เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
กุมภาพันธ์ 61*Sarane Champa
แสงเทียนดับ (13/02/61)










  • เมื่อวานได้รับทราบข่าว ลูกช่ายของรุ่นน้องซึ่งเป็นโรคไต เสียชีวิตเมื่อช่วงเวลา 3 นาฬิกา ใครๆมักพูดกันว่าเป็นเรื่องยาก เมื่อคนเป็นพ่อแม่ ต้องมาเผาศพคนเป็นลูก ยิ่งลูกที่เป็นหนุ่มน้อยอายุ เพียง 18 ปี ยิ่งเป็นเรื่องบั่นทอนจิตใจไปกันใหญ่ แม้จะมีเวลาทำใจกันอยู่เป็นปี ถ้าไม่ใช่เพราะกำลังเงินที่คนเป็นแม่ทำงานอยู่ต่างประเทศ คนเป็นพ่อ เปิดร้านค้าขาย เวลาหนึ่งปีสำหรับคนเป็นโรคไตที่เหลือเพียง 4 % อาจไม่ยืนยาวขนาดนี้ 

    เคยเขียนเอาไว้ ว่าสิ่งที่กลัวสำหรับตัวเอง คือ การพลัดพราก หมีกลัวความตาย การลาจาก แต่ พอเอาเข้าจริงๆแล้ว หมีรู้ว่า " การตาย " เป็นโจทย์ข้อสุดท้ายของชีวิต ไม่่มีใครหนีการทำโจทย์ชีวิตเรื่องนี้ได้ เราอาจเลือกที่จะไม่เป็นหญิงหรือชาย แบบที่เราเกิด เราอาจเลือกชอบหญิงหรือชายแบบที่เราชอบ เราอาจเลือกมีคนรัก แต่งงานหรือไม่มี เราอาจเลือกมีลูก ไม่มีลูก เลือกมีหลาน หรือเลือกกการอยู่ลำพัง เราเลือกกันได้ในโจทย์ของชีวิตข้อต่างๆ แต่ เจ็บ ป่วย และตาย เป็นโจทย์สุดท้ายของชีวิตที่ไม่เห็นใครเลี่ยงไม่ทำได้สักคน บ่อยๆ เวลาจัดสรรชีวิตไม่ได้ หรือต้องเจอการพลัดพรากทั้งแบบตายและแบบเป็น หมีจึงบอกตัวเองว่า 

    " เราต่างมีความพลัดพรากเป็นที่ตั้ง " 

    ก็ถาม สรณะชีวิตเราจะมีเพียง เกิด ตั้งอยู่ ดับไป และ เราไม่ได้มีสติปัญหาจะแก้ไขมันให้สมบูรณ์แบบทุกครั้ง ก็ทำเพียงการยอมรับ โรคของหมี เวลามันแพนิค เพราะมันไปไม่ได้ตามเป้า หมีเป็นไม่ได้อย่างที่หวังหรือคิด กดดันตัวเอง พอเอาท้ายที่สุด เหมือนอย่างที่กลัวความสูง กลัวตกลงมาตาย พอเอาเข้าจริงๆ ก็ถ้าเครื่องบินต้องตก กุจะไปแก้ไขห่าอะไรได้วะ คนที่ทำได้ เค้าก็ทำเต็มที่ละปะวะ เพราะงั้น เมื่อเราเองเป็นฝ่ายแก้ไม่ได้แล้ว ก็ตามนั้น แต่... กว่าจะผ่านมาคิดอิตรงนี้นี่ ก็ผ่านความแพนิคชนิด กุจะทำยังไง แก้ยังไข ถ้าแก้แพนิคไม่ได้ ก็เอายาหมอมากินเลย แต่ถ้าสติพอมี แก้ได้ ก็สูดลมหายใจให้มันโอเค 

    หมีเคยเขียนว่า หมีเป็นคนโชคดี เป็นซึมเศร้าที่ไม่ได้อยากตาย แต่เป็นพวกกลัวความตาย กลัวมาก ร่างกายผิดปกติอะไรสักหน่อยกุตรวจเลยจ้า บางคนถามว่าไม่กลัวเหรอ เกิดตรวจละเจอ กลัวคะ กลัวฉิบหาย แต่กลัวกว่าคือการไม่รู้ว่ามันคือห่าอะไร แล้วคิดไปเองคนเดียว แบบนั้นบั่นทอนชีวิตที่เหลือ ไม่เอาคะ ตรวจเลย เป็นเชี้ยไร เหลือเวลาเท่าไหร่ จะได้รู้ว่าตัวเองต้องจัดการอะไรตรงไหน เพราะเวลาไหล่บ่าผ่านเราไปเร็วจริงๆ

    บ่ายนี้ต้องไปงานฌาปนกิจหลาน การที่คนครึ่งคนแบบเราไปส่งวัยหนุ่มสาวนี่ เป็นบทเรียนเตือนสติให้เราไม่ประมาทกับชีวิตของเราได้จริงๆนะ บางทีคิวตายของเราอาจเป็นพรุ่งนี้ บางทีคิววตายของเราอาจเป็นมะรืนนี้ หรือบาวทีคิวตายของเรา อาจเป็นนี้





    ใครจะรู้*












    ทนทรมานมามากแล้วจะกราบลา
    หนีปวงโรคาที่เบียดเบียน
    แสงแววชีวาเปรียบแสงเทียน


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in