เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ALIVE : เกม ซ้อน เกมNO.W
เริ่มวันใหม่ในห้างสรรพสินค้า
  • ……….

     

    ตอนที่ 9 : เริ่มวันใหม่ในห้างสรรพสินค้า

     

    “เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่ง วางแผนก่อนดิ” ริกรีบพูดห้าม เมื่อเห็นว่าผมทำท่าจะขว้างระเบิด

    “ยังไม่ปาหรอกน่า” 

    “เอางี้ กูว่าปาไปตรงกำแพงที่ติดกับตรอกดีกว่า เปิดทางพร้อมกำจัดมันไปในตัวด้วยแล้วก็วิ่งป่าราบไปเอาจักรยานแล้วก็แว้นออกไปเลย”  ริกแนะนำ

    “มันจะทันหรอวะ ข้างนอกมันมีกี่ตัวก็ไม่รู้”  ผมถาม

    “จะไปกลัวอะไร ปืนเราก็มี”  ริกตอบ

    “งั้นกูจะปาไปตรงที่มึงบอก แต่ว่าเราจะพังประตูหน้าร้านออกไปแทนเพราะยังไงพวกซอมบี้ก็ต้องไปตรงที่เสียงดังอยู่แล้ว เราจะไปฝ่าออกตรงนั้นทำไม”  ผมบอก

    “เข้าท่านี่หว่า งั้นตามนี้ จะปาก็บอกก่อนล่ะ”  ริกสำรวจข้าวของตัวเองว่าอยู่ในสภาพพร้อม

    “งั้นก็ปามันตอนนี้แหละ จะอยู่ไปทำไม ของที่อยากได้ก็ได้แล้ว” ผมพูด

    “หนึ่ง..สอง..สาม!”  สิ้นเสียงนับผมดึงสลักระเบิดออก ขว้างไปยังผนังฝั่งตรงข้ามกับตัวผมก่อนที่ผมกับริกจะรีบหันไปถีบประตูเพื่อจะได้ออก

    “ทำไมมันแน่นจังวะไอประตูนี่ !” ริกตะโกนขึ้น เมื่อถีบเท่าไรก็ไม่สะเทือนจนผมรีบบอกให้มันถอยไปข้างหลังและสาดกระสุนใส่เข้าไปตรงกลอนและบานประตูแต่ยังไม่ทันจะหมดแม็กกาซีนผมก็ได้ยินเสียงระเบิดที่ผมปาออกไป

     

    ตูม ! 

     

    เสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นข้างๆ ผมกับริกพร้อมกับเสียงกำแพงอิฐที่พังครืนลงมากองที่พื้น เนื่องด้วยผมไม่รู้ว่าไอระเบิดที่ปาออกไปมันมีอานุภาพแรงแค่ไหนรู้แค่ว่าผมกับริกโดนแรงอัดของระเบิดซึ่งปาห่างจากตัวไม่ถึง 3 เมตรจนพวกเรากระแทกประตู พุ่งออกมานอกตัวร้าน    นอนกองแผ่อยู่กับพื้นถนนข้างหน้า

     

    “จะตายเพราะระเบิดมึงเนี่ยแหละ ไออ๋อง !”  ริกร้องโอดครวญ

    “ลืมไป ว่าห้องมันไม่ได้กว้างมันเลยห่างจากเราไม่มาก ตอนนี้รีบลุกก่อนเถอะซอมบี้มันไปทางนู้นหมดแล้ว”  ผมรีบลุกขึ้น ไม่ลืมคว้าเอาอาวุธมาด้วยถึงแม้จะเกิดเสียง วิ้ง ขึ้นในหัวพร้อมกับร่างกายที่โงนเงนทรงตัวลำบากก็ตาม

     

