........จะบอกว่า Blade Runner 2049 ไม่ใช่หนังภาคต่อ แต่เป็นหนังภาคต่อ(ยอด) ที่สเกลสตอรี่กว้างขึ้น ไฮท์ไลท์ธีมได้ชัดขึ้น แต่ยังคงสไตล์ มู๊ด โทน แท็กซ์เจอร์การนำเสนอ เดิมๆเอาไว้ ได้ดี ไม่ป่นปี้ ขี้ราด ให้ด่ากราด

..........สำหรับคอหนังแอคชั่นที่คาดหวังความมันส์ทะลุจอ อลังการตระการตาฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย อาจต้องเหลือบไปมองชื่อผู้กำกับนิสนึงและท่านจะบรรลุว่า คำโปรยหนังภาษาไทยแม่งหลอกดาว!!! ดามเมจมากค่ะพี่ชาย ตัวหนังค่อนข้างงอแงและเอาแต่ใจพอสมควร ดังนั้นควรมีสมาธิมากๆ เพราะถ้าหลุดปุ๊บ แม่งจะกลายเป็นแล็คเชอร์ภาคประวัติศาสตร์คณะอักษรทันที

...........ลวดลายผู้กำกับยังเข้มดังมาตรฐาน Arrival เหมือนเดิม ไม่มีเพิ่มเติม จบ!! การแสดงคือดีทั้งลุงฟอร์ด ป้าโรบิ้น ไรอัน จาเร็ต (ถึงคาแรกเตอร์จะดูร้ายแบบงงๆ ขาดโมติเวชั่นไปหน่อย แต่ก็โอเค) ชะนีที่เป็นเมียไรอันก็เล่นดี(แว๊บแรกนึกว่า แฟลิซิตี้ โจนส์) และชะนีนางร้ายที่แม่งน่ากลัวมากอีดอก ออกมาทีกูขนลุกขนพอง ตัวบทค่อนข้างชอบมากกว่าภาคที่แล้วเพราะถึงจะเนิบเหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมความเหวอแดก ที่เข้ามาได้แบบไม่ดูขัดใจ ส่วนงานภาพ โอ๊วมายโก๊ด คำชะโนดเกาะสวรรค์ มันดีมากกกกกก แก แก แก!! คือตาย ตาย ตาย ตรงนั้นเลย (คงจะเห็นภาพ)

............นอกจากความดีงามที่เป็นรูปธรรมข้างต้นแล้ว อีกอย่างที่ชอบคือไอเดียนามธรรมที่ใส่เข้ามาตั้งแต่นิยายต้นฉบับ Do Androids Dream of Electric Sheep (คือแค่อ่านชื่อแม่งก็ WTF แล้ว) ถ้าพูดละเอียดมากเดี๋ยวจะกลายเป็นสปอยด์ เอาเป็นว่าคร่าวๆคือ นอกจาก Blade Runner จะจินตนาการถึงภาพอนาคตด้านวัตถุที่เห็นชัด มันยังสะท้อนภาพอนาคตของความคิดคนได้ชัดเจนเช่นกัน ที่สรุปเป็นคอนเซ็ปง่ายๆว่า ล้วนแล้วแต่ มนุษย์แม่งก็แย่อยู่วันยังค่ำ ไม่ว่าความเจริญทางวัตถุเราจะพุ่งปรี๊ดแค่ไหน จิตใจที่เหยียด ชนชั้น ชาติพันธุ์ (กรณีในหนังคือสายพันธุ์) ก็ไม่มีวันถูก Enlighten ได้สาาาาาาาธุ!! (ซึ่งจริงไม่จริงนั้นอีกเรื่อง แต่คิดว่าหนังต้องการพูดแบบนี้)

...........คิดว่าถ้าชอบหนังไซไฟที่มีปรัชญาอะไรให้ได้คบคิด แนะนำเลยน่าจะชอบ แต่อย่างที่บอกว่าถ้าคาดหวังความมันส์อาจจะไม่ถูกทางเท่าไหรนะจ๊ะ
B+ #โมชอบรอบดึก