เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
รีวิวดะธิไง จะใครล่าา
บันทึกการเรียนดำน้ำ scuba ที่เกาะเต่า แบบละเอียดมาก #ยาวไปไม่อ่าน
  • สวัสดีค่าาา นี่เป็นการเขียนรีวิวการเดินทางครั้งแรกของเรา ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจมาเขียนเป็นกระทู้แบบนี้ด้วย ก่อนไปเพื่อน ๆ บอกว่าไปแล้วรีวิวหน่อย ก็คิดว่าจะลงรูปเป็นอัลบั้มในเฟซส่วนตัวแล้วแคปชั่นใต้รูปเอา แต่ด้วยความที่บางทีมันไม่รู้จะถ่ายอะไร, กลัวกล้องเปียก, กล้องอยู่ใน ocean pack หยิบลำบาก เลยกลายเป็นว่ามีรูปน้อยกว่าที่คิดไว้มาก ๆ เลยเปลี่ยนใจ บรรยายแบบเน้นตัวหนังสือเอาละกัน อาจจะเลทไปซักหน่อยนะคะ (ไม่หน่อยอะ ช้าเป็นเดือน 555) ขอโทษด้วยค่า กลับมาแล้วยุ่งจริง ๆ แฮ่ ๆ 

    รูปทั้งหมดถ่ายจาก fuji XA2 กับ iphone6s นะคะ ไม่ได้แต่งเลย ไม่ใช่เพราะอยากให้สมจริง แต่เป็นเพราะขี้เกียจค่าาาา 5555555 เพิ่งลงวินโดว์ใหม่ โปรแกรมแต่งรูปหายหมดเลย ยังไม่ได้ลงใหม่ อ่อ มีรูปท้าย ๆ ที่แคปมาจากวิดีโอของทางรีสอร์ทนะคะ เดี๋ยวพอถึงแล้วจะบอก

    เชิญรับชมกันเลยค่าาาา...

    เท้าความก่อนว่าเราอยากไปดำน้ำ scuba มากกกกกกกกกกก ความอยากมันอยู่ลึก ๆ มาตั้งแต่เด็กแล้วแหละ ชอบดูปลาว่ายน้ำ ชอบให้พ่อพาไปดูปลาร้านขายปลาตู้แถวบ้าน โตมาก็ชอบไปอควาเรียม นั่งมองได้เป็นชั่วโมง มองไปมองมาจนวันนึงรู้สึกผิด เรามามองปลาในตู้ทำไม ทำไมเราไม่ลงไปมองมันในที่ ๆ มันอยู่จริง ๆ เลยล่ะ...ไปเรียน scuba ดีกว่า! 

    มีรูปจากอควาเรียมสะสมไว้เยอะมาก
    ตู้ตั้งกว้าง เข้าไปอัดกันในนั้นทำไม ไม่เข้าใจ 555
    กดโหมดผิดชีวิตเปลี่ยน กลายเป็นหนังสยองขวัญเฉย

    เราเริ่มมาจริงจังเมื่อประมาณปีสองปีที่แล้ว เก็บเงินทีละนิดจากการทำงานพิเศษ  ระหว่างนั้นก็หาแนวร่วมไปด้วย จนในที่สุดก็ได้เงินครบตามที่ตั้งใจไว้ ที่เหลือก็คือรอคอยงาน TDEX ซึ่งเป็นงานมหกรรมดำน้ำ จะจัดขึ้นช่วงเดือนพฤษภา ในงานนี้จะขายอุปกรณ์ดำน้ำและคอร์สดำน้ำราคาพิเศษ คือลดกว่าปกติมาก  เราเลยรอมาซื้อในงานนี้ ก่อนไปก็อ่านรีวิวไว้บ้าง คุยกับเพื่อน ๆ ที่เคยดำน้ำ scuba ว่าเป็นไงบ้าง ไปที่ไหนดี ก็เล็งไว้ 2 ที่ค่ะ คือ Coral grand กับ Ban's diving ทั้ง 2 ที่อยู่ในเกาะเต่าและราคาใกล้เคียงกัน คิดว่าไปตัดสินใจเอาหน้างานแล้วกัน

    พอไปถึงงานจริง ๆ เราก็เดินดูที่อื่นที่ไม่ได้เล็งไว้ด้วยนะ แต่พอมาพิจารณาแล้วก็พบว่า 2 ที่ที่เราเล็งไว้น่ะ ดีลดีสุดแล้วจริง ๆ (ตามความเห็นเราและเพื่อน ๆ ที่ไปด้วยกันนะ) ที่ต่างกันคือ

    Coral grand divers
    - ห้องพัดลม ถ้าจะนอนห้องแอร์ต้องเพิ่มเงินคืนละ 700 
    - แต่มีแถม fun dive ให้ 2 dives (คือหลังจากดำเป็น สอบผ่านแล้ว ได้ไปดำฟรีอีก 2 dives คิดเป็นราคาประมาณพันกว่าบาท) 
    - จ่ายมัดจำในงาน 2,000 มาเรียนได้ภายใน 1 ปี
    Ban's diving resort
    - ถ้ามากกว่า 1 คนได้ห้องแอร์ทันที ไม่ต้องเพิ่มเงิน
    - ไม่มีแถม fun dive
    - จ่ายมัดจำในงาน 1,000 มาเมื่อไหร่ก็ได้ตลอดชีวิต ตราบใดที่ใบเสร็จยังอยู่

    เนื่องจากเราได้รับรีวิวมาจากรุ่นน้องที่ไปมาปีที่แล้วว่า "ร้อนมากครับ นอนห้องแอร์เถอะ" 55555 บวกกับเราเป็นคนขี้ร้อน ถ้าอากาศร้อนจะนอนไม่หลับเลย เลยอยากได้ห้องแอร์ เพื่อน ๆ ก็อยากได้ห้องแอร์เหมือนกัน ที่ Coral grand ถ้าจะเอาห้องแอร์ต้องเพิ่มเงิน พอมาคิดดูแล้ว 4 คืน ก็เยอะอยู่ เลยเลือกแบบที่ได้ห้องแอร์อยู่แล้วดีกว่า ยังไงเราคงไม่ได้ไปคนเดียว เราและเพื่อน ๆ เลยจองที่ Ban's ไป (อ่านว่า แบนส์ นะ ตอนแรกเราอ่าน บ้าน 55555)

    หลังจากนัดแนะวันที่กับเพื่อน ๆ ได้แล้วก็ไลน์ไปบอกทางรีสอร์ทว่าจะไปวันที่นี้ๆๆนะ (ถ้าไปวันปกติให้บอกล่วงหน้า 2-3 วัน แต่ถ้าไปช่วงวันหยุดยาวให้บอกล่วงหน้า 7 วัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น จะไปวันไหนก็ได้ มีคอร์สเปิดให้เราทุกวัน) แล้วเราก็จองตั๋วเดินทาง เราเลือกไปรถทัวร์และเรือของบริษัทลมพระยา เพราะเห็นมาจากรีวิวเยอะ ไม่ใช่ 555 เออ แต่จริง ๆ นะ เห็นใครไปเกาะเต่าก็เดินทางแบบนี้กันทั้งนั้น เราก็สงสัยว่ามันเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดจริง ๆ หรือแค่ไปตาม ๆ กัน เราเลยลองหาข้อมูลดูบ้างนิดหน่อย พบว่ามันน่าจะดีสุดจริง ๆ แหละ เราลองหาวิธีเดินทางด้วยเครื่องบินและรถไฟ มันต้องหารถต่อมาท่าเรืออีก แล้วต้องคำนวณเวลาให้พอดีกันอีก เราว่าลำบาก ถ้าจะไปรถทัวร์บริษัทอื่นแล้วไปหาต่อเรือเอาเอง เท่าที่เห็นราคา ลองรวมแล้วก็แพงกว่า เลยคิดว่าไปของลมพระยานี่แหละดีแล้ว เพราะรถกับเรือเขาเป็นของบริษัทเดียวกัน เขามาส่งเราที่ท่าเรืออยู่แล้ว แล้วเราไม่ต้องคำนวนเวลาเองด้วย ถ้ารถเลทยังไงเราก็ไม่ตกเรือ เรือต้องรอเราเพราะเป็นของบริษัทเดียวกัน ว่าแล้วก็จองตั๋วเลยค่ะ จองทางเว็บเหมือนจองตั๋วเครื่องบินเลย เที่ยวละ 1,100 รวมท้ั้งรถและเรือ (ไปกลับก็คนละ 2,200) ปริ้นท์ใบจ่ายเงินไปจ่ายที่เคาน์เตอร์เซอร์วิส รอ 2-3 วันมาปริ้นท์ตั๋ว จบ

    ก่อนวันจะไปก็ถาม ๆ คนที่เคยไปแล้วว่าต้องเตรียมของอะไรไปบ้าง สรุปว่า ไม่ต้องเตรียมอะไรไปมากกว่าไปทะเลปกติ แค่เอาชุดว่ายน้ำแขนยาวขายาวกับถุงเท้าไปด้วย เพราะ wet suit ที่เขามีให้ยืมเป็นแบบแขนขาสั้น ถ้าโดนแมงกะพรุนอาจจะแสบเป็นแผลได้ แต่ผ้าของชุดว่ายน้ำจะป้องกันได้ระดับหนึ่ง (แนะนำโดยน้องที่วิจัยแมงกระพรุน 555) ส่วนถุงเท้าเอาไปใส่กัน fin กัด ซึ่งพวกเราลืม (จริง ๆ คือเราคนเดียวนี่แหละลืม เราลืมแล้วก็เลยไม่ได้บอกเพื่อนเลย ขอโทษค่าาาา) ต้องไปซื้อที่มินิมาร์ทของรีสอร์ทในราคา 35 บาท (จริง ๆ ถูกกว่านี้ก็มีอะ มี 25 บาทมั้ง แต่ลายน่ารักเกิ๊นนน เอากลับไปกูไม่ใส่ต่อแน่ ๆ แถมใส่กับชุดดำน้ำก็โคตรเด่น เลยยอมเพิ่ม 10 บาทเพิื่อซื้อสีดำ)

    วันที่ 6 มิ.ย. 61

    พอถึงวันเดินทางเราก็นัดไปเจอกันที่ข้าวสารตอนประมาณ 20.00 ค่ะ (จริง ๆ บริษัททัวร์อยู่ในซอยรามบุตรีใกล้ ๆ ถนนข้าวสาร บอกให้แท็กซี่จอดตรงวงเวียนก็ได้ เดินเข้าซอยไปไม่ไกล) เราต้องเช็คอินตอน 20.30 และรถออก 21.00 แต่ด้วยความกลัวรถติด เลยเผื่อเวลาไปเยอะ ปรากฏถึงเร็วเกินไปมาก ถึงตั้งแต่ยังไม่ทุ่มครึ่ง ยังไม่เปิดให้เช็คอินเลย 555 เลยได้เดินเที่ยวถนนข้าวสารและเดินไปสำรวจหอสมุดเมืองกรุงเทพด้วย เพิ่งเคยมา บรรยากาศดีนะ น่ามานั่งทำงานอ่านหนังสือ แต่เสียดาย วันนี้รีบ เลยรีบ ๆ เดินวนให้ทั่วแล้วเดินออก


    เดินกลับไปถึงบริษัททัวร์อีกทีผู้โดยสารมารอเต็มแล้ว ตอนแรกยังไม่มีใครเลย เรารีบเช็คอิน แปะสติกเกอร์ที่เขาแจกมา เข้าห้องน้ำอะไรให้เรียบร้อย ซักเดี๋ยวเขาก็เรียกให้เดินตาม ๆ กันไปจนถึงวงเวียนที่เราลงแท็กซี่ ตรงนั้นมีรถทัวร์จอดอยู่ 3-4 คัน มีทั้งที่มาส่งและมารับ เราว่าตรงนี้วุ่นวายไปหน่อย เพราะเล่นปล่อยผู้โดยสารที่จะไปหลาย ๆ ที่ให้เดินมาพร้อมกันหมด งงเลยว่าใครต้องรอตรงไหน ต้องขึ้นคันไหน

