เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My novel collectionnyneenich
สยบฟ้าพิชิตปฐพี - อาหนิง ต้าถัง และซังซังของเขา
  • มีไว้หวีดอย่างเดียว สปอยเกลื่อนกลาดแน่นอน รุนแรงด้วย

    สยบฟ้าพิชิตปฐพี (将夜)
    ผู้แต่ง : Mao Ni
    ผู้แปล : มดแดง/ซือเสียนทรงพล
  • เล่ม 26



    สาวสวยบนหน้าปกน่าจะเป็นพระอัครมเหสี ใช่ไหมนะ

    เล่มนี้คือการปูทางสู่ฉากใหญ่ที่แท้จริง เริ่มตั้งแต่จอมปราชญ์ขึ้นไปสู้กับเฮ่าเทียนบนฟ้า อาหนิงก็หมดอาลัยตายอยาก หายไปทั้งอาจารย์ทั้งซังซัง หลังจากนั้นจักรพรรดิก็สวรรคต องค์หญิงปลอมราชโองการให้น้องตัวเองได้ขึ้นบัลลังก็ ซึ่งจักรพรรดิคนก่อนก็มองขาดแล้วแหละว่านิสัยอย่างอค์ชายนี่ไม่ควรได้บัลลังก์ แต่พี่สาวจะด้วยความลำเอียงหรือความแค้นก็แล้วแต่ ดันมองไม่เห็น สองพี่น้องคนหนึ่งเขลาคนหนึ่งหลงจนเกือบทำแคว้นล่มสลาย

    ในเล่มมีฉากที่ชอบหลายฉากมาก ทั้งพระอัครมเหสีโชว์พาว (physically) อาหนิงโชว์เหี้ยม(อีกหลายครั้ง) สะใจไปกับฉากที่องค์หญิงรู้สึกเสียใจภายหลังที่ดันน้องตัวเองนังบัลลังก์ แล้วก็ฉากที่อาหนิงกลับไปดูแม่ทัพหม่าที่เมืองเว่ย แล้วก็เสียใจอยู่คนเดียว เศร้ามาก แม่ทัพหม่าตั้งแต่ช่วยหนิงกะซังซังมาจากภูเขาก็เป็นเหมือนพ่อ ขนาดหนีตายยังไงก็ไม่ยอมไปเมืองเว่ยให้เขาได้รับอันตราย

    แต่ที่พีคสุดก็อาหนิงตอนท้ายเรื่องนี่แหละ เริ่มตั้งแต่อารักขาพระมเหสีกับองค์ชายกลับเมืองหลวง ใครขวาง ฆ่าทิ้งทุกคน ขุนนางเฒ่าเอาคำสั่งจอมปราชญ์ห้ามศิษย์ยุ่งการเมืองใช่ไหม นังหนิงฉีกทิ้งเลยจ้า อาจารย์ทิ้งข้าขึ้นฟ้าไปแล้ว ทำไมต้องแคร์อีก สตั๊นกันหมด พระอัครมเหสียังตกใจ5555 พร้อมทิ้งท้ายด้วยประโยคเด็ดใส่ขุนนางที่มาขวาง 

    "ศิษย์สถานศึกษาเรื่องที่ถนัดที่สุดคือขัดคำสั่งอาจารย์"

    "เช่นนั้นก็รีบโมโหจนตายไปเสีย ตายแล้วจะได้สบาย"

    "ความเลือดเย็นของข้าโลกนี้ยังไม่ได้เห็น ดูแลสังขารให้ดีเถอะ วันหน้าพวกท่านจะได้เห็นทีละน้อย"


    ชั้นรักอาหนิงที่ความปากจัดของฮีเนี่ยแล

    สุดท้ายพอเข้าไปในวัง ระดับหนิงต้องไม่ธรรมดา 

    "ท่านบอกว่าท่านมีน้องชายคนเดียว""ท่านผิดแล้ว ความจริงท่านมีน้องชายสองคน"
    "ตอนนี้ท่านมีน้องชายคนเดียวแล้ว"
    ฉับเดียวจบปัญหาทุกอย่าง ขุนนางแบ่งฝ่ายกันอยู่นั่นทั้งที่ศัตรูจะมาชิดกำแพงเมืองแล้ว ยังจะมามัวเลือกว่าใครจะได้บัลลังก์ นังหนิง says งั้นข้าเลือกให้เอง ตอนนี้ตัวเลือกเหลือคนเดียวแล้ว 

