เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Drama & Movie fictiontomei_tan
[Fic Hannibal]Hors'oeuvre
  • Title: Hors'oeuvre

    Author: โทเม

    Category: Comedy

    Pairing: Dr Lecter / Will

    Rating : PG15

    Spoilers: Hannibal NBC 

    Disclaimer: ฟิคเรื่องนี้เขียนขึ้นเพื่อความบันเทิง ตัวละครมาจากซีรี่ย์คุณหมอฮันนิบาล

    Summary: วันหนึ่งของคุณหมอกับอาการไข้หวัด เชิญพบกับฟิคเนื้อเรื่องกุบกิบน่ารักชวนประทับเครื่องใน ( ? )


    """"""""""""""""""""""""""""""""""""""""


    ...38 องศาเซลเซียส เพียงพอที่จะทำให้ลมหายใจอุ่นขึ้น อาการไข้เกิดจากปฏิกิริยาของอินเตอร์ริวคินวัน ประกอบกับความชื้นในโพรงจมูกที่เพิ่มขึ้น บ่งบอกว่าขณะนี้ร่างกาย...กำลังติดเชื้อไวรัส

    ด็อกเตอร์ฮันนิบาล เลคเตอร์ พาร่างสูงสง่าของตน นั่งลงบนเก้าอี้หนังตัวโปรดซึ่งสั่งซื้อมาจากเยอรมัน แล้วเริ่มหวนพินิจถึงสาเหตุที่ทำให้เขาได้รับเชื้อ ทว่าในยามที่ฤดูหนาวย่างกรายและแสงแดดโรยแรงเช่นนี้ ผู้คนในเมืองต่างแพร่เชื้ออย่างรวดเร็วผ่านลมหายใจ การพูดคุย การจามโดยไร้เครื่องป้องกัน อีกหนึ่งคือการยกมือป้องชั่วครู่ แล้วใช้มือนั้นเข้าสัมผัสสิ่งของสาธารณะต่างๆ ทำให้เกิดการแพร่พันธุ์โดยไม่รู้จบ

    เมื่อวันก่อนมิสเตอร์คอร์ทนีย์ เทย์เลอร์ซึ่งป่วยเป็นโรค Major depression disorder ได้ทำทุกอย่างที่สามารถส่งต่อเชื้อไวรัสให้แก่เขา ด้วยการเดินเข้ามาฟูมฟายใกล้ๆหลังจากจามโดยใช้มือเปล่าป้อง จากนั้นก็มาจับโดนตัวเขา ซึ่งจะต้องทำงานต่อเนื่องอีกสามชั่วโมงกว่าจะพักเบรกเพื่ออาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าได้

    ช่วงนี้เขาทำงานหนักขึ้นเล็กน้อย เพราะต้องช่วยด็อกเตอร์เนเลนา ฟอร์ทัน เพื่อนสมัยเรียนวิทยาลัยแพทย์ เธอกำลังทำวิจัยเรื่องอารมณ์กับความเร็วของระบบเมตาบอลิซึ่ม ซึ่งสันนิษฐานถึงผู้ที่มีกระบวนการเผาผลาญในร่างกายสูง มักจะมีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์เร็ว ด็อกเตอร์เลคเตอร์ว่ามันน่าสนใจ จึงเพลิดเพลินกับการหาข้อมูลจนการพักผ่อนยามค่ำลดลง และนั่นก็ทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำลงด้วยตามลำดับ

    สาเหตุที่แท้จริงคงมาจากตัวเขาเอง ที่ประมาทในการใช้ชีวิตและเชื้อไวรัสเกินไป ทั้งที่อีกสามวันจะถึงวันชมการแสดงละครเวทีเรื่อง Every Man in His Humour รอบปฐมทัศน์ซึ่งเฝ้ารอมาทั้งเดือน โดยบัตรที่นั่งแถวเจ็ดอันเหมาะสมแก่การนั่งชมที่สุดนั้น เขาได้รับมากจากมิสเตอร์เคิร์ท แชปมัน ผู้ออกแบบฉากและชุดของคณะซึ่งรู้จักจากการเจอกันบ่อยครั้งในงานแสดง และผ่านการแนะนำของมิสซิสโอลิน คลิบป์อดีตผู้ป่วยของเขา