    รถทัวร์เป็นรถสองชั้น พี่ที่เคยไปบอกว่าถ้ามาเช็คอินเร็วให้ขอเขานั่งชั้นล่างจะสบายกว่า แต่เราพลาดเพิ่งอ่านแชทพี่เขาตอนเช็คอินเสร็จแล้ว 555 เลยได้นั่งชั้นบน ก็ไม่แย่เท่าไหร่นะ เบาะปรับเอนนอนได้พอสมควร แต่ตรงขาปรับไม่ได้ มีผ้าห่มให้ (ตอนแรกไม่รู้ อุตส่าห์เปิดกระเป๋าเดินทางหยิบผ้าเช็ดตัวออกมาเตรียมห่ม 555) ไม่มีของว่างกับเครื่องดื่มให้ แต่มีแวะปั๊มให้ตอนตี 2 กว่า ๆ (ไม่มีอารมณ์จะกินอะไรแล้ว)

    วันที่ 7 มิ.ย. 61

    ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 ชั่วโมง ถึงท่าเรือทุ่งมะขามน้อยที่ชุมพรประมาณตี 5 มั้งถ้าจำไม่ผิด คือเกาะเต่าอยู่จังหวัดสุราษฯ แต่ถ้านั่งเรือออกจากฝั่งที่ชุมพรจะใกล้กว่า อ้ะ กลับมาที่ท่าเรือ ที่ท่าเรือมีห้องน้ำให้ล้างหน้าแปรงฟัน แต่ไม่มีที่ให้อาบน้ำนะคะ 555 มีมินิมาร์ทที่ขายของราคาแพงกว่าปกติหน่อย มีร้านตามสั่งที่ราคาแพงกว่าปกติมาก ราคาเท่าบนเกาะเลย นี่ยังไม่ทันได้ไปเกาะเลยนะ แต่เราก็กินค่ะ หิว 555 เวลาเหลือเฟือมาก โอ้เอ้ ๆ ล้างหน้าแปรงฟัน แต่งหน้า กินข้าว อย่างช้า ๆ ก็ยังมีเวลาไปรับลมที่หาดแปปนึง พอเวลา 6.30 เขาก็เรียกให้เข้าแถวขึ้นเรือค่ะ ก็จะต้องเอาบัตรที่ได้รับมาก่อนขึ้นรถมาให้เขา พร้อมเอาบัตรประชาชนโชว์ให้กล้องด้วย แล้วก็เดินตามสะพานไม้ยาว ๆ ไปขึ้นเรือ

    อาหารตามสั่งที่ท่าเรือ ในรูปคือ ทะเลทอดกระเทียม 90 บาท
    หาดบริเวณท่าเรือทุ่งมะขามน้อย
    ทางเดินไปขึ้นเรือ
    พอถึงเรือ เอากระเป๋าลากฝากไว้ข้างนอกแล้วเราก็เข้าไปในห้อง เป็นห้องแอร์ กระจกทึม ๆ มองไม่ค่อยเห็นข้างนอก ห้องกลิ่นอับ ๆ หน่อย (โชคดีที่เรือขากลับไม่อับแล้ว) และแอร์หนาวมาก หนาวจนต้องออกไปนั่งข้างนอกกับฝรั่งที่อาบแดด 555 (โชคดีอีกที่ขากลับแอร์ไม่หนาวแล้ว) เนื่องจากแอร์หนาวมากและข้างนอกแดดไม่แรง เราเลยออกไปนั่งที่ดาดฟ้าเรือกัน อากาศดี๊ดี รอบตัวมีแต่ชาวต่างชาตินั่งเม้าท์มอย กว่า 50%เป็นคู่รัก (อ้าว กูเหงาเลย .___.) นั่งไปประมาณ 2 ชั่วโมงก็ถึงเกาะเต่าค่ะ (ก่อนถึงเกาะเต่าเขาจะแวะเกาะนางยวนด้วย (เกาะเต่ากับเกาะนางยวนเกือบติดกันเลย) แต่เราไม่ต้องลงนะ นั่งรอเฉย ๆ) 

    ดาดฟ้าเรือ
    ถึงแล้วมองหาป้าย Ban's diving resort เลยค่ะ มีพนักงานมาถือป้ายรออยู่แล้ว ตอนแรกเรากลัวไม่มีคนมารับเลยโทรไปที่รีสอร์ท ปรากฏว่าเหมือนเขาจะส่งคนกับรถมารับลูกค้าจากเรือเจ้านี้เป็นปกติอยู่แล้ว ไม่ต้องโทรไปก็ได้ มีลูกค้ารีสอร์ทที่มาพร้อมเราเยอะเลย นั่งกันเกือบเต็มรถราง (เรียกว่ารถรางปะ แบบที่ใช้นั่งชมสวนสัตว์อะไรประมาณนี้อะ 555) 


    นั่งไปไม่นานก็ถึงรีสอร์ท เราก็วางกระเป๋าไว้แถวที่ลงรถนั่นแหละ แล้วเดินลงไปที่ reception ซึ่งอยู่ติดหาด ไปเช็คอิน พี่พนักงานบอกรอประมาณ 30 นาทีนะคะ กำลังทำห้องอยู่ ระหว่างรอก็เดินเล่นแถว ๆ นั้น คือรีสอร์ทอะกว้างม้ากกกกกก มีถนนตัดผ่านรีสอร์ท 2 เส้น เส้นแรกคือถนนหลักที่เรานั่งรถมา กับอีกเส้นเป็นถนนเส้นเล็ก ๆ ได้แค่เดินกับขี่มอไซค์ อยู่ใกล้ ๆ ชายหาดและ reception เราเดินกันที่ถนนเส้นเล็ก (ห้ามเล่นมุกนะว่า แล้วถนนเส้นหมี่ล่ะ 555) เกือบติดรีสอร์ทเลยมีเซเว่น ราคาของก็มีทั้งที่เท่ากับบนฝั่ง และแพงกว่าบนฝั่ง ที่แพงกว่าก็มีตั้งแต่แพงกว่า 2-3 บาท ไปถึงเป็น 10 บาท และมีของที่ไม่เคยเห็นที่เซเว่นปกติด้วย เช่น น้ำ 3 กระป๋องนี้ 555 (ดูรูปข้างล่าง) อ่านชื่อก็ยี้แล้ว นึกถึงกะทิกล่องที่ไว้ทำอาหาร แต่เพื่อนก็แย้งว่าอาจจะเหมือนน้ำกะทิที่กินกับลอดช่องรึป่าว วันท้าย ๆ เราลองชิมกันให้มันรู้ไป เราลองน้ำเมล่อนกับน้ำมะม่วง เมล่อนตอนกินเข้าไปแรก ๆ ก็คล้าย ๆ นมเมล่อนปกติ แต่รสปลาย ๆ เหมือนยาน้ำ สรุปไม่อร่อย แต่น้ำมะม่วงใช้ได้อยู่ เหมือนข้าวเหนียวมะม่วงเวอร์ชั่นน้ำ 555 ส่วนน้ำทุเรียนไม่ได้ลองนะจ๊ะ ไม่ชอบทุเรียน ใครชอบก็มาลองโดนได้ 555


    เยื้อง ๆ เซเว่นมีร้านกาแฟร้านนึงท่าทางน่านั่ง ราคาไม่แพงมากด้วย พอ ๆ กับบนฝั่ง เพื่อนอยากกินกาแฟเราเลยมานั่งร้านนี้กันรอเวลา

    ร้านกาแฟ วิวเกือบดีละ ถ้าไม่มีหินลูกเบ้อเร่อบังวิว
    โกโก้ของเพื่อน
    พอกลับไปที่ reception ได้คีย์การ์ดแล้วก็เดินกลับขึ้นไปที่ถนนหลัก ไปเอากระเป๋า แล้วก็ขึ้นรถกอล์ฟไปห้องพัก (ไกลในไกล 555) นึกขึ้นได้ว่าเมื่อกี๊พี่ที่เคาน์เตอร์บอกว่าเริ่มเรียน 17.30 แต่เขาไม่ได้บอกว่าที่ไหน เราเลยถามคนที่ขับรถกอล์ฟ เขาตอบว่า "ผมพูดไทยไม่ได้ครับ" คือพนักงานส่วนใหญ่บนเกาะเต่าจะเป็นชาวพม่าหมดเลย วันหลัง ๆ เราเลยเริ่มปรับตัว เริ่มพูดอังกฤษกับพนักงาน ปรากฏคล่องปร๋อเลย ไม่ทำหน้างง ๆ เหมือนตอนพูดไทย 555

    อ้ะ ถึงที่พักละ ให้ดูที่พัก ดี๊ดี (มีไดร์เป่าผมให้ด้วยอะ ชอบ ไดร์ไม่ไก่กาด้วย ลมแร้งงงงงงง)


    ตอนถ่ายไม่รู้ว่าเบลอ 555
    เราก็อาบน้ำแต่งตัวนอนพักซักเดี๋ยวแล้วก็ออกไปกินข้าวกันที่ร้านอาหารของรีสอร์ท อยู่ใกล้ ๆ กับ reception อาหารจานเดียวเริ่มต้นที่ 80 บาท แต่รู้สึกจะมี 80 อยู่อย่างเดียวเองมั้งคือข้าวผัด 555 ที่เหลือส่วนใหญ่ก็ 100 หน่อย ๆ 
    แนะนำเมนูไก่ผัดน้ำผึ้งมะนาว อร่อยยยยยยยยยยย
    กินเสร็จก็ไปติดต่อเรือไปเกาะนางยวนที่ reception คนละ 250 เป็นเรือหางยาว (เขาเรียกงี้มั้ย 555) ไปรับไปส่งตามเวลาที่เรากำหนดเลย ไม่ต้องรอรอบ ตอนแรกเราจะให้เขาไปรับตอน 17.00 แต่พี่พนักงานบอกว่าเกาะปิด 17.00 ค่ะ ต้องกลับก่อนหน้านั้น

    เรา: งั้น 16.45 ก็ได้ค่ะ
    พนง: ไม่ได้ค่ะ ต้องเป็นเลขชั่วโมงเต็ม ๆ เป็น 16.00 มั้ยคะ
    เรา: โถ่ สี่ครึ่งไม่ได้หรอคะ 555
    พนง: เชื่อพี่เถอะค่ะ มันไม่มีอะไรหรอก เราไม่ได้ดำ snorkel ใช่มั้ย ก็มีเดินนิดหน่อย เดินขึ้น viewpoint ก็หมดละ ร้อน ที่แต่งหน้ามาละลายหมด ก็อยากรีบกลับละ 555
    เพื่อน: พี่พูดซะเห็นภาพเลย 555 งั้น 16.00 ก็ได้ค่ะ

    พอไปถึงเดิน ๆ ซักเดี๋ยวก็รู้สึกอยากตะโกนกลับไปหาพี่เขาว่า "หนูเชื่อพ่ี่แล้วค่ะะะะะะ มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ด้วยยยยยยยยย 555TT555" ออกจากเกาะเต่าตอนบ่ายโมงกว่า พอบ่ายสามก็อยากให้เรือมารับแล้วววววว แต่ก็ยังกลับไม่ได้ เพราะอะไรเดี๋ยวจะบอกค่ะ 555