    "กลัวแตกแยก กลัวสงครามภายใน กลัวว่าการเลือกข้างจะทำให้สถานการณ์ปัจจุบันตึงเครียดกว่าเดิม ฉะนั้นตอนนี้ทุกท่านก็ไม่ต้องเลือกแล้ว ทั่วทั้งต้าถังก็ไม่ต้องเลือกแล้ว"
    นึกภาพหนิงใส่ชุดดำยืนในท้องพระโรงละอยากดูฉากนี้ในซีรี่ย์มากๆ หลังจากเฉยๆมาหลายเล่ม ในที่สุดก็เจอเล่มนี้ที่จบค้างมาก ไม่ไหวแล้ว ครึ่งเล่มแรกที่ปูเรื่องอยู่ก็แอบข้ามๆ แต่ก็จำเป็นต้องมีเพื่อส่งเรื่องมาให้ถึงฉากนี้ ทำไมอาหนิงถึงต้องทำแบบนั้น ทำไมหลี่ฮุยหยวนถึงควรจบแบบนั้น คนเขียนกรุยทางมาได้โอเคเลยแหละ

    เอาจริงๆอาหนิงก็ไม่ได้สนใจหรอกว่าใครจะได้บัลลังก์ ไม่น่าเข้าข้างพระมเหสีด้วย จะปลอมราชโองการ จะแย่งบัลลังก์กันก็ทำไปเถอะ ถ้าทำได้ดีอาหนิงอาจจะสนับสนุนด้วยซ้ำ แต่องค์ชายดันโง่ องค์หญิงก็คิดว่าตัวเองเก่งจนเกือบทำแคว้นล่มจม นั่นแหละที่อาหนิงยอมไม่ได้ เพราะทั้งชีวิตนังหนิงแคร์อยู่ไม่กี่อย่าง ซังซัง เมืองเว่ย ศิษย์พี่ศิษย์น้องในสถานศึกษา แล้วก็...ต้าถัง
  • เล่ม 27 [14/09/19]

    คำจัดกัดความสั้นๆของเล่มนี้ ต้าถัง (+สถานศึกษา) vs คนทั้งโลก

    เล่มที่แล้วกรีี๊ดกร๊าดอาหนิงไปเยอะ เล่มนี้อาหนิงหายไปซ่อมค่ายกลสยบเทวะ บทเด่นมาอยู่ที่พวกศิษย์พี่ที่คอยถ่วงเวลา 

    นอกจากอาหนิงแล้ว ศิษย์พี่ที่เหลือแบ่งเป็นสามทีม 

    ทีมแรก จะเรียกว่าทีมก็ไม่ถูก เพราะมีแค่ศิษย์พี่ใหญ่คนเดียว ศิษย์พี่ใหญ่คนเก่งคนดีของสถานศึกษา รับหน้าที่ถ่วงเวลาเจ้าอารามจือโส่ว ด่านไร้ระยะสองคน ไล่ตีกันไปทั่วโลก นึกภาพเป็นหนังออกเลย ที่สำคัญที่สุด... ศิษย์พี่ใหญ่ในที่สุดก็ต่อยตีเป็นแล้ว

    "ข้าต่อยตีเป็นแล้ว ถ้าเจ้าอารามไม่สนใจข้า ไม่เฝ้าดูข้า ข้าจะฆ่าคนได้มากมาย จ้าวบัลลังก์พิพากษา จ้าวบัลลังก์โองการฟ้า เยี่ยซู... นอกจากหลิ่วไป๋และเจ้านิกายที่ข้าไม่มั่นใจแล้ว คนอื่นๆข้าล้วนฆ่าได้"
    ทีมสอง ทีมเฝ้าโรงเรียน มีพี่ 3,5,8 รับมือกับเจ้านิกายที่มาบุกสถานศึกษาและปกป้องดวงตาค่ายกล ในที่สุดศิษย์พี่สามที่ดูธรรมดาๆก็โชว์เทพจนได้ เป็นถึงศิษย์พี่สาม เป็นรองก็แค่ศิษย์พี่ใหญ่กับศิษย์พี่รอง จะธรรมดาได้ยังไง และแล้วก็ไม่ธรรมดาจริงๆ ซึ่ง hint มาตั้งแต่เล่มที่อาหนิงสู้กับซย่าโหวแล้ว แล้วศิษย์พี่สามก็เทพจริงๆ 
    "แทงสองตาตัวเองให้บอด แล้วข้าจะเห็นแก่ความโง่เขลาของเจ้า ละเว้นชีวิตให้"
    ทีมสุดท้าย นำโดยศิษย์พี่รอง ตามด้วยกองหนุนเป็นพี่ 4,6,7,9,10,11 ไปตั้งรับกองทัพนับแสน กระบวนทัพก็ง่ายๆ ศิษย์พี่รองสวมเกราะยืนขวางหน้า  ศิษย์พี่ที่เหลือสนับสนุน นอกจากศิษย์พี่รองไม่มีใครสู้เก่งก็จริง แต่ศิษย์พี่ที่เหลือก็ได้โชว์ความถนัดของตัวเองกันหมด พี่สี่กับพี่เจ็ดเป็นหลักด้านค่ายกล พี่หกดูแลอาวุธยุทโธปกรณ์ พี่เก้าพี่สิบใช้ดนตรีมาเป็นอาวุธรับมือคนจำนวนมาก ส่วนพี่สิบเอ็ดรับหน้าที่เป็นหน่วยพยาบาล

