เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ตำนานพิภพใบใหม่ -โดย lowprofile-kizu_amakusa
Chapter 2 : Sand
  • การที่นิ่งเฉยนั้นไม่ได้หมายความว่าเราไม่รู้สึกรู้สา

    แต่มันคือการเก็บสิ่งต่างๆมาคิดซ้ำไปซ้ำมาไม่รู้จบ

    มันเป็นแบบนั้นเสมอ สมองจึงไม่มีช่องว่างให้เอ่ยวาจาใดๆ


    ในห้องนอนเล็กๆ แสงสีฟ้าสลัวจากเครื่องโฮโลแกรมที่ถูกเปิดทิ้งไว้ส่องสะท้อนไปมาระหว่างกระจกที่ถูกติดตั้งไว้ทั่วห้องของทราย เด็กชายผิวซีดวัยสิบสองที่กำลังนอนเอกเขนกอยู่บนเตียง เขาใช้เท้าซ้ายกระตุกเชือกเพื่อปรับองศาของกระจกบนเพดานให้สะท้อนไปมาจนเห็นพี่ชายของเขาที่กำลังนั่งแกว่งขาอยู่บนขอบหน้าต่างของห้องข้างๆกัน ถึงรูปร่างของเจ้าไฟเบอร์แผ่นบางๆ นี่จะเหมือนกระจกทุกอย่าง แต่อันที่จริงแล้วมันเป็นเหมือนกับหน้าจอแท็ปเลทสมัยโบราณ สามารถสั่งให้ย่อ-ขยายภาพที่สะท้อนได้ด้วยระบบสัมผัส 

    ทรายเป็นเด็กที่ไม่ค่อยพูด เขาชอบที่จะแสดงออกโดยการกระทำ แต่ด้วยร่างกายที่ไม่แข็งแรง เขาจึงต้องโปรแกรมสิ่งต่างๆ ที่เขาอยากจะทำลงไปในหุ่นพ่อบ้าน อย่างกระจกไฟเบอร์ที่ซ่อนอยู่รอบบริเวณบ้านนี่ก็เหมือนกัน เขาคำนวณองศาตกกระทบจากกระจกหลักบนเพดานในห้องนอนของเขา แล้วโปรแกรมให้หุ่นพ่อบ้านเอากระจกที่เขาทำขึ้นเองไปติดตั้งตามจุดต่างๆ และแน่นอนที่สุด เขาทำเรื่องทั้งหมดนี่ในวันที่ไม่มีใครอยู่บ้าน

    ทรายเป็นเด็กที่ถูกคลอดออกมาก่อนกำหนด เขาจึงเข้าเรียนผ่านระบบจิตใต้สำนึกในแคปซูลของชั้นเด็กอ่อนก่อนเด็กคนอื่นๆในรุ่นเดียวกัน เป็นไปได้ว่าการเรียนชั้นเด็กอ่อนที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเกินพอดี ทำให้สมองเคยชินกับการตอบคำถามด้วยการคิดหรือที่เรียกว่าโทรจิต ทรายจึงเป็นเด็กที่ไม่พูดเลยจนกระทั่งอายุหกขวบ แถมคำแรกที่เขาพูดออกมาก็ไม่ได้ทำให้พ่อกับแม่ดีใจสักเท่าไหร่ 

    “ไม่”  ทรายตะโกนออกมาดังลั่นเพียงเพราะพี่ชายของเขาประกอบของเล่นผิดส่วน และนั่นคือหนึ่งในหลายๆเหตุการณ์ที่ทำให้เขาคิดว่าพี่ชายนั้นไม่ชอบเขามาตั้งแต่เล็ก ทรายไม่เคยเรียกร้องอะไรจากพ่อแม่เลย ไม่ว่าจะดีใจหรือเสียใจเขาจะแสดงออกบนสีหน้าเล็กน้อยเท่านั้น

    ยิ่งนานวันเข้า การที่เขาไม่ค่อยพูดก็เป็นเรื่องปกติของครอบครัว ต่อให้ทั้งวันเขาไม่พูดอะไรเลยก็ไม่มีใครเข้ามาถามไถ่อะไรทั้งนั้น ซ้ำร้ายทุกคนในบ้านยังไม่ชอบพฤติกรรมการนั่งจ้องอะไรนิ่งๆของเขาด้วย ซึ่งจริงๆ แล้วเขาเพียงอยากอยู่ใกล้ๆ กับพ่อแม่และพี่ชายเท่านั้น ในที่สุดทรายจึงเป็นเด็กที่ชอบเก็บตัวอยู่ในห้อง เพราะสิ่งประดิษฐ์ชิ้นแรกของเขาสามารถทำให้เขารู้สึกอบอุ่นเสมือนได้อยู่ใกล้ๆ กับทุกคนตลอดเวลา