    พอไปถึงเกาะนางยวนเราต้องจ่ายค่าขึ้นเกาะ 30 บาท ขวดน้ำ single-used กับถุงพลาสติกห้ามเอาเข้านะจ๊ะ ต้องฝากไว้ เพราะฉะนั้น ถ้าอยากพกน้ำไปกินบนเกาะ เอาน้ำใส่กระติกหรือกระบอกน้ำไปค่ะ ขึ้นไปบนเกาะเราก็เดินชมทะเลแหวก ผ่านกลุ่มชาวต่างชาติที่อาบแดดและ snorkel กันอย่างสนุกสนาน ใครอยากร่วมด้วยก็ได้นะคะ แต่เราไม่เอา ร้อนเหลือเกิลลลลพี่จ๋าาาาา แต่ก็เสือกไปขึ้น viewpoint งงมะ 555 ถ้าไม่ไปก็ไม่มีไรให้ทำแล้วอะ ไม่รู้มาทำไม 
    น้ำใสมากจ้า
    ปลาปักเป้า
    viewpoint ทางเดินเป็นขั้นบันได ที่เดินแล้วเหนื่อยเพราะหยุดไม่ได้ ถ้าหยุดคือยุงกัดทันที ยุงป่าโหดมาก พอใกล้ ๆ ถึงจะรถติดหน่อย เพราะขึ้นยาก ต้องปีนหิน และต้องผลัดกันยืนถ่ายรูป พอเราขึ้นไปได้ก็รีบถ่ายรีบลง ลงมาถึงฝนตก พายุเข้าเป็นห่าฝน เราพยายามเดินไปหลบร่มแถวท่าเรือ แต่ลมมาพัดแรงตอนเราเดินผ่านทะเลแหวกพอดี แม่งงงงงงงง เข้าใจคนที่โดนพายุทรายในทะเลทรายแล้วววววว โคตรเจ็บ ทรายสาดมากระทบตัวเต็ม ๆ ไม่กล้าลืมตาเยอะ กลัวทรายเข้าตา เอามือปิดหูด้วย กลัวทรายเข้าหู ต้องให้เพื่อนช่วยลากไปจนพ้นเนินทราย พ้นแล้วก็ไปนั่งติดฝนกันอีก ดูเวลา 15.00 โถถถถ กูน่าจะเชื่อพี่เขา น่าจะนัดเรือให้มารับเร็ว ๆ เลยลองโทรไปที่รีสอร์ทว่า ถ้าพายุหยุดแล้วให้เรือออกมารับเลยได้มั้ยคะ เขาก็ตอบประมาณว่าตอนนี้ยังออกไม่ได้นะคะ น่าจะต้องรอถึงเวลาเดิมที่นัดไว้ เราก็นั่งแกร่วไถมือถือกันไป ช่วงที่ฝนซาก็เดินออกไปถ่ายรูปเล่นบ้างเป็นระยะ ในที่สุดตอน 16.00 เรือก็มารับเรา แต่ออกไปซักเดี๋ยวพี่เขาก็บอกว่า "คลื่นมันแรง ผมเข้าไปถึงเกาะไม่ได้ เดี๋ยวผมไปส่งที่เรือ Ban's นะ เดี๋ยวเขาพาเข้าทางท้ายเกาะ" แล้วพี่แกก็พาเราฝ่าคลื่นไปหาเรือ จุดนั้นโคตรระทึก ยิ่งกว่าเล่นเครื่องเล่นในดรีมเวิลด์ 5555 
    มุมมหาชน ถ่ายจาก viewpoint
    เรือนั้นเป็นเรือดำน้ำ เอ่อ ไม่ใช่เรือดำน้ำแบบที่ลุงตู่จะซื้อนะ (จะโดนเรียกมะ 555) เป็นเรือที่พาคนออกมาดำ scuba ซึ่งหมายความว่าเราต้องรอให้ทุกคนขึ้นจากน้ำก่อน เรือถึงจะกลับเข้าเกาะได้ เราก็นั่งลุ้นกันไป เมื่อไหร่จะขึ้นกันหมดวะ กลัวกลับไปเรียนไม่ทัน 555 สรุปไปไม่ทันจริง ๆ นัดไว้ 17.30 ไปถึงจริง ๆ 18.30 แต่ก่อนหน้านั้นก็โทรไปบอกทางรีสอร์ทไว้แล้วแหละว่าฝากบอกครูหน่อยค่ะว่าพวกหนูติดฝน อาจจะไปเลทนะคะ

    เรือดำน้ำ วันที่เราออกไปดำก็เรือประมาณนี้ค่า
    ช่างเป็นวันที่ยาวนานและหฤโหดอะไรเช่นนี้ พอเข้าห้องไปเรียนทฤษฎีต้องพยายามปลุกตัวเองให้เฟรช 555 เข้าไปถึงเจอครู 3 คนเลย โอ้โห ครูก็แนะนำตัวและแนะนำคอร์สคร่าว ๆ ครู 3 คนคือ ครูซาร่า ครูเบ๊คกี้ และครูแหวน มีผู้ช่วยสอนด้วยคือน้องหยา (แต่วันนี้ไม่ได้มา) ตอนยังไม่เห็นหน้าครูก็คิดว่าครูเป็นฝรั่งรึป่าว เดี๋ยวหนูเรียนไม่รู้เรื่องนะ 555 แต่จริง ๆ ครูเป็นคนไทยหมดค่ะ ครูซาร่าเป็นสาวสองท่าทางใจดี ส่วนครูเบ๊กกี้กับครูแหวนเป็นผู้หญิงผิวแทนหุ่นดีหน้าตายิ้มแย้ม ครูซาร่ากับน้องหยาจะอยู่กับกรุ๊ปเรา ส่วนครูเบ๊คกี้กับครูแหวนจะอยู่กับกรุ๊ปคนไทยอีกกรุ๊ปที่มาเรียนพร้อมกันซึ่งจะเรียนด้วยกันบ้างตอนทฤษฎี แล้วครูก็ปล่อยพวกเราดูวิดีโอและให้การบ้าน เหนื่อยเหลือเกินพี่จ๋า ต้องแหกตาดูให้จบ แหกตาทำการบ้านให้เสร็จแล้วถึงกลับได้ 

    ตารางเรียน (ที่ขยุกขยุยอยู่มุมบนขวาคือชื่อพวกเราที่เซ็นเซอร์ไว้)
    ตอนแรกว่าจะไปนอนแล้ว แต่เพื่อนที่มาด้วยคนนึงเป็นสายคราฟต์เบียร์ ได้รีเสิร์ชมาว่าที่เกาะเต่านั้นมีร้านเด็ดอยู่ร้านนึง ชื่อร้าน The beer masons เลยพาเราเดินไป จริง ๆ เราอ่านมาก่อนแล้วแหละว่าดำน้ำห้ามกินแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้ dehydrate แล้วอาจทำให้ร่างกายมีปัญหาได้ แต่ไหน ๆ มาแล้วก็อยากลองซะหน่อย ไม่เคยกินคราฟต์เบียร์ โจทย์ในการเลือกเบียร์ของเราคือ ราคาไม่แพงและแอลกอฮอล์น้อย ๆ เลยได้ขวดนี้มาในราคา 178 บาท (ลด 20% แล้ว) แอลกอฮอล์แค่ 0.3% เท่านั้น นั้น นั้น นั้น! อร่อยดีอะ ไม่เหมือนเบียร์เลย เหมือนชา กินแล้วไม่รู้สึกถึงแอลกอฮอล์ ชิล ๆ สบาย ๆ พี่เจ้าของร้านก็น่ารักเฟรนด์ลี่มาก แนะนำเบียร์ทุกตัวอย่างดี ใครมาเกาะเต่าแล้วอยากกินคราฟต์เบียร์แนะนำร้านนี้เลย เห็นว่ามีอีกสาขาที่เกาะสมุยด้วย

    มีคราฟต์เบียร์มากมายให้เลือกสรร เลือกไม่ถูกไม่เป็นไร พี่เจ้าของร้านแนะนำได้ แพงไปก็บอกได้ พี่คะ อยากได้ถูกกว่านี้ 5555
    เรากินอันนี้ แอลกอฮอล์โคตรรรน้อย รสชาติไม่เหมือนเบียร์ เหมือนชา
    นั่งกันซักพักเราก็กลับรีสอร์ท แยกย้ายเข้านอน พรุ่งนี้เจอกัน 8.00 ร้านอาหาร เราจะลงสระกัน


    วันที่ 8 มิ.ย. 61

    ตื่นมากินข้าวด้วยความรีบ แล้วไปเจอครูซาร่าที่ห้องเก็บอุปกรณ์ดำน้ำข้าง ๆ ร้านอาหารของรีสอร์ท ตื่นเต้น ได้เห็นของที่จะใช้ดำน้ำเป็นครั้งแรก ไม่ได้ศึกษามาก่อนเลยว่ามันมีอะไรบ้าง 555 ของที่เราได้เลือกหยิบจากที่นี่คือ wet suit, fin, BCD, regulator, weight belt เดี๋ยวจะพูดถึงทีละอย่าง

    Wet suit
    เป็นชุดที่เราใส่ลงไปดำน้ำ เราก็ใส่ทับชุดว่ายน้ำปกติของเราไปนั่นแหละ มันจะช่วยกันหนาวให้เราตอนอยู่ใต้น้ำได้ จริง ๆ ชุดที่ใส่ลงไปดำ scuba มีหลายแบบนะ แต่ที่ใช้กันเยอะ ๆ ก็น่าจะเป็น wet suit นี่แหละมั้ง ก็มีหลายไซส์ให้เราเลือก เอาที่ใส่แล้วพอดีและหายใจสะดวกอะ

    Fin
    หรือตีนกบ มีหลายไซส์ให้เลือกเหมือนเบอร์รองเท้า โดยปกติจะใส่เล็กกว่ารองเท้าปกติ 1 เบอร์ เช่น ปกติเราใส่ 38 พี่เขาก็หยิบ 36-37 มาให้เราลองใส่ปรากฏว่าหลวมไป (คือต้องใส่ให้รู้สึกแน่นหน่อย ๆ แต่ไม่เจ็บ ลองทำเท้าคล้าย ๆ เขย่งแล้วส้นไม่หลุด) สรุปได้ใส่ baby fin จ้าาาา น่ารักเลย 5555 เออ เวลาใส่ฟินแล้วจะเดินปกติไม่ได้นะ เขาเลยเอาไว้ใส่เป็นอย่างท้าย ๆ ก่อนลงน้ำ ถ้าใส่แล้วต้องเดินถอยหลังหรือเดินไปทางข้าง ๆ ถ้ามีโอกาสใส่แล้วลองเดินดูละกัน 555

    BCD
    หน้าตาเหมือนเป้แบ็กแพ็คที่ไม่มีกระเป๋าข้างหลัง งงมะ 555 เหมือนสะพายเป้ มีที่ล็อคตรงสายคล้องแขน ที่พุง ที่อก มีที่รัดสายต่าง ๆ จาก regulator มีที่ควบคุมลมเข้าออก (ถ้าเอาลมจาก air tank มาใส่ใน BCD มันพาเราลอยได้เหมือนเสื้อชูชีพ) อันนี้ก็มีหลายไซส์ให้เลือกเช่นกัน

    Regulator
    อธิบายยังไงดี มันเอาไว้ต่อกับ air tank มีสายอากาศไว้ให้เราคาบแล้วหายใจทางปาก มีสายอากาศสำรองอีกอัน เผื่อบัดดี้เราอากาศหมด มีเกจวัดความดันอากาศและความลึก มีสายต่อเอาลมเข้า BCD

    Weight belt
    เป็นเข็มขัดที่เอาไว้ถ่วงน้ำหนักไม่ให้เราลอยตอนอยู่ใต้น้ำ เข็มขัดนี้จะร้อยก้อนตะกั่วเข้าไปได้ ก็แล้วแต่น้ำหนัก เพศ และน้ำที่จะลงไปว่าต้องใช้กี่กิโล ตัวหนักก็ใช้เยอะ ผู้หญิงใช้มากกว่าผู้ชาย (เพราะมีหน้าอกและก้นทำให้ลอย 555) น้ำทะเลใช้เยอะกว่าน้ำจืด อย่างเราตอนลงทะเล โดนไป 4 โล (รู้เลยนะคะว่าอ้วน 55555)

    อ้ะ ครบหมดแล้ว เราก็เอาอุปกรณ์ทุกอย่างบรรจุลงกระเป๋าใบใหญ่ที่เขาให้ยืม อ่อ ยกเว้น weight belt นะ อันนั้นใส่ติดตัวไปเลย แบกกระเป๋าไปสระว่ายน้ำ โอ้โห หนักมากกกกก สระก็ไกลมาก เดินขึ้นเนินไป ไปถึงสระ ที่นั่นมี air tank วางไว้แล้ว ครูก็สอนประกอบอุปกรณ์ น้องหยาเอา mask มาแจกแล้วเราก็ลงสระกัน

    สระว่ายน้ำที่ใช้เรียนจะมี 2 โซน โซนตื้น ความลึก 1.5 เมตร กับ โซนลึก ความลึก 2.7 เมตร ช่วงแรกเราจะเรียนในน้ำ 1.5 เมตร แต่พอต้องเคลียร์หู หัดควบคุมการลอยขึ้น-ลง และหัดตีขา จะลงไปโซนลึก

    เริ่มแรกครูก็สอนใช้ mask กับใช้ท่อ snorkel ก่อน เพราะบางทีเราต้องดำบนผิวน้ำไปจนถึงจุดที่เราจะลงไปดำ scuba สอน free diving นิดนึง แล้วก็เริ่มใส่อุปกรณ์ scuba ในน้ำ สอนใช้ regulator หายใจใต้น้ำ แล้วเราก็ลงไปนั่งคุกเข่าใต้น้ำกัน และสอนสกิลฉุกเฉินต่าง ๆ เช่น วิธีใส่ regulator ถ้ามันหลุดตอนอยู่ในน้ำ, วิธีีใส่ regulator ถ้าอากาศหมด, การหา regulator ถ้าหลุดแล้วหาไม่เจอ, การเคลียร์น้ำออกจากหน้ากาก, ถอด-ใส่หน้ากากใต้น้ำในกรณีที่หน้ากากหลุด, ถอด-ใส่ BCD ใต้น้ำ ถ้าเกิดมันไปพันอะไรเข้าจะได้ถอดมาแก้ได้, การเอาลมเข้า-ออก BCD, ภาษามือต่าง ๆ ที่จะใช้ใต้น้ำ ฯลฯ

