เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
POPROCK ON MUSICPOPROCK
MIYAVI / MIKE SHINODA / ORANGE RANGE | ตัวตน / ดนตรี / ระดับโลก
  • repost
    09.11.2013



    คำสัมภาษณ์ครั้งหนึ่งของ MIYAVI

    "ถ้าผมเลียนแบบศิลปินฝรั่ง มันคงต้องออกมาห่วยแตกแน่ๆ
    แต่ผมพยายามเป็นตัวผมเองให้มากที่สุด ผมถึงมาถึงจุดนี้ได้
    นอกจากภาษาที่ใช้แล้ว (ภาษาอังกฤษ)
    ทุกอย่างก็ยังคงเหมือนเดิม ผมก็ยังเป็นคนเดิม

    ผมถือว่าตัวเองเป็นตัวแทนคนญี่ปุ่น
    กับการก้าวไปอีกขั้นในระดับอินเตอร์ฯ

    มันยากมากนะการการทำให้ดนตรีของเราโด่งดังไปทั่วโลกได้
    กับการที่ศิลปินเอเชียสักคนจะได้มีเวิร์ลทัวร์
    ผมหมายถึง มันยากที่จะทำให้ดนตรีก้าวข้ามภาษาที่แตกต่างกันได้

    ผมถึงได้เรียนรู้ว่า ผมจำเป็นต้องเรียนภาษาอังกฤษ
    มันยากมากจริงๆ ภาษาอังกฤษกับคนญี่ปุ่น แต่ผมก็จำเป็นต้องเรียนรู้มัน

    ถ้าคุณเลียนแบบคนอื่น คุณก็จะเป็นเหมือนคนอื่นๆ
    ผมพยายามทำให้ดนตรีของตัวเองมีความเป็นญี่ปุ่นมากที่สุด
    แบบซามิเซ็ง คุณรู้จักซามิเซ็งมั้ย
    มันเป็นเครื่องดนตรีญี่ปุ่น นั่นแหละ กลิ่นอายของดนตรีของผม
    มันคือความเป็นคนญี่ปุ่น เกรี้ยวกราด รุนแรง..."


    มิยาบิใช้คำว่า "ก้าวไปอีกขั้นในระดับอินเตอร์"
    แทนที่จะเป็นคำว่า "โด่งดังในระดับโลก"
    ซึ่งน่าจะแปลว่า เขาไม่ได้มองว่าตัวเองโด่งดัง หรือยิ่งใหญ่กว่าใครๆ
    แม้จะมีเวิร์ลดทัวร์ ในหลายประเทศทั่วโลกก็ตามที
    เขายังคงเป็น
    "ศิลปินชาวญี่ปุ่นของแฟนๆ" อยู่ดี




    เมื่อเราได้ยินแบบนั้น ทำให้เราคิดถึง ศิลปินระดับโลกอีกคน
    เป็นญี่ปุ่น-อเมริกัน
    เขาคนนั้นคือ MIKE SHINODA แห่ง LINKIN PARK
    เป็นบทสัมภาษณ์ตอนที่ ไมค์ ต้องมาทำซาวด์แทร็คให้ภาพยนตร์เรื่อง THE RAID : REDEMPTION
    ซึ่งเป็นภาพยนตร์สัญชาติอินโดนีเซีย


    "ทีมงานจากโซนี่เข้ามาหาผมแล้วบอกว่า
    เขาประทับใจกับผลงานของผมตอนทำ Fort Minor มาก
    เลยอยากให้มาทำเพลงประกอบภาพยนตร์ให้หน่อย

    ผมตื่นเต้นเมื่อรู้ว่าจะได้ทำ "SOUNDTRACK" หนังอย่างจริงๆจังๆ
    ไม่ใช่แค่เอาเพลงของ LP ไปใช้เป็นเพลงประกอบ
    คราวนี้ผมจะได้ทำเพลงประกอบ "จริงๆ"