    ข้างๆเตียงนอนของเขา มีกรอบรูปเล็กๆ คว่ำอยู่บนตู้ไม้เตี้ยๆ เขาไม่ชอบรูปภาพที่อยู่ในกรอบนั่นเลยซักนิด ก็ไอ้รูปเดียวกันกับที่อยู่ในห้องของก้อนหินนั่นแหละ รูปแห่งเกียรติยศบ้าบอที่ทำให้พี่ชายไม่เล่นกับเขาอีกเลย แต่แม่ก็จับมันตั้งขึ้นทุกครั้งที่เข้ามาในห้องของเขา แถมยังต่อว่าที่เขาไม่เก็บของเล่น(กระจก)ให้เรียบร้อยอีกด้วย

    ในขณะที่ทรายนอนคิดถึงเรื่องเก่า แสงสีส้มจุดเล็กๆ ได้ส่องสะท้อนเข้าตาของเขา แสงที่ว่าส่องมาจากกระจกบานที่ติดอยู่ริมหน้าต่าง เขาขยายภาพที่สะท้อนมาจากกระจกบานนั้นดู 

    ..แสงตะเกียงในห้องครัว ใครกัน… เขาคิดขึ้นพลางหันไปมองกระจกบานอื่นๆ บนผนัง 

    ..พี่ทรายอยู่ในห้อง พ่อหลับอยู่  แม่...แม่อยู่ไหน?  

    เขาพยายามมองหาแม่จากกระจกที่สะท้อนมาจากห้องครัว หลังจากเพ่งมองอยู่นานจึงเห็นเงาของแม่ยืนอยู่ข้างหลังม่าน แม่ค่อยๆแง้มม่านเหมือนกำลังแอบดูอะไรอยู่ แถมยังจดข้อความบางอย่างลงในกระดาษ กำลังขยายของกระจกที่ดูอยู่นี่ก็ไม่พอที่จะขยายไปดูข้อความที่แม่เขียนซะด้วย แต่นั่นไม่ได้น่าสนใจเท่ากับเรื่องที่ว่าแม่กำลังดูอะไร

    ..ขอดูหน่อยนะว่าแม่แอบดูอะไรอยู่.. เขาคิดพลางลุกขึ้นจากเตียง แล้วเดินตรงเข้าไปแก้เชือกที่มัดกันอยู่พัลวัน เขาดึงเชือกเส้นต่างๆ เพื่อปรับองศากระจกทุกแผ่นของซีกตะวันตก กระจกทุกแผ่นสะท้อนกันไปมาจนได้องศาที่สามารถเห็นภาพจากกระจกบานที่ส่องไปทางเดียวกับแม่ได้ แต่ดูจากระดับสายตาที่แม่มองคงต้องขยับกระจกบานนั้นขึ้นอีกนิด ทรายค่อยๆดึงเชือกเส้นหนึ่งขึ้นช้าๆ สิ่งที่แม่เห็นค่อยๆปรากฏขึ้นบนกระจก

    “ห้องนอนของป้ายูเอะ?” ความมืดมิดของโลวเลเวลทำให้สามารถมองเห็นภายในของห้องนอนที่มีแสงสีส้มสลัวๆได้บ้าง ทรายพยายามขยายภาพให้ชัดขึ้น แต่มุมสะท้อนจากที่ต่ำนั้นทำให้ไม่สามารถมองเห็นอะไรได้มากมายไปกว่าพัดลมติดเพดานยุคโบราณ กับวอลเปเปอร์ติดผนังลายอียิปต์

    ป้ายูเอะเป็นนักสะสมของเก่า มีของสะสมจากยุคก่อนเกิดภัยพิบัติ (ค.ศ.2181) เต็มไปหมด ทรายเคยเข้าไปในบ้านของป้ายูเอะครั้งนึง ตอนนั้นเจษ ลูกเลี้ยงของป้ายูเอะชวนเขาและพี่ชายเข้าไปดูลูกๆของเจ้า วาน บุยเตน นั่นทำให้เขาได้เห็นของสะสมแปลกๆในบ้านหลังนั้น แต่ของสะสมพวกนั้นไม่น่าจะใช่สาเหตุที่ทำให้แม่ต้องแอบดู เพราะแม่ของเขาเป็นนักเคมีตัวยงที่แทบจะไม่สนใจศิลปะด้วยซ้ำ

