เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ในหนังลิสต์Tatiya Kaewchan
ความในใจของ 'โจเซฟ กอร์ดอน-เลวิตต์' ถึงพระเอก (500) Days of Summer
  • ** Spoiler Alert **

    (500) Days of Summer ไม่ใช่หนังรักแต่เป็นหนังที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับความรัก แค่ชื่อหนังก็เก๋แล้ว เชื่อว่าน่าจะเป็นหนังในดวงใจของใครหลายๆคน และแน่นอนว่าเป็นหนึ่งในหนังที่เรารักมากที่สุดเรื่องหนึ่งเช่นกัน ความพิเศษของหนังเรื่องนี้คือ เราจะหยิบมันมาดูซ้ำทุกๆ ปี โดยแต่ละครั้งที่ดูมันจะรู้สึกแตกต่างออกไปในแต่ละช่วงอายุ ดูครั้งแรกตอนอายุ 19 รู้สึกแบบนี้ พออีกสองสามปีกลับมาดูมันจะรู้สึกอีกแบบหนึ่ง 

    แม้ว่าคนดูส่วนใหญ่จะสงสารทอม และสาปแช่งซัมเมอร์ แต่เราว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องขอทวงความเป็นธรรมให้ซัมเมอร์บ้าง เพื่อปลดปล่อยทอมให้พ้นจากมหาสมุทรน้ำตาสักที! 


    นอกจากนี้หลายคนอาจไม่รู้ว่าหนังเรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากชีวิตจริงของ Scott Neustadter คนเขียนบทหนังที่ถูกผู้หญิงคนหนึ่งทิ้งไปนั่นเอง เพราะก่อนหน้านี้เขาเคยอกหักและใช้ชีวิตซึมๆ เศร้าๆ หมดเวลาไปกับการดูหนังสวีเดนและฟังแต่เพลงของวง The Smiths จนกระทั่งได้เจอกับผู้หญิงคนหนึ่ง ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน แลกเปลี่ยนรสนิยมในเรื่องต่างๆ แม้ทั้งคู่จะดูเข้ากัน แต่ผู้หญิงกลับบอกสก็อตว่า ไม่ต้องการใช้คำว่าแฟน 

    ความคลุมเครือนี้ทำเอาเขาเสียหลักอยู่พักใหญ่ จนได้ลองนำเรื่องราวนี้มาเขียนเป็นบทหนังดู และนำไปให้สาวคนนี้อ่าน ความพีีคคือ เธอบอกสก็อตว่า ชอบบทมากและรู้สึกว่าชีวิตตัวเองเหมือนทอม! หากใครได้ลองกลับไปดูหนังเรื่องนี้ใหม่อีกครั้ง สังเกตให้ดีว่าก่อนเริ่มเรื่อง จะมีแบ็คกราวด์ดำๆพร้อมตัวอักษรที่ระบุว่า 

     "เหตุการณ์ในหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้น หากไปคล้ายกับชีวิตของใคร  
    ให้รู้ไว้ว่ามันคือความบังเอิญอย่างแท้จริง โดยเฉพาะคุณ... Jenny Beckman อี-ดอก" 


    (500) Days of Summer: ซัมเมอร์ของฉัน 500 วันไม่ลืมเธอ

    หนังเล่าเรื่องราวแบบไม่เรียงลำดับเวลาในช่วง 500 วันของ 'ทอม แฮนเซ่น' (รับบทโดย โจเซฟ กอร์ดอน เลวิตต์ ของน้อง) พนักงานหนุ่มที่ทำงานอยู่ในบริษัทผลิตการ์ดอวยพร แล้ววันหนึ่งก็มีพนักงานใหม่เข้ามาทำงานเป็นผู้ช่วยหัวหน้าของเขา นั่นก็คือ 'ซัมเมอร์ ฟินน์' (รับบทโดย ซูอีย์ เดส์ชาเนลแน่นอนว่าพี่ทอมของเราตกหลุมรักซัมเมอร์ตั้งแต่แรกเห็น อารมณ์ประมาณว่าเธอช่างเป็นสิ่งที่แรร์ รอยยิ้มของเธอมันจุดความสว่างไสวให้เมืองๆ นี้ และเขาก็ช่างโชคดีที่ได้ค้นพบผู้หญิงคนนี้ แต่หลังจากที่ได้แลกเปลี่ยนทัศนคติด้านความรักกันทอมพบว่าซัมเมอร์นั้นไม่เชื่อในเรื่องรักแท้ ไม่อยากผูกมัดตัวเองกับใคร ในขณะที่ตัวทอมนั้นเชื่อมั่นในรักแท้ เชื่อในพรหมลิขิต และที่สำคัญเขาเชื่อว่าซัมเมอร์คนนี้คือเนื้อคู่ของเขา

    "I love how she makes me feel, like anything's possible,
    or like life is worth it."