    เรามีปัญหาตั้งแต่สอนดำ snorkel เลยค่ะ 55555 ก็ว่าเคยดำ snorkel หลายครั้งแล้วนะ แต่เพิ่งสังเกตว่าตัวเองจะเป็นคนที่ไม่ชอบให้น้ำเข้าหน้ากากหรือเข้าปากเลย ถ้าน้ำเข้าเมื่อไหร่จะต้องเงยหน้าขึ้นมาเอาน้ำออก ถึงจะดำต่อได้ พอตอนดำ snorkel รอบนี้ ครูให้ลองสมมติว่าน้ำเข้าท่อจะต้องเป่าออกยังไง นี่ตกใจ น้ำเข้าปาก สำลัก 555 พอคุยกับครูแล้วรู้ว่ามันไม่เป็นไร น้ำเข้าเนี่ยปกติแล้ว เข้าก็เป่าออกก็จบ อ่อออ โอเคค่ะ 555

    หลังจากนั้นพอเอา regulator เข้าปาก ลงไปนั่งใต้น้ำ มีปัญหาอีก ปัญหาที่ 1 คือเสียงหายใจใต้น้ำมันดังมาก นึกภาพว่าเราต้องหายใจทางปาก แล้วทุกครั้งที่หายใจจะมีฟองปุด ๆๆ อยู่ตรงหน้าเรา และเสียงก็ดังมาก ตอนนั้นรู้สึกว่ามันน่ากลัว ปัญหาที่ 2 คือ น้ำเข้าหน้ากาก คือมันก็ไม่ได้เข้าเยอะอะนะ แค่ท่วมจมูก แต่เรารู้สึกไม่โอเค อึดอัด กลัวหายใจเอาเข้าไป ตอนนั้นครูยังไม่ได้สอนเคลียร์หน้ากากด้วย เลยขอขึ้นมาเอาน้ำออก ครูก็บอกไม่เป็นไร น้ำต้องเข้าอยู่แล้ว น้ำเข้ากันทุกคน ไม่มีใครจมูกแห้ง แต่ยังไงเราก็ไม่ได้ใช้จมูก เราต้องปล่อยมันไป อย่าไปสนใจ แต่ตอนนั้นเราทำไม่ได้เลยค่ะ เวลาน้ำเข้าจะรู้สึกอึดอัดมาก อยากขึ้น ไม่อยากอยู่ในน้ำแล้ว ขึ้นมาอยู่หลายรอบ จนในที่สุดก็อดทนอยู่ไป เพราะถ้ายังขึ้นมาอยู่อย่างนี้วันนี้คงไม่ได้เรียนต่อ (สุดท้ายกว่าจะรู้สึกชินได้ก็ล่อไปไดฟ์ที่ 3 แล้ว 555) ปัญหาที่ 3 คือ เผลอหายใจทางจมูก เลยสำลักน้ำ ครูบอกไม่ได้นะ ถ้าหนูลงทะเลจริง ๆ หนูต้องมีสติ ไม่มีคำว่าเผลอ ... จริงด้วย เราต้องมีสติ ถ้าขืนลงไปใต้ทะเลแล้วน้ำเข้าจมูกนี่ชิ*หายแน่ ต้องมีสติทุกลมหายใจ

    พอหายใจธรรมดาได้แล้ว ตอนครูให้ถอด regulator แล้วใส่ใหม่ใต้น้ำก็ยังงงงงงมีปัญหาอีก ตอนอ้าปากแล้วใส่กลับ น้ำเข้าปาก หนูไม่โอเครรรรรร พรวดขึ้นจากน้ำ ไอหนักมาก ทำหน้าจะร้องไห้บอกน้ำเข้าปาก  55555 สุดท้ายก็เหมือนเดิม คือมันปกติ ไม่มีอะไร พอคาบ reg ได้เป่าออกก็จบ

    คนอ่านคงจะคิดนะว่า "อีนี่เป็นไร แค่นี้ก็กลัว แค่น้ำเข้าปากเข้าจมูกเอง" เฮ้ย แต่ตอนนั้นมันกลัวจริง ๆ นะ เอ่อ...ก็ไม่ถึงกับกลัวเท่าไหร่ เรียกว่าเป็นความไม่ชอบมากกว่า อึดอัด อึดอัดมาก อยากเอาน้ำออก ไม่ชอบให้น้ำเข้า อยากขึ้นมาเอาออก ไม่อยากทนอยู่ใต้น้ำ แล้วพอจัดการกับตรงนี้ไม่ได้ ก็เรียนไม่ทันเพื่อน พอครูสอนสกิลไป เพื่อนทำได้กันหมดแล้ว เหลือเราที่ยังมีปัญหากับน้ำอยู่คนเดียว เลยกลายเป็นเครียดไปด้วย กลัวทำให้เพื่อนรอ เกรงใจครูด้วยที่ต้องมาสอนเราซ้ำ ๆ อยู่คนเดียว จนในที่สุดทนไม่ไหว บอกครูว่าหนูขอพักก่อนได้มั้ยคะ ทุกคนเลยเบรคกันหมดเลย ตอนเบรคเรารู้สึกอยากร้องไห้ อยากคุยกับใครซักคนว่าทำไมมันยากอย่างนี้ ไม่คิดมาก่อนเลยว่าตัวเองจะไม่ไหว นี่คือสิ่งที่เราอยากทำมาตลอดชีวิตเลยนะ พอได้ทำจริง ๆ เราจะทำไม่ได้จริงหรอ แต่พอได้พูดความรู้สึกกับเพื่อนออกไป เพื่อนปลอบ ครูปลอบ บอกให้ใจเย็น ๆ มันโอเค ไม่ต้องเครียดนะ ค่อย ๆ ไปก็ได้ ไม่ต้องกลัวว่าจะตามเพื่อนไม่ทัน ครูใจเย็นมากเลยอะ ตั้งแต่เริ่มไม่เคยทำหน้ารำคาญเราเลยที่มีปัญหากับทุกสิ่ง (จริง ๆ ในใจอาจจะแอบคิดก็ได้ว่าจะกลัวไรนักหน้า แต่ไม่แสดงออกมาหนูก็ดีใจแล้วค่ะ 55555) พยายามพูดตลอดให้ใจเย็น ๆ อย่ากังวล จนพูดไปพูดมา ครูพูดมาประโยคนึงว่า "ไม่เป็นไรนะถ้าหนูจะไม่ชอบ การดำน้ำอาจจะไม่ใช่สำหรับทุกคนก็ได้" นี่เลยรีบพูดขึ้นมาว่า "จริง ๆ หนูอยากมามากเลยนะคะ หนูเป็นคนชวนเพื่อนมาเอง" เท่านั้นแหละ ครูบอก "อ๋อออ คนพามานี่เจอประจำ 555 เราพาเพื่อนมาไง เราเลยอ่านเยอะ หนูไปอ่านเจออะไรแปลก ๆ มาใช่มั้ย" นี่ก็นึก เออ ก็เจอบ้างนะ แต่ตอนอ่านก็ไม่ได้กลัวนะ เอ๊ะ หรือมันอยู่ในจิตใต้สำนึก หรือจริง ๆ เป็นเพราะเราไม่ชอบให้น้ำเข้าหน้าอยู่แล้ว หรือว่าเราไม่เหมาะกับการดำน้ำจริง ๆ ฮืออออ ไม่เอานะ นี่คือสิ่งที่ฉันอยากทำมาตลอดชีวิต แต่หลังจากนั้นเราก็ใจเย็นลงเยอะ พยายามปลอบตัวเองตลอดว่า "ไม่เป็นไร ๆ ใจเย็น ๆ ไม่ต้องกดดันตัวเองให้ตามเพื่อนให้ทัน เราค่อย ๆ ไป" หลังจากนั้นก็ดีขึ้นเยอะเลย พอทำได้แล้วครูบอก "หนูทำได้แล้ว หนูเก่งมาก มา มากอดที" ฮืออออ กอดนี้ยิ่งใหญ่มาก ปกติเวลากอดคนไม่สนิทจะรู้สึกตะขิดตะขวงใจนิด ๆ แต่อันนี้ไม่เลย รู้สึกอยากกอดจริง ๆ  

    ขอแทรกนิดนึง จากเหตุการณ์ถ้ำหลวง ที่มีคนเสนอว่าให้น้อง ๆ ดำน้ำออกมา เรานึกถึงตอนเราดำน้ำครั้งแรกเลยค่ะ ตอนแรกเราก็คิดว่าเราไม่กลัวนะ แต่พอทำจริง ๆ ก็แย่เหมือนกัน คนไม่เคยดำน้ำหรือคนที่ไม่กลัวอาจจะไม่รู้ว่าถ้าเกิดแพนิคขึ้นมามันแย่แค่ไหน สถานการณ์ที่น้อง ๆ อยู่อันตรายมาก แล้วเราไม่รู้ด้วยว่าถ้าน้องแต่ละคนต้องดำน้ำจะแพนิคกันรึป่าว ดังนั้นถึงไม่ควรให้น้องดำน้ำออกมาแบบปกติค่ะ อย่างน้อยก็ใส่หน้ากากที่คลุมทั้งหน้าแล้วหายใจได้ทางจมูกปกตินี่แหละ 

    ตอนนี้ถึงจะไปได้ช้า ๆ แต่ก็ไม่รู้สึกอึดอัดจนทนไม่ได้แล้ว ก็เรียนสกิลอื่น ๆ ต่อไปเรื่อย ๆ (หลังจากพอครูรู้ว่าเป็นคนพามาแล้ว ครูเริ่มแซวว่า "ศักดิ์ศรีมันค้ำคอ" 5555) มามีปัญหาอีกทีตอนเคลียร์หู อันนี้ปัญหาจริง ๆ ไม่ได้เกิดจากความวิตกกังวล เราต้องเคลียร์หูตอนเราลงไปสู่ความลึก เพื่อปรับความดันในหู ไม่งั้นเยื่อแก้วหูจะบาดเจ็บ วิธีการคือ ทางปากเราก็หายใจไปปกติไม่เกี่ยวกัน แต่เอามือบีบจมูกไว้แน่น ๆ แล้วหายใจออกจากจมูกเหมือนสั่งน้ำมูก ลมจะไปออกหูแทน ครูให้ลองทำบนบกก่อน ครูบอกถ้าทำได้จะรู้สึกตึ้บ ๆ ในหู เราไม่เห็นรู้สึกแบบนั้นเลย รู้สึกแปลก ๆ ที่หูขวานิดหน่อย คิดว่าใช้ได้แล้วมั้ง แล้วครูก็พาไปโซนน้ำลึก

    พอครูบอกให้ตามครูมาโซนลึก เพื่อน ๆ ก็ว่ายตามครูไปหมดเลย แต่เรายังกลัวอยู่ รู้สึกตัวเองยังใช้สกิลต่าง ๆ ไม่คล่องเลย เลยแอบกระซิบน้องหยาว่า "ยังไม่ไปได้มั้ยอะ กลัว 555" น้องเลยยังอยู่เป็นเพื่อนแล้วค่อย ๆ จับมือพาว่ายไปโซนลึก พอไปถึงแล้วก็อยู่เป็นเพื่อนด้วย พาเราลงไปสู่ความลึกแล้วค่อย ๆ เคลียร์หู รู้แล้วว่าความรู้สึกของการเคลียร์หูเป็นยังไง ถ้าเคลียร์ได้มันจะได้ยินเสียงจริง ๆ แต่เสียงเป็นยังไงบรรยายไม่ถูกเหมือนกัน 555 แต่เราเคลียร์ออกเฉพาะหูขวาอะ หูซ้ายเคลียร์ไม่ออก เลยทำภาษามือบอกน้องหยาใต้น้ำว่าหูซ้ายเคลียร์ไม่ได้ น้องหยาเลยพาขึ้นมาแล้วบอกว่า งั้นเวลาเคลียร์หูซ้ายให้ตะแคงหูซ้ายขึ้นนิดนึง อากาศจะได้ลอยขึ้นง่าย ๆ เราลองทำดู มันก็ทำได้มั่งไม่ได้มั่งอะ วันนั้นก็เลยเจ็บหูซ้ายนิดหน่อย พอเลิกเรียนแล้วบ่นกับเพื่อนว่า "เจ็บคอว่ะ คอแห้ง ไม่ได้กลืนน้ำลายเลย" เพื่อนบอก "มึงไม่รู้หรอมันกลืนน้ำลายได้" อ้าว กูไม่รู้วววว 55555 แล้วเพื่อนบอกด้วยว่ามันใช้เคลียร์หูได้ด้วย จริง ๆ ครูสอนแล้วแหละว่าใช้วิธีการกลืนน้ำลายหรือขยับกรามเคี้ยว reg ก็ได้ (เคี้ยวนิดเดียวพอนะ เดี๋ยว reg ขาด 555) แต่เราไม่ตั้งใจฟังเอง มัวแต่กังวลเรื่องอื่นอยู่ 555 พอวันต่อมาลองทำแล้วได้ผลแฮะ พอกลืนน้ำลายแล้วจะไม่ได้ยินเสียงแบบตอนเอามือบีบจมูก แต่จะรู้สึกเหมือนเวลาขึ้นเครื่องบินแล้วหูอื้อ แล้วเรากลืนน้ำลายแล้วหูจะโล่ง ประมาณนั้น พอลงทะเลจริง ๆ เราเลยใช้ทั้ง 2 วิธีคู่กันไป เอามือบีบจมูกก่อน ส่วนใหญ่จะบีบจมูกก่อน เคลียร์หูขวา แล้วกลืนน้ำลายเคลียร์หูซ้าย (ทำให้ยากทำไม 555)