    ในขณะที่ทรายกำลังคิดถึงความน่าจะเป็นจากภาพที่เห็นเพียงพัดลมติดเพดานกับผนังห้องอยู่นั้น กระจกอีกบานหนึ่งได้สะท้อนแสงของไฟดวงเล็กๆ ที่กระพริบอยู่ด้านบนของหลังคาบ้าน ตำแหน่งเดียวกันกับห้องนอนของป้ายูเอะพอดี แสงไฟนั้นกระพริบอยู่ไม่นาน เงาของคนประมาณห้าคนก็ปรากฎพาดผ่านผนังของห้องนอนนั้น 

    ..ไม่น่าเป็นไปได้ เวลา 22.00น. มันเป็นเวลาที่คนพักผ่อน จะเหลือเพียงหุ่นยนตร์ปฏิบัติการประจำหน่วยงานต่างๆ เท่านั้นที่ยังทำงานอยู่ มันเป็นกฎหมายที่ไม่เคยมีใครฝ่าฝืน.. ทรายรู้สึกประหลาดใจมาก เพราะเงาที่ทรายเห็นในห้องของป้ายูเอะ ดูยังไงก็ต้องเป็นเงาของคน หุ่นยนตร์ที่รูปร่างเหมือนคนในทวีปนี้มีแค่สองตัว และทั้งสองตัวนั้นก็ประจำการอยู่ในเขตปนเปื้อน แถมยังมีรูปร่างคล้ายเด็ก จึงไม่น่าจะใช่เจ้าของเงาในห้องนอนของป้ายูเอะแน่ๆ 

    “ปึง!!! ” เสียงประตูเปิดดังมาจากห้องข้างๆ พี่ชายของเขาคงลงไปหาอะไรกินในครัวอย่างเคย เท่ากับว่าเวลาในการแอบดูของแม่คงต้องจบลงแล้ว คิดได้ดังนั้นยิ่งทำให้ทรายตื่นเต้นเข้าไปอีก เหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้จะมีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่ได้เห็นกับตา เขานึกเสียดายที่ไม่ได้สร้างกระจกของเขาให้สามารถบันทึกภาพได้ ครั้นจะออกไปเอากล้องของพ่อก็กลัวจะพลาดฉากสำคัญๆไป เขาจึงนอนจ้องกระจกบนเพดานอย่างไม่กระพริบตา

    เงาทั้งห้ายังคงปรากฎอยู่ชัดเจนและดูเหมือนจะค่อยๆขยับเข้าหากัน ทันใดนั้นเอง ป้ายูเอะก็ลุกพรวดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ที่แปลกคือใบหน้าของเธอยังดูเหมือนกับว่าหลับสนิท ร่างของเธอยืนโงนเงนอยู่พักหนึ่ง ไม่นานนักดวงตาทั้งสองข้างก็เบิกกว้าง ปากแหกออกจนเกือบฉีกราวกับตะโกนออกมาอย่างเจ็บปวด

    "..!!!!!" ทรายตกใจกับภาพที่ได้เห็นอย่างมาก เขาหลับตาปี๋พลางรีบหันหน้าหนีจากกระจก มือทั้งสองกำผ้าห่มไว้แน่น หัวใจทรายเต้นรัวจนแม้แต่ตัวเองยังได้ยิน เขาพยายามตั้งสติกับสิ่งที่เกิดขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัด 

    ..ทำไมไม่มีเสียงอะไรเลย?.. ทรายฉุกคิดขึ้นมาได้ทันที ทั้งๆที่ภาพของป้ายูเอะที่แหกปากอย่างทรมานยังคงติดอยู่ในหัวแต่ทุกอย่างกลับเงียบสงบ แม้ว่าเขาจะไม่กล้าลุกออกจากเตียงแต่ก็รีบลืมตาขึ้นแล้วกดขยายภาพเข้าไปอีก ร่างของป้ายูเอะเริ่มมีเลือดและหนองไหลซึมออกมาจากดวงตา ทั่วทั้งร่างของเธอกระตุกอย่างแรงราวกับว่ามีการระเบิดอยู่ภายใน เลือดปนเศษเนื้อเริ่มไหลทะลักออกมาทางปาก 

    “เอ้ยยย!! ” เสียงอุทานดังออกมาจากลำคอของทราย เขาปิดปากตัวเองแล้วรีบหยิบผ้าห่มขึ้นมาคลุมหัวทันที ..นี่มันเรื่องอะไรกัน มันไม่น่าจะมีอะไรแบบนี้เกิดขึ้นนี่!!!..