    จากวัฏจักรของไวรัส คาดการณ์ว่าวันชมการแสดง น่าจะเป็นวันที่ร่างกายถูกระบบภูมิคุ้มกันกระตุ้นให้ไข้ขึ้นสูงที่สุด และแพร่เชื้อต่อไปยังผู้อื่นได้มากที่สุดเช่นกัน บางทีนอกจากพาราเซตตามอนลดไข้ เขาควรจะเสี่ยงทานแอนตี้ฮีสตามีนลดสารคัดหลั่งสักเม็ด ไม่เช่นนั้นอรรถรสของการชมละครคงลดหายไปกว่าครึ่ง หากเขาหูอื้อและน้ำมูกไหลโดยพร้อมเพรียงกัน ปัญหาคือยาแก้แพ้พวกนั้นมักทำให้เขาง่วงทุกทีแม้จะเลือกใช้ตัวที่ใครๆก็บอกว่าไม่ง่วงก็ตาม 

    ยามนี้เป็นเวลาห้าโมงเย็น ด็อกเตอร์เลคเตอร์จึงเห็นสมควรแก่เวลาในการโทรแจ้งเลื่อนนัดเหล่าคนไข้ที่มารอคิวรักษา มันคงดูไม่ดีนักหากแพทย์จะมานั่งจามต่อหน้าผู้ป่วย เขาหยิบสมุดนัดหมายขึ้นมาลากปาดนิ้วดูลิสต์รายชื่อเทียบกับเวลาว่าง รอบดวงตาเริ่มอุ่นร้อนขึ้นเพราะพิษไข้

    เพียงหนึ่งชั่วโมงนายแพทย์หนุ่มก็เลื่อนนัดใหม่ให้กับผู้ป่วยมากมายสำเร็จ เขาผ่อนลมหายใจก่อนพยุงตัวให้ลุกยืนเพื่อเตรียมพร้อมกับงานถัดไป นั่นคือการจัดการเช็ควัตถุดิบมากมายที่อยู่ในตู้เย็น 

    แม้ว่าก่อนแพ็คเขาจะตรวจสอบดีแล้วว่าไม่มีสิ่งใดที่ดูสะดุดตา จนสามารถแยกแยะออกว่ามันเป็นเนื้ออะไรด้วยตาเปล่า แต่เพื่อความแน่ใจว่าจะไม่มีใครหวังดีมาเปิดตู้เย็นทำอาหารให้กิน ยามเขาเป็นลมล้มพับลุกจากเตียงไม่ได้ เขาจึงควรตรวจความเรียบร้อยอีกที

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก

    เสียงเคาะประตูอย่างสุภาพดังขึ้น จังหวะและน้ำหนักมือในการเคาะประตูของแต่ละคนต่างเป็นเอกลักษณ์ และเจ้าของเสียงที่เนิบช้าแต่หนักแน่นนี้เป็นใครไม่ได้นอกจากวิลล์ เกรแฮม ด็อกเตอร์เลคเตอร์เดินไปหยิบบางสิ่งจากลิ้นชักก่อนจะตรงไปเปิดประตู

    “สวัสดีวิลล์ เชิญเข้ามาก่อนสิ”

    เจ้าของบ้านออกมากล่าวต้อนรับอย่างสุภาพ ทว่าชายหนุ่มผู้มาเยือนกลับเอาแต่จดจ้องหน้ากากอนามัยสีขาวที่ปิดบังใบหน้าของนายแพทย์ไว้ ทำให้คนสูงกว่ากล่าวขึ้นอีกครั้ง

    “มันค่อนข้างน่าอาย แต่ดูเหมือนผมจะเริ่มเป็นหวัดนิดหน่อย ถึงอย่างนั้นผมว่ามันจะดีกว่าหากเริ่มป้องกันไว้ก่อนที่คุณจะมาติดหวัดอีกคน”

    “อ่า...ขอบคุณ”

    เจ้าหน้าที่สอบสวนพิเศษของเอฟบีไอกล่าวโดยก้มหน้าหันมองไปทางอื่น ตามนิสัยที่ไม่ชอบสบตาใคร เพราะความอิดโรยทำให้รอยยิ้มของวิลล์เบ่งบานไม่เต็มที่ เมื่อร่างนั้นก้าวผ่านเข้ามาในห้องทำงานที่ดูราวกับห้องสมุดย่อมๆ นายแพทย์จึงถามขึ้น

    “มีอะไรให้ผมช่วยเหรอวิลล์ ?”

