เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My first time in Nanning.knamhom
"The world is a book and those who do not travel read only one page." – St. Augustine"
  •           จุดเริ่มต้นจากการเดินทางในครั้งนี้ มีจุดมุ่งหมายอยู่ที่ประเทศจีน โดยในครั้งนี้จะไปสองเมืองคือ หนานหนิงและกุ้ยหลินค่ะ เกริ่นก่อนว่าไปกับที่โรงเรียนโดยในครั้งนี้ไปกันทั้งสิ้นทั้งหมด 13 คนถ้วนค่ะ  พร้อมแล้วไปกันเลยยยยยยย!!!



              โดยตอนที่ไปนั้นเป็นช่วงปลายเดือนเมษายนค่ะ ดังนั้นอากาศจะค่อนข้างร้อน แต่เราว่ามันเย็นสำหรับคนไทยอยู่555 ตอนที่มาถึงสนามบินฝนตกลมแรงมากกกก เลยรีบขึ้นรถบัสที่มารับเรา

              
                        ระหว่างทางที่นั่งไปจะมองเห็นแต่ต้นไม้ หันไปซ้ายก็ต้นไม้! ขวาก็ต้นไม้! จะหมุนคอมองยังไงก็เต็มไปด้วยต้นไม้! ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจถ้าเกิดว่าไปที่ประเทศจีนแล้วคนเวลาที่ขับรถโดยปกติเค้าจะไปเปิดกระจกปิดแอร์กันนะคะ เพราะอากาศดีมากกก 
              พอนั่งไปประมาณ 10 นาทีก็ไปถึงจุดมุ่งหมายของเรา คือ โรงเรียนหมินต้า(民大附中) จะอยู่ในมหาวิทยาลัยกว่างซีค่ะ พอรถเลี้ยวเข้ามาถึงปึ๊บ! ใจนี่เต้นแรงมากกก เพราะทุกคนจะสนใจพวกเรามาก หลังจากนั้นเราก็ลากกระเป๋าของตัวเองเข้าไปที่ห้องเรียนด้านล่างที่จัดเตรียมไว้รอเราอยู่แล้ว โดยที่ในห้องนั้นจะมีโฮลต์แฟมมิลี่ที่รอรับพวกเราอยู่ค่ะ พอทุกคนเข้ามาถึงและนั่งเรียยร้อยแล้ว ก็จะประกาศชื่อโฮลต์และเราให้ออกมาหน้าห้องเพื่อถ่ายรูปและไปพักกับโฮสต์แฟมค่ะ 

             ซึ่งเราได้โฮสต์ที่น่ารักมากค่ะ และโชคดีที่หม่าม้าเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษที่มหาลัยเลยสื่อสารกันเข้าใจแจ่มแจ้ง5555 แต่ป่าป๊าพูดไม่ได้เลยเลยต้องใช้ภาษามือแทน 5555  โฮสต์น้องก็น่ารักมาก ขี้อายไปนิดนึง แต่โฮสต์น้องจะชอบถามว่าทำไมเราสูงจังเลย? อยากสูงบ้าง แต่เราว่าเราก็ไม่ได้สูงอะไรนะ 55555 เลยบอกน้องไปว่า โรงเรียนเธอเรียนหนักเลิกเรียนช้า เลยมีเวลานอนน้อยทำให้สูงช้า แต่โรงเรียนพี่เลิกเร็วกว่าและพี่ก็ไปนอนในห้องเอาบ้าง 5555 
             ส่วนมากบ้านของคนจีนจะอยู่กันเป็นตึกนะคะ เพราะประชากรเค้าเยอะและต้องเป็นคนรวยมากมากมากมากถึงจะสามารถซื้อบ้านอยู่ได้ แต่ถึงซื้อที่ดินก็ยังเป็นของรัฐบาลค่ะ(ประมาณว่าเช่าเอา) บ้านโฮสต์เราใกล้ๆโรงเรียนเลยค่ะ อยู่ในมหาลัยด้วยเดินแปบเดียวถึง เราอยู่ชั้นที่ 18 (มีประมาณ20-30 ชั้น เราจำไม่ได้แล้วว) อ่ออ ที่จีนส่วนมากจะใส่รองเท้าแตะเวลาอยู่ที่บ้าน ตอนเรากลับมาไทยใหม่ๆติดรองเท้าแตะใส่ในบ้านไปเลย55555 

