เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ลุ่มๆดอนๆNattawadee Kongsang
การเดินทางในหลุมโพรงตัวหนอน - แล้ววันหนึ่งเราจะขอบคุณที่ได้เจอกัน
  • ฉันมาถึงที่นี่ด้วยใจอันปรารถนาและไม่ปรารถนา


    หนึ่ง ความปรารถนาที่จะมาถึงที่นี่นั้นเกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ 

    สอง แม้ว่าฉันจะไม่ปรารถนาที่จะเดินทางมายังจุดหมายปลายทางนี้อันต้องผ่านเส้นทางยาวไกลที่ทิ่มแทงทั้งร่างกายและหัวใจ 

    อย่างไรก็ตามฉันก็ได้มาถึงแล้ว


    พูดกันถึงความปรารถนา ความมืดเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ฉันไม่เคยคิดว่าจะปรารถนา แต่มาบัดนี้ความมืดได้กลายเป็นเพื่อนแท้คนหนึ่งของฉันไปเสียแล้ว เพราะหลังจากที่ฉันสูญเสียการรับรู้บางอย่าง แสงสว่างก็ได้จากฉันไป 

    ไม่ใช่ทั่งหมด 

    แต่หมายถึงแสงสว่างบางอย่างที่ฉันพึงมีและจะมีในฐานะของผู้ดิ้นรนคนหนึ่ง 

    แสงสว่างในยามกลางวันนั้นส่องแสงจ้าเกินไปจนฉันไม่อาจรับรู้ได้ว่าแสงสว่างใดกันแน่ที่เป็นของฉันหรือที่ฉันปรารถนา แต่ในยามกลางคืน มันเป็นเวลาที่โพรงเล็กๆจะปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับแสงสีส้มเรืองรองอ่อนๆส่องสะท้อนไปทั่วผนังของโพรง ในยามนี้ความมืดได้ทำให้แสงสว่างเท่าที่จำเป็นจะมีปรากฏขึ้น ในความมืดมิดแห่งโพรงนี้ การรับรู้ของฉันเพียงพอที่จะรับรู้ได้ถึงความปรารถนาแห่งค่ำคืนนั้นว่าแสงดวงใดกันที่ฉันพอจะมองเห็นได้ถนัดตาและอาจจะไขว่คว้าได้ถ้าพยายาม

    ตัวฉันเองนั้นมีความย้อนแย้งอยู่ในตัวหลายอย่าง ที่เห็นชัดเจนที่สุดคงจะเป็นความปรารถนาอันไม่ปรารถนาเหล่านั้น ในระยะหลังมานี้เองที่ฉันเริ่มรู้สึกได้ถึงวิญญาณหลอกหลอนที่มีชื่อว่า "ความลำพัง" 

    "ความลำพัง" เพิ่งปรากฏตัวขึ้นเมื่อไม่นานมานี้อย่างไม่มีสาเหตุ 

    หากให้ฉันเดาคงเป็นเพราะทำเลที่ทางที่ฉันย้ายเข้าไปอาศัยอยู่นั้นไม่ถูกต้องตามลักษณะบางอย่าง มันเป็นโพรงทรงสี่เหลี่ยมที่ต่อกันเป็นหลายๆชั้นและไม่มีเสียงสะท้อนก้องถึงกันจากโพรงข้างๆ วิธีการเดียวที่จะได้ยินเสียงสิ่งมีชีวิตอื่นคือต้องมีสิ่งมีชีวิตอื่นนอกจากฉันร่วมอาศัยอยู่ในโพรง 

    แต่หากจะให้ฉันเลือก การเป็นเจ้าของแสงสว่างเพียงดวงเดียวในโพรงตามลำพังก็ดูจะไม่ได้แย่นัก เพราะหากอยากฟังเสียงสิ่งมีชีวิตอื่นๆในยามค่ำคืน เจ้าของโพรงก็แค่ทำเสียงให้กระทบกับฝาผนังฟังเสียงสะท้อนของลำพังที่ส่งกลับมา 

    โรแมนติกเหลือแสน ไม่ต่างอะไรเลยกับการส่งโปสการ์ดปีใหม่สักใบถึงตัวเอง

    'ลำพัง' มาเยี่ยมฉันเสมอ ฉันจึงอาจจะไม่ค่อยเหงาสักเท่าไรแม้ว่าจะเหงามากมาย 'ลำพัง' เป็นเพื่อนกับ 'โดดเดี่ยว' 'เดียวดาย' และ 'โศกเศร้า' ฉันเกลียดโดดเดี่ยวกับโศกเศร้าที่สุดเพราะมันสามารถมาเยี่ยมเยียนเราได้แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในโพรงคนเดียว มีหลายครั้งที่ฉันยืนอยู่ท่ามกลางวงล้อมของผู้คน  ในท่ามกลางเสียงหัวเราะอันอึงอลนั้นโดดเดี่ยวก็โผล่ออกมาจากมุมไกลๆ โบกมือยิ้มให้ฉันอย่างทักทายฉันพยักเพยิดบอกมันว่า