    “ก็ไม่เชิง...”

    ผู้มาเยือนถอนหายใจแรงราวกับเสียงลมหายใจของกวางมูซ

    "...จริงๆ ผมรู้สึกสบายใจด้วยซ้ำเพราะศพพวกนั้นไร้หัว แต่ว่านะ...”

    “คดี mannequin ที่คุณกำลังทำอยู่น่ะเหรอครับ ช่วยเล่าให้ผมฟังได้ไหมว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับคุณ”

    ชายเจ้าของบ้านถามขณะผายมือเชิญให้อีกฝ่ายนั่งลงยังเก้าอี้ของคนไข้ ส่วนเขาก็กลับไปนั่งลงยังเก้าอี้ประจำตัว 

    ..............................


    คดีฆาตกรรมหุ่นโชว์ลองเสื้อนั้นเป็นอีกหนึ่งคดีที่ด็อกเตอร์เลคเตอร์ได้เข้าไปมีส่วนร่วมอย่างไม่ได้คาดหมาย ประมาณเมื่อเย็นวานขณะที่นายแพทย์หนุ่มกำลังกลับจากการซื้อของที่ซุปเปอร์มาเก็ตซึ่งอยู่ห่างจากบ้านไปราวยี่สิบไมล์ เพียงเพราะต้องการพริกไทยดำจากอินเดียซึ่งมีความเผ็ดและความหอมเป็นพิเศษ แต่ในละเเวกนี้มีเพียงที่นี่ที่นำเข้ามัน บังเอิญว่าใกล้กันนั้นท่ามกลางรถตำรวจที่เข้าปิดล้อมบ้านหลังหนึ่ง วิลล์ เกรแฮมกำลังเดินออกมาจากรั้วซึ่งทำจากเทปสีเหลืองที่เขียนบอกว่าพื้นที่ตำรวจห้ามเข้า

    มันเป็นช่วงเวลาแค่ครู่เดียว ทว่าดวงตาที่เฉียบคมของนายแพทย์ที่ยืนอยู่ ก็ทันเห็นภาพช่วงที่ประตูเปิดค้าง ในนั้นมีศพที่เปลือยเปล่า ไม่มีศีรษะ ไร้ซึ่งแขนขา เสียบ ตั้งอยู่บนท่อนเหล็กเรียงรายต่อกัน ทั้งหมดต่างประดับด้วยเศษเนื้อและเครื่องในของมนุษย์ ดูคล้ายกับหุ่นโชว์ที่กำลังใส่ชุดสีแดงสดสไตล์ใหม่อยู่

    ดวงตาของวิลล์เบิกกว้างอย่างแปลกใจที่ได้พบกับด็อกเตอร์เลคเตอร์ตรงสถานที่เกิดเหตุ ซึ่งจัดว่าค่อนข้างไกลจากบ้านพักของเจ้าตัวโข แต่ถุงที่มีตราของซุปเปอร์มาร์เก็ตห้าดาวนั่นกล่าวแทนคนที่พิถีพิถันในการเฟ้นหาวัตถุดิบเพื่อปรุงอาหารได้เป็นอย่างดี นายแพทย์หนุ่มไม่รีรอเลยที่จะชวนทั้งวิลล์ เกรแฮมและแจ็ค ครอฟอร์ดไปร่วมทานอาหารค่ำกับเขาในคืนถัดไป ด้วยรอยยิ้มที่สุภาพและเป็นมิตรที่สุดเท่าที่เจ้าตัวจะเสกสรรปั้นแต่งได้ 

    “เราพบศพแบบนี้มารอบที่สามแล้ว ครั้งๆหนึ่งจะมีเหยื่อทั้งหมดสามคนเป็นอย่างต่ำ แขนและขาของเหยื่อจะถูกตัดออกตามความจำเป็นของชุดที่ฆาตกรจะทำให้เหยื่อใส่ เลือดส่วนใหญ่ถูกสูบก่อนตัด และนำไปใช้เพ้นท์ระบายตามห้องจนดูยากว่าเริ่มจากตรงไหน...ว่าแต่ผมทำให้บรรยากาศของโต๊ะอาหารเสียหายหรือเปล่า ?”