    "ผมรักสิ่งที่เธอทำให้ผมรู้สึกราวกับว่า ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปได้ ชีวิตมันคุ้มค่า"


    เริ่มด้วยฉากคลาสสิกที่ทอมได้พูดคุยกับซัมเมอร์ครั้งแรกตอนอยู่ในลิฟต์ ระหว่างที่เขากำลังฟังเพลงอยู่นั้น ซัมเมอร์ก็พูดออกมาว่า "I love The Smiths" พร้อมกับร้องเพลง There Is A Light That Never Goes Out ของวง The Smiths ที่มีท่อน To die by your side is such a heavenly way to die ได้นอนตายเคียงข้างเธอนี่แหละคือสวรรค์ล่ะ!  คือทอมชอบซัมเมอร์อยู่แล้วไง ยิ่งมาเจอสาวที่ฟังเพลงเหมือนๆกันอีก อะไรๆ ก็ดูน่าหลงใหลไปหมด เนื้อคู่แน่ๆ พรหมลิขิตชัดๆ 

    "Just because some cute girl likes the same bizarro crap you do,
    That doesn't make her your soul mate."

    "เพียงแค่ผู้หญิงน่ารักสักคนชอบอะไรแปลกๆ เหมือนกับคุณ
    นั่นไม่ได้หมายความว่า เธอจะเป็นเนื้อคู่คุณหรอกนะ"

    แต่ก็อย่างที่รู้ๆ กัน ซัมเมอร์ย้ำกับทอมหลายครั้งแล้วว่า เธอไม่ต้องการความสัมพันธ์ที่จริงจังและไม่อยากผูกมัดกับใคร ทอมก็ทำทีพยักหน้าเข้าใจ เพราะคิดว่าคบๆกันไปเดี๋ยวก็รักกัน ความทุ่มเทของเขาจะทำให้ซัมเมอร์รักในที่สุด และเขาจะเป็นผู้ชายคนเดียวที่มาไกลที่สุดในโลกแห่งความสัมพันธ์ของซัมเมอร์ แต่ทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ไม่มีใครสามารถกำหนดตอนจบของความสัมพันธ์ได้ มนุษย์ซับซ้อนกว่านั้น... 

    เพราะสุดท้ายซัมเมอร์ก็จากไป หลงเหลือไว้เพียงคำว่า #เพื่อนจ้าเพื่อน #เราคือเพื่อนกัน ทำให้ตัวละครอย่างทอม กลายเป็นสุดยอดไอ้หนุ่มเฟรนด์โซนในโลกภาพยนตร์ ผู้ยืนฝั่งตรงข้ามกับ 'รอน วีสลีย์' พ่อมดน้อยที่พังทลายกำแพงเฟรนด์โซนได้ สุดท้ายซัมเมอร์ก็พบรักใหม่ กลายเป็นสาวที่เชื่อในพรหมลิขิต และแต่งงานจ้า ใช่จ้า...เธอแต่งงาน ทำเอาทอมเสียศูนย์ เอ้า! ที่ผ่านมาคืออะไร ไหนบอกไม่เชื่อมั่นในพรหมลิขิต แล้ววันหนึ่งเธอก็ทิ้งผมไปแต่งงานกับ 'คนที่ใช่'

       

    ทำไมถึงมีแต่คนเกลียดซัมเมอร์ และสงสารทอม ?

    เหตุผลง่ายๆคือ พฤติกรรมของตัวละครซัมเมอร์ดูเป็นสาวใจร้าย ให้ความหวังชายหนุ่ม (ฝรั่งถึงกับเรียกนางว่า B!tch) เพราะทุกท่าทีและพฤติกรรมที่เธอแสดงต่อทอมนั้น คนดูกลับมองว่ามันเกินคำว่าเพื่อนและแน่นอนว่าสำหรับทอมแล้ว เขาต้องคิดว่ากูมาวินแน่ๆ ชนะใจเธอแน่นอน ตอนนี้คือได้ก้าวขาเข้าไปอยู่ในประตูความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองและซัมเมอร์แล้ว ทว่าสุดท้ายแล้วซัมเมอร์กลับตีจาก เพียงแค่เธอตื่นขึ้นมาในวันหนึ่งแล้วพบว่า เธอไม่ได้รู้สึกกับทอมเหมือนเดิมอีกต่อไป ซัมเมอร์ได้เจอกับผู้ชายอีกคนหนึ่ง คนที่เธอรู้สึกว่าใช่ และตัดสินใจแต่งงานในที่สุด ซึ่งที่ผ่านมาเธอเป็นคนยืนกรานมาตลอดว่าไม่เชื่อมั่นในพรหมลิขิต และไม่จริงจังในความสัมพันธ์ แต่กลับตัดสินใจลงหลักปักฐาน   


