เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
OddityADInus
โพสต์นี้มีเนื้อหาที่อาจไม่เหมาะสมกับเยาวชน R.E.M.

  • 1


    ตาผมสว่างขึ้นมาในเวลาตี 4 ของคืนหนึ่ง
    มันคือความสำเร็จหลังจากที่ได้พยายาม
    ขืนตัวเองให้พ้นจากห้วงความฝัน

    รู้สึกถึงสัมผัสบางเบาที่ตกค้างมาจากเมื่อสักครู่
    ทั้งคอที่แห้งผาก และหัวใจที่เต้นแรง

    ผมยกแขนขวาที่ชาหนึบ 
    แตะมือลงบนริมฝีปาก 
    ลากไล้อย่างอ้อยอิ่ง 
    พลางจมดิ่งลงกับคำถามหนึ่ง
    ที่ค้างคามาจากความฝัน

    มีเงื่อนไขอะไรที่จะทำให้เขามาปรากฏตัวอยู่ในความฝันของผม

    อะไรทำให้ผมฝันถึงเขา

    เคยได้ยินมาว่า 
    ความฝันคือสิ่งที่สะท้อนจิตใต้สำนึก 
    ถ้าอย่างนั้นทำไมผมไม่เคยฝันถึงคุณยายที่รักและเลี้ยงดูผมมาหลังจากที่สูญเสียท่านไป

    ไม่เคยฝันถึงเพื่อนสนิท 
    ถึงแฟนสาวของผม

    แต่กลับไปฝันถึง 'คนอย่างเขา'

    2

    'คนอย่างเขา'
    หมายถึง ชายคนหนึ่งที่ไม่เคยเป็นอะไรกับผม
    นอกเสียจากคนแปลกหน้า
    เราแค่รู้จักชื่อกันเพราะเป็นเพื่อนร่วมรุ่นที่เรียน
    อยู่คณะเดียวกัน

    ผมเปล่าหมางเมินหรือไม่ถูกชะตากับเขา
    ตรงกันข้าม 
    ผมรู้สึกว่าเราน่าจะมีอะไรคล้ายๆ กันเสียด้วยซ้ำ

    ผมและเขาต่างฝ่ายต่างก็ใช้ชีวิตอยู่กับกลุ่มเพื่อน
    ที่สนิทกันมาก่อนแล้วของตัวเอง
    ผมเป็นแค่คนเงียบๆ 
    ที่บังเอิญอยู่ท่ามกลางกลุ่มชายห้าวที่มีเพื่อนเยอะ 
    จึงพลอยดูเหมือนผมเองก็เป็นคนเพื่อนเยอะไปด้วย 

    แต่สำหรับเขา ไม่ใช่แบบนั้น 

    ตัวเขาคือศูนย์กลางของทุกคนในกลุ่มเพื่อน 
    เขาเป็นคนดึงดูดให้ทุกคนมารวมกลุ่มกัน

    มีความเกี่ยวข้องระหว่างเขากับผม 
    เท่าที่จำได้ก็แค่ประมาณสองประโยคเท่านั้น

    คือตอนที่เขาเดินมาบอกว่า
    ติดตามผลงานของศิลปินคนนี้เช่นกัน 
    ในขณะที่ผมนั่งอยู่ตามลำพังกับสมุดภาพที่ซื้อมา
    ผมยิ้มตอบ ขณะบอกตัวเองว่า 
    ผมแค่ทึ่งที่ค้นพบว่าคนอย่างเขาสนใจงานศิลปะเหมือนกับผมด้วย
    ผมแค่แปลกใจ
    เพราะเขาแค่ดูไม่เหมือนคนที่จะสนใจเรื่องนี้เท่านั้น

    ผมเปล่ามีความสุข
    เมื่อรู้ว่าผม และเขาที่ดูห่างไกลคนนั้น
    มีสิ่งที่เชื่อมโยงกันเพิ่มขึ้นมาอีกอย่าง

    และอีกครั้งคือ ผมพูดว่า สวยจัง 
    ตอนที่เห็นผลงานภาพวาดของเขา 
    แล้วเขาก็เอ่ยเพียง ขอบคุณ ตอบมา
    ผมเลิกคิ้วตอบ 
    คิดว่าไม่เห็นต้องขอบคุณเลย
    ผมไม่ได้ชื่นชมด้วยความคิดเห็น 
    ผมแค่พูดความจริงเกี่ยวกับภาพวาดของเขา 
    ความสวยงามของมันคือความจริงอยู่แล้ว

    ผมรู้สึกเหมือนเขาเป็นเพียงตัวละครสมมติในนิยาย 
    ทำความรู้จักได้ เรียนรู้ได้ 
    แต่ถึงจะน่าประทับใจแค่ไหนก็ไม่มีอยู่จริง

    แต่ทุกครั้งที่รู้ตัว 
    ผมก็พบว่าตัวเองกำลังมองหาเขาอยู่เสมอ
    ในขณะบังเอิญเดินสวนกับเพื่อนที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันกับเขา

    แล้วก็พบอีกว่ามันเป็นการยากที่เมื่อมองเห็นเขา
    แล้วจะละสายตาออกไปได้

    ทุกอย่างเพียงผ่านพ้นไป พวกเราเรียนจบ 
    และต่างคนก็ต่างมีชีวิตของตัวเองเช่นที่ควรจะเป็น
    ผมมีงาน มีคนรัก 
    มีความรับผิดชอบมากมายในชีวิตของตัวเอง
    ได้ยินข่าวคราวของเขาบ้างในระหว่างที่มันดำเนินไป 
    จนถึงไม่ได้ยินอีกเลย

    เป็นแปดปีที่เขาทั้งห่างหายไปจากชีวิต 
    และเลือนหายไปจากความทรงจำของผม


    3

    จนถึงขณะนี้ ในเวลาตีสี่
    ผมยังนอนต่อไม่ลง และยังคงคิดไม่ตก
    ลึกๆ ก็รู้ว่าควรจะลืมๆ มันไป 
    เช่นเดียวกับความฝันในคืนอื่นๆ ที่แค่ลืมตาก็เลือนหายไป
    แต่ทุกรายละเอียด โดยเฉพาะเขา
    กลับชัดเจน...