                ผมวิ่งไปฉุดไอริกลุกขึ้นมาก่อนจะบอกให้มันรีบวิ่งไปยังฝั่งตรงข้ามของร้านขายปืน

     “เฮ้ย ! มึงลืมจักรยานรึเปล่า” ริกถาม

    “มันไม่เหลือซากแล้วว้อย มึงหันไปดูเด้ เราไม่ตายห่าก็บุญแล้วเนี่ยระยะใกล้ขนาดนั้น” ผมตอบ

    “แล้วนี่มึงจะวิ่งไปไหน?”  ริกถามขณะวิ่งขนาบข้างผมอยู่ในตรอกเล็กๆ ตรงข้ามร้านที่เราเพิ่งถล่มไป

     “หาทางออกจากเมืองน่ะสิ” 

    “มันจะเจอมั้ยเล่าเล่นวิ่งมั่วแบบนี้”  ริกพูดก่อนจะบอกให้ผมหยุดวิ่ง

    “แล้วจะเอาไงล่ะ”  ผมถาม มองไปรอบๆ ว่ามีอะไรผิดสังเกตรึเปล่า ตอนนี้พวกเราแทบจะไม่ต้องใช้ไฟฉายแล้วเมื่อวันใหม่กำลังจะเริ่มขึ้น

    “ขึ้นไปดูที่สูงสิ”  ริกยืนนิ่งอยู่ซักพักก่อนพูดอะไรขึ้นมาประโยคหนึ่งซึ่งผมไม่ค่อยจะได้ยิน

    “ไปไหน?”  ริกลากผมไปยังประตูหลังของตึกข้างๆก่อนจะผลักผมเข้าไปข้างใน

    “มองจากที่สูงมันจะได้ง่ายขึ้นไง” ริกบอก ปิดประตูตามหลัง

     

                ทันทีที่ประตูปิดผมรีบสาดไฟฉายไปยังที่ต่างๆในความมืดทันที รู้คร่าวๆ จากที่มองก็คือโกดังเก็บของกว้างๆมีตู้สินค้ามากมายเต็มไปหมด บางตู้เป็นพวกเสื้อผ้า   บางตู้เป็นอาหาร  ไม่ก็อุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ  

    “ถ้าให้เดาน่าจะเป็นห้างนะ” ริกเอ่ยขึ้นขณะเดินไปยังประตูที่อยู่ข้างหน้า

     

                ผมเดินตามมัน ในมือกำไฟฉายแน่นสิ่งเดียวที่ทำให้ผมรู้สึกลำบากก็คือผมต้องห้อยปืนไว้กับตัวตลอดเวลา แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมอุ่นใจขึ้นมาเยอะถึงแม้จะวิ่งหรือเคลื่อนที่ลำบากไปหน่อยก็ตาม

     

                ทันทีที่พวกเราก้าวผ่านประตูห้องเก็บสินค้าเราก็ออกมาเจอกับชั้นวางของที่ยาวไปสุดเคาน์เตอร์หน้าประตูห้างนู่นเลย ภายในชั้นมากมายก็ยังคงมีของวางเรียงแน่นอยู่ถึงแม้ว่าโซนพวกอาหารแห้งหรือน้ำจะดูร่อยหรอไปบ้าง

    “นั่นไง ทางขึ้นชั้น 2”  ผมชี้ไปยังบันไดเลื่อนซึ่งอยู่ถัดมาจากเคาน์เตอร์หน้าโซนอาหารที่พวกเรายืนอยู่

    “หวังว่าในนี้มันจะไม่มี...”

    “แล้วมึงจะพูดทำไมเล่า”  ผมรีบขัดทันทีเมื่อรู้ว่าริกกำลังพูดถึงอะไร

     

                ผมกับริกเดินขึ้นบันไดเลื่อนที่หยุดแน่นิ่งมานานจนฝุ่นเกาะหนาจนรู้สึกได้ขึ้นไปยังชั้น 2 ของตัวห้าง ทันทีที่ผมเหยียบบันไดขั้นบนสุด กับรู้สึกว่าตนเองนั้นถูกจ้องมองอยู่ผมรีบส่องไฟฉายมองหาสิ่งๆ นั้นที่ทำให้ผมรู้สึกหวั่นๆ ขึ้นมา