    ด่านสู่พิสดารของสถานศึกษาไม่ใช่ด่านสู่พิสดารธรรมดา
    ศิษย์บนภูเขาหลังสถานศึกษาอาศัยเพียงพิณหนึ่งตัว ขลุ่ยหนึ่งเลาก็ต้านทหารม้านับพันนับหมื่นได้แล้ว เรื่องที่ทำให้บุคคลระดับสูงของกองทัพร่วมตกใจยิ่งกว่าคือศิษย์สถานศึกษาแต่ละคนล้วนมีสิ่งที่ตนชำนาญ เมื่อรวมตัวกันก็ทำให้เกิดสิ่งที่ไม่คาดฝัน
    นี่คือ 'ให้การศึกษาไม่แบ่งแยก' สูงต่ำจนรวยล้วนเท่าเทียม เช่นนี้แล้วสถานศึกษาจึงรับคนจากทั้งพรรคมารและผู้มีพรสวรรค์จากนิกายเต๋า ก่อกำเนิดคนอย่างเคอเฮ่าหรานและหนิงเชวีย
    นี่คือ 'สอนสั่งตามพื้นภูมิ' ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นคนเล่นหมากล้อมหรือคนเล่นดนตรีเคี้ยวดอกไม้หลังจากศึกษาที่สถานศึกษาแล้วล้วนสามารถหาโลกของตนพบ
    ไม่รู้ว่าตรงนี้แอบสื่อถึงแนวคิดด้านการศึกษาหรือเปล่า ในเรื่องการฝึกฌาณเหมือนการศึกษาสายหลัก คนที่สู้เก่งหรือมีด่านฌาณสูงก็เหมือนนักเรียนวิชาการดีเด่นประจำห้อง บุคคลที่มีชื่อเสียงในเรื่องก็เป็นอย่างนี้ทั้งนั้น แต่จริงๆ การเรียนรู้ก็คือการเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นวิชาการ หรือวิชาอื่นๆที่คนมองว่าไม่สำคัญ จริงๆแล้วทุกอย่างก็สำคัญเท่ากันหมด ไม่ใช่ว่าคนที่เก่งดนตรี งานช่าง หรือปักผ้าจะไม่ใช่คนเก่ง พวกเขาก็แค่เก่งในทางของตัวเอง โดยเฉพาะ เมื่อคนที่เก่งในด้านที่แตกต่างกันมารวมกัน ยิ่งเน้นจุดเด่นกลบจุดด้อย กลับกลายเป็นความแข็งแกร่งยิ่งกว่าที่ใครจะคิดออก พี่รองแม้จะสู้เก่งมาก แต่สุดท้ายยังไงก็เป็นคน รับมือคนหลักแสนยังไงก็ต้องเหนื่อย พี่เก้ากับพี่สิบเลยเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยพี่รองเซฟแรงไว้สู้กับคนเก่งๆ และยิ่งเข้ามาช่วงหลังๆของการต่อสู้ ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความใจเด็ดของพวกศิษย์พี่ที่ปกติดูจะขี้เล่น ยิ่งทำให้เท่เข้าไปอีก

    เอาจริงๆ ถ้าไม่ต้องแยกกับรับมือศัตรูก้ไม่น่ามีใครในเรื่องต้านสิบสามคนนี้ได้

    ส่วนศิษย์พี่สิบสอง อัจฉริยะเฉินผีผี หลังจากกลับบ้านไปหาพ่อ(?) จนหายไปหลายเล่ม เล่มนี้ถึงตัวจะไม่ได้โผล่มาและไม่ได้เข้าทีมไหนเลย แต่ก็ถือว่าได้ร่วมกันสู้ด้วยเหมือนกัน เจ้าอารามถึงกับด่าว่าไอ้ลูกเนรคุณ

    แม้แต่ระหว่างการสู้รบก็ยังเห็นโมเม้นความกุ๊กกิ๊กของคู่ 2-7 ไม่ได้คิดมาก่อนเลย แต่น่ารักมากจริงๆ ศิษย์พี่เจ็ดเป็นห่วงศิษย์พี่รองจนออกอาการหนักมาก แต่ศิษย์พี่รองยังดูมึนๆ ไม่รู้ตัวเท่าไร คู่นี้ดูน่าลุ้นน่าเชียร์