    หัวหน้าหน่วยสืบสวนเอฟบีไอถามไปทางเจ้าภาพมื้ออาหารซึ่งกำลังนั่งฟังอยู่ คุณหมอยิ้มแล้วกล่าวอย่างอารมณ์ดีให้กับเรื่องที่เขากำลังสนใจฟัง

    “ผมสนุกกับการรับฟังทุกบทสนทนาของเพื่อนร่วมโต๊ะอาหารครับ...แล้วคุณคิดว่ายังไงครับวิลล์ เกี่ยวกับฆาตกรหุ่นโชว์รายนี้”

    “ที่เขาสูบเลือดออกก่อนที่จะตัดอวัยวะ เพราะกลัวว่าหุ่นของเขาจะเปื้อนสิ่งที่เขาไม่ต้องการให้มันมีอยู่... ผมรู้สึกถึงความต้องการครับ เขาคิดว่าตัวเองเป็นศิลปิน และกำลังสร้างสรรค์ผลงานแนวใหม่ อวดและเยาะเย้ย”

    ชายหนุ่มที่ถูกถามความคิดเห็นกล่าวขึ้นขณะจ้องมองนิ่งอยู่ตรง Duck a l'Orange ดู ท่าว่ากลิ่นสดชื่นของส้มจะไม่เพียงพอต่อการคลายความตึงเครียดที่ออกจะกระตุ้นง่ายของวิลล์ ด็อกเตอร์เลคเตอร์ว่าเขาควรจะเพิ่มส่วนของทาร์รากอนลงในอาหารรอบหน้า แต่ถ้ายังเอาไม่อยู่อีกเขาจะลองใส่พวกกัญชาลงไป

    “นี่ครับเครื่องดื่มสำหรับมื้อนี้ Garam chai masara เป็นชานมแพะอุ่นผสมน้ำผึ้งและเครื่องเทศเพื่อสุขภาพ”

    เจ้าของบ้านจงใจพักเรื่องเล่า เพราะไม่อยากให้วิลล์มาเป็นลมชักตอนกำลังนั่งทานอาหารฝีมือเขา แขกทั้งสองคนรับไปดื่ม ทีแรกก็ทำหน้าเหยเกใส่เพราะความแปลกใหม่ แต่พอจิบที่สองก็เริ่มจะรับรู้ถึงรสอร่อย จิบที่สามและสี่จึงตามมา นายตำรวจผิวดำพยักหน้าสองครั้ง

    “นับครั้งได้เลยนะที่ผมจะกินเครื่องเทศแบบนี้ วันๆกินอะไรไม่รู้ถึงลงพุงเอาๆ แต่ดูหมอยังรักษาหุ่นดีอยู่เลย สงสัยผมต้องหาอาหารเพื่อสุขภาพมากินบ้างเสียแล้ว”

    นายแพทย์หนุ่มหัวเราะเบา หลังจากนั้นก็เป็นเพียงบทสนทนาสรรพเพเหระ เพราะที่กล่าวมาทั้งหมดก็เรียกว่าเกินสมควรที่บุคคลภายนอกจะรับรู้ ดอกเตอร์เลคเตอร์ถือว่าข้อมูลที่ได้รับผสมกับสิ่งที่แสดงบนเว็บไซต์ข่าวของมิสเฟรดดี้ เลาจท์ ก็เพียงพอแล้วสำหรับเรื่องที่คิดจะแค่ฟังผ่านหู ในเมื่อสิ่งที่เขาสนใจจริงๆไม่ใช่คดีแต่เป็นปฏิกิริยาของเจ้าหน้าพิเศษอัจฉริยะคนนี้มากกว่า

    ..............................


    จากวันนั้นจนถึงวันนี้การฆาตกรที่ว่ายังคงเงียบหาย จึงไม่น่าจะมีอะไรมากระทบกระเทือนจิตใจของวิลล์อย่างฉับพลันเช่นคดีอื่นๆที่ผ่านมา เจ้าตัวเคยบอกว่าโล่งใจเพราะศพไร้หัว จะได้ไม่ต้องนึกประหวัดหวนคิดถึงมิสเตอร์เจคอป ฮอบบ์ กลับยังคงก้มหน้านิ่งไม่ยอมเปิดปากพูดอะไร คุณหมอจึงว่าจะไปหาอะไรอุ่นๆให้ทานในฐานะเจ้าบ้านที่ดี แต่แล้วก็ต้องหันขวับกลับมาอย่างรวดเร็ว เมื่อเชือกเส้นหนึ่งตวัดมาคล้องตัวเขาไว้

    ...มันคือสายวัด...