    ในเมื่อมันเป็นหนังสัญชาติอินโดนีเซีย
    ในตอนเริ่มต้น ผมเองก็มีความคิดแรกๆว่า
    หรือจะต้องใช้ดนตรีพื้นบ้านของอินโดฯเป็นส่วนประกอบ?
    แต่เมื่อได้ศึกษาจริงๆแล้ว ผมคิดว่าผมไม่อยากใช้มันนะ

    ไม่ใช่เพราะผมมองข้ามเครื่องดนตรีพื้นบ้าน
    แต่เป็นเพราะ ผมไม่อยากใช้วัตถุดิบ ที่ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับมัน
    ผมหาข้อมูลเครื่องดนตรีพื้นบ้านของอินโดฯ
    ผมได้ลองฟังมันจากคลิป
    แต่มันไม่ได้ช่วยทำให้ผมรู้สึกคุ้นเคยเลย

    ขณะที่ดูหนัง มีบางฉากที่ผมเห็นแล้วนึกถึงเครื่องดนตรีบางชิ้นอย่าง ไทโกะ (กลองญี่ปุ่น)
    บางฉากเราก็รู้สึกว่า .. 'น่าจะต้องใช้เพลงอินโดฯบ้างนะ'
    สุดท้ายผมและโจ(ผู้กำกับ) ก็ไม่ได้ใช้มัน
    มันไม่มีอะไรมากว่า .. แค่ความรู้สึกว่าที่ว่า
    'นั่นไม่ใช่เราเลย'

    ผมไปทัวร์คอนเสิร์ตมาทั่วโลก
    ได้พบเห็นนักดนตรี,ผู้คน,เครื่องดนตรี มามากมาย
    ผมมีแฟนๆที่ยอดเยี่ยม และแฟนๆในดินโดฯด้วยเช่นกัน
    ไม่ใช่ว่าผมไม่เคารพดนตรีและคนอินโดฯ
    ผมแค่รู้สึกว่า ที่ผมไม่ได้ใช้ดนตรีและเพลงจากท้องถิ่นเลย
    เพราะผมไม่ใช่คนอินโดนีเซียแค่นั้นเอง

    ผมอยากทำอะไรแบบที่เป็นตัวของผมเอง
    แบบที่ผมถนัด..."




    แง่คิดหนึ่งจากการผลิตผลงานของไมค์คือ แม้ในความรู้สึกที่ว่า การนำเครื่องดนตรีพื้นบ้านมาใช้ อาจทำให้ผลงานของเขาเป็นที่ฮือฮามากกว่า ไม่ว่าจะทำออกมาได้เพอร์เฟคหรือไม่ แต่สิ่งหนึ่งที่เขาจะได้รับแน่ๆคือ "ได้ใจคนอินโดฯ" ขณะที่อาจได้กระแสเรื่อง การทำเพลงในแนวทางที่แตกต่างออกไปด้วย แต่ไมค์ก็เลือกที่จะไม่ทำ ด้วยเหตุผลที่ว่า "นั่นไม่ใช่ตัวเขาเลย"

    เพราะทำดนตรีแบบที่อยากทำ เขาจึงมาถึงจุดนี้ได้จนทุกวันนี้ ..



    เรามีศิลปินที่ก้าวไปถึงระดับอินเตอร์มาแล้ว
    เรามี่ศิลปินญี่ปุ่น-อเมริกันที่เป็นศิลปินระดับโลกอยู่แล้ว
    ขอพากลับมาดูศิลปินภายในเกาะญี่ปุ่นอีกครั้ง

    พวกเขามาจากโอกินาว่า เมืองแห่งฤดูร้อน ชายหาด ดอกไม้ และ ผืนทรายร้อนๆ
    พวกเขาคือส่วนผสมอันหลากหลายของแนวทางดนตรี
    ทั้ง ฮิปฮอป,ร็อค,ป็อป,บลูส์,ดนตรีพื้นบ้าน
    พวกเขาคือ ORANGE RANGE






