เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My Short Ficginger juicez
2 glasses only
  • "กินไวน์กันแค่นี้ต้องลงไอจีด้วยเหรอวะ?"


             อึนฮยอกเห็นว่าทงเฮกำลังถ่ายรูป ทงเฮชอบถ่ายรูปเป็นปกติอยู่แล้ว แต่การหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปมันมีความหมายไม่เยอะนักหรอกนอกจากจะอัพลงโซเชียล และทันทีที่เขาหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาเช็คก็พบว่าเป็นอย่างที่คิดเอาไว้ไม่ผิดนัก แถมชื่อของเขายังถูกแท็กหราอยู่บนมือที่โผล่มาแค่ข้างเดียวในภาพอีกต่างหาก


    "เอาน่า ก็ไม่ได้กินด้วยกันสองคนแบบนี้บ่อยๆ ป่ะ ปกติก็มีพี่ๆ ไม่ก็คยูมันมาแจมด้วยตลอด"


             คู่กรณีตอบแบบไม่ได้ใส่ใจนัก อึนฮยอกกลอกตาเบาๆ


    "สร้างกระแสเก่ง"


             เขาแซวออกไปแบบนั้นแต่ทงเฮก็ทำแค่หัวเราะเหมือนที่ผ่านมาๆ ไม่ได้รู้สึกเป็นจริงเป็นจังอะไรกับมันนัก สายตาจดจ่ออยู่กับมุมหนึ่งของโต๊ะ ก่อนจะยกแก้วขึ้นแตะขอบปาก ดื่มด่ำกับรสชาติของไวน์อีกครั้ง 


    "ป่านนี้แฟนๆ แม่งคิดไปถึงไหนต่อไหนละว่าพวกเรามีซัมติงกัน ทั้งรูปทั้งนิยายว่อน SNS หมดแล้วมั้งน่ะ"


             พูดไปก็หัวเราะไป ไม่ใช่ไม่รู้ว่าเหล่าแฟนคลับมองพวกเขายังไง แต่ไอ้เพราะรู้ก็เลยยิ่งทำให้ดูเหมือนว่าทั้งสองมีอะไรกันจริงๆ เข้าไปใหญ่ พอทำเข้าบ่อยๆ ก็กลายเป็นนิสัย กลายเป็นความเคยชิน สุดท้ายก็กลายเป็นกิจวัตร


    "ก็ดีดิโปรโมตทัวร์ D&E รอบนี้จะได้ยิ่งปังๆ"

    "ไหนใครพูดว่าอยากให้โฟกัสกันที่คุณภาพงาน"


             ทงเฮมักจะพูดเสมอว่าเนื้องานต้องมาก่อน การทำเพลงต้องทำออกมาให้ดีที่สุด อยากให้ทุกคนฟังเพลงแล้วมีอารมณ์ร่วมไปกับมากกว่าแค่เพราะว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่อึนฮยอกกับทงเฮวงซุปเปอร์จูเนียร์เป็นคนร้อง


    "คุณภาพงานก็ต้องควบคู่กับไปมิตรภาพอันสวยงามป่ะ"


             คราวนี้อึนฮยอกเป็นฝ่ายหัวเราะบ้าง ก่อนที่บทสนทนาจะเงียบลงและต่างฝ่ายต่างจิบไวน์ในแก้วของตัวเอง 


    "แล้วนี่ไปโกหกเขาว่าดื่มแค่สองแก้วได้ยังไง"


             ทงเฮเลิกคิ้ว ในจังหวะเดียวกับที่อึนฮยอกจ้องกลับ มันไม่ใช่คำถามที่ต้องการคำตอบก็แค่บทสนทนาที่ไร้แก่นสารเหมือนที่ผ่านๆ มา เขาไม่ได้กดดันทงเฮและอีกฝ่ายก็ไม่ได้มีทีท่าอยากจะตอบ คนถูกถามทำเพียงแค่ยิ้มที่มุมปากและไล้นิ้วไปตามขอบของแก้วไวน์


    "ก็ไม่ได้โกหก แค่บอกความจริงไม่หมดเฉยๆ"


             ดื่มไปกี่แก้วมีแค่เขากับเจ้าตัวต้นเหตุนั่นแหละที่รู้ดีที่สุด ถ้าแค่กะจากปริมาณสายตาก็น่าจะพร่องลงไปถึงหนึ่งในสามของขวดแล้ว


    "ใครมันจะเชื่อวะ?"

    "ก็ไม่มีใครเห็นนี่หว่า"

    "เดี๋ยวไลฟ์โชว์เลยมะ"

    "เฮ้ย ไม่เอาดิ!"