    “เป็นอะไร”  ริกถามเมื่อเห็นผมส่องไฟไปทั่ว

    “รู้สึกเหมือนถูกจ้องอยู่ยังไงไม่รู้ดิ”  ผมตอบ

    “ชอบพากูหลอนทุกทีสิน่า”  ริกเริ่มส่องไฟหาบ้าง ในตัวอาคารยังคงมืดอยู่ เมื่อยังไม่มีแสงส่องเข้ามาเพราะยังไม่เช้าเท่าไรนัก

     

                พวกเราเดินไปตามทางผ่านร้านค้ามากมายที่ถูกทิ้งร้างเอาไว้บางร้านสภาพยังดีๆ อยู่เลยด้วยซ้ำ จนผมถามไอริกว่า  

    “เฮ่ย ! ริก ขอไปช็อปปิ้งหน่อยได้ป่ะวะ”  ผมถามเมื่อพวกเราเดินผ่านร้านขายเสื้อผ้ามามากมายจนผมเริ่มเกิดอาการอยากได้ขึ้นมา

    “เราไม่มีเวลาแล้วน่ะเว่ย เดี๋ยวจะสว่างแล้ว” 

    “กูว่าสว่างยังน่ากลัวน้อยกว่าตอนมืดนะ ไงเราก็ออกไปไม่ทันอยู่ดีล่ะน่า นี่ปาไปจะ6 โมงแล้ว ดูนู่นดิ”  ผมชี้ไปยังทิศตะวันออกผ่านกระจกใสของตัวตึกออกไปยังดวงอาทิตย์ที่เริ่มส่องแสงขึ้นมาแล้ว

    “แล้วแต่มึงละกัน รีบหน่อยก็ดี กูว่าที่นี่มันไม่น่าจะโล่งแบบนี้ ไม่มีทั้งซอมบี้และคนเลยเนี่ยสิ”

    “โอเคๆ”  ผมวิ่งนำหน้ามันไปยังร้านขายเสื้อผ้าร้านหนึ่งผมเดินก้าวเข้าไปข้างในร้านที่ค่อนข้างมืด

     

                ผมกับริกต่างเดินสำรวจภายในร้านเพื่อความปลอดภัยพร้อมกับมองดูเสื้อผ้าไปในตัวจนผมถูกใจเสื้อแจ็กเก็ตหนังสีน้ำตาลตัวหนึ่ง เมื่อเห็นว่าภายในร้านปลอดภัยจึงหยิบออกมาจากราวแขวน

     

                ผมเดินไปวางปืนทั้งสองของผมบนแคชเชียร์ก่อนคิดว่าเสื้อยืดของผมมันก็ดูซ่อมซ่อ ทั้งยังเป็นสีขาว ผมจึงเดินไปหยิบเสื้อยืดสีเทาซึ่งแขวนอยู่แถวนั้นก่อนเปลี่ยนเสื้อใหม่ตามด้วยเสื้อแจ็คเก็ตที่ผมเลือกมา

    “จะเท่ห์ไปและ”  ริกพูดเมื่อเห็นผม

    “ดูตัวเองซะมั่ง” มันเปลี่ยนไปใส่เสื้อยืดแขนยาวสีดำคอวีแทนเสื้อยืดสีฟ้าที่มีแต่รอยเลือดกับกางเกงยีนส์เข้ารูปสีฟ้าต่างจากผมที่เป็นยีนส์สีดำ

    “เสร็จแล้วก็ไปกันเถอะ”  ริกหันหลังไปหยิบปืนที่วางไว้

     

                ผมเดินไปยังเคาน์เตอร์ที่วางของไว้เพื่อจะหยิบปืนแต่ไม่ทันที่มือของผมจะทันคว้าปืนหางตาของก็เหลือบไปเห็นเงาคนยืนอยู่ข้างนอกกระจกร้าน เจ้าหมอนั่นมันส่งยิ้มแสยะให้ผมทีนึงหรือผมคิดไปเองรึเปล่าไม่รู้ผมรีบหันไปหยิบปืนขึ้นมาแต่หันมาอีกทีเจ้านั่นก็หายไปแล้ว ผมรีบสะพายปืนพร้อมกับเร่งไอริก