    กลุ่มเพื่อนมัธยมปลายที่เริ่มจากการฟอร์มวง เพราะอยากทำเพลงแบบที่ตัวเองชอบ
    ต่างคน ต่างมีสไตล์ของตัวเอง
    พวกเขาพยายามหาทางให้ทุกอย่างลงตัว และได้ทำดนตรีแบบที่ตัวเองชอบไปด้วย

    หลายคนที่ได้ฟังเพลงของพวกเขาต่างบอกว่า มันคือส่วนผสมที่ลงตัว
    ดนตรีจากโอกินาว่า .. เมืองที่เคยเป็นฐานทัพของอเมริกา
    เมืองที่ดนตรีหลากหลายแนวได้ถูกผสมปนเปกัน

    ถึงอย่างนั้น นาโอโตะหัวหน้าวงก็ได้ออกมาบอกในภายหลังว่า
    เพลงของพวกเขา มีแรงขับเคลื่อนมาจาก "สิ่งที่อยู่ข้างในตัว" ของพวกเขาเอง
    ไม่ใช่แรงบรรดาลใจจากดนตรีของโอกินาว่า

    เริ่มจากการแสดงท้องถิ่นแถวบ้าน สู่วงอินดี้ยอดนิยม
    สังกัดค่ายเล็ก และการเข้าสู่ ORICON CHART ครั้งแรกในปี 2002
    และได้เซนต์สัญญากับค่ายใหญ่
    ก่อนจะดังระเบิด เมื่อเพลงของพวกเขา
    ถูกนำไปใช้เป็นเพลงประกอบในการ์ตูนอนิเมะเรื่องดังแบบ นารูโตะ ในปี 2003

    วงอินดี้ร็อคฮิปฮอปติดกลิ่นพื้นบ้านวงนี้ ทำให้วงการเพลงในญี่ปุ่นตอนนั้นตื่นตัว
    กับวงร็อคที่มีกลิ่นดนตรีหลากหลาย
    พวกเขาโด่งดัง พร้อมซิงเกิ้ลฮิตถล่มทลาย ส่วนใหญ่ถูกนำไปใช้เป็นเพลงประกอบ
    ละคร,หนัง,การ์ตูน ล้วนได้รับความนิยม เป็นที่รู้จักมากมาย

    ในปี 2005
    คิทาโร่ มือกลองของวงที่เป็นผู้ริเริ่มความคิดฟอร์มวงกับนาโอโตะได้ลาออกจากวง
    ด้วยเหตุผลว่า

    "เพลงของวงเริ่มเป็นฮิปฮอปมากเกินไป ไม่ใช่แนวร็อคแบบที่เคยคิดกันไว้"

    ในปีต่อๆมาพวกเขามีเพลงฮิตแบบ Sayonara,Ika summer,Ikenai Taiyo,O2 และที่สุด
    ในปี 2010 พวกเขาก็มีความคิดว่า
    การสังกัดค่ายใหญ่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาต้องการอีกต่อไป
    มันเริ่มมีข้อจำกัดที่ลำบากใจขึ้นเรื่อยๆ

    ปีเดียวกันนั้นพวกเขาตัดสินใจออกจากค่ายเดิม
    และเปิดตัวค่ายเพลงใหม่ของตัวเอง
    ด้วยเหตุผลว่า

    "อยากมีอิสระในการผลิตผลงานมากกว่านี้"

    นาโอโตะ ผู้เป็นหัวหน้าและนักแต่งเพลงหลักของวง
    ได้อธิบายเรื่องราวการผลิตผลงานภายใต้สังกัดของตัวเองไว้ว่า

