'ในวันนั้นฉันกลายเป็นฝุ่น'
วันที่คุณกระแอมไอเสียงดังราวกับป่วยไข้
ฉันอยากเอื้อมมือไปแตะหน้าผากคุณ
เพื่อตรวจวัดอุณหภูมิสักเพียงนิด
แต่แลดูคุณจะไม่อยากให้ฉันแตะเนื้อต้องตัวเสียเท่าไหร่
ดวงตาคุณเลื่อนลอย เคลื่อนคล้อยอ้อยอิ่ง
ริมฝีปากที่เคยแต่งแต้มลิปสติกสีหวานกลับเผือดซีด
หรือคุณจะไม่สบาย?
'ไปให้พ้นเสียที'
น้ำเสียงคุณช่างเบาบาง
หากแต่สั่นสะเทือนโสตประสาท รุนแรงกว่าครั้งไหน
ภายใต้รอยยิ้ม จิตใต้สำนึกของฉันกำลังร่วงหล่น
แตกหัก แหลกสลายกลายเป็นผุยผง
เพราะสำหรับคุณ
ตัวฉันไม่ต่างจาก 'ฝุ่น' สกปรก ไร้ค่า ไร้ความหมาย
จึงเริ่มนึกหาเหตุผลว่าฝุ่นพอจะมีประโยชน์อันใดกับมนุษย์เราบ้าง
เมื่อเริ่มค้นคว้าหาคำตอบ
ฉันจึงได้พบว่านี่คือความคิดที่ผิดมหันต์
ใช่ว่าทุกสิ่งบนโลกจะมีคุณค่า
และรอการถูกค้นพบจากใครสักคนเสมอไป
(ช่างน้ำเน่าเสียจริง)
ชายคนหนึ่งได้อธิบายไว้อย่างเรียบง่าย
แม้เขาจะไม่ได้ตั้งใจให้คมคาย
แต่ถ้อยคำเหล่านั้นกลับตราตรึง
จนใคร (โดยเฉพาะฉัน) ไม่อาจลืม
" การมีอยู่ของฝุ่น
เพียงเพื่อไว้วัดระดับความละเลยของมนุษย์ก็เพียงเท่านั้น"
ฉันเฝ้าหวังว่าการมีอยู่ของฉัน
อาจมีประโยชน์กับคุณอยู่บ้าง
แม้เพียงน้อยนิด
แต่การละเลยในบางเรื่องนั้นมีความชัดเจนในตัวมัน
ใช่ว่าจะต้องวัดค่าวัดระดับเสมอไป
คงได้เวลาที่คุณจะทำความสะอาดใหม่เสียที.
** เรื่องราวทั้งหมดที่คุณได้อ่านมานี้
ได้รับแรงบันดาลใจจากโรคภูมิแพ้และกระทู้พันทิป
อ่านแล้วเพลินดีค่ะ ชอบ :)