    /ออกไป อย่าเพิ่งมายุ่งน่า/ 

    แล้วมันก็จะหัวเราะคิกคัก 

    ตอนนั้นที่โศกเศร้าจะกระโดดกอดฉันเข้าจากข้างหลัง จู่โจมฉันจากรอบข้างอย่างไม่ทันรู้ตัวราวกับนัดไว้อย่างดีแล้วกับโดดเดี่ยว ตอนนั้นเองที่ฉันจะรำคาญ..มาก..จนต้องแกล้งมองไม่เห็นพวกมัน

    ในช่วงนี้เป็นช่วงปลายปีอีกสองสามวันจะเดินทางเข้าสู่ปีใหม่ อากาศเหน็บหนาวและลมปลายปีปะทะเข้ากับความอบอุ่นจากช่วงเวลาที่แสนสุขที่สุดแห่งปี ฉันสัมผัสได้ว่าโศกเศร้าอารมณ์เสียกว่าเดิมขึ้นมากและมันเริ่มกลั่นแกล้งฉันอย่างไร้กาลเทศะมากขึ้น 

    ล่าสุดโศกเศร้าและพวกยกขบวนกันตามฉันกลับมากลั่นแกล้งที่บ้านทั้งที่มันเป็นช่วงเวลาที่ฉันปรารถนามากที่สุดแห่งปีซึ่งตอนนี้อาจจะเริ่มพูดได้ว่า…เกือบจะเคยปรารถนามากที่สุดแห่งปี

    หากพวกมันยังคงติดตามฉันอยู่

    ตอนนั้นเป็นตอนที่พ่อหรือแม่หรือใครสักคนที่บ้านโอบรัดฉันไว้ ปกติแล้วแสนสุขจะวิ่งออกมากระโดดกอดฉันตอนนี้และกอดแน่นมากๆโดยเฉพาะหากฉันเพิ่งกลับบ้านหลังจากการเดินทางอันแสนยาวไกล 

    แต่ครั้งนี้โศกเศร้าจับเอาแสนสุขไปมัดไว้ที่ไหนก็ไม่รู้ 

    พวกมันล้อมรอบตัวฉันในวงนอกของอ้อมกอดนั้นโศกเศร้าหายไป ฉันรู้สึกเจ็บแปลบๆตามลำตัว..โศกเศร้าไม่ได้หายไปไหนมันกำลังกระโดดขึ้นขี่หลังฉันอย่างสนุกสนานแต่ฉันกลับไม่รู้สึกสนุกด้วยเลย

    อย่างไรก็ตามลำพัง โดดเดี่ยว เดียวดายและโศกเศร้า ค่อยๆกลายมาเป็นเพื่อนอันแสนร้ายกาจของฉันมากขึ้น พวกมันเหมือนผูกฉันติดไว้กับเสาสักต้น บังคับกรีดเลือดสาบานความเป็นพี่น้องกันอย่างเลี่ยงไม่ได้ ฉันเคยคิดว่าทุกอย่างนั้นเป็นเพราะโพรง แต่ตอนนี้ฉันเริ่มสับสนแล้วว่ามิตรภาพอันแสนเลวทรามนี้เริ่มต้นขึ้นมาตั้งแต่ตอนไหน ฉันไปติดเชื้ออะไรมาตอนที่ถือกำเนิดหรือ? 

    ในช่วงเวลาของปีเก่าที่กำลังผ่านพ้นไป ฉันไม่คิดเลยว่าฉันจะต้องเดินทางมายังที่นี่อีกครั้งเพื่อสื่อสารบางอย่าง…ท่ามกลางอากาศอันปลอดโปร่งบริสุทธิ์ เหล่านักเดินทางที่โลกหมุนให้วนกลับมาที่บ้านและแสงไฟสีส้มอันเรืองรองกลับยิ่งทำให้ฉันรู้สึกชิงชังและสับสนต่อความเอาแต่ใจของพวกเพื่อนปรสิตพวกนี้

    ตอนนี้ ฉันปรารถนาโพรงที่ฉันไม่ใฝ่ฝันจะปรารถนาอีกครั้ง เพราะหากว่าการอยู่คนเดียวในโพรงจะทำให้ฉันต้องวิ่งเล่นกับเจ้าพวกนี้ มันก็ยังดีกว่าการอยู่ท่ามกลางช่วงเวลาอันแสนสุขโดยมีฉันที่รู้สึกทุกข์จากการโดนกลั่นแกล้งอยู่คนเดียวเสียอีก

    ทำไมฉันไม่บอกใครสักคนน่ะหรือหากคุณรู้สาเหตุของการเดินทางมายังที่นี่ คุณก็จะเข้าใจ แต่เพราะคุณไม่มีทางเข้าใจจนกว่าคุณจะได้เข้าใจด้วยตัวเองจริงๆ จนกว่าจะถึงตอนนั้นคุณถึงไม่มีวันที่จะเข้าใจไม่มีวันที่จะเข้าใจได้เลยว่าการพยายามเปล่งเสียงออกไปแต่ไม่มีเสียงนั้นมันเป็นอย่างไร หรือที่แย่เสียกว่าคือการที่คุณเปล่งเสียงออกไปแต่แล้วกลับไม่มีใครรับฟัง..รับฟังไม่ใช่แค่ได้ยิน…แต่ถึงอย่างนั้นอย่าว่าแต่คำว่าได้ยินเลย พวกเขาไม่ได้ยินเสียงตะโกนของฉันด้วยซ้ำเพราะความสุขนั้นโอบรัดพวกเขาอยู่ 

    คุณบอกว่าคุณไม่มีความสุขอย่างนั้นหรือ? 

