เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Dangerous Love (Deadly Companions #1)Aki_Kaze
บทที่ 7: โบรส
  • 7
    โบรส

    เสียงน้ำจากฝักบัวดังมาจากห้องน้ำชั้นล่างบ่งบอกว่าประตูไม่ได้ปิดสนิท นั่นหมายถึงโดมินิคอาจรอให้ผมเข้าไป ผมนั่งอยู่บนเตียงนอน มองดูสภาพที่นอนที่เปลี่ยนไปด้วยฝีมือของผมกับเขา ไออุ่นของเขายังคงตกค้างอยู่ข้างๆ ผม รอบตัวผม บนร่างกายของผม
    ผมไม่เคยให้ใครค้างที่นี่ เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นลง พวกเขาต้องกลับ แต่โดมินิคไม่ใช่ลูกค้า ช่วงเวลาที่อยู่กับเขาแตกต่างจากช่วงเวลาที่คนเหล่านั้นอยู่กับผม เขาให้ความสำคัญกับผมมากพอๆ กับความสุขสมของตัวเอง เขาไม่ได้ตักตวงความต้องการเพียงลำพังแต่แบ่งปันความรู้สึกเหล่านั้นมาให้ผม ดูแลผม ทะนุถนอมผม ราวกับผมคือสิ่งสวยงามที่สุดที่เขาเคยสัมผัส เขาไม่ได้บังคับ ไม่ดื้อดึง ไม่เห็นแก่ได้ เขามอบความปรารถนาที่ผมพร้อมและเต็มใจที่จะรับ ผมตอบแทนเขา และเราต่างประคับประคองกันและกัน มันไม่ใช่ความรู้สึกที่เคยเกิดขึ้นยามที่ผมร่วมหลับนอนกับใคร มันทำให้ผมละทิ้งทุกอย่าง ทุกความกังวล เขาทำให้ผมดื่มด่ำไปกับการถูกสัมผัส เพลิดเพลินไปกับการถูกกอดรัด และไม่ปล่อยผมไว้ตามลำพัง เขาต้องการผมมากพอๆ กับที่ผมต้องการเขา และเราสร้างบางอย่างร่วมกันที่ยากที่จะลืมเลือน
    และยากที่จะปล่อยให้จบลงเพียงแค่ค่ำคืนเดียว
    เสียงน้ำเงียบไป อีกไม่นานโดมินิคจะเดินกลับขึ้นมา ผมก้าวลงจากเตียง เดินผ่านเสื้อผ้าที่เราสองคนถอดทิ้งไว้ เขาเดินขึ้นบันไดมาพร้อมกับผ้าเช็ดตัวพันรอบเอว กลิ่นครีมอาบน้ำที่ผมใช้เป็นประจำห่อหุ้มร่างกายของเขา เราพบกันที่บันไดขั้นสุดท้าย
    “ถ้าทำอะไรตรงนี้ ฉันจะตกบันไดได้นะ”
    เขายิ้ม ผมไม่เคยเห็นโดมินิคยิ้มแบบนั้นมาก่อน ใบหน้าของชายที่ดูจริงจังต่อทุกอย่างบนโลกจางหายไป เหลือเพียงผู้ชายธรรมดาๆ คนหนึ่งที่กำลังอารมณ์ดีหลังได้อาบน้ำ
    ผมแกะปมผ้าเช็ดตัว ปล่อยให้มันกองลงตรงปลายเท้าของเขา เรือนร่างเปลือยเปล่าปรากฏสู่สายตาของผม เรียกร้องให้ผมสัมผัส เพียงแค่เห็นผมก็จดจำได้ถึงทุกการเคลื่อนไหวที่ร่างกายของเขากระทำได้
    “คนหนุ่มนี่ดีจังเลยนะ” เขาพูดโดยที่สายตาจับจ้องยังท่อนล่างของผม ก่อนที่ดวงตาสีเทาของเขาจะเลื่อนกลับมาบนใบหน้าของผมอีกครั้ง
    ผมไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นก่อน ระหว่างการที่ผมยกแขนคล้องคอเขา หรือการที่เขาช้อนเรียวขากับบั้นท้ายของผมลอยขึ้นจากพื้น ริมฝีปากของเราโหยหาการถูกสัมผัส ปลายลิ้นของเราหยอกเย้าอย่างคุ้นชิน เขาวางผมลงบนที่นอน จ้องมาที่ผม ราวกับผมเป็นสิ่งเดียวที่สำคัญต่อโลกใบนี้ เขาสนใจผม ความปรารถนาของผม ความสุขของผม มากกว่าบาดแผลบนเรือนราง เขาไม่ถามถึงแผลเป็นบนหน้าท้องว่าเกิดขึ้นได้อย่างไรหรือตอนไหน เขาจูบมัน ลากปลายนิ้วไปตามความยาวของมัน เขาทำแบบนั้นอย่างทะนุถนอม เขาชื่นชมเพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของผม
    “โดมินิค”
    ผมครางชื่อเขาอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยครางชื่อคู่นอน ทว่าการครางเหล่านั้นล้วนเป็นสิ่งที่ผมต้องทำ เป็นสิ่งที่พวกเขาอยากได้ยิน แต่ชื่อของโดมินิคเป็นสิ่งที่ผมอยากทำ ผมอยากเรียกชื่อของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทุกครั้งที่ผมเรียกชื่อ ริมฝีปากของเขาจะรัดแน่นขึ้น ดูดกลืนผมลึกซึ้งขึ้น และชื่อของเขาจะยิ่งดังสะท้อนมากขึ้น
    โดมินิคปล่อยให้ผมเคลื่อนไหวดั่งใจ เพิ่มและลดจังหวะด้วยตัวเองโดยที่เขารองรับทุกอย่างจากกายผม กลืนส่วนหนึ่งจากตัวผมอย่างไม่รังเกียจ เสียงลมหายใจของเราทั้งคู่ดังก้อง เขาเคลื่อนตัวขึ้นมาหาผม จูบผมที่ริมฝีปากจนผมรับรู้รสชาติของตัวเองผ่านปลายลิ้นของเขา เขากอดผม ให้ความอบอุ่นแก่ผมจนผมค้นพบว่าตัวเองต้องการไออุ่นแบบนี้ โหยหาการเอาใจใส่อย่างที่เขามอบให้
    “เธอร้องไห้”
    เขามองผมด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ผมไม่รู้ว่าตัวเองร้องไห้กระทั่งน้ำตาไหลผ่านแก้ม และไม่ว่าด้วยเหตุผลใด ผมหยุดมันไม่ได้ ภาพทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตผมทะลักเข้าสู่ความทรงจำพร้อมๆ กัน สาเหตุที่ทำให้ชีวิตผมเป็นแบบนี้ เรื่องที่ผมตัดสินใจ คนที่ผมเป็น คนที่ผมเคยเป็น และคนที่ผมกำลังจะเป็น ทุกเรื่องเลวร้ายในชีวิตที่ผมไม่เคยเศร้าเสียใจกับมันถาโถมเข้าใส่ผมโดยพร้อมเพียง
    โดมินิคกอดผมโดยไม่พูดอะไร ฝ่ามือของเขาลูบไปตามเรือนผมและท่อนแขนอย่างอ่อนโยน เขาให้ผมนอนลงบนอ้อมกอดของเขา กล่อมผมให้หลับด้วยไออุ่น
    ยามที่รู้สึกตัวขึ้นมาอีกที เตียงนอนข้างผมกลับว่างเปล่า ผมรุดขึ้นนั่งก่อนจะได้ยินเสียงพึมพำดังมาจากด้านล่าง หลังจากสวมเสื้อเชิ้ตกับกางเกงชั้นใน ผมก็เดินลงบันไดไปยังห้องนั่งเล่น เห็นโดมินิคนั่งหันหลังให้ผมและกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ เขาไม่ได้ใส่เสื้อนั่นทำให้ผมเห็นรอยสักบนแผ่นหลังอย่างชัดเจน
    เขาเห็นผมเดินมานั่งบนโซฟาก็ส่งยิ้มให้ก่อนจะกล่าวลากับใครก็ตามที่อยู่ปลายสาย ความรู้สึกกระอักกระอ่วนเกิดขึ้นทันทีที่ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ผมไม่รู้ว่าควรพูดอะไร ควรถามถึงเรื่องเมื่อวานไหม หรือทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
    “ดื่มกาแฟไหม ผมชงให้”