    "ตอนที่เราอยู่กับค่ายเก่า บางครั้งมันก็มีเพลงแบบที่เราชอบ
    แต่ค่ายไม่ชอบ แฟนๆก็จะไม่มีสิทธิ์ได้ยินเพลงนั้น
    และเราเอง ไม่สามารถกำหนดอะไรได้ทั้งนั้น
    ทั้งเรื่องเวลา และวันวางจำหน่าย แต่เมื่อเราออกมาำทำค่ายของตัวเอง
    เราก็ทำทุกอย่างนั่นได้ตามใจ แบบที่เราอยากทำ

    มันแตกต่างมากจริงๆครับ
    อารมณ์มันจะแบบ
    'เห้ย อยากออกเพลงวันนี้เลย~'
    เราก็ออกเพลงของเราได้ัทันที

    เราอยากให้คนฟังได้ฟังเพลงแบบนี้
    พวกเขาก็จะได้ฟังกันเลย แล้วฟีดแบคก็จะมาทันที

    ตอนที่ประเทศเราประสบอุบัติภัย
    ตอนนั้นทุกคนต่างคิดว่า
    'ต้องทำอะไรสักอย่าง'
    ผมหมายถึง
    ทุกๆคนในประเทศ อยากออกมาทำอะไรสักอย่างเพื่อประเทศ

    เราเลยแต่งเพลง 'ONE' และปล่อยให้ดาวน์โหลดฟรี
    ฟีดแบ็คมีหลากหลาย และเราดีใจมากที่ได้ทำแบบนั้น
    อย่างน้อยเป็นการช่วยปลอบประโลมได้ส่วนนึง

    มีอยู่ครั้งหนึ่งตอนที่เราออกทัวร์ทั่วประเทศ
    บรรยากาศในวงมาคุมาก
    อาจเพราะ เซตลิสต์เพลงที่เราต้องเล่นนั้น
    มันทำให้เรารู้สึกว่ามันไม่เวิร์ค
    แต่เราก็ต้องทำมันต่อไป เพราะเราไม่ได้อยู่ในจุดที่จะมาล้มเลิกได้กลางครัน

    ผมว่าสมาชิกในวงก็มองเห็นและรู้สึก
    ในที่สุด เราก็ตัดสินใจพักวง และเมื่อเรากลับมาอีกครั้ง
    เรารีเซตทุกอย่างใหม่
    และกลับมารู้สึกว่า นี่มันเจ๋งจริงๆนะ
    เรากลับมาเป็นร็อคแบบที่เราต้องการ ..."






    มีศิลปินบางคน..
    ที่เลือกขายสไตล์และตัวตน จนพาตัวเองก้าวไปสู่ระดับอินเตอร์ โดยที่ไม่ได้ละทิ้งความเป็น
    "ตัวตน" ออกไปเลยสักนิด

    มีศิลปินระดับโลกบางคน..
    ที่ซื่อสัตย์กับดนตรีของตัวเอง มากกว่าเลือกทำสิ่งที่อาจได้กระแสหรือความนิยม แต่อาจต้องแลกด้วยความรู้สึกว่า "นี่มันไม่ใช่ตัวเขาเลย"

    มีกลุ่มคนบางกลุ่ม..
    ที่สร้างชื่อจากแนวเพลงนอกกระแส แม้จะผ่านช่วงเวลารุ่งเรืองกับบทเพลงบนชาร์ตยอดฮิตมาแล้ว สุดท้ายพวกเขาก็เลือกกลับไปเป็น "วงดนตรีนอกกระแส" แบบเดิมๆอยู่ดี


    สุดท้ายแล้ว ไม่สำคัญว่าคุณอยากเป็นอะไร
    สิ่งสำคัญคือ คุณคือใคร

    "ถ้าคุณเลียนแบบคนอื่น คุณก็จะเป็นเหมือนคนอื่นๆ"

    เป็นตัวคุณเองน่ะ ดีที่สุดแล้ว


    Inspired by
    MIYAVI - MIKE SHINODA - ORANGE RANGE
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in