    นอกจากความเท่ของศิษย์หลังเขาแล้ว อีกเรื่องที่เห็นได้ชัดคือคาแรกเตอร์ของชาวถังที่ปูมาตั้งแต่เล่มแรก ชาวถังคือผู้หยิ่งทระนง ชาวถังคือผู้รักชาติ ไม่เว้นแม้แต่คนรักตัวกลัวตายอย่างหนิงเชวีย ยิ่งแสดงออกมาให้เห็นผ่านฉากที่เล่าเรื่องของทหารปลดประจำการที่กลับมารวมตัวกันทั้งที่ไม่มีการเรียกระดมพล ทุกคนต่างก็ภาคภูมิใจว่าครั้งหนึ่งพวกเขาเองก็เคยเป็นทหารของแคว้นถัง และตอนนี้ก็ได้เวลาที่จะสู้รบเพื่อแคว้นถังอีกครั้ง
  • เล่ม 28

    เล่มนี้เล่าทางฝั่งศิษย์พี่รอง (น่าจะ)จบละ
    คร่าวๆก็ ศิษย์พี่รอง vs เยี่ยซู --> หลิ่วไป๋ 
    ตอนสู้กับหลิ่วไป๋ ศิษย์พี่รองรู้อยู่แล้วว่าต้องปะทะกัน ศิษย์พี่ก็เตรียมตัวมา แต่ก็เพราะเตรียมตัวมา เลยทำพลาด และ ราคาที่ต้องจ่ายก็สูงลิ่ว แต่ความเจ๋งของศิษย์พี่รองคือรู้ตัวว่าทำพลาดทันทีที่และแก้ไขในพริบตานั้นเลย

    แต่ศิษย์พี่รองก็เสียหายหนักมาก แลกกับการทำได้แค่ถ่วงเวลา หลิ่วไป๋ยังถามว่าที่ทุ่มขนาดนี้มันคุ้มเหรอ ศิษย์พี่รองก็ตอบแบบ... 

    "ข้าลั่นวาจาไว้แล้วว่าขอเพียงข้ายังยืนอยู่ จะไม่มีใครผ่านหุบเขาชิงสยาไปได้"

    แล้วก็ไม่มีใครผ่านไปได้สักคนจริงๆ...
    สมกับเป็นศิษย์พี่รอง คนเท่ คนคูล

    อ้อ ศิษย์พี่สิบเอ็ดเล่มนี้ไม่ได้เป็นแค่หน่วยพยาบาลอย่างเดียวแล้วนะ พี่เขาก็มีลูกเล่นเหมือนกัน เป็นลูกไม้ทั่วๆไปแต่ตอนอ่านไม่ทันนึกถึงเลย

    แล้วเราก็วาร์ปกลับมาลุ้นกันที่ฉางอันว่าหนิงเชวียจะซ่อมค่ายกลทันไหม ลุ้นๆกันอยู่ เจ้าอารามก็มาถึงฉางอันแล้ว เจ้าอารามก็สมกับเป็นคนที่เก่งรอจากจอมปราชญ์กับอาจารย์อา ศิษย์พี่ใหญ่กับศิษย์พี่สามร่วมมือกันก็ยังเอาไม่ลง ได้เห็นศิษย์พี่สามเกรี้ยวกราดป็นบุญตาด้วย แล้วคนที่โดนเหวี่ยงก็คือผีผี  พวกศิษย์พี่ยังไม่ตาย จะร้องไห้หาอะไร! 555

    ตลกผีผีด้วย เร่งเดินทางกลับมาฉางอัน น่าจะลำบากอยู่ จากอ้วนๆ โผล่มาอีกทีผอมเฉยยยย เสี่ยวถังมาเห็นจะว่าไงเนี่ย

    อาหนิงก็เล่นซ่อนแอบกับเจ้าอารามไปพลางๆ ปะซ่อมค่ายกลสยบเทวะไปพลางๆ แต่ซ่อนยังไงก็ไม่พ้น สัดท้ายก็ต้องจ๊ะเอ๋กัน และแน่นอนว่าหนิงก็สู้ไม่ได้แน่นอน

    แน่นอนว่าก็ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะในเล่มนี้ ฝั่งสถานศึกษาดูด้อยกว่าไปทุกทาง แต่ความหวังอยู่ที่ประชาชนในเมืองหลวง เพราะนี่ไม่ใช่การต่อสู้ของผู้ฝึกฌาณ แต่เป็น เจ้าอาราม vs ฉางอัน ซึ่งในฉางอันไม่ได้มีแต่สถานศึกษา แต่ยังมีกองกำลังอวี่หลิน หน่วยเทียนซู มีพรรคมัจฉามังกร มีนักเลงข้างถนน มีผู้อาศัยในเมืองทั้งหมด แล้วก็มีเด็กน้อยสองคนที่เริ่มจะลุกขึ้นสู้ร่วมกับเซียนเซิงทั้งหลายของสถานศึกษา
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in