    อ้ะ กลับมาที่สระว่ายน้ำ พอเริ่มเคลียร์หูซ้ายได้บ้างแล้ว เลยลงไปสู่ความลึกอีกครั้ง เพื่อฝึกว่ายและลอยตัวขึ้นลง ฝึกว่ายในสระลำบากเหมือนกันนะ ที่มันไม่กว้าง ว่ายไปซักเดี๋ยวก็ต้องเลี้ยวกลับแล้ว แล้วมีหลายคนอีก เราก็ยังควบคุมทิศทางกันไม่เก่ง ชนกันบ้างไรบ้าง 555 ควบคุมการลอยตัวนี่ยิ่งหนัก การลอยตัวใต้น้ำ หลัก ๆ จะใช้การหายใจเข้า-ออก ถ้าหายใจเข้าเยอะกว่าหายใจออก ตัวจะลอย ถ้าหายใจออกเยอะกว่า ตัวจะจม นึกภาพสูบลมเข้าออกลูกโป่งอะ พอลองทำแล้วโคตรยาก ลอย ๆ จม ๆ กันมั่วเลย เป็นกันเกือบทุกคน จบวันนั้นยังคิดว่า พรุ่งนี้ลงทะเลกูจะรอดมั้ย จะลอยเคว้งไปไหนวะน่ะ 55555

    การฝึกในสระช่วงเช้าก็จบลงเท่านี้ ครูปล่อยให้ไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วเราจะไปเรียนทฤษฎีต่อในตอนบ่าย

    บ่ายวันนี้เราต้องเรียนบทที่ 1-3 ซ้ำจากที่ดูวิดีโอเมื่อวาน แต่วันนี้จะเป็นครูสอน แล้วเราจะถามได้ตรงที่เราไม่เข้าใจ มีให้ทำแบบฝึกหัดด้วย (รู้สึกว่าแบบฝึกหัดของ PADI  เวอร๋ชั่นไทยแปลได้ google translate มาก อ่านแล้วต้องแปลไทยเป็นไทย 5555 พอกลับจากเกาะเต่าแล้วไปบ่นให้รุ่นน้องฟัง มันบอก ตอนผมเรียนผมขอเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษครับ อ่านง่ายกว่าเยอะเลย ... แต่น้องเขาเรียนอีกที่นึงนะ แต่ของ PADI เหมือนกัน ถ้าใครคิดว่าตัวเองไม่มีปัญหาเรื่องภาษาอังกฤษลองขอเวอร์ชั่นอิ๊งดูนะคะ ชีวิตน่าจะดีขึ้นเยอะ 555)

    พอเรียนบทที่ 1-3 จบแล้วยังเหลือเวลาเยอะเลย ครูเลยถามว่าจะเอาบท 4-5 ของพรุ่งนี้มาเรียนด้วยเลยมั้ย พรุ่งนี้บ่ายจะได้แค่สอบแล้วว่างเลย พวกเราก็ตกลง เรียนต่อเลย เลิกประมาณ 5 โมงเย็น แล้วเราก็ออกไปเดินสำรวจรอบ ๆ กัน ตอนเดินสูดอากาศอยู่ริมทะเลรู้สึกว่า ดีจังที่ได้ใช้จมูกหายใจ ดีกว่าใช้ปากหายใจเยอะเลย รู้สึกเห็นคุณค่าของลมหายใจ 555

    เพื่อนบอก หมาเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความสุขที่สุดบนเกาะ 555 หมาบนเกาะแต่ละตัวดูแฮปปี้จัง วิ่งเล่นกันตลอด
    ถนนหนทางบนเกาะ
    ชอบบรรยากาศของเกาะเต่าตอนเย็นมากเลย ดูสนุกแบบชิล ๆ ร้านน่านั่งเยอะมาก ถ้าไม่ได้มาดำน้ำน้าาาา จะมานั่งสั่งแอลกอฮอล์เบา ๆ มานั่งจิบ ฟังเพลง มองทะเล โอ๊ยยยย แค่คิดก็มีความสุขแล้ว แต่ก็ได้แค่คิดเท่านั้น 555 ความเป็นจริงนั้นเดินไปเดินมา หิว สั่งโรตีกิน เป็นโรตีนูเทลล่ากล้วย ราคา 50 บาท โรตีกับกล้วยก็ดีอะ แต่นูเทลล่าปลอม 5555 

    เห็นเขียนเหมือนกันแทบทุกร้าน ไม่รู้เป็นแฟรนไชส์หรืออะไร 555
    หลังจากกินเล่นแล้ว เราก็ต้องหาอะไรกินจริงจัง เราเดินเข้าไปในซอย ๆ นึง หน้าตาเหมือนถนนคนเดิน


    พบกับร้านอาหารมากมาย แต่ราคาค่อนข้างแพง เลยเดินผ่านไป จนไปเจอกับร้านอาหารญี่ปุ่นซึ่งราคาพอ ๆ กับร้านในห้าง และเพื่อน ๆ อยากกินอาหารญี่ปุ่นกัน เราเลยกินร้านนี้


    ข้าวให้เยอะนะ ขนาดเราเป็นคนกินเยอะ แทบไม่เคยกินข้าวไม่หมดเลย (รู้เลยนะคะว่าอ้วน 5555) ยังกินไม่หมดอะ เพิ่งมารู้จากน้องหยาในวันต่อมาว่าเจ้าของร้านเป็น dive master ที่ Ban's ถ้าบอกเขาว่ามาจาก Ban's จะได้ลดราคาด้วย อ้าว1 .___. และอ้าวที่ 2 คือ น้องหยาบอกข้าวหน้าเนื้ออะไรซักอย่างอร่อย อ้าว กูพลาดเลย เมื่อวานนึกตั้งนานว่าจะกินอะไร ไม่เห็นมีเมนูแนะนำ

    และวันนี้ก็จบลงเพียงเท่านี้ พรุ่งนี้เราจะลงทะเลกันจ้าาาา ตื่นเต้นมากกกกกกกก

    วันที่ 9 มิ.ย. 61

    วันนี้ครูนัด 7.00 ที่ร้านอาหาร บอกให้กินอะไรรองท้องมานิดหน่อยเพราะเราจะได้กลับมากินข้าวอีกทีตอนเที่ยง แต่อย่ากินเยอะเกินเดี๋ยวอ้วกเพราะเมาเรือ แต่ปกติเราทำงานพิเศษบนเรืออยู่แล้ว ซึ่งทุกวันที่ออกไปทำงานจะกินข้าวแบบจัดเต็มทุกวัน 555 แล้วก็ปกติดีไม่เป็นไร วันนี้เราเลยตื่นเช้ากว่าเพื่อน ๆ เพราะจะออกมากินข้าวที่ร้านอาหาร ปรากฏครัวเปิด 6.40 กลัวไม่ทัน เพราะเขาทำช้า เลยเดินไปซื้อของเซเว่นกิน นั่งกินซักพักครูก็มา แล้วเพื่อนก็มา พอใกล้ 7.00 ครูบอกให้ไปหยิบอุปกรณ์ของตัวเองที่ใส่ถุงไว้ตั้งแต่เมื่อวาน (มีเบอร์ถุงอยู่) เช็คของว่าใช่ไซส์เดิมมั้ย แล้วหิ้วมารวมกัน พอเรียบร้อยแล้วครูก็บรีฟนิดหน่อย แล้วก็เดินไปขึ้นแท็กซี่กัน เรียกว่าแท็กซี่ตอนแรกเราก็นึกภาพแท็กซี่ในกทม.เลย เห้ย บนเกาะก็มีแท็กซี่หรอ ความจริงคือรถปิคอัพสองแถว 55555

    แท็กซี่พาเราไปส่งที่อ่าวหินวง ขึ้นเรือท้องแบน เพื่อไปขึ้นเรือใหญ่อีกที วันนี้เราจะไปดำกันที่ Light house ครูบอกว่าเป็นพื้นทราย ดำง่าย

    พอขึ้นไปบนเรือ เราก็เริ่มประกอบอุปกรณ์กันเลย ครูทวนให้อีกรอบแล้วปล่อยเราทำเอง พอทำเสร็จให้น้องหยาเช็คอีกที แล้วเราก็ขึ้นไปดาดฟ้าเรือไปฟังครูบรีฟกัน ครูก็บอกว่าตอนลงไปจะให้ใครลงก่อนลงหลัง ลงไปแล้วจะทำอะไรกันบ้าง ก็ฝึกใช้สกิลแบบในสระนั่นแหละ แต่ไม่ครบทุกอันนะ เอาเฉพาะอันที่สำคัญ ๆ บรีฟเสร็จก็ลงไปชั้นล่าง เตรียมตัวลงน้ำกัน

    การจะดำน้ำเนี่ยเราต้องมีบัดดี้ ไปด้วยกัน คอยช่วยกันในกรณีที่ต้องการความช่วยเหลือ จริง ๆ เริ่มตั้งแต่ตอนแต่งตัวเลยแหละ ช่วยกันแต่งตัว ช่วยกันตรวจเช็คความเรียบร้อยของอุปกรณ์ เออ แต่งตัวเนี่ยยังเว้น fin กับ mask ไว้นะ อันนั้นไว้ใส่ตอนใกล้ ๆ จะลง พอใกล้จะลงก็ใส่ fin ก่อน ใส่ mask คาบ reg เอาลมใส่ BCD 3 ปั๊ม แล้วปีนขึ้นไปยืนที่กราบเรือ

    พูดเลยว่า น่า! กลัว! โคตร! แค่ปกติยืนริมสระว่ายน้ำแล้วให้โดดลงไปก็กลัวละ นี่สูงจากน้ำเกือบ 2 เมตรได้มั้ง (เรือนี้คือเรือที่สูงกว่าปกตินะ เรืออื่นเขาไม่สูงกันขนาดนี้ มีคนบอกว่าถ้าโดดเรือนี้ได้ เรืออื่นก็สบาย) ฮืออออ ทำไมหนูต้องมาเจอของยากตั้งแต่ครั้งแรกด้วย คิดไว้ตั้งแต่ก่อนมาแล้วว่าดำน้ำไม่น่ากลัว แต่สิ่งที่กลัวสุดคือโดดจากเรือเนี่ยแหละ แล้วมันก็เป็นจริง ๆ แถมน่ากลัวกว่าที่คิดไว้อีก ช่วยด้วยแม่จ๋าาาาา แต่เอาวะ ถ้าไม่โดดก็ไม่ได้ดำ ทำใจ เอามือซ้ายจับหัวเข็มขัด (weight belt) มือขวาจับ mask กับ reg แล้วทิ้งตัวลงไป

    ตู้มมมมมมมมมมมม!