    “คุณคิดจะทำอะไร ?”

    ด็อกเตอร์เลคเตอร์ถามด้วยน้ำเสียงและแววตาที่ราบเรียบ กับเจ้าหน้าที่พิเศษซึ่งทำหูทวนลมไม่สนใจ พยายามวัดความยาวรอบอกของเขาอยู่อย่างทุลักทุเล มันดูงุ่มง่ามจนต้องช่วยจับวัดให้

    "รอบอกผมสี่สิบนิ้วครับมิสเตอร์เกรแฮม ส่วนเอว...ไม่ครับ นั่นส่วนสะโพก คุณต้องวัดเอวตรงส่วนที่ขอดสุดตรงนี้”

    เห็นได้ชัดจากนิสัยการแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าหลวมๆ เหมาโหลที่ออกจะเชยและไร้ความสง่าใดๆของวิลล์ ซึ่ง คนแบบนี้ไม่มีทางรู้หรอกว่าตำแหน่งการวัดไซส์มันอยู่ตรงไหน และกางเกงที่ดีควรจะใส่ตรงเอวไม่ใช่ปล่อยหลวมให้ขอบไปเกาะอยู่ตรงสะโพกจนเข้าใจผิดว่านั่นเป็นรอบเอว เจ้าตัวคงรู้แค่ว่าตัวไหนใส่ได้และใส่ไม่ได้เท่านั้น

    ชายตรงหน้าเม้มปากแน่นราวกับเป็นฝาหอย ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ ช้อนตามองเหนือกรอบแว่นสีดำวูบหนึ่งก่อนจะยอมถอนมือออกไปพร้อมกับกดสายวัดเก็บเข้าตลับ ปล่อยจิตแพทย์อีกคนให้ยืนอยู่กับความงงงวยและรอยยิ้มขำที่ถูกซ่อนไว้ใต้ผ้าปิดปาก

    “ช่วยบอกผมทีได้ไหมว่าคุณจะเอาไซส์ผมไปทำอะไร ไม่อย่างนั้นผมคงต้องโทรเรียก 911 แจ้งว่าคุณบุกเข้ามาคุกคามทางเพศผมด้วยสายวัดนั่น”

    ผู้ชายผมกระเซิง หน้าตาประดับด้วยหนวดเคราหลอมแหลมที่ว่าดูรุงรังแล้ว ยังจะปั้นหน้าให้ยุ่งเข้าไปอีก แววคาดคั้นที่อยู่ในเนื้อเสียงที่เรียบเรื่อยของร่างสูง ทำให้ปากที่ปิดสนิทของวิลล์ยอมพูดขึ้นมาบ้าง

    “ฆาตกรหุ่นโชว์นั่นคัดแต่คนหุ่นดีๆ...ผมว่าศพพวกนั้นมีหุ่นที่ใกล้เคียงกับคุณอยู่ แต่ไม่แน่ใจเลยอยากลองวัดดู...”

    “แล้วใช่ไหมครับ ?”

    คู่สนทนาของเขาพยักหน้ารับแรงแทนคำตอบ

    "...มันออกจะแปลกสักหน่อย แต่ช่วงนี้ผมอยากให้คุณระวังตัว ถ้าเป็นไปได้หากคุณจะไปไหนช่วยบอกผม ผมจะไปกับคุณด้วย”

    คนฟังหลุดขำพรืดออกมา แต่เพราะรู้ตัวว่ามันดูไม่สุภาพจึงแสล้งไอกลบเกลื่อน

    “ตกลงวิลล์ เอาเป็นว่าผมจะระวังตัวมากขึ้น”

    “แล้วตกลงคุณป่วยอยู่ใช่ไหม ? ถ้ายังไงช่วงนี้ให้ผมค้างที่นี่ช่วยดูแลคุณดีไหม ?”