    ผมลุกขึ้นยืนอีกครั้งเมื่อการนั่งเฉยๆ ไม่ช่วยอะไร
    “กาแฟดำ น้ำตาลช้อนเดียว”
    “โอเค”
    ผมเดินไปที่เคาน์เตอร์ เสียบปลั๊กไฟเพื่อต้มน้ำ ยืนสาละวนอยู่กับการชงกาแฟจะได้ไม่ต้องนึกถึงเรื่องที่โดมินิคนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นของผม เขาสวมเพียงแค่กางเกงบ่งบอกว่ายังไม่คิดที่จะกลับ ผมไม่อยากให้เขากลับ แต่ก็ไม่อยากให้อยู่ต่อ ผมต้องการเขาแค่คืนเพียงเพื่อที่ผมจะได้ลืมและไม่ต้องคิดถึงเขาอีก แต่ผลที่ได้กลับแตกต่างอย่างสิ้นเชิง
    ผมยังต้องการเขา และความต้องการมีมากกว่าเดิมหลายเท่า
    ยามที่ผมเดินกลับมาที่ห้องนั่งเล่นอีกครั้ง โดมินิคกำลังอ่านอะไรบางอย่างบอจอโทรศัพท์ เขาปิดมันก่อนที่ผมจะทันได้มองว่าคืออะไร เขารับกาแฟไปดื่มขณะที่ผมหย่อนตัวนั่งลงข้างๆ
    “ผมถามอะไรได้ไหม”
    “ว่ามาสิ”
    “รอยสักที่หลังมีความหมายอะไรหรือเปล่า”
    โดมินิคอมยิ้ม วางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะรับแขก “ก็แค่ลวดลายที่ฉันไปเห็นในร้านแล้วรู้สึกว่ามันสวยดี”
    “แค่นั้นเหรอ”
    “แค่นั้นแหละ” สายตาที่เขาใช้มองผมเป็นแบบเดียวกันกับตอนที่เราอยู่บนเตียง ผมรู้สึกได้ถึงความร้อนที่ไล่ไปตามร่างกายอย่างช้าๆ
    โดมินิคไม่ได้พูดอะไร แต่ผมรู้ว่าเขามีคำถามมากมายที่คาใจอยู่ ทุกอย่างแสดงอยู่บนสีหน้าของเขา ผมนึกขอบคุณที่สุดท้ายแล้วเขายังคงเงียบเฉย เขาคงรู้ว่าคงไม่ได้คำตอบจากผม อย่างน้อยก็ยังไม่ใช่ตอนนี้
    “วันนี้คุณต้องทำอะไรเหรอ”
    “ไปพบลูกค้า”
    “วันหยุดเนี่ยนะ”
    “แล้วเธอหยุดด้วยเหรอ”
    ผมนึกถึงคำพูดของเขาระหว่างที่เราเป็นหนึ่งเดียวกัน
    “เป็นของฉัน แอมโบรส ของฉันคนเดียว”
    ข้อเสนอของเขาช่างเย้ายวนแต่ผมไม่ต้องการมีความสัมพันธ์กับใคร หากความใฝ่หาของเขาคือร่างกาย ผมยินดีมอบให้ แต่ถ้ามันเป็นบางอย่างที่ลึกซึ้งกว่านั้น
    “ที่คุณบอกผม”
    “ฉันจริงจัง” เขาสวนขึ้นก่อนที่ผมจะทันได้จบประโยค “ฉันไม่ต้องการแบ่งเธอกับใคร ถ้าเธอต้องการเงิน”
    “ผมไม่ต้องการเงินจากคุณ”
    “ถ้าอย่างนั้นเธอต้องการอะไร”
    ผมมองตาของโดมินิคก่อนจะเป็นฝ่ายหลบหนีทั้งที่เขาไม่ได้มีท่าทีคุกคามแต่อย่างใด นี่เป็นโอกาสดีที่ผมจะวางขอบเขตโดยที่เขาไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธใดๆ ทั้งสิ้น
    “เซ็กส์ ผมต้องการแค่นั้น”
    เขาระบายยิ้ม “ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”
    “ผมจริงจัง” น้ำเสียงของผมหนักแน่นจนรอยยิ้มของเขาจางหายไป “ผมไม่ต้องการความสัมพันธ์ ไม่ต้องการข้อผูกมัด แต่ผมจะนอนกับคุณคนเดียว”
    “แบบนั้นถือเป็นข้อผูกมัดไม่ใช่เหรอ”
    “ตราบใดที่เป็นแค่ร่างกาย...”