    ดำดิ่งลงไปสู่ความลึก เพราะอุปกรณ์ทุกอย่างหนักมาก mask และ reg หลุดหมด เผลอหายใจทางจมูกด้วย น้ำเข้าปากเข้าจมูกหมด แสบมาก แต่ก็ลอยขึ้นมาได้เพราะมีลมอยู่ใน BCD พอลอยขึ้นมาสภาพดูไม่ได้ ไอไม่หยุด น้ำมูกน้ำตาไหลหมด แค่ก ๆ ตีขาออกไปรวมกลุ่มกับเพื่อน ไอจนพอ ใส่ mask คาบ reg แล้วว่ายตามครูไปที่หัวเรือ วันนี้เราจะไต่เชือกที่ผูกเรือไว้กับแท่นปูนข้างล่างลงไปกัน (อันนี้พอขึ้นมาแล้วถามครูว่าปกติเขามีเชือกให้ไต่แบบนี้มั้ย ครูบอก ถ้าเป็นที่ ๆ มีคนมาดำน้ำประจำเขาจะมีผูกไว้นะ) จริง ๆ ตามลำดับจะต้องเป็นครูไต่ลงไปคนแรก แล้วเราคนที่ 2 พอเราเอาหน้าผ่านผิวน้ำลงไปก็เห็นปลาตัวน้อย ๆ มาต้อนรับถึงหน้า mask ทันที แต่อาการครั้งแรกตอนลงสระก็กลับมาอีกแล้ว ฮืออออ ไม่โอเครรรร อยากขึ้น ก็ขึ้นมาเกาะเชือกอีก ครูกับน้องหยาก็ถามว่าโอเคมั้ย เราบอกโอเค ขอใหม่อีกรอบ แต่พอลงไปใหม่เราก็เป็นอีก เราเลยบอกว่าขอพักทำใจก่อน ครูเลยให้เพื่อนลงไปก่อน แต่เหตุก็เกิดอีก เพื่อนคนนึงไม่มี weight belt น่าจะหลุดตอนกระโดด น่าจะใส่ไม่กระชับแล้วไม่ได้จับไว้ให้ดี จมหายไปแล้ว ครูเลยให้เพื่อนคนนั้นเกาะเชือกรออยู่กับเราที่ผิวน้ำ แล้วให้น้องหยาไปเอา weight belt มา ระหว่างนั้นเราก็คิดว่า "เฮ้ย ในสระกูก็โอเคแล้ว กูจะมาตายตอนลงทะเลไม่ได้ กูต้องสู้ววว!" (เพิ่งมารู้ทีหลังว่าครูกับเพื่อนลุ้นว่าเราจะกล้าลงมั้ย แต่เราไม่คิดเลยนะว่าจะลงหรือจะกลับดี ในหัวนี่คือยังไงกูต้องลงไปให้ได้ 555)

    พอเพื่อนใส่ weight belt เรียบร้อยแล้วก็ลงน้ำตามคนที่เหลือลงไป ส่วนเรานั้นลงไปท้ายสุดพร้อมน้องหยา ลงไปแบบช้ามาก ค่อย ๆ เกาะเชือกลงไปทีละนิด เคลียร์หูไปเรื่อย ๆ ถ้าเคลียร์ไม่ออกก็กระเถิบขึ้นมานิดนึง เคลียร์ใหม่ ได้แล้วค่อยกระเถิบลง ไปเรื่อย ๆ จนถึงความลึกระดับนึง น้องหยาก็ให้เราปล่อยมือออกจากเชือก ว่ายออกไปตรงที่ครูกับเพื่อน ๆ รออยู่แล้ว แล้วครูก็ให้ทุกคนคุกเข่าบนพื้นทราย เฮ้ย ความรู้สึกนี้มัน..."กูได้คุกเข่าอยู่บนพื้นทรายใต้น้ำว่ะ! เฮ้ย ไม่ได้ฝันไปใช่มั้ยเนี่ย" ลองขยับเข่าถู ๆ ให้ได้ความรู้สึกของทราย 555 (เพ่ิ่งรู้ตอนขึ้นมาแล้ว เพื่อนบอกว่าเห็นรูปลาอยู่ตามพื้นทรายเยอะเลย รู้สึกผิดเลยที่เอาเข่าถู T-T) แล้วครูก็ให้ทำสกิล จำไม่ได้ว่ามีอะไรบ้าง น่าจะเกี่ยวกับพวกการควบคุมการลอยตัว การถอดใส่ reg อะไรประมาณนี้มั้ง (จำไม่ค่อยได้ว่าไดฟ์ไหนทำสกิลอะไร) พอทำครบทุกคนแล้วครูก็พาว่าย ก็ได้ดูปลา ดูปะการังไรแบบนี้บ้างนะ แต่แถวนี้ยังไม่ค่อยมีอะไรมาก ที่จำได้ก็มีว่ายผ่านซอกระหว่างปะการังโขดใหญ่ ๆ 2 โขด (ว้าวววว) เห็นปะการังและฟองน้ำขนาดใหญ่ที่เห็นแล้วคิดในใจว่าชาตินี้ถ้าไม่ลงมาดูใต้น้ำ คงไม่มีใครแบกปะการังใหญ่ขนาดนี้ขึ้นไปให้กูดูบนบกแน่ ๆ 555 แต่เห็นแค่นั้นก็ตื่นเต้นแล้วอะ ไม่ต้องฉลามวาฬหรอก อีกอย่างคือตื่นเต้นว่ากูได้ว่ายน้ำอยู่ใต้น้ำแบบที่อยากทำแล้วโว้ยยยย!!! ได้เป็นแอเรียลแล้ววววววว!!! อูยยยย ใจพองโต

    ตอนอยู่ใต้น้ำแล้วไม่น่ากลัวเลย สบายมาก ปล่อยตัวเคลื่อนไหวไปกับสายน้ำ ตอนครูทำมือบอกให้ขึ้นนี่รู้สึกเหมือนตอนแม่เรียกกลับบ้านตอนที่ยังเล่นอยู่ ฮือออ ขออีก 5 นาที 555 แต่จริง ๆ ขออีกไม่ได้หรอก ห้ามอยู่นานเกิน พอขึ้นมาก็ลอยตัวบนผิวน้ำกลับไปท้ายเรือ (ตอนแรกรู้สึกควบคุมทิศทางยากจัง ชนคนโน้นคนนี้ไปทั่ว จนไดฟ์ที่ 3 เริ่มควบคุมทิศทางได้ละ) พอขึ้นไปท้ายเรือแล้วก็เกาะบันไดไว้ ถอดฟินส่งให้คนบนเรือ แล้วก็ปีนบันไดขึ้น ขึ้นไปถอดอุปกรณ์ เปลี่ยนถัง แล้วก็ขึ้นไปหาครูบนดาดฟ้า ครูก็จะคอมเมนต์ว่าเมื่อกี๊ใครเป็นไงมั่ง ของเราโดนเรื่องกระโดด กับเรื่องเคลียร์หน้ากากบ่อย ครูบอก "ที่หนูทำไม่เรียกว่าโดดจ้ะ เรียกว่าหล่น" 55555 แล้ว "ตอนนี้หนูเคลียร์เก่งมาก พี่มองกลับมาเห็นหนูว่ายไปด้วยเคลียร์ไปด้วย พี่ยังคิดเลยว่าเก่งแล้ว แต่หนูไม่ต้องทำบ่อยขนาดนั้น พี่บอกแล้วจมูกมันไม่แห้งหรอก มีน้ำขังอยู่มันเรื่องธรรมดา เราไม่ได้ใช้จมูก เราไม่ต้องไปกังวล" 555555 หนูจะพยายามทำให้น้อยลงค่ะ นึกภาพแล้วน่าจะทำบ่อยอย่างคนย้ำคิดย้ำทำเลย 555

    พอคุยเสร็จครูก็บอกให้ลงไปแต่งตัวเลย นี่ก็นึกในใจ ไม่ให้กูพักหน่อยหร๊อออ ทำไมรีบจัง เพิ่งดำไปนิดเดียวเอง น่าจะเหลือเวลาเยอะ เพิ่งมารู้ทีหลังว่าวันนั้นลงไปไดฟ์ละ 40 นาที โหหหห ไม่คิดเลยว่านานขนาดนั้น ตอนอยู่ใต้น้ำเวลาผ่านไปเร็วมากกกกก เหมือนนาฬิกาโกงอะ

    พอแต่งตัวเสร็จเราก็โดดลงน้ำกันอีก รอบนี้เป็นอีกแล้ว กลัวอีกแล้ว ลงไม่เป็นท่าอีกแล้ว แต่ฟื้นตัวเร็วกว่ารอบที่แล้ว และตอนไต่เชือกลงไม่ค่อยกลัวแล้ว ลงรอบเดียวได้เลย ไม่กลับขึ้นมาอีก แต่ค่อย ๆ ลงไปอย่างช้า ๆ รอบนี้ก็มีทำสกิลอีก รู้สึกว่าจะเกี่ยวกับการลอยตัวอีกนี่แหละ แล้วก็มีหา reg  พอเสร็จครูก็พาว่าย รอบนี้จำได้ว่าว่ายผ่านทุ่งปะการังเขากวางด้วย ว้าววว เราว่ายตามเพื่อนอีกคนแบบติด ๆ เลยได้เห็นหนอนฉัตรมุดหนีตอนเพื่อนว่ายผ่านด้วย น่าร้ากกกก ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าหนอนฉัตรจะน่ารัก ได้ว่ายเข้าไปใกล้ ๆ ฝูงปลาน้อย ๆ ตอนแรกคิดว่าอยากว่ายเข้าไปรวมฝูงด้วย แต่ไม่เอาดีกว่า เป็นคนดี 555 พอจบไดฟ์ได้ลองขึ้นแบบอากาศหมดแล้วขึ้นด้วย alternate air source จากบัดดี้ ปกติถ้าเราอากาศไม่หมด พอขึ้นมาถึงผิวน้ำเราต้องเอาลมใส่ BCD จมเต็มให้ได้ยินเสียงอุ๋ง ๆๆ (ตอนแรกคิดว่าน้องหยาหลอก แต่มันอุ๋งจริงด้วย น่าร้ากกก 5555) แล้วเราจะลอยได้ แต่นี่เราสมมติว่าเราอากาศหมด เราต้องเป่าลมเข้า BCD เอาเอง เป่าไปคลื่นก็ซัดไป สำลักน้ำ 555 เป่าจนเต็มไม่สำเร็จ เลยไม่เล่นบทบาทสมมติละ กดเอาลมเข้าแม่ง 555

    ไดฟ์นี้พอกลับขึ้นมาครูบอก "รอบนี้หนูยิ่งกว่ารอบที่แล้วอีก มันต้องดีขึ้นสิ ไม่ใช่หรอ 555 แล้วหนูโดดลงมาหนูปล่อยมือหมดเลย พี่บอกแล้วไง เดอะแมทริกไม่เอา" นี่ตกใจเลย "อ้าว หนูปล่อยมือหรอคะ หนูไม่รู้ตัวเลย" ก็ว่าทำไม mask กับ reg หลุดหมดเลยวะ อ๋อ กูปล่อยมือนี่เอง ต่อไปต้องมีสติ 5555

    จบ 2 ไดฟ์สำหรับวันนี้แล้ว ลงไป 10 เมตร ตอนนี้เราหายกลัวไปเยอะแล้ว เหลือแค่กลัวตอนกระโดดเฉย ๆ พอกลับไปเราก็ทำข้อสอบกันเลย มี 50 ข้อ เราได้ 48 แน่ะ อวด ๆ 555 ดีตรงที่ครูเฉลยข้อที่เราทำผิดให้ด้วยว่าเราตอบอะไรไปแล้วที่ถูกต้องเป็นอะไร แล้วก็เอารูปให้ครู เอาไปทำบัตรดำน้ำ 

    รูปนี่คือรูปหน้าเรานี่แหละ จะเตรียมมาเองก็ได้ (ขนาด 2 นิ้วนะ) แต่ไม่ต้องหน้าตรงแบบบัตรประชาชน ยิ้มได้ จะทำท่ายังไงก็ได้ แค่หน้าตรงเห็นหน้าชัด ไม่ใส่หมวกที่บังหน้า ไม่ใส่แว่นตาดำ แต่เราลืมเตรียมมา เลยเสียค่าปริ้นท์ที่ reception ราคา 4 รูป 100 บาท 

    หลังจากเรียบร้อยเรื่องข้อสอบ เราก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำ แล้วออกมากินข้าวกัน แต่คราวนี้อยากเปลี่ยนบ้าง กินร้านที่รีสอร์ทหลายมื้อแล้ว จะลองร้านตรงข้ามรีสอร์ท อ้าว ไม่มีคนอยู่ เลยกินร้านข้างรีสอร์ทที่เป็นร้านข้าวขาหมูกับอาหารตามสั่ง เราสั่งขาหมู ไม่อร่อยอะ กลิ่นเครื่องเทศแรงไป เพื่อนที่สั่งผัดไทยกุ้งสดบอกผัดไทยไม่อร่อย แต่กุ้งเด็ดมาก สดมาก เนื้อนี่เด้งเลย โคตรเสียดาย น่าจะสั่งเมนูกุ้ง