    มาถึงจีนแล้วก็ต้องพูดถึงห้องน้ำ ชักโครกทุกที่ที่เราไปจะเป็นส้วมซึมนาจาา แต่สำหรับเอามันโอเคเพราะอย่างน้อยมันมีที่ฉีดก้นให้อ่ะ 5555 
              พอมาถึงบ้านโฮสต์ก็ให้ของขวัญโฮสต์ไปตามธรรมเนียม ซึ่ง! สิ่งที่เราเตรียมมาคือ มะม่วง 5 ลูก กล้วยอีก 3 ลูก ห่อมาอย่างสวยงาม แต่!!! ตอนที่ขาแตะแผ่นดินจีน เตรียมพร้อมจะออกจากสนามบิน ตรงด่านตรวจด่านสุดท้าย ประตูมันดันดัง ตึ๊ดดดดดดดด เลยมีเจ้าหน้าที่มาบอกให้เราเปิดกระเป๋าให้เค้าดู เจ้าหน้าที่ก็เปิดๆหาๆสักพักก็ถามว่าเอาผลไม้มาด้วยรึเปล่า เลยบอกว่าเอามาค่ะ เจ้าหน้าที่เลยบอกให้หยิบออกมาให้หน่อย เราเลยหยิบออกมาสามลูก หลังจากนั้นนางก็เอาไปเก็บและให้เซนต์ลายเซ็นและปล่อยเราออกจากสนามบิน โถ่ๆ อยากกินก็บอกดีๆ ไม่เป็นไรเหลืออีกสองลูก :P หุหุ ดังนั้นเราเลยเหลือของฝากไปให้โฮสต์คือ มะม่วงอวบๆสองลูกและกล้วยที่ไม่โดนค้น หลังจากนั้นโฮลต์น้องก็พาออกไปเดินเล่นรอบมหาลัย และพาไปลองกินชาไข่มุก อร่อยมากกกกกกกกก แต่ไม่มีรูปเรากินหมดก่อน5555

     หลังจากนั้นก็กลับบ้านไปเม้ามอยกับป่าป๊าและหม่าม้าสักพักก็นัดกันว่าพรุ่งนี้จะพาไปวัดและพิพิธภัณฑ์กัน เราก็โอเค เข้าห้องไปส่องระเบียงในห้องแล้วก็สลบจ้าาา

              โดยตอนเช้าเราตื่นมาตอนตี4 เพราะลืมถามว่าให้ตื่นกี่โมง เราก็เลยตื่นเช้าๆมาอาบน้ำแต่งตัวเก็บกระเป๋ารอ พอเราอาบน้ำเสร็จไม่เห็นมีใครตื่นเราเลยไปนอนต่อจนหม่าม๊ามาปลุกตอน 6 โมง บอกว่าถึงเวลาตื่นแล้วจ้า.... (ตื่นมาทำไมตี4....TT) เราเลยบอกว่าเราอาบน้ำเสร็จแล้ว (ปล. ส่วนมากคนจีนไม่อาบน้ำตอนเช้านะ เราเลยตื่นเผื่อเวลา)หม่าม๊าเลยบอกว่าดีเลยเดี๋ยวตอนเช้าอยากกินอะไร เราเลยบอกว่าอยากกินที่ปกติคนจีนชอบกินกัน เลยได้กินก๋วยเตี๋ยวอะไรสักอย่างใส่เนื้อเป็ด รสชาติคล้ายๆก๋วยเตี๋ยวเป็ดบ้านเราแต่เนื้อเป็ดจะคาวๆนิดนึง เส้นคล้ายๆเส้นข้าวซอยของภาคเหนือ

               หลังจากนั้นก็แวะซุปเปอร์มาเก็ตเพื่อเตรียมสเบียงในรถ หลังจากนั้นก็ลุยจ้าาา!!  ระหว่างทางไปวัดจะเจอต้นเฟื้องฟ้าริมทาง สวยมากกกกก คนลงไปถ่ายรูปเยอะแยะมากมายมหาศาล มีทั้งคอสเพลย์ พรีเวดดิ้ง แม้กระทั่งเอาขากล้องมาตั้งแล้วโกยๆเอาดอกไม้ที่หล่นๆมากองรอบๆแล้วถ่ายก็มี! ขนาดวันที่ไปฝนตกปรอยๆแต่ทุกคนก็ไม่มีใครน้อยหน้า.....