    “ไปเร็ว อยู่ไม่ได้แล้ว”  ผมบอก รู้สึกใจคอไม่ดีแปลกๆ

    “เห็นอะไรขึ้นมาอีกล่ะ” ไอริกถามพร้อมกับเดินออกมาจากแถวเสื้อผ้า

    “ช่างเหอะน่า ไม่ต้องขึ้นมันแล้วดาดฟ้า ออกจากที่นี่เถอะ” ผมพูดพร้อมกับเร่งฝีเท้าออกมานอกร้าน

    “เฮ่ยๆ อยู่ดีๆ มึงเป็นอะไรเนี่ย” ริกเร่งฝีเท้าตามผม

     

    เพล้ง !      เพล้ง !     เพล้ง  เพล้งๆ ๆๆๆ !!....

     

                ผมรีบหันไปทันทีเมื่อได้ยินเสียงกระจกแตกมาจากที่ไกลๆและเริ่มได้ยินชัดขึ้นเรื่อยๆ จนรู้สึกได้ว่ามันเริ่มใกล้ตัวขึ้นมาแล้ว  

    “ได้วิ่งอีกแล้วไง”  ริกพูดจบก็ออกตัววิ่งโดยมีผมวิ่งขนาบข้าง

    “ทางลงมันอยู่ฝั่งนั้น เราคงต้องหาทางลงอื่นแล้วว่ะ”  ริกบอก

     “นั่นไง ไม่เห็นจะหายากตรงไหนเลย” ผมชี้ไปยังป้ายข้างบนที่เขียนว่าทางหนีไฟซึ่งอยู่ข้างห้องน้ำก่อนที่เราสองคนจะรีบมุ่งหน้าไปยังทางนั้นทันที

     

    ……….

     

    “วิ่งเหอะไอเปา เราต้านไม่ไหวหรอก” เอิร์นตะโกนบอกเพื่อนร่างเล็กที่กำลังใช้เครื่องคิดเงินฟาดใส่หัวซอมบี้ตัวหนึ่งจนลงไปนอนจมกองเลือดที่พื้น 

     

    เพล้ง !

     

    “กูว่ามึงใช้ไม้เบสบอลเถอะ อย่าใช้ปืนเลยถ้าจะยิงได้แม่นขนาดนี้”

    “งั้นก็เอาไป” เอิร์นโยนปืนไปให้เปา

    “รีบไปเถอะ เราซวยเองล่ะที่ตามมันเข้ามาในนี้ พวกสองคนนั่นมันไม่รู้สินะว่าที่มันเดินเล่นช็อปปิ้งกันน่ะมีพวกซอมบี้แห่ตามมันไปด้วย” เปาบ่น

    “แล้วเราก็เผอิญเดินเข้ามาเจอะกับเจ้าพวกนี้พอดี” เอิร์นฟาดซอมบี้ตัวนึงอย่างจังจนมันตัวลอยพุ่งทะลุกระจกเข้าไปในร้านขายเสื้อ

    “มึงก็หยุดทำกระจกแตกซะทีเถอะ มันแห่มาเพราะเสียงนี่แหละ” เปาพูดก่อนเริ่มฝ่าเหล่าซอมบี้ที่ขวางทาง เพื่อไปยังทางออกอื่นเนื่องจากไม่สามารถลงทางบันไดเลื่อนเหมือนตอนขึ้นมาได้อีกแล้ว

    “แล้วจะให้ทำไงล่ะวะ”   เอิร์นใช้ไม้ผลักเจ้าซอมบี้ที่มาใกล้จนล้มลงกับพื้นก่อนจะเร่งฝีเท้าตามเปาไปติดๆ

     

    ..........

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in