ถ้าอยากหายแพ้ก็ต้องกินยาแก้แพ้แต่ถ้าเลือกได้คุณอยากจะแพ้หรือไม่?
ฉันเริ่มหายใจติดขัด จามติดกันไม่หยุดราวกับการรัวกลองจังหวะเพลงเชียร์
เธอมองฉันด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย
'แพ้อีกแล้วเหรอ'
ฉันพยักหน้า ไม่รู้ว่าเพราะสภาพอากาศ เพราะค่าฝุ่นที่สูงเกินไป
หรือด้วยร่างกายที่สักแต่จะอ่อนแอ
ฉันลุกออกจากเตียงออกไปควานหาเม็ดยาสีขาวเล็กๆ ในลิ้นชัก
กินยามากไม่ใช่เรื่องดี แต่หากไม่กินเสีย อาการต่างๆ มีแต่จะเลวร้ายลง
สุดท้ายก็จำต้องกลืนความขมชิ้นจิ๋วลงไป เพื่อระงับทุกสิ่งให้บรรเทาลง
คืนนั้นฉันนอนหลับไปพร้อมเพลงของ Kevin Morby
กว่าจะลืมตาตื่นก็นานหลายชั่วโมงทีเดียว
ณ ช่วงเวลานี้ รอบกายถูกปกคลุมด้วยความมืดทึมราวกับช่วงฟ้าสาง
หากแต่เมื่อเงื้อมมือหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมามองนาฬิกา
กลับพบว่าเวลาล่วงเลยไปนานจนน่ากลัว
อีกครึ่งชั่วโมงกำลังจะสี่โมงเย็น
นี่ฉันหลับไปนานแค่ไหนกัน?
ข้างกายมีแต่ความว่างเปล่า ภายใต้ผ้าห่มและเหนือหมอนปราศจากผู้ใด
จึงตัดสินใจทำสิ่งแรกด้วยการเข้าแอปพลิเคชั่นสีเขียวเพื่อเช็กข้อความ
เธอส่งข้อความบางอย่างมา ฉันกดอ่านทันทีโดยไม่ได้นึกถึงความตื้นลึกหนาบางใด ๆ
"เราเก็บของบางอย่างออกไปแล้วนะ เดี๋ยวคงเข้าไปเก็บเพิ่มอีกวันหลัง
ขอโทษนะที่ไม่ได้ลา แต่คิดว่าเป็นแบบนี้คงดีที่สุด"
ฉันกลืนน้ำลายเอือกใหญ่ นี่คงเป็นหนึ่งในวิธีบรรเทาอาการป่วยของเธอ
ที่ฉันไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้
แพ้เสียแล้ว
ยับเยิน แหลกสลาย ไร้คำถาม เปลืองเปล่าที่จะหาคำตอบ
ยาแก้แพ้ไม่เคยทำให้เราหายแพ้
เพียงแต่ระงับการแพ้เอาไว้ในช่วงขณะหนึ่ง
และเราอาจแพ้ใหม่ในวันถัดไปนั่นคือสัจธรรม
หากฉันเลือกได้ ฉันปรารถนาว่าตนเองจะไม่แพ้สิ่งใด
แต่อย่างน้อยก็ได้รับรู้ว่ามีบางสิ่งที่ทำให้ฉันแพ้
และเรามีสิทธิ์เลือกได้ที่จะหลีกเลี่ยงสิ่งนั้นด้วยหลากหลายวิธี
ฉันลุกขึ้นจากเตียง เก็บข้าวของที่เหลือของเธอยัดใส่ถุงดำ
จากนี้เราทั้งคู่จะไม่ใช่ตัวกระตุ้นอาการป่วยของกันและกันอีกต่อไป
- end -
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in