  • เวลาผ่านไปพักใหญ่ ทรายยังคงนอนขดตัวอยู่ในผ้าห่ม เขาไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นมองกระจกบนเพดานอีกแล้ว แม้ว่าจะพยายามรวบรวมสมาธิไปที่ประสาทสัมผัสทั้งหมด แต่ก็รับรู้ได้เพียงความมืดและความเงียบสงัดเท่านั้น 

    “นอนได้แล้วทราย ดึกมากแล้ว” เสียงแม่พูดอยู่นอกห้อง คงเพราะแสงไฟจากโฮโลแกรมที่ลอดผ่านช่องด้านล่างของประตูที่ทำให้แม่รู้ว่าเขายังไม่หลับ 

    “ปึง” เสียงปิดประตูห้องของแม่แว่วมาเบาๆ

    ทุกอย่างดูปกติราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทรายดึงผ้าห่มออกช้าๆ เขาค่อยๆหรี่ตามองไปที่กระจกบนเพดาน เงาทั้งห้าหายไปแล้ว แต่ร่างของป้ายูเอะยังลอยอยู่กลางห้อง สภาพเหมือนกับศพที่รอการชันสูตรไม่มีผิด ครู่หนึ่งปรากฎแขนจักรกลยื่นลงมาจากเพดานของบ้าน ไฟสัญญาณที่แผ่นควบคุมของแขนกลเริ่มกระพริบ ทันใดนั้นเอง ทรายสังเกตุไปเห็นเครื่องหมายบนแผ่นควบคุม ..เครื่องหมายกาชาดสีเงิน?.. เขาพยายามนึกถึงตราสัญลักษณ์ของหน่วยงานทั้งหมดในอูเดอร์ มีเพียงตรากาชาดสีแดงบนดอกบุนนาคขาวของหน่วยแพทย์ที่ผุดขึ้นในความคิดของทราย

    “ฟุบ!!! ”เสียงเหมือนไฟดับดังมาจากแผ่นกระจกในห้อง ภาพบนกระจกเริ่มแตกซ่าคล้ายกับถูกแสงหรือสัญญาณรบกวน คงเป็นเพราะแขนกลนั่นเริ่มฉายรังสีอะไรบางอย่างแน่ๆ แม้ภาพบนกระจกจะสั่นและแตกเป็นพักๆ แต่ก็ยังเห็นแสงสว่างจ้าจากแขนกลได้อย่างชัดเจน ..แต่เดี๋ยวก่อน! ถ้าแสงจากแขนกลสว่างจ้าขนาดนั้น ทำไมถึงไม่มีแสงส่องมาถึงหน้าต่างของเขาเลย?  ทรายฉุกคิดขึ้นได้จึงรีบลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว

    เขาหันควับกลับไปที่หน้าต่างทันที

    ...ไม่มีอะไรอยู่เลย!! ห้องนอนของป้ายูเอะไม่ได้เปิดไฟด้วยซ้ำ!!!


    ทรายพยายามมองเข้าไปในห้องนอนที่มืดสนิท แม้เขาจะรู้สึกแปลกใจกับสิ่งที่ได้เห็น แต่สิ่งเหล่านี้ก็ทำให้เขาได้เข้าใจ ว่าทำไมพี่ชายที่นั่งอยู่ริมหน้าต่างตั้งนานก่อนหน้านี้ กับแม่ซึ่งเหมือนจะมองเห็นอะไรบางอย่างจากในครัว ถึงได้ทำตัวราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    ..พวกเขาคงมองไม่เห็น และสิ่งที่แม่แอบดูอยู่ ก็คงจะเป็นเจ้าแสงสีขาวกระพริบๆ บนหลังคานั่นแหละ…

    เขาคิดพลางหันกลับไปมองที่กระจกบนเพดาน สัญญาณภาพยังคงสั่นและแตกเป็นบางส่วน แต่ก็ยังพอจะมองออกว่าเจ้าแขนกลนั่นยังคงฉายรังสีอยู่ เมื่อเห็นดังนั้นทรายจึงลุกจากเตียง เขาสูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่แล้วตัดสินใจเดินตรงไปที่หน้าต่าง วางแขนลงบนขอบหน้าต่าง เงยหน้ามองฟ้าพลางผิวปากอย่างอารมณ์ดีราวกับเด็กปกติทั่วไป ทรายมั่นใจว่าหากภาพที่กระจกสะท้อนได้นั้นเป็นเรื่องจริง พวกมันต้องคิดว่าเขามองไม่เห็นอะไรเหมือนคนอื่นๆแน่ เขาจึงอาศัยความคิดนี้ทดลองเดินไปยืนสำรวจหาบางอย่างนอกระยะการสะท้อนของกระจกดู

