อึนฮยอกเห็นว่าทงเฮกำลังถ่ายรูป ทงเฮชอบถ่ายรูปเป็นปกติอยู่แล้ว แต่การหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปมันมีความหมายไม่เยอะนักหรอกนอกจากจะอัพลงโซเชียล และทันทีที่เขาหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาเช็คก็พบว่าเป็นอย่างที่คิดเอาไว้ไม่ผิดนัก แถมชื่อของเขายังถูกแท็กหราอยู่บนมือที่โผล่มาแค่ข้างเดียวในภาพอีกต่างหาก
"เอาน่า ก็ไม่ได้กินด้วยกันสองคนแบบนี้บ่อยๆ ป่ะ ปกติก็มีพี่ๆ ไม่ก็คยูมันมาแจมด้วยตลอด"
คู่กรณีตอบแบบไม่ได้ใส่ใจนัก อึนฮยอกกลอกตาเบาๆ
"สร้างกระแสเก่ง"
เขาแซวออกไปแบบนั้นแต่ทงเฮก็ทำแค่หัวเราะเหมือนที่ผ่านมาๆ ไม่ได้รู้สึกเป็นจริงเป็นจังอะไรกับมันนัก สายตาจดจ่ออยู่กับมุมหนึ่งของโต๊ะ ก่อนจะยกแก้วขึ้นแตะขอบปาก ดื่มด่ำกับรสชาติของไวน์อีกครั้ง
"ป่านนี้แฟนๆ แม่งคิดไปถึงไหนต่อไหนละว่าพวกเรามีซัมติงกัน ทั้งรูปทั้งนิยายว่อน SNS หมดแล้วมั้งน่ะ"
พูดไปก็หัวเราะไป ไม่ใช่ไม่รู้ว่าเหล่าแฟนคลับมองพวกเขายังไง แต่ไอ้เพราะรู้ก็เลยยิ่งทำให้ดูเหมือนว่าทั้งสองมีอะไรกันจริงๆ เข้าไปใหญ่ พอทำเข้าบ่อยๆ ก็กลายเป็นนิสัย กลายเป็นความเคยชิน สุดท้ายก็กลายเป็นกิจวัตร
"ก็ดีดิโปรโมตทัวร์ D&E รอบนี้จะได้ยิ่งปังๆ"
"ไหนใครพูดว่าอยากให้โฟกัสกันที่คุณภาพงาน"
ทงเฮมักจะพูดเสมอว่าเนื้องานต้องมาก่อน การทำเพลงต้องทำออกมาให้ดีที่สุด อยากให้ทุกคนฟังเพลงแล้วมีอารมณ์ร่วมไปกับมากกว่าแค่เพราะว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่อึนฮยอกกับทงเฮวงซุปเปอร์จูเนียร์เป็นคนร้อง
"คุณภาพงานก็ต้องควบคู่กับไปมิตรภาพอันสวยงามป่ะ"
คราวนี้อึนฮยอกเป็นฝ่ายหัวเราะบ้าง ก่อนที่บทสนทนาจะเงียบลงและต่างฝ่ายต่างจิบไวน์ในแก้วของตัวเอง
"แล้วนี่ไปโกหกเขาว่าดื่มแค่สองแก้วได้ยังไง"
ทงเฮเลิกคิ้ว ในจังหวะเดียวกับที่อึนฮยอกจ้องกลับ มันไม่ใช่คำถามที่ต้องการคำตอบก็แค่บทสนทนาที่ไร้แก่นสารเหมือนที่ผ่านๆ มา เขาไม่ได้กดดันทงเฮและอีกฝ่ายก็ไม่ได้มีทีท่าอยากจะตอบ คนถูกถามทำเพียงแค่ยิ้มที่มุมปากและไล้นิ้วไปตามขอบของแก้วไวน์
"ก็ไม่ได้โกหก แค่บอกความจริงไม่หมดเฉยๆ"
ดื่มไปกี่แก้วมีแค่เขากับเจ้าตัวต้นเหตุนั่นแหละที่รู้ดีที่สุด ถ้าแค่กะจากปริมาณสายตาก็น่าจะพร่องลงไปถึงหนึ่งในสามของขวดแล้ว
"ใครมันจะเชื่อวะ?"
"ก็ไม่มีใครเห็นนี่หว่า"
"เดี๋ยวไลฟ์โชว์เลยมะ"
"เฮ้ย ไม่เอาดิ!"