             จู่ๆ ทงเฮก็ตะโกนโวยวายขึ้นมา แต่ว่าพวกเขาก็หัวเราะ ไม่รู้ว่าตรงไหนของประโยคที่มันตลก แต่สุดท้ายก็หยุดหัวเราะไม่ได้ แถมคนแบบทงเฮเวลาสนุกมักจะแสดงอาการมากกว่าคนปกติทั่วไป นี่ก็หัวเราะไปทุบโต๊ะไปจนแก้วไวน์กับขวดเกือบกลิ้งล้ม โชคดีแค่ไหนที่อึนฮยอกเอื้อมมือคว้าไว้ได้ทัน

             พวกเขาระเบิดหัวเราะอีกรอบ สุดท้ายก็กลับไปเงียบอีกครั้งต่างคนต่างจิบไวน์ในแก้วของตัวเอง และจบลงที่อึนฮยอกอัพภาพด้านหลังของขวดไวน์ลงไอจี รู้สึกมึนหัวนิดหลังจากดื่มไปหลายแก้ว พอเมาแล้วพวกเขาก็จะพูดกันน้อยลงกว่าปกติ แถมพอเวลาเมาส่วนใหญ่ทงเฮจะชอบร้องเพลง ไม่รู้ว่าทำไมพอกรึ่มแล้วถึงได้อารมณ์ดีขนาดนั้น นี่ถ้ามีกีต้าร์อยู่ใกล้ๆ คงหยิบขึ้นมาดีดแล้ว 


    "วันนี้ก็นอนนี่แหละ ดึกแล้ว"


             อึนฮยอกเป็นฝ่ายพูดขึ้นหลังจากนั่งแช่กันเกินกว่าสี่ชั่วโมง นาฬิกาชี้บอกเวลาห้าทุ่มกว่าแล้ว


    "ไม่เป็นไรหรอก"


             ทงเฮตอบก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ ถึงจะไม่ได้เดินเซแต่มองดูจากดาวอังคารก็รู้แล้วว่าเมา ไม่ได้เมาน้อยๆ ด้วยสีหน้ามันฟ้อง


    "ดื่มไปเยอะขนาดนั้นจะกลับไหวได้ไงวะ"

    "สองแก้วเอง"

    "เห็นกูไม่มีตาเหรอ?"


             เผลอด่าออกไปอีกจนได้


    "ไม่ๆ โอเคเว้ย"

    "อ้ะ เป็นไร จู่ๆ มาทำเป็นรังเกียจกัน?"


             อึนฮยอกเริ่มรู้สึกว่าตัวเองตีหน้าเครียด เขาเห็นทงเฮขมวดคิ้วแต่ก็ยังไม่ยอมตอบคำถาม เจ้าตัวปัญหาลูบหน้าของตัวเองก่อนจะนั่งลงกับเก้าอี้อีกครั้ง คงจะมึนหัวอยู่จริงๆ นั่นแหละ


    "ไม่ใช่แบบนั้น แต่มึงก็เพิ่งกลับมาจากเดินทางไกลเหนื่อยๆ หรือเปล่าวะ"

    "มึง... มันสี่วันมาแล้วนะ"

    "แต่ก็เหนื่อยสะสมไง เดี๋ยวกูต้องมาเป็นภาระให้หาหมอนหาผ้าห่มหาเสื้อผ้าให้เปลี่ยนอีก"


             ยอมรับว่าแปลกใจ ปกติทงเฮเป็นคนขี้วอแวมาก ไม่เคยมีมุมที่คิดว่าการกระทำที่แสนเอาแต่ใจเป็นการสร้างภาระให้กับเพื่อนเท่าไหร่นัก แต่เป็นคนที่คิดว่าเพื่อนต้องตามใจตัวเองเป็นหลักมากกว่า ถ้าเป็นปกติยังไงก็ต้องเอ่ยปากขอค้างเองอยู่แล้ว ดีไม่ดีเดินลิ่วๆ ไปหยิบเสื้อผ้าของเขามาใส่ตามใจชอบแล้วจะล้มตัวลงเต็มที่นอนแบบไม่เผื่อแผ่เจ้าของบ้านด้วยซ้ำ


    "แค่ให้นอนด้วยคืนเดียว พูดหยั่งกะกูจะเลี้ยงมึงทั้งชีวิต"


             ทงเฮจ้องหน้าเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหลับตาลงแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ดูราวกับว่าเจ้าตัวลำบากใจมากๆ 


    "ก็ได้ๆ แต่ไม่นอนโซฟานะเว้ย"


             ไม่พูดเปล่าเจ้าตัววุ่นวายยื่นแขนขึ้นชูมือเป็นสัญญาณให้อึนฮยอกจับ อ้ะ นั่นไงทงเฮคนเดิมกลับมาแล้ว ขมวดคิ้ว เบ้ปาก ในแบบที่ชอบทำอยู่บ่อยครั้ง ทั้งสีหน้า ทั้งท่าทางแสดงความเอาแต่ใจผุดขึ้นมาทันที ราวกับว่าเขายกทุกอย่างออกจากอกไปกับการถอนหายใจเพียงครั้งเดียว 


    "ก็แล้วใครบอกจะให้นอนโซฟากันล่ะ"


             อึนฮยอกยิ้ม เขาคว้ามือของอีกฝ่ายออกแรงดึงกึ่งลากกึ่งจูงให้เพื่อนสนิทเดินตาม 





    -----------------------------------

    Talk. เหนือความคาดหมายฟิคเรื่องแรกของด้อมนี้ (น้ำตาไหลปลื้มปริ่ม) ตั้งแต่อยู่มาหลายเดือนนี่เป็นครั้งแรกที่แต่งฟิคคู่นี้ มันมีความรู้สึกว่าถ้าไม่เขียนไม่ได้จริงๆ อยากเขียนมาก หวังว่าจะเอนจอยส์กันนะคะ

             
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in