โลแกนไม่เชื่อเรื่องการมีอยู่ของสวรรค์ แล้วก็ไม่แคร์ห่าอะไรในเรื่องของนรกด้วย
อะไรที่ไม่ได้เห็นด้วยตาย่อมไม่มีอยู่จริง ยิ่งคนมันตายไม่ได้ก็สามารถพูดได้อย่างเต็มปากเลยว่าการสารภาพบาปอะไรนั่นเป็นเหมือนกับคำพูดสวยหรูของพวกเซลล์ขายประกัน ประมาณว่า
'เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นหลังการตาย เพียงแค่คุณละอายต่อบาปของตน'
ขายฝันแบบโคตรชัดเจน หลังจากที่อยู่มาหลายทศวรรษทำให้โลแกนรู้ดีว่าสโลแกนโฆษณามักจะตัวใหญ่กว่าข้อตกลงในสัญญาเสมอ อ่านผิดแค่นิดเดียวก็เสียผลประโยชน์ได้ทันทีแบบไม่รู้ตัว
แต่นั่นมันก็เป็นเรื่องของเมื่อวาน
มันจะยังคงเป็นเรื่องของเมื่อวานต่อไป ถ้าเขาไม่ได้พบว่าวันนี้ตัวเองตื่นมาบนเตียง สายตาปรับโฟกัสเปิดรับยามเช้าด้วยทัศนียภาพรอบด้านของห้องสี่เหลี่ยมที่ไม่คุ้นเคย แถมไม่ได้ใส่อะไรเลยสักชิ้น กลิ่นเหล้าเหม็นหึ่งคละคลุ้งกับกลิ่นกัญชา? วนเวียนอยู่ทั่วห้อง แต่ที่เด่นสุดก็คงจะเป็นไอ้กลิ่นเหงื่อและกลิ่นกายนี่แหละที่วนเวียนอยู่ทั่วตัว
นี่ยังเป็นเรื่องที่ปกติอยู่ แต่ที่ไม่ปกตินี่สิ
หนึ่ง
โลแกนไม่เคยเมา แต่ก็มีไอ้ความรู้สึกกรึ่มๆ แบบคนทั่วไปที่ทำให้รสชาติของเหล้าอร่อยอยู่บ้าง ส่วนไอ้พฤติกรรมเมาหัวราน้ำเนี่ยไม่เคยเลยสักครั้ง ไม่เคยเลยมาตลอดชีวิต แม้แต่ครั้งเดียว โลแกนไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองเมา แต่ทำไมเขาถึงจำเหตุการณ์อะไรที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่ได้เลยสักนิดนั่น ยิ่งทำให้ชายหนุ่มรู้สึกสับสนว่าเมื่อคืนดื่มอะไรเข้าไป
สอง
หลังจากลุกพรวดขึ้นมาจากเตียงสำรวจตัวเองแล้วก็พบว่าดันมีไอ้ของที่ไม่ควรจะมีโชว์หราอยู่บนตัว เขาลุกขึ้นจากเตียงเดินไปส่องกระจกยาวบานใหญ่มันวางเอียงหมิ่นเหม่ข้างผนังไร้วอลเปเปอร์ที่ไม่ค่อยจะแข็งแรงนัก
'คุณเป็นแฟนของฉันแล้วนะ' ประโยคที่ถูกเขียนด้วยลิปสติกสีแดงเข้มตวัดวาดยาวเหยียดเต็มพื้นที่แผงอกและหน้าท้องของเขา บอกได้เลยว่าแม่สาวคนนี้ลายมือโคตรห่วยแตก แต่รอยริมฝีปากที่อยู่ใต้รอยเขียนเนี่ยกลับดูดีผิดกันลิบลับ
สาม
ในตอนที่เขาหันหลังกลับไปที่เตียงเพราะเสียงขยับตัวเสียดสีกับผ้า ดูเหมือนว่าขาของผู้ร่วมเตียงจะโผล่พ้นออกมาจากใต้ผ้านวมผืนใหญ่ ขานั้นไม่ได้ดูเหมือนขาของพวกนักเต้นระบำเปลื้องผ้าในคลับบาร์เท่าไหร่ มันออกจะเหมือนขาของสาวนักวิ่งมาราธอนเสียมากกว่าด้วยซ้ำ
หรือไม่ก็นักเพาะกาย
สี่
โลแกนขยับเดินเข้าไปใกล้ แล้วเขาก็พบว่าขาของหญิงสาวปริศนาคนนี้นั้นเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ อย่างกับว่าเธอถูกไฟครอกมาอะไรแบบนั้น
มาถึงตอนนี้เขาคงไม่ต้องรอให้นับถึงเหตุผลที่ห้า สมองของชายหนุ่มเริ่มประมวลผลลัพธ์ที่ร้ายแรงที่สุด เขาสบถคำหยาบคายในใจแล้วก็เอาแต่คิดว่า 'พระเจ้า ขอล่ะอย่าให้เป็นอย่างที่คิดเลย' ตั้งแต่เกิดมานี่เป็นครั้งแรกอ้อนวอนอยู่ในหัวของตัวเอง พอคิดว่าเป็นไงเป็นกัน พลันมือก็เอื้อมออกไปคว้าหมับเข้าที่ผืนผ้าและกระตุกเสียเต็มแรง แรงสะบัดเล่นเอาคนที่นอนอยู่สะดุ้งโหยงดีดลุกขึ้นมาจากเตียงหันรีหันขวางไปมา
เขาล่ะเกลียดพระเจ้าจริงๆ
"เฮ้ อะไรกันเนี่ย!?"