    พออิ่มแล้วก็ว่าง เพื่อน ๆ อยากไปสำรวจเกาะกันเลยไปหาเช่ามอเตอร์ไซค์ ร้านที่อยู่ติดรีสอร์ทคิดวันละ 200 อืม...ก็โอเคนะ แต่ไม่โอเคตรงค่ามัดจำ 5,000 นี่แหละ โอ้แม่เจ้า! ไม่มีเงินโว้ยยย เลยลองเดินลงไปหา reception เผื่อที่รีสอร์ทมีให้เช่า ซึ่งก็มีจริง ๆ ได้มาในราคาถูกกว่าร้านเมื่อกี๊ แถมไม่ต้องมัดจำ 5,000 อีกต่างหาก พอเช่ามอไซค์เสร็จเราก็ถามพี่ที่ reception ด้วยว่ามีที่ไหนแนะนำบ้าง พี่เขาแนะนำให้ไปที่จอห์นสุวรรณเป็น view point เสียค่าเข้ากับค่าอะไรซักอย่างไม่รู้รวมกัน 100 ด้วยความที่อยากไปแต่ไม่รู้จะไปไหน เราเลยเปิด google map ไปที่นี่กัน

    ระหว่างทางมอไซค์อีกคันน้ำมันจะหมด (ไปกัน 2 คัน) เลยแวะปั๊ม ระหว่างรอ เพื่อนที่ขี่ให้เราซ้อนเลยสอนเราขี่มอไซค์ เพื่อนบอกให้บิดเบา ๆ นะ มันแรง เราเลยค่อย ๆ ขี่เบา ๆ ไปกลับในปั๊ม ซึ่งก็ผ่านไปได้ด้วยดีเกินความคาดหมาย พอจะจูงไปจอดเท่านั้นแหละ ผ่านเพื่อน เลยหันไปบอกว่า "เย่! ขี่ได้แล้วโว้ย" จังหวะนั้นแหละ มือไปโดนคันเร่ง บรึ๊นนนน ชนมอไซค์ที่จอดตรงนั้นร่วงไป 2 คัน 555555 คันเราก็ล้มด้วย รวมเป็น 3 คัน เราก็ลงไปนั่งกับพื้นเลย ตกใจมาก กลัวมอไซค์เขาพัง โชคดีที่ไม่เป็นไร เพื่อน ๆ มาช่วยกันยกมอไซค์ขึ้น เจ้าของรถออกมาดู มาเอารถขึ้น ทำหน้าเซ็ง ๆ เราก็ขอโทษแล้วเขาก็ไป เพื่อนตกใจกันใหญ่กลัวเราเป็นอะไร เราบอกเราไม่เป็นไรเลย ไม่เป็นไรจริง ๆ เจ็บแค่เหมือนเดินเตะโต๊ะ แต่กลัวรถเขาพังมากกว่า (วันต่อมาเพิ่งเห็นขาตัวเอง โหหห โต๊ะอะไรมึงเนี่ย ใหญ่มาก รอยช้ำโคตรน่ากลัว 555 แต่ไม่กดก็ไม่เจ็บนะ)

    แล้วเราก็เดินทางกันต่อไปที่จอห์นสุวรรณ พอเข้าไปเจอคนเฝ้าทางเข้าอยู่ เราก็คุยกันว่าต้องเสียเงินมั้ย เขาได้ยินเลยตอบมาว่า ไม่ต้อง คนไทยเข้าฟรี เย่!

    ทางเดินโคตรเหนื่อย แฮ่กเลย เดินไปซักเดี๋ยวเจอฝรั่งคู่นึงสวนลงมา เลยถามเขาว่าจากตรงนี้ไปอีกไกลมั้ย เขาบอกประมาณ 5-10 นาทีมั้ง แต่ต้องปีน แต่ข้างบนนั้นสวยนะ คุ้ม เราก็เดินต่อ อ่อ กูเข้าใจแล้ว ปีนจริง ๆ แต่ไม่ใช่ชันอะไรนะ คือทางมันเป็นฝุ่น ๆ กรวด ๆ อะ แล้วเราใส่รองเท้าแตะกัน ถ้าเดินธรรมดาลื่นแน่ ๆ เลยต้องใช้มือเกาะนู่นเกาะนี่ไว้ จนในที่สุดก็ถึงหินก้อนใหญ่ที่เป็น view point คล้าย ๆที่เกาะนางยวน แต่อันนี้คนน้อยกว่า นั่งได้นานเลย ชมวิว ถ่ายรูป รับลม ชิลลลลล อ๊าาาาาา

    จริงมีหลายมุมกว่านี้นะ อันนี้เลือกมาให้ดูแค่รูปเดียว
    นั่งกันจนพอก็กลับลงมา เพื่อนบอกว่าอยากไปสำรวจร้านอาหาร Darawan หน่อย เพราะมีป้ายชี้ขึ้นเขาอยู่ข้างที่พัก แล้วเราเคยอ่านมาจากรีวิวด้วยว่าร้านนี้วิวดี เราเลยขี่มอไซค์ผ่านที่พักขึ้นเขาไปตามป้าย อ้าว ทำไมมาหยุดที่สวนแก้วมังกรล่ะ 555555 แล้วก็เจอทางลูกรังแคบ ๆ เลยลองขี่ต่อไปดู ไปเจอสิ่งก่อสร้างหลังหนึ่ง บันไดสูงมาก พวกเราก็จอดรถแล้วเดินขึ้นไปกัน ขึ้นไปบนนั้นไม่มีคนเลย ไม่มีป้ายบอก แต่มีสระน้ำเล็ก ๆ เปิดน้ำวนไว้ ในห้องมีเบาะสุม ๆ กันอยู่ หน้าตาเหมือนที่พักมากกว่าร้านอาหาร เราเลยกลับลงมา ถ้าใครอ่านถึงตรงนี้แล้วรู้ว่ามันคืออะไรหรือรู้ว่าร้าน Darawan อยู่ที่ไหน ฝากตอบทีนะคะ ตอนนี้ยังไม่รู้เลย 555
    สิ่งก่อสร้างปริศนา
    พอกลับลงมาก็เอามอไซค์ไปคืน แล้วเดินตามถนนเส้นเล็กไปหาร้านกินกัน ไปจบอยู่ที่ร้านนึงบรรยากาศดี๊ดี เป็นโต๊ะญี่ปุ่น อยู่ริมทะเล ดูราคาแล้วก็ไม่แพง (สำหรับบนเกาะ) เลยเข้าไปกินกัน น้ำมะพร้าวกับน้ำส้มไม่ค่อยอร่อย น้ำแตงโมใช้ได้ สเต๊กเหนียวไปหน่อย ข้าวไก่ผัดซอสเห็ดอร่อยดี แต่ถ้าเปลี่ยนจากข้าวเป็นสปาเก็ตตี้น่าจะดีมาก

    ใช้ผ้าถุงมาทำปลอกหมอน เก๋ดี (รูปนี้คงต้องเซ็นเซอร์หน้าคนที่อยู่ในรูป เพราะเห็นหน้าชัดมาก)
    วันนี้เหนื่อยมาก อยากพักแล้ว เรากับเพื่อนอีกคนเลยกลับห้องไปพัก ในขณะที่อีกสองคนยังมีแรงเหลือไปร้านคราฟต์เบียร์อีก บายจ้าาาา 5555

    วันที่ 10 มิ.ย. 61

    ซื้อขนมซื้อน้ำมานั่งกินที่ร้านอาหาร รอเวลานัด 7.00 วันนี้มีคนมาเพิ่มด้วย เป็นฝรั่งคนนึง (ขอโทษค่ะ จำชื่อไม่ได้) ครูแนะนำชื่อ แล้วก็บอกว่าเป็นช่างภาพ วันนี้เขาจะมาถ่ายรูปให้เรา (หมายถึงกรุ๊ปคนไทยทั้งหมด 9 คน) ซึ่งเราจะเอาหรือไม่เอาก็ได้ เดี๋ยวค่อยมาคุยกันตอนกลับมา

    วันนี้มีอุปกรณ์เพิ่มด้วยคือ dive computer หน้าตาเหมือนนาฬิกาข้อมือเรือนใหญ่ ๆ เราไว้บอกระดับความลึก บอกเวลา คำนวนให้ด้วยว่าระดับความลึกนี้เราควรอยู่ได้นานสุดแค่ไหน แล้วหลังจากดำน้ำนานเท่าไหร่ถึงขึ้นเครื่องบินได้ (ถ้าดำน้ำแล้วขึ้นเครื่องบินโดยที่ยังมีไนโตรเจนค้างอยู่ในเลือดอันตรายนะคะ) แล้วก็มีเข็มทิศอีกอัน อันนี้ไม่ได้ได้ทุกคน จับคู่กันใช้ คู่เราบัดดี้เราใส่ เป็นคนหาทิศ แล้วเราเป็นคนนับก้าว (นับจำนวนการตีขานั่นแหละ) ครูสอนใช้ dive com กับเข็มทิศที่ริมหาดแล้วเราก็ไปขึ้นแท็กซี่กัน

    dive computer
    วันนี้เราจะเปลี่ยนจุดดำน้ำ (เป็นที่ Japanese garden และ White rock) เปลี่ยนที่ขึ้นเรือ และเปลี่ยนเรือด้วย ไปขึ้นเรือแถว ๆ ที่เราลงจากเรือลมพระยานั่นแหละ แล้วเรือวันนี้ไม่สูงเท่าเมื่อวาน (เย่!) 

    ขึ้นเรือไปก็เหมือนเดิม ประกอบอุปกรณ์ ไปฟังบรีฟ แล้วลงน้ำกัน ก่อนลงแอบชะโงกดูความสูง โห ดีขึ้นเยอะเลยแฮะ วันนี้น่าจะเหลือแค่เมตรนิด ๆ จากผิวน้ำ ตอนโดดบอกตัวเองให้มีสติ จับ mask กับ reg ให้แน่น แล้วในที่สุดก็ทำได้! ไม่หลุดแล้ว ปกติมาก ๆ เย่ ๆๆ ว่ายไปรวมกับเพื่อน ๆ ที่เชือกแล้วลงน้ำกัน ลงไปจากผิวน้ำแค่ 1-2 เมตรก็เจอปลานกแก้วว่ายมาตอดเชือกที่เราเกาะ โห สวยมาก คิดดูดิ ถ้าไม่ดำ scuba คงไม่ได้เห็นปลานกแก้วว่ายน้ำห่างจากหน้าเราแค่ไม้บรรทัดเดียว ลงไปก็สอบใช้สกิลลอยตัวต่าง ๆ แล้วก็สอบใช้เข็มทิศด้วย หลังจากนั้นก็ว่ายชมความงามใต้ท้องทะเล เจอปลานกแก้วใหญ่กว่าเมื่อกี๊อีก ใหญ่แบบไม่เคยเห็นมาก่อน เออ ลืมเล่า ตอนฝึกลอยตัวในสระบอกว่ามันยากใช่มะ พอได้ลงทะเลไดฟ์สองไดฟ์รู้สึกว่าควบคุมได้แล้ว โดยเฉพาะตอนว่ายผ่านหอยเม่น 55555 สูบลมเข้าอย่างเร็ว กูต้องลอย ไม่งั้นเม่นทิ่มพุง 55555

    ไดฟ์นี้เราลงไป 15 เมตร ตอนขึ้นเลยต้องทำ safety stop ด้วย คือการหยุดที่ความลึก 5 เมตร 3 นาที ให้ร่างกายปรับตัว ซึ่งไดฟ์คอมฉลาดมาก พอเรามาถึงความลึกประมาณ 5 เมตร มันก็เริ่มนับถอยหลัง 3 นาทีให้เลย พอครบถึงขึ้นได้ ตอนขึ้นเราต้องสอบวิธีขึ้นแบบ CESA ด้วย คือเป็นวิธีขึ้นจากน้ำแบบเราที่เราอากาศหมด อยู่ไกลบัดดี้ แต่เราอยู่ที่ความลึกไม่เกิน 9 เมตร เราต้องใช้อากาศเฮือกสุดท้ายระหว่างที่เราขึ้นจากน้ำ (คนอื่นครูให้สอบตอนก่อนลงแล้ว ของเรากรณีพิเศษ ให้สอบตอนขึ้น อาจจะเป็นเพราะเราไปถามครูว่าอันนี้สอบตอนจบไดฟ์ใช่มั้ยคะ 555)

