้วยนะ ถ้าจะมีผีฉันคิดว่าก็เป็นไปได้” สเวนเสนอแนวคิดอ้างอิงจากบุรุษไปรษณีย์ที่แต่งตัวด้วยชุดยมทูตสีดำรุงรังซึ่งมารู้ทีหลังว่า ชื่อ เซน เดวิด หรือ เซนเดฟ
                    “เซนเดฟมันเป็นคนนะถึงจะแต่งตัวเป็นยมทูตแต่ก็เป็นคนน่ะ เข้าใจไหม” ไบรอันพยายามจะอธิบายให้คนพิลึกอย่างสองคนนี้เข้าใจซึ่งไร้ความหมาย
                    “พวกนายน่ะเอาแต่พูดถึงผีๆๆ อยู่ได้ เดี๋ยวมันก็มาจริงๆ หรอก” โจชัว
                    พรึ่บ!
                    โคมไฟระย้าทั้งห้องถูกดับสนิทอย่างกะทันหัน
                    “ใครปิดไฟอ่ะ”สเวนถามเสียงแผ่ว
                    “ฉันเปล่า”ไบรอันพูดก่อนจะฉายแสงโน๊ตบุ๊คที่สว่างอยู่ไปตรงที่สวิทซ์ไฟ แต่ก็ไม่พบผู้ใด
                    “ฉันก็เปล่านะเฟ้ยพวกนายนั่นแหละ พูดมาก มาเลยเห็นไหม” โจชัวบ่นระงม
                    “ไฟตกรึเปล่า”ไบรอันยังคงหาเหตุผลมาอ้างอิงเรื่องเหนือธรรมชาตินี้
                    แอด...
                    “นั่นใคร/ ใครวะ /ใครน่ะ ”ทั้งสามเสียงประสานกันอย่างมิได้นัดหมาย ประตูห้องค่อยๆ เปิดออกช้าๆเสียงประตูที่ค่อนข้างมีอายุดังเอี๊ยดอ๊าดไปหมด
                    “เฮ้ย! ”เสียงสเวนตกใจเมื่อไบรอันที่อยู่เตียงใกล้ประตูที่สุดลุกวิ่งสุดแรงเกิดมาอยู่บนเตียงเดียวกับสเวนด้วยความหวาดกลัวที่เจ้าตัวไม่ยอมรับ “ไม่ได้กลัวนะ เตียงฉันมันไม่นุ่ม”ไบรอันกล่าว
                    แอด...
                    เสียงประตูค่อยๆเปิดอย่างเชื่องช้า
                    “แง...ไม่เอาน้า~ ”โจชัวเริ่มร้องเสียงหลง
                    “แฮร่!!!”
                    “อ๊าก~!!!!!!”
                    สามเสียงประสานอย่างทรงพลังทั้งไบรอัน โจชัว สเวนเมื่อใบหน้าขาวโพลนปรากฏต่อสายตาทั้งยังเป็นใบหน้าที่ลอยละล่องอยู่กลางอากาศได้วินาทีที่สติกระเจิดกระเจิงทำให้รู้ไอ้สามคนนี้ กลัวผีสุดๆ
                    พรึ่บ!
                    ไฟทั้งห้องติดอย่างมิได้นัดหมาย สภาพแต่ละคนตอนนี้ดูไม่ได้เลยทีเดียวหมดความเป็นชายในตัวอย่างสิ้นเชิงไบรอันกับสเวนกอดกันหลับตาแน่นแหกปากอย่างเสียสติส่วนโจชัวที่อยู่คนละเตียงก็คุมโปงหลับหูหลับตาแหกปากอย่างไม่คิดชีวิตเอาล่ะสภาพแต่ละคน อนาถหนัก
                    ร่างสูงปรี๊ดของผู้มาใหม่ทำให้ทุกคนค่อยๆ ลืมตามามองเขาและรู้ทันทีว่าโดนชายคนนี้แกล้งเข้าให้แล้วเขาเป็นชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันกับทั้งสามคน ใบหน้าขาวเนียนนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเล ผมสีควันบุหรี่อย่างที่หลายคนชอบใบหน้าแสนจะหล่อเหล่าสไตล์หนุ่มยุโรป
                    “หวัดดีนะครับทุกคนผมชื่อฮันท์ ฝากตัวด้วยนะครับ~ เมื่อกี้เป็นโชว์ทักทายเล็กๆ น้อยๆดีใจที่ได้เจอครับที่ผมมาช้าก็เพราะว่ามัวแต่ทดลองยาตัวใหม่อยู่ก็เลยเพลินเลยเวลาซะได้แต่วางใจได้ครับ ยาตัวใหม่ประสบผลสำเร็จอย่างสุดซึ้งพูดแล้วอยากร้องไห้เลยล่ะครับ”
                    “พล่ามอะไรอยู่ได้วะแกน่ะ”โจชัวลุกขึ้นอย่างโมโหพลางหยิบผ้าขนหนูมาฟาดใส่ที่นอนจนเกิดเสียงดังน่าหวาดกลัว
                    “นายเล่นอะไรฉันไม่รู้หรอกนะแต่ฉันโคตรไม่สนุกเลย” ไบรอันหยิบระเบิดน้อยหน่าที่พกมาด้วยแล้วเดินเข้าไปใกล้ๆผู้มาใหม่
                    “อึแทบราดเลยนะเมื่อกี้แบบนี้อภัยไม่ได้จริงๆ ” สเวนเองก็หยิบปืนพกสองกระบอกแล้วเดินไปประชิดตัวของฮันท์เช่นกัน
                    “ตายส้า~! ”เป็นอีกครั้งที่สามเสียงประสานกันอย่างสามัคคีและหลังจากวันนี้ไปมันอาจจะกลายเป็นสี่เสียง... หรือห้าเสียง

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in