    “ไม่เอาน่าวิลล์ ผมเป็นหวัดแค่นิดเดียว มันแทบไม่ทำให้อะไรเปลี่ยนด้วยซ้ำ อีกอย่างหนึ่งผมก็ไม่อยากให้คุณต้องมาติดหวัดผม”

    ด็อกเตอร์เลคเตอร์ปฏิเสธอย่างสุภาพตบท้ายด้วยรอยยิ้มที่พาให้ตาหยีปิด ทำให้ผู้ชายตรงหน้าได้แต่พยักหน้ารับและเดินลากขาออกไปอย่างไม่เต็มใจนัก เมื่อสิ้นเสียงประตูปิดลง นายแพทย์หนุ่มถึงกับอยากทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่ขึ้นมาทันที

    .................................................


    สามวันผ่านไป ดูท่าเชื้อหวัดจะแรงเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้โข จึงทำให้ความสามารถในการระวังตัวลดน้อยลง ด็อกเตอร์เลคเตอร์กวาดตามองรอบตัวหลังจากฟื้นขึ้นมาจากการถูกตีศีรษะ ตอนนี้เขากำลังถูกมัดด้วยเชือกให้นอนอยู่บนเตียงเหล็กที่มีสเกลวัดความยาวอยู่ข้างกาย

    ผงกหัวขึ้นมาหน่อยก็พบเจ้าฆาตกรโรคจิตที่ว่ากำลังนั่งหันหลัง ใช้เข็มและกรรไกรตกแต่งลำไส้ซึ่งควักออกมาจากหน้าท้องของผู้หญิงคนหนึ่งให้ เป็นชุดกระโปรงระบายพันรอบตัว บรรจงตัดเยื่อบุหน้าท้องที่ใสราวกระดาษแก้วนั้นให้เป็นรอยหยักราวกับลูกไม้ โดยใช้เครื่องมือช่างฉลุผิวหนังให้เป็นลวดลาย เกิดเลือดซึมผ่านทีละจุดราวกับปักเลื่อมด้วยอัญมณีสีแดง

    เธอคนนั้นยังไม่เสียชีวิต เพียงแต่ค่อยๆ เสียเลือดออกไปจากข้อมือจนเกิดอาการเบลอ ซึ่งอาการนั้นก็กำลังจะเกิดขึ้นกับเขา

    ชีพจรที่เต้นรัว ความดันที่ลดลง การหายใจที่ถี่เร็ว บ่งบอกว่าเขากำลังเข้าสู่ภาวะช็อคระดับสอง ซึ่งควรจะได้รับสารน้ำทดแทนโดยเร็วสักลิตรถึงลิตรครึ่งก่อนที่สติสัมปชัญญะทั้งหมดจะเลือนหาย นายแพทย์มองสายน้ำเกลือที่แทงเข้าเส้นเลือดแดงตรงข้อมือ ปลายอีกด้านปล่อยลงถังใส่น้ำเบื้องล่าง มีแปรงใหญ่วางเตรียมไว้ข้างๆเตรียมละเลงศิลปะสีเลือดภายในห้อง เขาพลิกข้อมือแล้วหักสายยางนั่นให้งอพับเป็นการหยุดเลือดไม่ให้ไหล

    นี่ถ้าเขามีแรงเท่าเก่าก็คงจะเอาเชือกที่พันตัวอยู่นี่ จัดการรัดคออีกฝ่ายจากด้านหลัง ก่อนจะเอาแท่งเหล็กสตึๆไร้รสนิยมคล้ายกับเก้าอี้ที่ไม่มีเบาะนั่นเข้าไปเสียบก้นมัน ก่อนที่มันจะบังอาจแทงสิ่งที่ว่าเข้ามาในก้นเขา

    “อ้าว ตื่นแล้วเหรอครับคุณหมอ ?”

    เสียงของฆาตกรหุ่นโชว์กล่าวถามขณะพาร่างใหญ่เทอะทะน่าเกลียดเข้ามาหา มิสเตอร์เคิร์ท แชปมัน ผู้ส่งบัตรเชิญชวนเขาไปดูละครเวทีในคืนนี้ชะโงกถามด้วยน้ำเสียงปกติ

    “ครับคุณแชปมัน”

    ผู้ที่ถูกจับมัดอยู่ยิ้มตอบอย่างสุภาพ ไม่มีอาการตื่นกลัวใดๆฉายอยู่ในกระจกตา 

    "เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่คุณเชิญผมให้มาดูการสร้างสรรค์งานศิลป์ในคืนนี้”

    “เห คุณหมอสนใจด้วยเหรอครับ ?”