    แล้วไดฟ์ 3 ก็จบไป ตอนนี้เราเริ่มมั่นใจขึ้นแล้ว เพราะไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ตอนอยู่ใต้น้ำเรียบร้อย ตอนกำลังลงเรียบร้อย ตอนกระโดดเรียบร้อย (แม้จะยังกลัวอยู่ แต่ mask กับ reg ไม่หลุดก็ถือว่าโอเค)

    พักกินขนมผลไม้บนเรือ ฟังครูบรีฟซักเดี๋ยวก็ลงไปใหม่ รอบนี้ลงแบบไม่ไต่เชือกแล้ว ค่อย ๆ จมลงไปเองเลย ตอนแรกคิดว่าจะน่ากลัว แต่จริง ๆ ไม่เลย ไม่ต่างจากตอนไต่เชือกเท่าไหร่ รอบนี้ไม่สอบสกิลอะไรแล้ว ว่ายเล่นอย่างเดียว เลยรู้สึกว่าได้อยู่ใต้น้ำนานกว่าไดฟ์อื่น ได้ว่ายวนรอบกองหินใหญ่ ๆ เห็นปลาไหลมอเรย์ เห็นปลาผีเสื้อ ปลาโนรี ปลาหมอทะเล(ที่ชอบทำปากบึน ๆ อยู่ในอควาเรียม) ลองว่ายเข้าไปในฝูงปลาดู สรุปมิชชั่นเฟล ปลาหนี 55555 รอบนี้ช่างภาพมาตามถ่ายกรุ๊ปเราด้วย อยากได้รูปตัวเองใต้น้ำนะ แต่นึกท่าไม่ออก เลยได้แต่บ๊ายบายกล้อง (ภาพที่แคปมาได้เลยกลายเป็นทำท่าเหมือนจะตีกล้อง ไม่ก็โฆษณาแลคตาซอย 5 บาท เพราะฉะนั้นท่านี้ไม่แนะนำนะคะ แนะนำว่าใครอยากได้รูปให้ไปคิดท่ามาล่วงหน้าเลย 5555 เออ อีกอย่าง ตอนนั้นก็ไม่ได้รู้สึกว่า mask รัดเกินนะ แต่ภาพที่ออกมาได้เหมือน mask ดึงหน้ามากอะ จากตาตี่อยู่แล้วตาตี่กว่าเดิม ตาเป็นขีดเลย โคตรตลก เพื่อนเห็นรูปแล้วขำมากอะ คนนึงบอกเหมือนอากาศหมด อีกคนบอกเหมือนพระจีน สรุปรูปกูได้ตั้งเป็นรูปไลน์กลุ่ม เพื่อนเลว 555555)

    ปลาหมอทะลจากอความเรียม
    พอขึ้นจากน้ำรอบนี้ทำ safety stop เหมือนเดิม คือเกาะเชือกไว้ที่ความลึกประมาณ 5 เมตร แต่ที่นี่คลื่นบนผิวน้ำแรงมากอะ แต่ตอนลงยังไม่แรง และตอนอยู่ใต้น้ำเราไม่รู้ตัว พอขึ้นมาเกาะเชือกที่ 5 เมตร เจอกระแสน้ำ รู้สึกเหมือนโดนเรือลากเลยอะ คิดในใจว่าเรือวิ่งหรอ นี่กูอยู่ใต้ท้องเรือนะ แล้วรู้สึกหมุนไปหมด มองไปรอบตัวไม่เห็นอะไรนอกจากเชือกกับคนที่มาด้วยกัน เข้าใจแล้วว่าที่เขาบอกว่าบางทีแยกฟ้าแยกพื้นไม่ออกมันเป็นยังไง เราก็เกาะกันอยู่อย่างนั้นจน dive com ของทุกคนครบ 3 นาทีก็ขึ้นมาผิวน้ำ

    ปกติขึ้นผิวน้ำแล้วจะเอา mask กับ reg ออกก็ได้ แต่อันนี้ครูบอกเลยว่าให้ใส่ไว้เพราะคลื่นแรงมาก เรายังใช้ mask กับ reg ว่ายบนผิวน้ำไปท้ายเรืออยู่ ตอนขึ้นก็ขึ้นโคตรยาก โดนคลื่นซัดอยู่นั่น พอขึ้นมา ถอดอุปกรณ์แล้วก็ไปรวมกันดาดฟ้าเรือ รอบนี้ไม่มีคอมเมนต์แล้ว ทุกคนโอเค เลยคุยกันสนุกสนาน กินขนม ถ่ายรูปกัน แฮปปี้

    กลับขึ้นมาถึงรีสอร์ท ครูก็แจก log book (บันทึกการดำน้ำ) แล้วสอนเขียน พูดคุยเรื่องใบอนุญาตดำน้ำ แนะนำคอร์สต่อไป และตกลงกันเรื่องวิดีโอที่ช่างภาพถ่ายให้ ถ้าเอาหลายคนตัวหารก็เยอะราคาก็จะถูกลง สรุปว่าจาก 9 คน เอาไป 8 คน ราคาออกมาอยู่ที่คนละ 500 ซึ่งเขาจะอัพใส่ dropbox แล้วส่งลิ้งค์มาให้ทางเมลล์ หลังจากเรากลับมาแล้ว (เรากลับวันที่ 10 วันที่ 12 ก็ได้คลิปแล้ว ความยาวประมาณ 20 นาที)

    พูดคุยกันเสร็จ บอกลาแล้วเราก็กลับห้องไปอาบน้ำ เก็บของ เตรียมขึ้นรถของรีสอร์ทตอน 14.00 เขาจะไปส่งที่ท่าเรือลมพระยา (จริง ๆ ที่พักในแพ็คเกจดำน้ำอยู่ต่อได้อีกคืนนะ แต่เพื่อนเราต้องรีบกลับไปทำงานวันจันทร์เราเลยกลับกันเลย ถ้าใครอยู่ต่อ คืนนั้นช่างภาพจะเอาคลิปมาเปิดให้ดูด้วย) 

    ก่อนขึ้นรถเรากะว่าจะกินข้าวกันก่อน จริง ๆ ไม่ต้องเล่าก็ได้ถ้าลุงร้านตามสั่งไม่พีคจนต้องเล่าไว้เป็นอุทาหรณ์ 5555 จำร้านที่เราบอกว่าจะไปกินแล้วคนขายไม่อยู่ได้มั้ย วันนี้เดินผ่านแล้วมีคนอยู่แล้ว เราเลยเข้าไปกัน ถามลุงว่า "ร้านเปิดมั้ยคะ" ลุงก็ดูงง ๆ แต่ก็คิดว่าลุงคงจะงงว่าถามทำไม มีคนอยู่ก็เปิดสิ แล้วเราก็ไปดูเมนูที่เคาน์เตอร์ จดให้ลุง สั่งกัน 4 คน 3 อย่าง ลุงรับรายการไปดู อ่านทวน แล้วบอกว่า...

    ลุง: ไก่กับทะเลไม่มีนะ มีแต่กุ้ง... (กำลังจะพูดต่ออย่างช้า ๆ)
    เรา: งั้นเปลี่ยนเป็นกุ้งหมดเลยก็ได้ค่ะ
    ลุง: มีแต่กุ้ง...กับหมู
    เรา: เปลี่ยนเป็นกุ้งเลยค่ะ
    ลุง: ไก่กับทะเลไม่มี...
    เรา: เปลี่ยนเป็นกุ้งค่ะ
    ลุง: อืม...กุ้ง กุ้งนะ

    ซึ่งดูจากเวลาแล้ว ถ้าเป็นร้านปกติเราน่าจะขึ้นรถทัน แต่ดูลุงช้าจัง เพื่อนก็กังวลว่าจะทันมั้ยเนี่ย เราเลยถามเพื่อนว่าเปลี่ยนไปสั่งอย่างเดียวกันหมดมั้ยจะได้เร็ว เลยเปลี่ยนเป็นกระเพรากุ้งกันหมดเลย 

    เรา: ลุงคะ หนูกลัวขึ้นรถไม่ทัน งั้นเปลี่ยนเป็นกระเพรากุ้งหมดเลยก็ได้ค่ะ จะได้เร็ว
    ลุง: (เงยหน้าขึ้นมาจากเขียงอย่างช้า ๆ และพูดก็ช้าด้วย) กระเพรา...กระเพราหรอ เป็นข้าวผัดมั้ย
    เรา: (คิดในใจว่า เอ๊า ก็บอกอยู่จะเอากระเพรา)
    ลุง: กระเพรา...ผมยังไม่ได้เก็บใบกระเพราเลย ผมใช้กระเพราสด ๆ

    ผ่ามมม!!! เอาข้าวผัดก็ได้ค่ะ

    แต่สุดท้ายก็ดูทรงแล้วก็ยังไม่ทันอยู่ดีเลยสั่งใส่กล่อง ซึ่งดีมากที่เปลี่ยนมาสั่งใส่กล่อง พอลุงยื่นกล่องให้เท่านั้นแหละก็เห็นคนทยอยขึ้นรถ สรุปเราเลยได้เอาข้าวกล่องไปกินบนดาดฟ้าเรือลมพระยา 555

    เรือไปถึงท่าเรือทุ่งมะขามน้อย มีเวลาให้เราได้พักเข้าห้องน้ำ กินขนมนิดหน่อยแล้วเขาก็เรียกขึ้นรถทัวร์ ถึงกทม.ในเวลา 0.40 น. ของวันที่ 11 มิ.ย.

    จบบริบูรณ์


    ปล. เราได้ใบอนุญาตดำน้ำแบบชั่วคราว(และออนไลน์) หลังจากกลับมาประมาณ 1 อาทิตย์ ส่วนบัตรจริงจะส่งมาให้จากออสเตรีเลีย ใช้เวลาประมาณ 3 เดือนจ้าาา (ตอนนี้ยังรออยู่นะจ๊ะ อิอิ) แต่ตอนนี้ก็ใช้บัตรชั่วคราวไปดำได้แล้วแหละถ้าจะไป แต่ยังไม่ไปจ้า เพราะยังไม่มีเงิน 555

    ปล2. ตอนดำไดฟ์แรก ๆ ครูก็ชวนคุยเล่น ๆ ว่ามีใครคิดจะเรียน advance ต่อมั้ย นี่ยิ้มแห้งเลย open water หนูยังไม่รอดเลยค่ะ ไม่รู้จะแบกหน้าไปเรียน advance ไหวรึป่าว แต่พอจบไดฟ์สุดท้ายนี่เปลี่ยนความคิดเลย "เรียนค่ะ มีเงินหนูกลับมาแน่ คอยดู!" 555555


    สรุปค่าใช้จ่ายนะคะ ใช้กันแบบไม่งก แต่ไม่ฟุ่มเฟือย

    ค่าคอร์สดำน้ำ 9,000
    ค่ารถทัวร์และเรือของลมพระยาไปกลับ 2,200
    ค่าถ่ายรูปติดบัตร 100
    ค่าวิดีโอใต้น้ำ 500
    ค่าแท็กซี่ไปขึ้นรถทัวร์ บวกกับขากลับด้วย 177 
    ที่เหลือเป็นค่าข้าว, ค่าขนม, เครื่องดื่ม, เช่ามอไซค์, ของใช้เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ซื้อบนเกาะ
    รวม 14,077 บาทถ้วนค่าาาา 

    ต่อไปนี้ไปรับชมภาพบางส่วนที่แคปมาจากวิดีโอของทางรีสอร์ทกันค่าาาา...
    ตอนกระโดดไดฟ์ที่ 4 ทำไมท่าโดดหนูไม่เหมือนคนอื่นล่ะลูกกกกก 5555
    ตู้มมมม หายต๋อม
    ตอนเกาะเชือกทำ safety stop ไดฟ์ 4 น้ำแรงมากกกกก
    ปลาไหลมอเรย์
    ดอกไม้ทะเล
    ทุ่งปะการัง (ตั้งชื่อเอง 555)
    ปลาเล็กปลาน้อย
    ปลากระเบนจุดฟ้า
    ปลาไหลมอเรย์อีกตัว ติดเม่นทะเลมาด้วยทางซ้าย
    ปลาสีเหลืองคือปลาผีเสื้อชุมพร, สีน้ำเงินกับส้มบนปะการังคือหนอนฉัตร, ส่วนสี chocky pink คืออะไรไม่รู้ แต่สวยดี

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in