เพราะถูกรบกวนการนอนอย่างกะทันหันในยามเช้า ผู้ร่วมเตียงจึงตื่นขึ้นมาโหวกเหวกโวยวาย
"ฉันสิต้องถามแกว่านี่มันอะไรกันวะ!?"
"โอ้! เฮ้ วูล์ฟฟี่ ว่าไงจ๊ะที่รัก เมื่อคืนหลับสบายดีไหม?"
เวด ไอ้โคตรแม่ง วิลสัน นั่งอยู่บนเตียงในสภาพที่ไม่น่าอภิรมณ์นัก ชายหนุ่มสาบานเลยว่าตอนนี้เขาอยากมีให้สัญญาณภาพเบลอเซ็นเซอร์สิ่งที่อยู่ตรงหน้าจริงๆ เปล่าเปลือยทั้งตัวดันยกเว้นส่วนหัวที่มีหน้ากากคลุม ความจริงมันควรจะมีกางเกงปิดไอ้ท่อนล่างที่โล่งโจ้งมากกว่าไม่ใช่เรอะ? โลแกนขอสาบานเลยว่าเขารู้สึกว่ามันกำลังยิ้มหวานตีสีหน้ากวนส้นอยู่ใต้หน้ากากแน่ๆ
"โอ้! นายด้วยนะวูล์ฟฟี่ ที่ไม่น้อยเลย"
พอรู้สึกถึงสายตาแทะโลมและเสียงผิวปากก็ถึงได้รู้ตัวว่าเขายังคงแก้ผ้าล่อนจ้อนเหมือนตอนเกิดใหม่ โลแกนขบคิดอยู่ในใจ 'เออ ดูได้ดูไปเดี๋ยวเอ็งก็จะไม่มีตาให้ดูแล้ว' แต่ถ้าต้องยืนคุยกันในสภาพล่อนจ้อนทั้งคู่แบบนี้มันก็ดูตะหงิดๆ โลแกนจึงแสกนหาและคว้ากางเกงของตัวเองขึ้นมาสวมปิดช่วงล่างที่ดูเย็นๆ ก่อน
"ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?"
เป็นคำถามเบสิกที่ชายหนุ่มอยากรู้มากที่สุด ความบัดซบแบบไหนกันที่แบกเขามาถึงรังหนูซกมกนี่
"ฉันแบกมาเอง"
อ้อ ความบัดซบแบบนี้นี่เอง
"มันเกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย?"
"ใจเย็นๆ พ่อเคราเข้ม เอาล่ะฉันจะเล่าให้ฟังแบบย่อๆ นะ เรื่องมันเริ่มมาจากตอนที่ฉันปลดประจำการจากการเป็นทหาร ตอนนั้นฉันทำงานรับจ้างขู่คนแลกกับตังค์กินหนม แล้ววันหนึ่งระหว่างที่ฉันกำลังนั่งแกร่วอยู่ที่บา-"
"หยุด! เดี๋ยว ฉันไม่รู้ว่าแกกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่ แต่ช่วยเล่าเอาแต่เนื้อได้ไหม?"