    ชัดเจนจนเกินไป


    ภาพที่เห็นคือทิวทัศน์ทุ่งหญ้าสเตปป์ 
    ทิวเขา และแสงแดดที่ฉาบบรรยากาศให้เป็นสีส้มจางๆ อย่างอบอุ่น

    ผมกำลังมาเที่ยวอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ง
    ซึ่งตัวผมในฝันปรารถนาที่จะไปถึงสักครั้ง

    และผมมากับเขา

    รับรู้ได้ถึงแขนทั้งสองของเขาที่โอบรัดหลวมๆ อยู่รอบเอวของผมซึ่งปั่นจักรยานอยู่ 
    โดยมีเขาซ้อนท้ายไปตลอดเส้นทาง ซึ่งท้ายที่สุดก็หยุดลงที่ยอดเขา 

    มองดูพระอาทิตย์ตก 
    ผมรู้ 
    มันเป็นทิวทัศน์ที่ผมรอคอยที่จะมาเห็นมาตลอด
    แต่ผมกลับละสายตาไปจากรอยยิ้มของเขาที่ส่งมาให้อย่างสดใสไม่ได้เลย

    รอยยิ้มนั้นส่งไปถึงดวงตาที่กำลังมองมาด้วยเสน่หา

    รอยยิ้มแบบที่ผมไม่เคยกล้าจินตนาการถึงกำลังใกล้เข้ามาทุกขณะ

    ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะโน้มลงมาสัมผัส
    ผมหลับตาลงทั้งหัวใจที่แทบแหลกคามือคู่นั้น
    มือที่กำลังสำรวจร่างกายของผมอย่างทะนุถนอม
    จูบเขาตอบอย่างกระหายราวกับจะไม่มีวันพรุ่งนี้

    โดยไม่ต้องสงสัย 
    ผมกับเขาเป็นคนรักกัน
    ขณะที่ร่างกายของเราเชื่อมต่อกัน 

    ผมรู้สึกราวกับฝันไป

    4

    ซึ่งมันก็ใช่ 

    ผมตื่นขึ้นมา
    เพื่อพบกับคำตอบว่าที่ผ่านมาคือความฝันจริงๆ

    ผมเอื้อมมือไปควานหาโทรศัพท์ 
    กดเปิดแอพพลิเคชันเฟสบุค แล้วพิมพ์ค้นหาชื่อของเขา 

    เจ้าของแอคเคาท์ไม่ได้อัพเดทความเคลื่อนไหวในชีวิตใดๆ ด้วยตัวเอง
    สิ่งที่ทำให้รู้ความเป็นไปมีเพียงภาพที่ถ่ายโดยเพื่อนของเขา

    ภาพของชายที่ทำให้ผมเผลอมองเสมอในชุดเจ้าบ่าว 
    ยืนเคียงคู่กับเจ้าสาว
    เขากำลังยิ้มให้กล้องอย่างแจ่มใส 

    รอยยิ้มแบบเดียวกับที่ผมเห็นในความฝัน


    หวังว่าความจุกในอกนี้จะมาจากความตื้นตัน
    ที่ได้เห็นเขามีความสุขสมหวัง


    ผมพยายามที่จะแสดงความยินดี...อย่างน้อยก็ผ่านหน้ามือถือให้ได้
    ผมควรจะทำอย่างนั้น

    5

    ยินดีด้วยนะครับ

    ผมกดส่งความคิดเห็นบนภาพที่ถูกโพสโดยเพื่อนของเขา 
    เพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะไม่มาเห็นมันเร็วนัก
    ผมกลัวว่าเขาจะมีมารยาทตอบขอบคุณกลับทุกข้อความ 
    ซึ่งผมไม่อยากรับ 
    ผมแค่พูดความจริงเท่านั้น 

    การที่เขาคู่ควรที่จะมีความสุขนั้น
    เป็นความจริงอยู่แล้ว

    รอยจูบเร่าร้อนจากความฝันตะกุยฝุ่นที่ใช้เวลาแปดปี
    ในการตกตะกอนลงสู่ก้นแก้วขึ้นมา

    ครั้งนี้มันกระจายออกไปมากกว่าที่เคย

    ครั้งนี้ที่อะไรๆ มันสายเกินไป

    ผมชอบเขา

    เกินกว่าที่จะปฏิเสธหรือเมินเฉยได้
    ในเมื่อใจผมมันชาไปหมดอย่างนี้

    ความรู้สึกว่าชอบเขาที่ผมไม่รู้ว่าเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ 
    ถูกกวนขึ้นมาจากก้นบึ้ง และยากเหลือเกินที่จะหายไป

    ผมนึกถึงคำกล่าวที่ว่า 
    “เราไม่สามารถเป็นเพื่อนกับคนที่เราหลงรักได้”  
    ดังนั้นเขาจึงเป็นแค่คนแปลกหน้าสำหรับผม 
    และผมจะขอเป็นแค่นั้นต่อไป

    คืนนั้นผมจัดการกับตัวเอง 
    จากนั้นจึงหลับตาลงเพื่อบรรเลงบทรักกับเขา

    อีกครั้ง 
    และอีกครั้ง

    แค่ในห้วงนิทราแห่งนี้เท่านั้น
    ที่ผมเป็นของเขา


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in