    คุณไม่มีทางรู้ได้หรอกว่าแสนสุขเคยเป็นเพื่อนสนิทกับคุณจนกว่าจะถึงวันที่มันหายไป 

    แล้วคุณก็จะเคว้งคว้าง อ้างว้าง เฝ้ารอให้ลำพังและเพื่อนๆโผล่ตัวขึ้นทักทาย เมื่อใดก็ตามที่คุณเผลอตกหลุมพรางของมันมันจะก่อกวนคุณในโพรงนั้น…โพรงที่ข้างในจิตใจของคุณ ….เล่นกับแสง….กับเงา….กับส่วนที่เว้าแหว่งของคุณบีบ รัด เหยียบ ขยำ ขย้ำ ราวกับหัวใจของคุณนั้นเป็นของเล่น…เป็นบ้าน…ที่มันจากมานานแสนนานหลังจากการครองครองของแสนสุข ของตามธรรมดา…และการแก้แค้นเริ่มต้นขึ้นพร้อมกับน้ำตา พร้อมกับเสียงสะอื้นเงียบๆ พร้อมกับการทำลาย ทำร้าย ให้คุณตายจนกว่าจะตาย

    นั่นแหละเรื่องราวเหล่านั้น…คือจุดเริ่มต้น..และระหว่างทาง…ของการมายังที่นี่โลกที่ฉันจะสามารถเปิดเผยบางสิ่ง เปล่งเสียงอันไร้พลังและรับฟังลมหายใจอันเบาบางของตัวเอง 

    ที่นี่คือที่นั่น….บางที่หรือบางคนที่พร้อมจะรับฟัง 

    ได้ยินเสียงหยดน้ำตาของฉันไหมล่ะ…ที่ไหลช้าๆ เป็นต้นธารของตัวอักษรเหล่านี้…ฉันได้ยินเพราะคนใกล้ตายมักกระหายหาชีวิตเช่นเดียวกับสิ่งมีชีวิตที่ต้องการน้ำเพียงแต่น้ำตานั้นอาจจะมีรสขม…แต่มันก็เป็นโอเอซิสแห่งเดียวในใจกลางทะเลทรายอันเวิ้งว้างนี้ที่จะชุบชีวิตได้ 

    บอกฉัน…พวกคนที่กำลังหัวเราะน่ะ ว่าบางครั้งคุณก็เห็นเหมือนฉันใช่ไหมเหมือนในอ้อมกอดของคุณที่ฉันเห็นมันและในอ้อมกอดของฉัน คุณเคยเห็นมันใช่ไหม? 

    จับมือฉันสิบอกฉัน ในเวลาอันสับสนเหล่านี้….ว่าคุณก็มีโพรงเหมือนกันกับฉันใช่หรือไม่ ว่าคุณไม่ได้แตกต่างและฉันก็ไม่ได้แปลกแยก เรามีเพื่อนคนเดียวกันแล้วเราจะเป็นเพื่อนที่เข้าใจกัน..ได้ไหม

    ฉันมาถึงที่นี่พร้อมกับความลับ..ที่ไม่เคยอยากเก็บงำเอาไว้เพียงแต่ไม่รู้ว่าหากพูดออกไป…โลกจะหัวเราะเยาะและเหยียบย่ำฉันอีกหรือไม่

    ฉันมาถึงที่นี่ด้วยจริงใจและเปิดเผย…ด้วยอ้อมกอดอันเหวอะหวะจากห่ากระสุนของความระทมอันหาสาเหตุไม่ได้ด้วยหวังว่าหากความลับไม่เป็นความลับ…พวกมันจะหายไปในอ้อมกอดของฉันที่มีต่อโลก..และโลกจะโอบกอดฉันบ้างได้ไหม

    ฉันมาถึงที่นี่ดูสิว่าฉันทั้งปรารถนาและไม่ปรารถนาเพียงไหน 

    และไม่ได้หวัง

    อะไร

    นอกจาก

    เธอ

    เข้าใจ

    (ช่วยมอบโอบกอดที่ทำให้ฉันกลับมารู้สึกบ้างจะได้ไหม)


    เขียนเมื่อ 27/12/2017
    เพื่อเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่รู้สึกหรือเคยรู้สึกแบบเดียวกัน...เราไม่ได้เดียวดาย
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in