    “เข้าใจแล้ว” โดมินิคตัดบท เป็นสัญญาณบอกให้ผมเคลื่อนไหว
    ผมโน้มตัวเข้าหาเขา นั่งคร่อมระหว่างตัวเขาก่อนจะจูบลงบนริมฝีปากอย่างแนบแน่น ผมชอบจูบของเขา ชอบสัมผัสที่ริมฝีปากและปลายลิ้นของผมได้รับ ชอบรสบุหรี่ที่ติดตัวของเขามา ผมชอบลำคอของเขาที่ตอนนี้มีกลิ่นใบชาผสมกับมิ้นต์ของผม ผมชอบนิ้วมือของเขาที่ค่อยๆ ปล่อยเปลื้องเสื้อผ้าให้ผม ชอบฝ่ามือทั้งสองที่คอยประคับประคองผม ชอบดวงตาที่สะท้อนใบหน้าของผมเพียงผู้เดียว เราสองคนห่างไกลคำว่าสุขสมเพียงแค่เอื้อม แต่เขาไม่มีถุงยางอนามัยอยู่กับตัว ทำให้เราต้องย้ายกลับขึ้นไปยังที่นอน
    ต่อให้ผมอยากสัมผัสกายเนื้อเปลือยเปล่าของเขา ผมก็ไม่เสี่ยงและไม่ต้องการให้เขามาเสี่ยงด้วย ผมรู้ดีว่าตัวเองใช้ชีวิตแบบไหนและนั่นทำให้ผมให้ความสำคัญกับกฎมาตลอด
    เรามีอะไรกันอีกครั้ง และอีกครั้ง และอีกครั้ง จนกระทั่งถึงเวลาที่โดมินิคต้องออกไปพบลูกค้า แม้ว่าคืนนั้นเขาจะไม่ได้กลับมา แต่นับจากวันนั้นเขาจะมาค้างคืนกับผม ยกเว้นคืนที่ผมทำงานที่สปาร์ค
    โดมินิคเริ่มหันมาสนใจกับของเล่นในลิ้นชักของผมและเริ่มทดสอบร่างกายของผมเช่นกัน แม้ผมจะยืนยันว่าขีดจำกัดของผมมีมากกว่าที่เขาคิดแต่โดมินิคก็ยังลังเล กระนั้นเขาก็ฟังผม เคารพผม เชื่อใจผมเหมือนที่ผมเชื่อใจเขา หากผมไม่เชื่อใจคงไม่ปล่อยให้เขาทำแบบนี้
    นานมาแล้วผมเคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งในรูปแบบนั้นกับผู้ชายคนหนึ่งแต่มันจบลงโดยที่เขาละเมิดความเชื่อใจของผม เขาไม่ฟังในช่วงเวลาที่เขาต้องฟัง บางทีนั่นอาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ผมไม่ต้องการมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับใคร
    ผมกลัวการเชื่อใจ แต่โดมินิคทำให้ผมหยุดกังวลกับเรื่องนั้น เขาทำให้ผมรู้สึกถึงความต้องการ ถึงตัณหา จนผมไม่จำเป็นต้องสนเรื่องอื่น
    “ผมยังไหว”
    ผมแย้งเมื่อเขาคิดที่จะปล่อยผมเป็นอิสระ ความเสียวซ่านในตอนนี้ทำให้ผมอยากปลดปล่อยแต่ถึงอย่างไรผมก็ยังอยากยืดเวลาออกไปให้มากที่สุด เมื่อโดมินิคถอนมือออกไปผมก็รู้ว่าอะไรจะตามมา เลือดในร่างกายผมไหลไปรวมอยู่ที่จุดเดียวกัน
    “...ยัง...อย่าเพิ่ง...”
