เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ห้องตรวจหมายเลข 5นักเล่าเรื่อง
เคตามีน
  • หลังจากที่ฉันออกมาจากวอร์ด หมอ C ยังสั่งให้ฉันทำเคตามีนอีก 12 ครั้ง การทำเคตามีนคือการฉีดยาเคตามีนเข้าเส้นเลือดดำซึ่งมีฤทธิ์ระงับประสาทสำหรับผู้ป่วยทางจิตเวช ในการทำเคตามีนแต่ละครั้งฉันต้องนอนนิ่งๆให้พยาบาลมาเปิดเส้นหรือเป็นการเจาะเข็มเข้าเส้นเลือดดำนั่นเอง สารเคตามีนจะถูกอัดลงเครื่องให้ยาและบีบอัดยาเข้ามาในร่างกายของฉันช้าๆ ฉันรู้สึกล่องลอยเหมือนบ้านหมุนและเพิ่งเข้าใจว่า เพราะอย่างนี้นี่เองคนถึงชอบเสพยาเคกันนัก ข้างกายของฉันมีจิตแพทย์คอยพูดคุยด้วยตลอดกระบวนการ จิตแพทย์ที่จะเข้ามาอยู่กับฉันในห้องให้เคตามีนนั้นจะวนๆกันไปตามแต่ว่าแพทย์คนไหนจะเข้าเวร ฉันอธิษฐานกับตัวเองทุกครั้งว่า ขอหมอ J เถอะนะ ขอหมอ J เถอะ ฉันโชคดีที่ได้ทำเคตามีนกับหมอ J ถึงสองครั้ง อย่างนี้นี่เองที่เขาเรียกกันว่าคนยังไม่สิ้นบุญ
         "หมอคะ ฉันรู้สึกดีขึ้นมากแล้วค่ะ ฉันไม่มีความคิดอยากตายแล้ว" ฉันบอกกับหมอ C ในวันหนึ่งที่เราพบกัน หมอ C ยิ้มน้อยๆ
         "อย่างนั้นเหรอครับ แสดงว่าการให้เคตามีนได้ผลน่ะสิ"
         "ค่ะ" อาทิตย์นั้นฉันได้ยามาทานปกติและมีนัดครั้งต่อไปในอีก 3 อาทิตย์
    ระหว่าง 3 อาทิตย์ที่ว่างอยู่นั้นฉันกลับไปบ้านที่ต่างจังหวัดและเร่งสมัครงานทางแอพพลิเคชั่นต่างๆอย่างไม่ว่างเว้น แต่ละบริษัทรับเรซูเม่ของฉันไปก็เฉยบ้าง โทรมาสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์บ้างแต่สุดท้ายทุกบริษัทก็เงียบหายเข้ากลีบเมฆไป ฉันเริ่มเครียดขึ้นมาอีกครั้ง มีด! ฉันต้องการมีด! ความคิดชั่วร้ายเริ่มกระเถิบเข้ามาในหัวสมองของฉัน แน่นอนว่าฉันกดสั่งมีดผ่าตัดทางแอพพลิเคชั่นช็อปปิ้งชื่อดังที่มีของทุกอย่างตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบและมีดผ่าตัด