    แน่นอนว่าผู้ชมส่วนใหญ่เทใจไปสงสารทอม ที่นับวันความเศร้าก็ยิ่งทำให้ชีวิตของเขาบัดซบลงเรื่อยๆ ถึงกับเขียนการ์ดอวยพรให้ลูกค้าว่า "Roses are red, Violets are blue, F*ck you whore"  แต่ ! ถ้ามองย้อนกลับไป ซัมเมอร์ย้ำกับทอมหลายต่อหลายครั้งว่า เธอไม่ได้คิดจะจริงจังในความสัมพันธ์ครั้งนี้นะ นึกออกไหม ? ไม่ได้จริงจัง แต่มีทอมอยู่ก็ดีกว่าอยู่คนเดียว... สาเหตุหนึ่งที่คนดูเทใจสงสารทอม อาจจะเป็นเพราะว่าประสบการณ์อกหักของทอมเป็นเรื่องราวที่ร่วมสมัย คนดูมีประสบการณ์ร่วม ดูไปก็อินไป ใครๆก็ต้องเคยเป็นเหมือนทอม ทุกคนก็คงเคยมีซัมเมอร์เป็นของตัวเอง ทั้งนี้เรื่องราวทั้งหมดในหนังนั้น...ถูกเล่าในมุมมองของทอมคนเดียว หรือถ้าหากมองในอีกแง่หนึ่งเอาตรงๆคือ ซัมเมอร์ก็มองว่าทอมเป็นผู้ชายที่ดีคนหนึ่ง และเธอเองก็อาจจะคิดว่าวันหนึ่งเธออาจจะรักทอมขึ้นมาจริงๆก็ได้ หากเพียงแต่สุดท้ายแล้วทอม 'อาจยังไม่ใช่' เพราะถ้าใช่ เธอก็คงไม่รอที่จะได้เจอกับผู้ชายอีกคน ที่ได้กลายมาเป็นสามีในอนาคต   


    เมื่อ 'ทอม' อยากส่งสารในใจถึง 'ทอม'

    หนังเรื่อง (500) of Summer เข้าฉายเมื่อปี 2009 ต่อมาอีกสามปี ในปี 2012 สำนักข่าว NME รายงานว่า 'โจเซฟ กอร์ดอน เลวิตต์' (ของน้อง) นักแสดงหนุ่มผู้รับบท 'ทอม แฮนเซ่น' พระเอกของเรื่อง ได้ออกมาแสดงทัศนคติถึงตัวละครที่เขาแสดงว่า 

    "ตัวละครทอมนั้นไม่ใช่ต้นแบบของความรักโรแมนติกเลย แถมยังเป็นตัวละครที่เต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัว เพราะทอมเป็นผู้ชายประเภทที่แบบแสดงความต้องการคุณมากๆ เขาหลงใหลหญิงสาวคนหนึ่งมากๆ และคาดหวังว่าเธอจะมอบชีวิตกลับคืนให้เขา ชีวิตเขาไม่แคร์อะไรเลย ต้องการเพียงแค่ผู้หญิงที่เขารัก

    ซึ่งเรื่องราวแบบนี้มันอาจจะสร้างความประทับใจให้กับหนุ่มสาว โดยเฉพาะเหล่าวัยรุ่น แต่ผมอยากจะขอให้ใครก็ตามที่หลงรักตัวละครตัวนี้ ใครก็ตามที่เชิดชูให้ทอมเป็นผู้ชายต้นแบบแห่งความโรแมนติก ผมอยากให้คุณกลับไปดูหนังอีกครั้ง สังเกตดีๆ แล้วจะรู้ว่าเขามันเห็นแก่ตัวขนาดไหน การทำตัวแบบทอมมันไม่ดีต่อความสัมพันธ์ เขาหลงรักหญิงสาวซึ่งเป็นภาพร่างในอุดมคติ ไม่ได้หลงรักตัวตนจริงๆของผู้หญิงคนนั้น"