              นั่งมาสักพักเราก็ถึง อากาศดีมาก สงบ เฟรชสุดๆ เราก็เดินๆดูรอบๆวัด  หลังจากนั้นก็เอาเชือกสีแดงๆมาเขียนชื่อกับคำอวยพรและไปแขวนไว้ที่ต้นไม้ ซึ่งหม่าม้าเล่าให้ฟังว่าแต่ละต้นจะแตกต่างไปตามคำขอ มีทั้งต้นที่ขอเรื่องเรียน เรื่องความรัก เรื่องเงินทองหรือพรทั่วไป
    รูปข้างบนป่าป๊าถ่ายให้เลยน่ะ 55555555 อย่าโฟกัสความบวมของหน้า โฟกัสที่วิวด้านหลังแทนน่ะ

    คนจีนเชื่อว่าถ้าโยนแล้วเหรียญสามารถค้างอยู่ในนั้นได้จะโชคดีค่ะ แต่เราไม่ได้โยน เรากลัวไม่มีตังมากกว่าจะไม่มีโชค 555555

              จนเดินรอบครบป่าป๊าก็ไปจุดธูปมาให้โดยจะมีสามกระธาง ปักกระธางละสามดอก เสร็จแล้วก็กวักๆควันเข้าหาตัวเป็นการเอาโชคดีเข้าตัวค่ะ

              
              พอเราเดินจนครบแล้วหม่าม๊าก็ถามเราว่าเดินไปข้างหน้านี้อีกสัก5 นาทีไหวไหม เราได้ยินปึ๊บ! ก็นึกขึ้นมาว่า โอ๊ย 5 นาที แปบเดียวเอง ชิวๆมากก เราก็ตอบว่าโอเค หลังจากนั้นเราเลยเริ่มออกเดินกัน!! สองข้างทางระหว่างเดินมีแต่ภูเขาและต้นไม้ อากาศดีประมาณว่าโลกนี้มีออกซิเจนประกอบ 99% อีกหนึ่งเปอร์เซนต์คือ คาร์บอนไดออกไซด์ที่เราเอามาจากประเทศไทย 5555555
             เดินไปสักพัก....บอกเลยว่าคนจีนเดินเก่งมากกกก ยิ่งหม่าม๊านี่ใส่ส้นสูงเดินฉับๆ ขนาดเราใส่แตะธรรมดายังปวดระบม จนเห็นหลังคาพิพิธภัณฑ์แว่บๆเราเลยมีกำลังใจเดินต่อไป 5555
              โฮสต์น้องสาวชอบพิพิธภัณฑ์มากก ไปอ่านไปศึกษาทุกอย่าง แปลให้เราเป็นภาษาอังกฤษด้วย ปริ่มมาก TT  ก่อนเข้าก็ต้องถ่ายรูปเอาฤกษ์เอาชัยกันก่อนเป็นพิธี555555
                       ในรูปไปกันสองบ้านคือบ้านเรากับบ้านหลิงหลิง เราคือคนที่ใส่เสื้อลายเสือนั้นล่ะ
              ข้างในก็จะแสดงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ วัฒนธรรม เครื่องแต่งกาย การแต่งงาน วิวัฒนาการของสิ่งของต่างๆเยอะแยะมากมาย สนุกดีค่ะ ยิ่งถ้าใครชอบประวัติศาสตร์ล่ะไม่อยากจะออกแน่นอน เหมือนน้องสาวเราเอง 55555

              ดูพิพิธภัณฑ์เสร็จก็ได้เวลากินข้าวเที่ยงพอดี~ แต่ฝนดันตก... หม่าม้าเลยต้องกางร่มเดินกลับทางเดินไปขับรถมารับพวกเรา (เท่าที่สังเกตมาที่จีนส่วนมากผู้หญิงจะขับรถและผู้ชายจะเป็นคนนั่งซะส่วนมาก) พอขึ้นรถเสร็จเรียนร้อยก็มุ่งหน้าไปที่ร้านอาหารกันเลย โกโกกกกก~~!