"โอเคๆ งั้นข้ามมาถึงช่วงสำคัญเลยละกัน ตอนที่ฉันรู้ตัวว่ามะเร็งกำลังแดกไปทั่วร่าง ฉันได้เข้าโครงการพิเศษของไอ้ฟรานซิสเฮงซวย มันไม่ได้ช่วยฉันแต่หลอกไปปู้ยี้ปู้ยำย่ำยีจนฉันเสียความบริสุทธ์ผุดผ่องทั้งกายและใจ ฉันก็เลย-"
"วิลสัน!"
"อะไร!? นี่กำลังไคลแมกซ์เลยนะ จุดเปลี่ยนของชีวิต"
"ที่ฉันอยากฟังคือเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ไม่ใช่ชีวิตดราม่าของแก"
"เฮ้ นายต้องเข้าใจนะลูกพี่ หนังฉันมีตั้งสองภาคแถมยาวภาคละเกือบสองชั่วโมงก็ต้องเล่าย้อนความให้คนอ่านเข้าใจก่อนสิว่าเรื่องราวมันเป็นมายังไง ไหนจะพวกสาวน้อยวัยขบเผาะช่างสงสัยที่แอบเข้ามาอ่าน เพราะหวังว่าฟิคเรื่องนี้มันจะเอ็นซีเรทอาร์กระจาย แต่น่าเสียดายที่มันไม่ใช่"
พอถูกร่ายยาวใส่มากๆ เข้าก็เลยรู้สึกรำคาญ คงถึงเวลาที่เขาจะต้องใช้ไม้แข็งกับมันจริงๆ สักที ชายหนุ่มขยับแขนสองข้างกางกรงเล็บ เสียงเสียดสีของเหล็กดังบาดหูเล่นเอาเวดที่กำลังพูดน้ำไหลไฟดับถึงกับแผ่นกระตุกในทันที
"อธิบายมาเกิดอะไรขึ้น ไม่งั้นฉันจะตัดคอแกและยัดลงโถส้วมเน่าๆ ตรงมุมห้องนั่น"
"เฮ้อ... คุณพี่ชาย นายนี่ช่างไม่รับมุกเอาเสียเล้ย อย่างน้อยตาลุงทหารไซบอร์กจากจักรวาลดีซียังมีลูกเล่นมากกว่านายซะอีก เอาเป็นว่าสั้นๆ นายเมาปลิ้นฉันแบกกลับมานี่ ฉันขอนายเป็นแฟน นายตกลง แล้วเราก็แนบเนื้อผสมเนื้อกัน"
"แกว่าไงนะ?"
"แนบเนื้อผสมเนื้อ นี่พยายามพูดให้อยู่ในเรทพีจีแล้วนา ถ้าใส่ดีเทลเกรงว่าจะได้เรทอาร์แน่ๆ"
มาถึงตรงนี้โลแกนรู้สึกเหมือนหัวของตัวเองจะระเบิด ยกมือข้างหนึ่งนวดขมับแล้วลากยาวลงมาลูบที่ใบหน้า ให้ตายห่าสิวะ นอนกับใครไม่นอนดันมาพลาดท่าเสียทีให้ไอ้หมอนี่
โลแกนไม่ใช่พวกโฮโมโฟเบีย เขาเคยมีประการณ์กับผู้ชายมาแล้วหลายครั้ง เพียงแต่ว่าเขาชอบเนื้อหนังมังสานุ่มนิ่มแบบของพวกผู้หญิงมากกว่า ถ้าเป็นหนุ่มแปลกหน้าทั่วไปจากบาร์เขาคงจะไม่รู้สึกแย่ขนาดนี้
ก็นี่มัน 'เวด วิลสัน' ไอ้คนที่เขารู้ดีที่สุดว่าอยากจะติดหนึบกับเขาเหมือนสก็อตเทปบนกระดาษ เหมือนหมากฝรั่งใต้รองเท้า เหมือนกาวตราช้างที่เลอะมือ
"พอที ฉันไม่อยากฟังแกพูดไร้สาระแล้ว ฉันจะออกไปจากที่นี่แล้วก็ลืมทุกอย่างเหมือนว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น"
สิ้นคำพูดของโลแกน เวดถึงกับโพล่งออกมา
"นายจะไม่รักษาคำพูดเหรอ!? นั่นมัน... โคตรใจร้ายเลย หลอกให้ฉันดีใจ ขอฉันให้ฉันยอม ย่ำยีอย่างป่าเถื่อน แล้วก็จะถีบฉันส่งไปเหมือนพรมเช็ดเท้าเน่าๆ เนี่ยนะ"
"โทษที แต่แกมันก็พรมเช็ดเท้าเน่าๆ เวด"
"เจ็บจี๊ดดด"
เวดทำเสียงสองออดอ้อนกระซิกๆ ชนิดที่อยากจะจิกกระชากหน้ากากก็มากระชวกฉึกๆ เอาให้มันพรุนไปเสียทั้งหน้า
"โอเค โอเคได้! ได้! จะเลิกกันใช่ไหม!? เลิกตอนนี้เลย แล้วฉันจะจดบันทึกเอาไว้ว่านายจะเป็นแฟนคนแรกที่ฉัน-!! ใช้เวลาร่วมกันอย่างแสนสั้นที่สุด!! สั้นกว่าตอนที่ฉันใช้เวลาร่วมกันมายลิตเติ้ลโพนี่ในวันอาทิตย์!"