    เอ้อ! ให้มันได้อย่างนี้สิพี่เลวิตต์ของน้อง คนจริงมากๆ ดีใจที่เลวิตต์ออกมาพูดสักที สมการที่ว่ากันว่าซับซ้อนที่สุดในโลกยังมีคนแก้ได้ การสร้างยานอวกาศเดินทางไปนอกโลกแม้ว่าจะมีแบบแปลนยุ่งยากขนาดไหน ก็ยังมีคนสร้างขึ้นมาได้ แต่ในเรื่องใกล้ตัวที่สุดแต่กลับเป็นสิ่งที่ซับซ้อนที่สุดอย่าง 'ความสัมพันธ์และความรู้สึก' กลับเป็นปัญหาทุกข์ใจของมนุษย์ทุกยุคทุกสมัย ทอมแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมเรื่องแบบนี้ต้องเกิดกับเขา ทอมไม่เข้าใจว่าทำไมซัมเมอร์ต้องเปลี่ยนไป ในขณะที่ซัมเมอร์เองก็ไม่สามารถอธิบายสาเหตุได้ เธอบอกแค่ว่าตื่นมาในวันหนึ่งแล้วรู้สึกไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป และเธอก็ได้เจอกับผู้ชายอีกคนหนึ่งโดยบังเอิญในร้านกาแฟ ทันทีที่เจอเธอรู้ว่าเขาจะเป็นสามีในอนาคต ถ้าเธอมาร้านกาแฟช้ากว่านี้แค่ 1 นาที เธออาจไม่ได้เจอผู้ชายคนนั้น นี่คือพรหมลิขิต! 


    ฉากที่ประทับใจที่สุดของ (500) Days of Summer สำหรับเรากลับไม่ใช่ฉากที่มีซัมเมอร์ แต่กลับเป็นฉากที่ทอมได้เจอกับหญิงสาวอีกคนก่อนสัมภาษณ์งาน หญิงสาวคนนั้นเคยเห็นทอมไปนั่งที่ม้านั่งตัวหนึ่งในสวนสาธารณะบ่อยๆ ในขณะที่ทอมเองไม่เคยเห็นเธอมาก่อนเพราะเขาแทบไม่เคยสังเกตเธอเลย สุดท้ายทอมตัดสินใจเอ่ยปากชวนเธอไปดื่มกาแฟ เธอตกลงพร้อมกับแนะนำตัว "Nice to meet you. I'm Autumn" แล้ววันของทอมก็เริ่มนับ Day 1 ใหม่อีกครั้ง พร้อมๆกับเพลง She's Got You High ของวง Mumm-ra ในตอน End Credit ของหนังที่มาได้ถูกจังหวะถูกเวลามาก ทุกครั้งที่เปิดหนังเรื่องนี้ดู ช่วง 5 นาทีสุดท้ายของหนังคือช่วงเวลาที่รอคอยมากที่สุด ฟังเพลงนี้แล้วได้รอยยิ้มกลับไปมากกว่าน้ำตาแน่นอน

    Dear, Tom Hansen

    It's the search for the time before it leaves without you
    Have you lost your mind or has she taken all of yours too ?
    She's got you high and you don't even know yet

    มันคือการค้นหาช่วงเวลาดีๆ ก่อนที่มันจะหลุดลอยไป
    สตินายยังอยู่กับตัวไหมเนี่ย หรือว่าเธอคนนั้นเอามันไปจากนายแล้ว ?
    นายหลงรักเธอเข้าแล้ว ยังไม่รู้ตัวอีก



    เพราะบางทีชีวิตอาจไม่ได้มีอะไรยุ่งยาก 

    ทุกคนก็เพียงแค่ต้องก้าวเดินต่อไปข้างหน้า :)

    1

    หลังดูหนังเรื่องนี้จบ เรามักได้ยินคำพูดที่ว่า
     'ทุกคนต่างมีซัมเมอร์เป็นของตัวเอง' 
    แต่ขณะเดียวกัน หลายคนอาจจะหลงลืมไปว่า
    ทุกคนเองก็ล้วนเคยทำตัวเป็นทอม แฮนเซ่น เช่นกัน...ไม่มากก็น้อย
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
dasha (@inkheart)
โอ้ย ตอนดูจบคือเกลียดซัมเมอร์มากกกกกก แต่พอมาคิดอีกทีก็จริงที่คุณบอกว่า ตัวซัมเมอร์เองก็ย้ำหลายรอบว่าความสัมพันธ์ที่นางต้องการคือแบบไหน เพราะฉะนั้นซัมเมอร์ก็ไม่ผิดซะหมดทีเดียว แต่ชอบฉากจบอะ ปริ่มมาก เหมือนทอมเองก็ได้เจอคนของตัวเองแล้ว (สักที)
Tatiya Kaewchan (@artiaomz)
@inkheart ไม่มีใครผิดเลย :)
Silapa Junior (@silapa.junior)
หนังเรื่องนี้เป็นหนังในดวงใจของเราครับ มันดีจริงๆ ที่จริงผมเป็นแฟนคลับขอโซอี้ แต่กลับชอบฉากสุดท้ายของหนังที่สุดเหมือนกัน แม้จะไม่มีโซอี้ 5555

เขียนเรียบเรียงได้ดีมากๆ ประทับใจมากเลย keep up the good work na krub ;)
Tatiya Kaewchan (@artiaomz)
@silapa.junior Cheers :)