              ระหว่างทางป่าป๊าก็ถามขึ้นมาว่ารู้จักดาราหรือนักร้องจีนคนไหนบ้างไหม? เลยบอกไปว่ารู้จัก Wang Lihom,Jay Chou,Teng Lijun พอเราพูดถึงเติ้งลี่จวินเท่านั้นล่ะ ป่าป๊าก็แรปภาษาจีนใส่เรา5555 หม่าม้าแปลให้เราฟังว่า ป่าป๊าชอบเติ้งลี่จวินมากๆ มีอัลบั้มทุกอัลบั้ม ร้องได้ทุกเพลง ระหว่างทางเราเลยได้ฟังเพลงทุกเพลงของเติ้งลี่จวินแถมยังได้ยินป่าป๊าร้องเพลงอีกด้วย 5555 สักพักเพลง เทียนมีมี่ ดังขึ้น หม่าม้าพูดว่า เคยฟังเวอร์ชั่นลู่หาน เพราะมาก ป่าป๊ารีบบอกว่า เติงลี่จวินเพราะกว่า สรุปเลยเถียงกันแบบน่ารักๆไปโดยปริยาย ฮาา..

          
              เพื่อเพิ่มกล้ามเนื้อขามาถึงห้างก็เดินขึ้นไปชั้นสี่ เนื่องจากลิปใช้ไม่ได้ พัง... หลังจากปรึกษากันว่าจะกินร้านไหนเรียนร้อย เราก็เข้าไปนั่งสั่งอาหารกัน เป็นร้านธีมการ์ตูนทาร์ซาน ซึ่งเราไม่ได้ถ่ายรูปร้านมาเลย เสียใจ ;__; อาหารร้านนี้อร่อยมาก หรือเราอร่อยทุกอย่าง5555 ตอนแรกกังวลมากว่ามาจีนจะกินอะไรไม่ได้ สรุปมาจริงๆเราลองทุกอย่างก็อร่อยทุกอย่างนะ 5555 

    กินเสร็จโฮสต์ก็พาไปอีกสามห้าง เพราะเราตามหาร้านขายซีดีเพลง TT ตอนนั้นเกรงใจมากมาย แต่หม่าม้าก็บอกไม่เป็นไรๆจะได้ไปเที่ยวให้ครบทุกห้างไปเลย เราตามหาแผ่นเพลงเก่าๆที่ชอบฟังตอนเด็กๆแต่ไม่มีเราเลยได้ซีดีเพลงของลู่หานมาแทนค่ะ 55555
     
              หลังจากนั้นก็กลับบ้านเพื่อไปเก็บกระเป๋าไปพักที่โรงแรมแทนค่ะ ความรู้สึกตอนนั้นคือ อยากอยู่ต่อ โฮสต์ดีกับเรามาก ยังเหมือนมีเรื่องต้องคุยกันอีกเยอะแยะมากมาย ยิ่งตอนที่นั่งบนรถขากลับแล้วเราหลับในรถเพราะเหนื่อย เราไม่รู้ว่าโฮสต์จะแอบไปซื้อขนมที่เราอยากกินแต่แถวที่เราอยู่ไม่มี มันคือ ลูกอมกระต่ายขาว (小白兔奶糖)เราซึ้งมากกก น้องสาวยังเอาของขวัญมาให้ก่อนเราจะกลับด้วย แถมหม่าม้ายังเอาขนมใส่ถุงใหญ่ๆบิ๊กๆให้เอาไปกินเผื่อหิวที่โรมแรม 谢谢妈妈,爸爸和我的可爱妹妹!我永远不会忘记你们!爱你们极了!
              กลับมาถึงโรงแรมก็จับคู่กันไปพักผ่อนตามอัธยาสัย โดยวันพรุ่งนี้จะต้องรีบตื่นเช้าเพื่อไปโรงเรียน เมื่อไปถึงโรงเรียนตอนเช้าก็จะเจอสนามบาสข้างโรงเรียนที่คนมาเล่นบาสตั้งแต่เช้าเยอะมาก ขนาดตอนสายๆก็ยังมีคนเล่นเยอะอยู่เลย พวกเราเลยไปนั่งมองเค้าเล่นกันแทน 5555