    จริงอย่างที่เขาคิด... ห้องนอนของป้ายูเอะมืดสนิทประหนึ่งว่าเธอกำลังหลับอยู่ แต่ไฟกระพริบสีขาวดวงเล็กซึ่งติดอยู่กับอะไรบางอย่างที่ลอยอยู่บนหลังคานั้น กลับสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนด้วยตาเปล่า น่าเสียดายที่ความมืดมิดช่วยอำพรางรายละเอียดของตัวเครื่อง ทรายพยายามมองให้ไกลออกไปอีก

    เขาไล่สายตาจากบ้านของป้ายูเอะไปจนถึงแสงไฟรักษาการณ์ที่ส่องจากไดฮัทซึ แสงไฟจากไดฮัทซึจะเคลื่อนที่ไปรอบๆ โดยเริ่มจากฐานแล้วขยายออกเป็นวงกลมคล้ายๆกับการกระเพื่อมของน้ำ โดยปกติแล้วบริเวณที่แสงส่องผ่านจะถูกสแกนหาสิ่งผิดปกติหรือผู้ที่กระทำผิดกฏหมาย แต่เท่าที่เห็นตอนนี้ แสงของไดฮัทซึยังส่องอยู่แถวโซนR2ซึ่งไม่ไกลจากฐานของมันนัก 

    หมายความว่ามันส่องผ่านที่นี่มาหลายรอบแล้ว! ถ้าเป็นอย่างนั้นเจ้าเครื่องที่ลอยอยู่บนหลังคาบ้านนี่ก็น่าจะเป็นของรัฐ..ทรายคิดพลางกวาดสายตามองตามแสงของไดฮัทซึ 

    น่าจะจริง... เขาเริ่มมองเห็นยานลำเล็กๆ ที่น่าจะถูกบังคับจากห้องคอลโทรลที่ไหนซักแห่งลอยอยู่บนหลังคาของบ้านอื่นๆ ที่ไกลออกไปอีกหลายเครื่อง 

    ..ไอ้เหตุการณ์สยดสยองนี่มันไม่ได้เกิดขึ้นกับป้ายูเอะคนเดียวแน่ๆ.. ทรายรู้ได้ทันทีว่าไม่นานเหตุการณ์แบบนี้อาจจะวนมาลงที่หลังคาบ้านของเขาเข้าซักวัน มันอาจจะเป็นคืนที่มืดมิดกว่าคืนไหนๆ ทุกอย่างจะเกิดขึ้นในตอนที่ทุกคนกำลังหลับสบายและคิดว่าวันพรุ่งนี้จะมาถึงในไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า


    ...สิ่งที่เกิดขึ้นกับป้ายูเอะจะเกิดขึ้นอีก...

    กับคนในบ้านของเขา...ทรายยืนนิ่งพร้อมกับสายตาที่จมลึกลงไปในห้วงความคิด


    เขาสลัดหัวพลางสูดลมหายใจลึกๆ เพื่อทิ้งความคิดแย่ๆออกไปจากหัว อย่างน้อยเขาก็ได้เห็นทุกอย่างในคืนนี้ และนั่นทำให้เขารู้สึกใจชื้นขึ้นนิดหน่อย เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นฝีมือของรัฐบาล และคนของรัฐบาลก็ไม่ได้รู้จักอูเดอร์ดีเท่ากับพวกเขา มันจึงน่าจะมีช่องโหว่อะไรที่จะทำให้ครอบครัวของเขารอดพ้นจากเหตุการณ์แบบนี้ได้บ้าง เมื่อคิดได้ดังนั้นทรายจึงเดินกลับมาที่เตียง เขาจับเชือกแล้วปรับกระจกทุกแผ่นกลับสู่องศาเดิม

    ก่อนนอน ทรายเช็คภาพจากกระจกที่สะท้อนภาพบนหลังคาบ้านตัวเองอีกรอบ 


    ..อย่างน้อยก็ไม่ใช่คืนนี้..

    เขาล้มตัวลงนอน ในสมองจัดเรียงลำดับข้อมูลที่เขาจะต้องรู้ให้ได้ 
    แล้วคิดหาวิธีที่จะได้มาซึ่งข้อมูลเหล่านั้น 

    คิดซ้ำไปซ้ำมาจนวูบหลับไปในที่สุด


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in