จู่ๆ ทงเฮก็ตะโกนโวยวายขึ้นมา แต่ว่าพวกเขาก็หัวเราะ ไม่รู้ว่าตรงไหนของประโยคที่มันตลก แต่สุดท้ายก็หยุดหัวเราะไม่ได้ แถมคนแบบทงเฮเวลาสนุกมักจะแสดงอาการมากกว่าคนปกติทั่วไป นี่ก็หัวเราะไปทุบโต๊ะไปจนแก้วไวน์กับขวดเกือบกลิ้งล้ม โชคดีแค่ไหนที่อึนฮยอกเอื้อมมือคว้าไว้ได้ทัน
พวกเขาระเบิดหัวเราะอีกรอบ สุดท้ายก็กลับไปเงียบอีกครั้งต่างคนต่างจิบไวน์ในแก้วของตัวเอง และจบลงที่อึนฮยอกอัพภาพด้านหลังของขวดไวน์ลงไอจี รู้สึกมึนหัวนิดหลังจากดื่มไปหลายแก้ว พอเมาแล้วพวกเขาก็จะพูดกันน้อยลงกว่าปกติ แถมพอเวลาเมาส่วนใหญ่ทงเฮจะชอบร้องเพลง ไม่รู้ว่าทำไมพอกรึ่มแล้วถึงได้อารมณ์ดีขนาดนั้น นี่ถ้ามีกีต้าร์อยู่ใกล้ๆ คงหยิบขึ้นมาดีดแล้ว
"วันนี้ก็นอนนี่แหละ ดึกแล้ว"
อึนฮยอกเป็นฝ่ายพูดขึ้นหลังจากนั่งแช่กันเกินกว่าสี่ชั่วโมง นาฬิกาชี้บอกเวลาห้าทุ่มกว่าแล้ว
"ไม่เป็นไรหรอก"
ทงเฮตอบก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ ถึงจะไม่ได้เดินเซแต่มองดูจากดาวอังคารก็รู้แล้วว่าเมา ไม่ได้เมาน้อยๆ ด้วยสีหน้ามันฟ้อง
"ดื่มไปเยอะขนาดนั้นจะกลับไหวได้ไงวะ"
"สองแก้วเอง"
"เห็นกูไม่มีตาเหรอ?"
เผลอด่าออกไปอีกจนได้
"ไม่ๆ โอเคเว้ย"
"อ้ะ เป็นไร จู่ๆ มาทำเป็นรังเกียจกัน?"
อึนฮยอกเริ่มรู้สึกว่าตัวเองตีหน้าเครียด เขาเห็นทงเฮขมวดคิ้วแต่ก็ยังไม่ยอมตอบคำถาม เจ้าตัวปัญหาลูบหน้าของตัวเองก่อนจะนั่งลงกับเก้าอี้อีกครั้ง คงจะมึนหัวอยู่จริงๆ นั่นแหละ
"ไม่ใช่แบบนั้น แต่มึงก็เพิ่งกลับมาจากเดินทางไกลเหนื่อยๆ หรือเปล่าวะ"
"มึง... มันสี่วันมาแล้วนะ"
"แต่ก็เหนื่อยสะสมไง เดี๋ยวกูต้องมาเป็นภาระให้หาหมอนหาผ้าห่มหาเสื้อผ้าให้เปลี่ยนอีก"
ยอมรับว่าแปลกใจ ปกติทงเฮเป็นคนขี้วอแวมาก ไม่เคยมีมุมที่คิดว่าการกระทำที่แสนเอาแต่ใจเป็นการสร้างภาระให้กับเพื่อนเท่าไหร่นัก แต่เป็นคนที่คิดว่าเพื่อนต้องตามใจตัวเองเป็นหลักมากกว่า ถ้าเป็นปกติยังไงก็ต้องเอ่ยปากขอค้างเองอยู่แล้ว ดีไม่ดีเดินลิ่วๆ ไปหยิบเสื้อผ้าของเขามาใส่ตามใจชอบแล้วจะล้มตัวลงเต็มที่นอนแบบไม่เผื่อแผ่เจ้าของบ้านด้วยซ้ำ
"แค่ให้นอนด้วยคืนเดียว พูดหยั่งกะกูจะเลี้ยงมึงทั้งชีวิต"
ทงเฮจ้องหน้าเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหลับตาลงแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ดูราวกับว่าเจ้าตัวลำบากใจมากๆ
"ก็ได้ๆ แต่ไม่นอนโซฟานะเว้ย"
ไม่พูดเปล่าเจ้าตัววุ่นวายยื่นแขนขึ้นชูมือเป็นสัญญาณให้อึนฮยอกจับ อ้ะ นั่นไงทงเฮคนเดิมกลับมาแล้ว ขมวดคิ้ว เบ้ปาก ในแบบที่ชอบทำอยู่บ่อยครั้ง ทั้งสีหน้า ทั้งท่าทางแสดงความเอาแต่ใจผุดขึ้นมาทันที ราวกับว่าเขายกทุกอย่างออกจากอกไปกับการถอนหายใจเพียงครั้งเดียว
"ก็แล้วใครบอกจะให้นอนโซฟากันล่ะ"
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in