    เมื่อนั่งดูผู้เกรดพรีเมี่ยมเล่นบาสจนเบื่อ(?) ก็ได้เวลาเข้าแถว ซึ่งจะเข้าเฉพาะวันจันทร์วันเดียว เราได้เป็นตัวแทนขึ้นไปพูดหน้าเสาธง แต่ด้วยความตื่นเต้นที่มากล้นอก ทำให้พูดชื่อโรงเรียนผิด... อับอายค่ะอับอาย 5555 หลังจากนั้นก็ขึ้นไปดูตามห้องเรียนต่างๆ ส่วนมากจะเป็นม.1 กับ ม.2 ซะส่วนใหญ่ เพราะ ม.3 บ้านเค้าจะเรียนหนักมาก เลิกสามสี่ทุ่มเลยค่ะ การแข่งขันที่บ้านเค้าสูงเลยต้องขยันเรียนกันสักหน่อย

    เด็กทุกคนส่วนมากจะมีกระเป๋าที่ห้อยออกมาเพื่อใส่หนังสือหรือชีทต่างๆค่ะ เรียนกันเยอะเหลือเกินนน

              โดยตอนกลางคืนเราจะต้องทำการแสดงให้กับเพื่อนๆน้องๆชาวจีนดู และทางโรงเรียนก็มีการแสดงมาให้พวกเราชมเช่นเดียวกัน หลังจากนั้นก็เล่นเกมส์หาเอาของที่ยาวที่สุดมาต่อกันใครยาวกว่าชนะ เด็กไทยได้เปรียบเพราะเอากระเป๋าเป้มาทุกคน55555 

             โดยเมื่อการแสดงจบพวกเราก็เดินกลับโรงแรมพร้อมโจงกระเบนสีแดงๆกันไป 5555 ระหว่างข้างทางเดินกลับโรงแรมก็จะมีร้านอาหารเยอะแยะมากมายละลานตา จนมีร้านนึงสะดุดตาพวกเราที่กำลังหิวโหย คือ ร้านเนื้อย่างเกาหลี!! พวกเราก็รีบบึ่งเข้าไปทันที
               เมื่อไปถึงเลือกที่นั่งเรียบร้อยก็จะมีคุณลุงเอาเมนูมาให้ ซึ่งเมนูเป็นภาษาจีนล้วนจ้าา โนพินอิน โนภาษาอังกฤษ คุณลุงก็เช่นกัน55555 แต่ด้วยความรู้ทางภาษาจีนที่พอมีติดตัวมาบ้างเลยพอจะรู้ว่าเป็นเนื้อหมูนะ เนื้อไก่นะ เนื้อวัวนะ ไม่ใช่เนื้อน้องหมา 55555 หลังจากนั้นก็สุ่มจิ้มโลดดด แนะนำว่าอย่ากินน้ำจิ้มหรืออะไรก็แล้วแต่ที่คุณลุงบอกว่าเป็นน้ำจิ้ม..... รสชาติสุดจะบรรยายค่ะ เอาเป็นว่ากินประทังความอยากกินเนื้อไปให้รอดในมื้อนี้ก็พอ...

            ลองสั่งพีบิมบับมากิน รสชาติก็โอเคค่ะ แต่ไม่ถึงกับต้องสั่งมากินอีกอ่ะ5555555

           หลังจกนั้นก็แวะซุปเปอร์มาเก็ตเพื่อตุนสเบียงไว้กินยามหิวโหยตอนกลางคืน ซึ่งก็มีขนมหลายอย่างที่ลองชิมเพราะที่ไทยไม่มี ทั้งเลย์รสแตงกวา,รสมะนาว(อร่อยมากคุณ ต้องลอง) แล้วก็จะเห็นโลโก้เด็กแก้มแดงแปะอยู่หลายๆอย่าง เราเลยซื้อมาลองเป็นนมกับลูกอมรสนม ราคาประมาณ 3-5 หยวน จำไม่ได้แล้วอ่ะ อร่อยดีๆหวานๆคล้ายๆนมตราหมี