ไม่พูดเปล่ายังผายมือตรงแน่วไปยังเก้าอี้นวมที่มีตุ๊กตาม้ายูนิคอร์นตัวหนึ่งวางแอ้งแม้งอยู่ ส่งซีนกันดิบดี โลแกนหูแว่วราวกับได้ยินเสียงตอบรับ 'ปิ๊ปปี้' ดังออกมาจากตัวของมัน
"นายไม่รู้หรอกนะว่าฉันลำบากใจมากแค่ไหนที่ต้องบอกเลิกเธอ แสดงให้เธอเห็นว่าฉันมีนายแล้ว ให้เธอตัดใจ ให้เธอมองในตอนที่ฉันกำลังบ๊วบ-"
"เฮ้ย หยุด หยุด! หยุดสิ่งที่แกกำลังจะพูดเดี๋ยวนี้!"
โลแกนท้วงขึ้นทันควัน ลืมเรื่องเรทบ้าบอที่มันพูดนั่นเถอะ ต่อให้นี่เป็นอาร์สิบแปดอย่างที่มันว่าเขาก็ไม่ขอฟังดีเทลอะไรทั้งนั้น
"หยุดก็ได้แต่ฉันคงจะโศกเศร้าไปอีกหลายวัน นั่งร้องไห้ในบาร์ส้วมห่วยๆ ของวีเซล พร่ำพรรณนาถึงสิ่งที่เราสองคนทำมาด้วยกัน เดทแรกของเรา จูบแรกของเรา ค่ำคืนอันหวานฉ่ำของเรา จบด้วยการที่ฉันเอาไปเล่าปล่าวประกาศทั่วนิวยอร์กว่านายมันเฮงซวยที่ได้กันแล้วทิ้ง!"
สิ้นคำพูดกรงเล็บโลหะเฉียดศีรษะห่างจากหัวของเวดเพียงแค่ไม่กี่เซน มันทะลุเข้าไปในผนังห้องหลังหัวเตียง
"โอ้ พระเจ้าช่วยกล้วยสองหวี! นายเกือบจะฆ่าฉันตายแล้ว นี่ฉันอยู่ในความสัมพันธ์แบบที่มีความรุนแรงในครอบครัวหรือเนี่ย!?"
โลแกนที่ขยับอย่างรวดเร็วคร่อมร่างของอีกฝ่ายอย่างเต็มตัว ยกหมัดขึ้นแล้วกระหน่ำแทงลงไปอย่างไม่ยั้งมือ แต่ถือว่าเป็นปฏิหารย์ที่เวดไม่เจ็บตัวเลยแม้แต่น้อย พลาดทุกดอก โดนหมอนบ้าง โดนเตียงบ้าง ผ้าห่มบ้าง เล่นเอานุ่นกับใยสังเคราะห์ปลิวว่อนไปทั่ว ก็เพราะโมโหเลยมัวแต่เล็งที่หน้า นี่ถ้าโลแกนกระชวกอกหรือท้องก็คงมีจุกเจ็บกันบ้างแน่ๆ
"ถูกแฟนขี้เมาอารมณ์ป่าเถื่อนซ้อมจนตายแต่ก็เลิกไม่ได้เพราะรักเขา แม้ว่าคุณแม่จะขอร้อง"
"พอใจแล้วหรือยัง? หุบปากสักที!"