    “คุณก็ทราบว่าผมมีความสนใจในศิลปะทุกแขนง”

    “ถ้าอย่างนั้นผมจะให้คุณหมอได้อยู่ดู จนกว่าจะถึงเวลาได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานศิลปะของผม”

    มือนั่นลงลากสำรวจกายเขา จนสูท Loro piana ตัวเก่งเปื้อนเลือดเป็นทางยาว ว่าจบก็หันไปทำงานของตัวเองต่อ รอยยิ้มงามบนใบหน้าของนายแพทย์หนุ่มเลือนหายเป็นเรียบเฉยไร้ซึ่งความรู้สึก เยียบเย็นและนิ่งสงบดั่งผิวน้ำของทะเลสาบที่ไร้สิ่งมีชีวิตใดๆย่างกราย 

    ในห้องวันนี้มีผู้เคราะห์ร้ายที่จะถูกบังคับเข้าไปอยู่ในการแสดงโชว์ที่แสนจะไร้รสนิยมทั้งหมดสี่คน เสร็จแล้วหนึ่ง กำลังทำอีกหนึ่ง รออีกสอง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือหมอเลคเตอร์คิวสุดท้าย

    เวลาผ่านไปเนิ่นนานท่ามกลางความเย็นจัดของห้องแอร์และกลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งขึ้นขนาดเป็นหวัดอยู่ยังได้กลิ่นชัด เขามองร่างที่ดิ้นทุรนทุรายเพราะความเจ็บแล้วได้แต่ถอนหายใจ แต่แล้วจู่ๆมิสเตอร์เคิร์ทก็หยุดมือลงด้วยสัญชาตญาณของสัตว์ป่า หันมามองทางนายแพทย์ที่แกล้งปิดตาหยุดหายใจไม่ไหวติงครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าผู้ที่จับมาเสียชีวิตแล้วจากการเสียเลือด จึงรีบวิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็ว ด็อกเตอร์เลคเตอร์รู้ว่าอีกฝ่ายจะไม่เข้ามาแทงหัวใจเขาซ้ำ เพราะนั่นมันเป็นการทำลายวัตถุดิบที่อุตส่าห์เฟ้นหาและเตรียมมา

    ไม่นาน ตำรวจกลุ่มใหญ่ในชุดปฏิบัติงานก็เข้ามาในจุดเกิดเหตุ วิลล์ซึ่งเที่ยวตามหาด็อกเตอร์ที่หายไปหลังจากละครเวทีเลิก ก็วิ่งเข้ามาแตะชีพจรของผู้ที่ถูกมัดอยู่กับเตียงด้วยมือที่สั่นเทา คนที่แสร้งหลับตาอยู่ค่อยเปิดเปลือกตาบาง พินิจมองสีหน้าที่ตื่นตระหนกเเละปวดร้าว คล้ายกระจกใสที่ถูกป่นละเอียดกำลังร่วงกราวลงมา นายแพทย์หนุ่มจึงยกยิ้มให้แล้วกล่าวอย่างเเผ่วเบา

    “ผมยังโอเคอยู่วิลล์ ขอบคุณมาก”

    “คุณไม่ต้องพูดอะไรตอนนี้ เดี๋ยวเรามีเรื่องต้องพูดอีกทีตอนหลัง”

    วิลล์ชักสีหน้ากึ่งร้องไห้ให้เครียดขรึม ก่อนหันหน้าหนีตะโกนออกไปยังด้านนอก เรียกให้บุรุษพยาบาลรีบเข้ามารับคนเจ็บ ด็อกเตอร์เลคเตอร์ปิดตาผ่อนลมหายใจยาวอย่างโล่งอก ที่เห็นว่าตนได้รับน้ำเกลือทดแทนอาการสูญเสียเลือดเสียที เขาไม่ถนัดเลยกับสมองที่ใช้งานไม่ได้เต็มร้อยเปอร์เซนต์แบบนี้

    ..............................