           มีวันนึงเราอยากกินไอติม เลยไปคุ้ยๆอยู่ที่ตู้ไอติม ตาสะดุดไปเจอไอติมอันนึงกลมๆน่ารักๆราคาก็น่ารักกว่าอันอื่น เลยหยิบไปลองชิม บอกเลยยย "อร่อยมากกกกกกกกกกกกกกกก" มันเป็นไอติมวนิลาข้างในโมจินุ่มๆโรยแป้งนิดนึงกรุ่บกริบๆ เลยแนะนำเพื่อนๆเลยซื้อกินกันวันละลูกจนมันหมดตู้ หาซื้อที่อื่นก็ไม่มี เมืองอื่นก็ไม่มี เสียใจแรงมากกกกกก ประมาณ 2 หยวนนิดๆ ถ้าซื้อของเยอะแนะนำเอาถุงไปด้วย ไม่อย่างนั้นจะคิดตังค์เพิ่มนะ เนื่องจากเราขี้งกก็แบกกลับทุกครั้งไม่เคยซื้อถุงเลยไม่รู้ว่ามันราคาเท่าไหร่ 5555


            ทุกวันตอนเช้าพวกเราจะต้องตื่นมากินข้าวที่โรงอาหารแล้วไปตามจุดนัดที่อาจารย์นัดทุกเช้า ซึ่งโรงอาหารมีหลายที่มากมายให้เลือกสรร อาจจะเลือกตามอาหารที่ชอบกิน ตามปริมาณคนเยอะน้อยหรือตามคุณภาพของหน้าตาเด็กน้อยเกรดพรีเมี่ยมหรือแพลตตินั่มก็ว่ากันไป ซึ่งอาหารที่ยอดฮิตของคนจีนที่ไปทุกวันก็แถวยาวทุกวัน คือ ก๋วยเตี๋ยว(อีกแล้ว)น้ำสีน้ำตาลๆเลือกได้ว่าจะใส่ไข่หรือใส่หมูก็ตามใจ เสร็จแล้วก็รูดบัตรปื๊ดๆเสร็จ 

            พอกินข้าวเสร็จแต่ละวันก็จะมีกิจกรรมแตกต่างกันไปไม่ว่าจะเป็นร้องเพลง ระบำจีน พู่กันจีน หรือรำไทเก๊ก แต่ที่เราชอบมากคือ สกีบนบกกับโยนลูกกลมๆให้ข้ามห่วงไปอีกฝั่งนึง สกีบนบกพวกเราเด็กไทยค่อยๆไถกันไปครืดๆครืดๆ แต่เด็กจีนแข่งกันเหมือนมันติดล้อค่ะทุกคน....อเมซิ่งจงกัวเหรินมาก ยิ่งตอนที่ให้เด็กไทยสองคนกับเด็กจีนหน้าตาน่ารัก(?)คนนึง อยู่กลุ่มเดียวกัน โดยที่เด็กจีนจะอยู่หน้าสุด เพื่อนเราอยู่ตรงกลางและเราอยู่ท้ายสุด ซึ่งคนที่อยู่ท้ายสุดถ้าไม่ยกขาหรืออกแรงช่วย จะทำให้เคลื่อนที่ช้าและข้าจะหลุดออกจากไม้ค่ะ .... ขุ่นพระ ... เหมือนทุกคนเอาขี้มาให้แบกทันที แต่เอาไงเอากัน พออาจารย์นับ 1...2...3... ปี๊ดดด เรารีบไถแบบไม่คิดชีวิต คิดแค่ว่าเวลาล้มอย่าเอาหน้าลงก็พอ5555  แต่ก็ผ่านไปด้วยดีค่ะ ปล.ตอนที่ซ้อมกันเองอย่าพยายามล้มนะคะ55555 เราล้มมาแล้ว เขียวอมม่วงเชียว 