"ฉันสิที่ต้องถามนายว่าพอใจแล้วหรือยัง ดูรอบๆ ซะก่อน"
ไร้ซึ่งคำพูด เหลือเพียงเสียงหอบหายใจของชายคนหนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยอารมณ์โทสะ โลแกนขยับศีรษะกวาดสายตาไปรอบๆ เตียง เกือบดูเหมือนกับฉากในหนังระทึกขวัญขาดเพียงก็แต่เลือดกับศพ แต่แค่นี้ไม่ได้ทำให้อารมณ์ของเขาสงบมากพอที่จะพลาดโอกาสตั๊นหน้าโง่ๆ ของอีกฝ่ายสักหมัดสองหมัด ชายหนุ่มพูดผ่านลอดไรฟันที่ขบแน่น
"ไอ้คุณเวร ฉันล่ะอยากให้แกตายจริงๆ"
"ไม่เลย หัวใจของฉันได้ตายไปแล้ว นายฆ่ามัน"
โลแกนไม่คิดว่าเขาจะมีความรู้สึกแบบนี้กับคนอย่าง เวด วิลสัน ได้ ความรู้สึกผิดกับสิ่งทำลงไป เขาไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงได้ผุดขึ้นมาในหัว อาจจะเป็นเพราะน้ำเสียงที่ฟังดูจริงจังหมอนี่ หรือเพราะสภาพเตียงนอนที่เละไม่มีชิ้นดีของมัน
โลแกนจ้องมองเวดผ่านหน้ากากที่ไม่แสดงถึงสีหน้าใดๆ ในตอนนี้ชายหนุ่มไม่อาจจะเดาสิ่งที่อยู่ในหัวของอีกฝ่ายได้ ไม่รู้ว่าตัวเขาทำมันอยู่นานแค่ไหน แต่หลังจากนั้นเขาก็เย็นลงพอที่จะขยับออกจากร่างที่กำลังคร่อมทับอยู่ ทิ้งตัวนั่งลงบนพื้นที่ว่างของเตียง
"แฟนหนุ่ม... เออ ก็ได้"
"จริงเหรออออออ?"
น่าชกเป็นบ้า
"ก่อนอื่นเลยคำสั่งในสถานะแฟน เริ่มจากแกหากางเกงมาปิดไอ้นั่นสักทีเหอะ อุจาดลูกตา"
ไม่ได้พูดเปล่า แต่กลับเอื้อมตัวลงไปคว้าหยิบกางเกงบ็อกเซอร์ตัวหนึ่งที่ตกอยู่บนพื้นข้างเตียงขึ้นมาโยนใส่คู่สนทนา เข้าเป้าเต็มหน้าพอดิบพอดี
"เจ้ากี้เจ้าการ"
ถึงจะพูดเหน็บแนมหยอกเย้าแต่เวดก็ยอมใส่กางเกงตัวนั้นถึงแม้ว่ามันอาจจะเป็นกางเกงค้างปีที่ยังไม่ได้ซัก
วันนี้โลแกนชักจะเชื่อแล้วว่าสวรรค์มีจริง สงสัยแล้วว่าตัวเองไปทำกรรมอะไรเอาไว้ถึงต้องมาตกอยู่ในสภาพนี้ จะลงโทษก็มีวิธีตั้งมากมายก่ายกองไม่ใช่ส่งให้ไอ้หมอนี่มาเป็นแป้งเปียกแปะติดกางเกง เขาทิ้งความสงสัยไว้เพราะจิตใจที่เหนื่อยล้าเกินกว่าจะหาคำตอบ บางทีเรื่องนี้
ก็คงมีแต่พระเจ้าเท่านั้นแหละที่รู้
-----------------------------------
Talk. ใครว่าล่ะคนเขียนต่างหากล่ะที่รู้ เป็นคู่ที่สุ่มได้แล้ว ดีอกดีใจมากๆ เพราะชิปอยู่ เหมือนจะง่ายนะ แต่พอเอารวมกับโจทย์นี่ยากมาก คุมคาร์โลแกนให้อ่อนโยนต่อเวดในฐานะแฟนหนุ่มนี่เป็นไปไม่ได้สุดๆ เลย 555
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in