    ผ่านเหตุการณ์วันนั้นได้สองวัน จิตแพทย์หนุ่มก็หายหวัดเป็นปลิดทิ้ง และออกจากโรงพยาบาลในทันทีโดยอ้างว่าติดดูแลคนไข้อยู่ แต่กว่าวิลล์จะรู้ตัวว่าเขาขอออกจากโรงพยาบาลก็ปาไปเช้าอีกวันหนึ่ง แต่จากเหตุการณ์วันนั้นก็ปาเข้าไปเดือนหนึ่ง ตำรวจยังคงจับฆาตกรหุ่นโชว์ที่หลบหนีไปไม่ได้

    “จนกว่าจะจับหมอนั่นได้ ผมจะยังคงค้างอยู่ที่นี่แหละ”

    เจ้าหน้าที่พิเศษกล่าวอย่างหนักแน่น จนคุณหมอเจ้าของบ้านได้แต่ส่ายหัวอย่างอ่อนใจ เห็นทีว่าอีกฝ่ายคงจะได้นอนค้างที่บ้านหลังนี้ตลอดชีวิต ในเมื่อฆาตกรหุ่นโชว์ที่ว่านอนเล่นอยู่ในกล่องไม้ที่ห้องใต้ดินของบ้านหลังนี้

    ด็อกเตอร์เลคเตอร์ไม่เข้าใจ ว่าทำไมตำรวจสืบสวนของที่นี่ถึงติดตามตัวคนร้ายได้ช้านัก ทั้งที่เขาใช้เวลาแค่ครึ่งวันก็จับเจ้าห่านอ้วนตัวนั้นได้แล้ว จากนั้นเขาก็เตรียมกล่องสวยๆ ใช้เข็มสอดเข้าไปตรงช่องไขสันหลังตรงด้านท้ายทอย ตัดเส้นประสาททำให้เป็นอัมพาตเสีย ก่อนผ่าตัดทำท่อให้อาหารทางสายยางผ่านกระเพาะไปโดยตรง เพื่อให้อาหารที่อุดมไปด้วยไขมันร่วมกับให้อินซุลินหนึ่งยูนิทต่อชั่วโมงผสมเข้ากับน้ำตาลเด็คโทสวอเตอร์ห้าเปอร์เซ็นต์ทางสายน้ำเกลือ เร่งปฏิกิริยาสะสมไขมันที่ตับให้พอกพูนหนานุ่ม ช่างเป็นการผสมผสานศาสตร์และศิลป์ของการเตรียมวัตถุดิบปรุงอาหารและการแพทย์ เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว

    ...การได้เป็นส่วนหนึ่งของศิลปะ มันน่ายินดีจะตายไป จริงไหม ?...

    “งั้นมื้อเย็นนี้ผมจะทำ Foie Gras แล้วกัน กินอะไรที่มันอ้วนเพิ่มรอบเอวให้ได้เร็วๆ คุณจะได้ไม่ต้องมาคอยกังวลว่าผมจะถูกจับตัวไปตอนไหน”

    “ไม่ได้นะ ห้ามเด็ดขาด !”

    วิลล์ร้องห้ามขึ้นอย่างลืมตัวทันทีราวกับมีใครมาเหยียบเท้า เเละชะงักไปเมื่อโดนนายเเพทย์หยุดยืนมอง ครู่หนึ่งเลยที่ร่างสูงจะพูดต่อ

    “คุณเป็นห่วงอะไรอยู่ ห่าน ผม หรือหุ่นผม ?”

    “ค...คือ....”

    “หรือคุณอยากจะลองทานอย่างอื่น รีเควสผมได้นะ”

    คุณหมอเลิกคิ้วยิ้มยั่วถามอย่างเนิบช้า นิ้วเรียวปลดคลายกระดุมเม็ดบนออกเผยให้เห็นไหปลาร้าชัด จังหวะมันดูจะเซ็กซ์ซี่ฟีโรโมนลงตัวไปนิดจนคนตรงหน้าได้แต่อ้าปากค้าง หน้าเเดงเป็นปลาเผาผัดพริก ที่ถูกตะไคร้หอมยัดปากอยู่จนส่งเสียงพูดออกมาไม่ได้ มื้อเย็นส่งแขกกลับบ้านวันนี้ก็อร่อยกันไป

    นี่ขนาดใช้เวลาแค่สามสิบวันเองยังรสชาติเยี่ยมขนาดนี้...แล้ววัตถุดิบเช่นคุณที่ผมพิถีพิถันเตรียมไว้เสียดิบดี จะอร่อยลิ้นแค่ไหนเชียวนะ ? วิลล์ ...


    ........................
    end
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in