            ส่วนโยนห่วงลงลูกก็สนุกมาก แต่ลูกข้างในจะใส่ทรายไว่ถ่วงน้ำหนัก แบ่งเป็นสองฝั่ง เด็กจีนหนึ่งฝั่งเด็กไทยหนึ่งฝั่ง ตอนแรกเด็กจีนจะช่วยเก็บลูกให้เราก่อนค่ะ55555  เมื่อซ้อมวิทยายุทธพร้อมแล้วก็มาแข่งกัน โยนไปโยนมาสนุกดี สุดท้ายไม่รู้ใครแพ้ใครชนะค่ะ55555
             รูปด้านบนเป็นลูกสวยๆเอาไว้เป็นที่ระลึกนะค่ะ ลูกจริงๆจะเป็นถุงสีๆใส่ทรายเอาไว้ค่ะ
              
              ตลอดทางที่เราเดินไปไหนมาไหนจะเจอเด็กๆพยายามพูด "สวัสดีข่าา" "สวัสดีค่าบบ" พร้อมยกมือขึ้นมาไหว้ น่ารักๆตลอดทาง เราเลยหาเกมมาเล่นกับน้องคือ โอน้อยออก ใครออกต้องพูดหนีห่าว ใส่คนจีนที่เดินผ่าน สนุกสนาน ครื้นเครงมากมาย555555
              อันนี้ไส้กรอกอะไรไม่รู้(เอาเป็นว่าไม่ใช่เนื้อน้องหมาเราโอเคค่ะ) ขายข้างๆร้านชานมไข่มุก เราชอบมากกก พยายามหาที่เค้าขายเป็นแพคจะเอามากินที่ไทยแต่หาไม่ได้ เสียใจจ

            พอตอนกลางวันเราเลยไปลองที่โรงอาหารอื่นๆบ้าง ก็จะเป็นถาดๆเราก็จิ้มๆเอา แนะนำว่าถ้าคุณป้าที่ตักข้าวให้ถามว่าจะเอาข้าวกี่ก้อน(?) บอกไปเลยว่าสองหรือสามก้อนก็ว่าไป อย่าบอกก้อนเดียว มันคือคำเดียวนั้นแล เดี๋ยวได้ไปต่อแถวใหม่เสียเวลาจ้า 
            วันสุดท้ายก่อนกลับ เงินในบัตรเราเหลือเยอะมาก เลยวางแผนไว้ว่าจะไปซื้อขนมไปแจกๆเด็กๆที่โรงเรียน แต่พอดีตอนที่นั่งกินข้าวอยู่ในโรงอาหาร เห็นมีอาม่าคนนึงกับเด็กน้อยตัวเล็กๆยืนอยู่ตรงที่จ่ายตังค์ค่าอาหารอยู่ เพื่อนพูดขึ้นมาว่าพอดีตังค์ในบัตรอาม่าหมดเลยรูดไม่ได้ เราเลยปรึกษากับเพื่อนๆว่าเอาบัตรของเราไปให้อาม่าก็ได้เพราะเงินในบัตรเหลือเยอะ เราก็เลยลุกไปบอกกับอาม่าเป็นภาษาจีนงูๆปลาๆว่า พรุ่งนี้จะไปกุ้ยหลินแล้ว เงินในบัตรเราเหลือเยอะ เอาไปใช้ได้ค่ะ พูดอธิบายประมาณสองสามรอบจนอาม่าเข้าใจ อาม่ารีบบอกเรา 谢谢! และบอกให้เด็กน้อยที่ยืนข้างๆบอกเราด้วย เด็กน้อยเลยบอกกับเราว่า 谢谢,姐姐! น่ารักกกกกกก นึกภาพตามเรานะว่ามีเด็กน้อยหัวเหม่งๆตัวขาวๆหน้าแป้นๆล่ะยืนยิ้มพูดกับเราจะน่ารักขนาดไหนนนน 55555 อยากหิ้วกลับไทยเลยย
             