    หลังจากที่ฉันกลับมากรุงเทพ ฉันก็รีบไปรับพัสดุจากฝ่ายนิติบุคคลและแกะมันออก ภายในกล่องมีใบมีดผ่าตัด 10 เล่มและด้ามมีดเบอร์ 3 อีก 1 ด้าม ฉันรีบประกอบใบมีดผ่าตัดกับด้ามมีดเข้าด้วยกัน แขนใกล้ข้อพับอันขาวนวลเต็มไปด้วยเลือดและรอยกรีดเป็นร่องน้อยๆตามรอยขวางยาวประมาณ 5 เซ็นติเมตร ความเจ็บแผ่ซ่านจากแขนไปทั่วร่างกาย ฉันยิ้มน้อยๆและถอนหายใจอย่างโล่งอก ภาพเลวร้ายที่เข้ามาในสมองเริ่มถูกเพิกเฉยจากความเจ็บปวด ฉันนั่งมองเลือดหยดติ๋งๆลงในถังขยะใบเล็กอย่างพอใจ อีกแล้ว ฉันเริ่มกลับมาทำร้ายตัวเองอีกแล้ว
    ฉันตัดสินใจสมัครออกกำลังกายที่ฟิตเนสใกล้คอนโดทั้งๆที่ในคอนโดก็มีฟิตเนสส่วนกลางให้ใช้ ฉันคิดจะใช้เงินที่จ่ายไปเป็นแรงกระตุ้นให้ฉันต้องไปออกกำลังกายทุกวัน ฉันไม่ได้หวังให้สารเอ็นโดรฟินช่วยบาลานซ์สารเซโรโทนินในสมองแต่อย่างใด แต่ฉันหวังเพียงแค่ว่า 3 อาทิตย์ที่ไม่ได้พบหมอ C ฉันต้องโผล่ไปให้หมอ C เห็นฉันในร่างใหม่ จิตใจที่ใสสะอาด และน้ำหนักที่ลดลง (ส่วนหนึ่งมาจากการหยุดยาตัวหนึ่งที่มีผลข้างเคียงทำให้น้ำหนักเพิ่มอย่างไม่มีสาเหตุ) ฉันพบว่าการออกกำลังกายมันไม่ง่ายเลย ยิ่งมีเทรนเนอร์จากโปรโมชั่นเทรนเนอร์ฟรี 3 ครั้งเข้ามาช่วยก็ตาม หลังจากวัดระดับมวลกายของฉัน เทรนเนอร์พบว่าฉันกินคาร์โบไฮเดรตน้อยเกินไป โปรตีนก็ต้องเพิ่มอีกเล็กน้อย ส่วนเรื่องไขมันกำลังดีแล้วในระดับน้ำหนักอย่างฉัน นอกจากนี้ฉันยังพบอีกว่าการสควอตที่ฉันขยันทำทุกวันเป็นการทำท่าที่ผิดทั้งหมด ไหล่ห่อ หลังงอ เข่าหันเข้าหาลำตัว ก้นไม่ตึง ฉันต้องเรียนรู้การออกกำลังกายพวกนี้ใหม่ทั้งหมด เมื่อจบโปรแกรมเทรนเนอร์ฟรี 3 ครั้งแล้วฉันยืนยันกับเทรนเนอร์ว่า ปล่อยฉันไปคาดิโอเงียบๆเถอะ อย่ามาตื๊อให้ต้องซื้อคอร์สเพิ่มเลย การคาดิโอของฉันก็ไม่ธรรมดา ฉันวิ่งบนลู่วิ่งเป็นเวลา 30 นาทีโดยมีรูปของหมอ J ตั้งอยู่เคียงข้างเพื่อเป็นกำลังใจให้คนหอบเหมือนหมาอย่างฉันวิ่งได้ไปถึงเป้า (หลังจากผ่านไป 2 เดือนฉันก็ยกเลิกฟิตเนสนี้ไปเนื่องจากฉันคิดว่ากำลังจะตายแล้ว)
         "อื้ม น้ำหนักเข้าที่แล้วนะครับคุณ K" หมอมองบันทึกน้ำหนักของฉันในคอมพิวเตอร์แล้วยิ้มน้อยๆตามสไตล์ ฉันไม่ได้บอกหมอไปว่าความคิดฆ่าตัวตายมันเริ่มคืบคลานเข้ามาในสมองของฉันทีละเล็กทีละน้อยเหมือนน้ำในเขื่อนที่รั่วซึม หมอจึงพูดคุยกับฉันตามปกติอย่างสบายใจ

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in