    ผมแย้งอีกครั้ง ความรู้สึกอยากปลดปล่อยแต่ทำไม่ได้ส่งผลให้หัวใจของผมเต้นระส่ำ เสียงครางของผมเริ่มไม่เป็นภาษา ไม่สามารถมองเห็นภาพตรงหน้าได้ชัดเจนอีกต่อไป ผมรู้ว่าผมกำลังพูดอะไรบางอย่าง แต่ผมไม่อาจห้ามหรือจับใจความได้ ร่างกายของผมเหมือนไม่ใช่ของผมอีกต่อไป
    ทันทีที่โดมินิคดึงแท่งสแตนเลสออก บางอย่างได้ชำระร่างกายผมไปในคราเดียว ผมหายใจหอบ ริมฝีปากแห้งผาก ลำคอทั้งแสบและแห้ง เขานอนลงข้างผม พยายามหายใจไม่แพ้กัน ผมเพิ่งรู้ตัวว่าพูดอะไรกับเขาไปบ้าง มันไม่ใช่เรื่องปกติเลยที่ผมจะขาดการควบคุมได้ถึงเพียงนั้น
    “ผมต้องการน้ำ”
    เสียงหัวเราะของโดมินิคดังข้างหู แต่ผมไม่มีแรงจะตอบโต้ เขาลุกจากที่นอนลงไปชั้นล่างขณะที่ผมยังคงนอนกอบโกยอากาศเข้าร่างกาย ผมหันไปทางชั้นวางของข้างเตียงเพื่อจะหยิบโทรศัพท์ดูเวลาแต่โทรศัพท์ของโดมินิคก็สว่างวาบขึ้นมา ผมหยิบขึ้นมาดูและพบว่ามันเป็นการแจ้งเตือนของอะไรบางอย่างที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า มีแค่คำว่า ครบรอบ ปรากฏอยู่บนจอ ผมดูเวลาก่อนจะวางโทรศัพท์ลงที่เดิม ไม่ว่าจะเป็นอะไรมันก็ไม่ใช่เรื่องของผม
    โดมินิคเดินกลับขึ้นมาอีกครั้งพร้อมน้ำเปล่าหนึ่งแก้วกับขวดน้ำหนึ่งขวด เขายื่นอย่างแรกมาให้แต่ผมหยิบอย่างหลัง ผมกระดกน้ำจากขวดโดยไม่ได้สนใจรอยยิ้มขบขันจากเขาแม้แต่น้อย
    “ดีมาก ดื่มน้ำเยอะๆ เธอยังต้องพึ่งมันอีก”
    “ไม่” ผมตอบก่อนจะปิดฝาขวด “พอแล้วสำหรับวันนี้”
    “ฉันเก่งขนาดนั้นเลยเหรอ” เขารับขวดน้ำจากมือผมไปวางลงบนชั้นวางของข้างเตียง สีหน้าแสดงออกถึงความพึงพอใจ
    “คุณจะแข่งเรื่องนี้จริงๆ เหรอ” ผมท้ากลับ
    โดมินิคยกมือสองข้างก่อนจะทิ้งตัวลงนอน เว้นที่ให้ผมเข้าสู่อ้อมกอด เขารู้จักการเล้าโลม และแน่นอนว่าช่วงเวลาสำคัญเขาก็ไม่ทำให้ผิดหวัง แต่ผมชอบช่วงเวลานี้ที่สุด ยามที่เขาลูบศีรษะผมอย่างอ่อนโยนและเปิดโอกาสให้เราได้คุยกัน แม้ว่ามันจะไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากรู้มากที่สุดก็ตาม โดมินิคยังไม่ถามถึงแผลตามร่างกายหรือเรื่องครอบครัว บางทีเขาอาจรู้คำตอบแล้วก็เป็นได้
    “มันดีขนาดนั้นเลยเหรอ”
    “หมายถึงเรื่องอะไร”
    “เพศสัมพันธ์ทางทวาร มันรู้สึกดีขนาดนั้นเลยเหรอ”
    ผมไม่อยากเชื่อหูตัวเองเลยว่าเพิ่งได้ยินคำถามแบบไหน “คุณสนใจเหรอ” ผมแกล้งถามกลับ
    “ฉันแค่สงสัย”
    “ผมเคยเป็นฝ่ายรุกมาก่อน” โดมินิคหันมองด้วยท่าทางสนใจ “มันไม่ได้แย่ขนาดนั้นถ้าดูจากปฏิกิริยาของคนที่ผมนอนด้วย เพียงแต่ผมไม่ได้รู้สึกเหมือนที่ผมรู้สึกตอนเป็นฝ่ายรับ”
    ฝ่ามือของผมแทรกผ่านผ้าห่มสู่เรือนร่างของโดมินิค กอบกุมส่วนเร่าร้อนที่ยังหลับไหลของเขา
    “ผมไขข้อสงสัยให้คุณได้นะ”
    “ข้อผ่าน” เขาตอบ พลางพลิกตัวเป็นฝ่ายทาบทับผม “บางอย่างก็ปล่อยให้เป็นปริศนาต่อไปจะดีกว่า”
    “ถ้าคุณเปลี่ยนใจ...”
    โดมินิคปิดปากผมด้วยจุมพิตในแบบที่ทำให้ผมคิดว่าเขาคงไม่มีทางเปลี่ยนใจ
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in