              หลังจากกินข้าวเสร็จเราเลยอยากลองกลับทางใหม่บ้าง แต่มีน้องที่มาด้วยอยากกลับทางเก่า เราเลยแบ่งออกเป็นสองกลุ่มๆละสามคน หลังจากนั้นก็เลสโกกก!! เราเดินไปเรื่อยๆตามทาง เดินไปเดินมา หาทางออกไม่เจอค่ะทุกคน สรุปหลง55555  เนื่องจากเราเป็นคนต้นคิดเลยต้องรับผิดชอบชีวิตเพื่อนหนึ่งและน้องหนึ่ง เราเลยถามพี่นักศึกษาที่เดินผ่านไปผ่ายมาว่าทางออกมันคือทางไหน พี่เค้าก็บอกว่าตรงไปเลี้ยงซ้าย เราก็เดินตามที่บอกไปเรื่อยๆ จนถึงทางออก.... ออกจริงๆค่ะ ออกมาอีกทางด้านนึงของมหาลัยเลย555555 เราเลยออกมาจากมหาลัยอีกด้านนึงแล้วเดินไปเรื่อยๆๆ จนเห็นแท๊กซี่เลยเรียกแท๊กซี่ว่าให้ไปโรงแรมอันนี้ๆ เรายื่นบัตรการ์ดที่โรงแรมให้คุณลุงดู คุณลุงบอกไม่รู้จักเราเลยบอกโอเค ขอบคุณค่ะ เดินไปอีกเรื่อยๆเจอแท๊กซี่อีกคันที่พึ่งจอดรถส่งผู้โดยสาร เรารีบวิ่งเข้าไปแล้วถามว่าไปโรงแรมนี้ไหม คุณลุงบอกไม่รู้จักแต่จะโทรถามเพื่อนให้ คุณลุงก็โทรถามเพื่อนและเสิร์ชหาในเน็ตจนแน่ใจแล้ว เลยบอกกับพวกเราที่ส่งสายตาอ้อนวอนคุณลุงว่าขึ้นรถตามลุงมาโลดดดดด แท๊กซี่ที่จีนจะมีกรง(?)กั้นระหว่างคนขับกับผู้โดยสาร หลังจากนั้นคุณลุงก็พาเรามาถึงโรงแรมอย่างปลอดภัย ซึ่งอยู่คนละฝากกับทางที่เราอยู่เมื่อกี้นี้เลย TT  หลังจากนั้นก็ขึ้นไปโรงแรมโดยสวัสดิภาพค่ะ :)

              ถ้าถามว่าย้อนกลับไปจะกลับไปทางเดิมไหม เราก็คงจะตอบว่าไม่เหมือนเดิม5555 ถ้าเราไม่ลองเดินทางใหม่เราก็คงจะไม่มีโอกาสได้ลองไปทักทายพี่ๆนักศึกษาคนจีน คงไม่มีโอกาสได้เห็นอีกด้านนึงของมหาลัย คงไม่มีโอกาสลองใช้ภาษาจีนคุยกับคุณลุงแท๊กซี่แล้วคุณลุงเข้าใจ เรารู้สึกว่าหายเหนื่อยกับการเรียนภาษาจีนไปเลย ทำให้เราเห็นว่าคุณลุงพยายามช่วยเราขนาดไหนทั้งๆที่เราพูดก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่อง อย่างน้อยก็เป็นประสบการณ์ดีๆครั้งนึงในชีวิตเรา :) ปล.อาจารย์เรายังไม่รู้ว่าเราออกนอกมหาลัย จุ๊ๆ อย่าแอบบอกไป5555555
              ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านจนถึงบรรทัดนี้ ว่าจะเขียนนิดเดียวแต่มาดูอีกที บ่นอะไรเยอะแยะไม่รู้ ขอโทษด้วย555555 ถ้าเรามีเวลาว่าง เราจะพยายามเขียนบล็อกภาคต่อจากนี้นะ ภาคที่เราไปกุ้ยหลินว่าเจออะไรมาบ้าง สวยจริงๆรึเปล่า รวมไปถึงวิธีการเอาตัวรอดจากมนุษย์ป้าที่ชอบดักรอเวลาออกมาจากรถไฟฟ้าหรือแม้แต่เรือและเราเกือบตกเครื่องเพราะแอร์กักตัวเอาไว้!! ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะค่ะ มีอะไรผิดพลาดไปยังไง ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย บล็อกนี้เป็นบล็อกแรก และหวังว่าจะมีบล็อกดีๆออกมาอีกเยอะๆ :) 谢谢!大家! //กราบงามๆสามที เตร้ง~~เต้ง~ ม่านปิด.....
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in