เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ALIVE : เกม ซ้อน เกมNO.W
ทางเลือก
  • ..........

     

    ตอนที่ 33 : ทางเลือก

     

                ผมวิ่งตามพวกนอกเครื่องแบบทั้งสี่คนติดๆ  ในใจก็คิดแล้วคิดอีกว่าจะทำอย่างไรดี  เพราะถ้าปล่อยให้ไปถึงชั้น 6 ได้ล่ะก็ เจ้าหัวหน้ามันก็ดันจำหน้าเราได้ซะแล้ว นี่เราก็อยู่ชั้น 7 แล้วด้วย ชั้นที่ผมกับริกเข้ามาเมื่อตอนแรก  “จริงสิ ในเป้เรามีมือถือนี่หว่าถ้าใช้เรียกหน่วยมาล่ะก็… งั้นก็ต้องจัดการเจ้าพวกนี้ก่อนสินะ”คิดได้ดังนั้นผมกำสไนเปอร์ในมือแน่นระหว่างวิ่งตามหลังทั้งสี่คนนี้ไป ลงไปบันไดข้างหน้านี้ไปก็จะถึงชั้น 6 แล้ว

     

                ผมตัดสินใจหยุดวิ่งกะทันหัน  ดีที่ว่าพื้นปูด้วยพรม ทำให้หยุดวิ่งแล้วพวกนั้นไม่ได้ยินเสียงเท่าไหร่แต่ก็คงรู้เมื่อได้ยินเสียงปืน  ทันทีที่หยุดวิ่งผมนั่งชันเข่า สายตาประทับกล้องเล็งก่อนลั่นกระสุนใส่กลางหลังคนใส่ชุดคล้ายกับทหารพรานที่อยู่หลังสุดล้มลง ตามด้วยคนใส่ชุดพนักงานออฟฟิศข้างๆ

     

    อีกสองคนที่เหลือเมื่อได้ยินเสียงปืนก็รีบหันกลับมาและต้องตกใจเมื่อรู้ว่าพวกตนเสียท่าให้ผมซะแล้ว  ซึ่งแน่นอนว่าสายไปที่เจ้าพวกนั้นจะชักปืนขึ้นมายิงกระสุนทั้งสองนัดของผมก็จัดการปลิดชีพทั้งสองไปซะก่อนแล้ว

     

                ผมจัดการวิ่งปรี่เข้าไปยังห้องที่ตัวเองกับริกเข้ามาตอนแรก ลองบิดประตูซึ่งปรากฏว่ามันล็อค ก็แน่ล่ะกุญแจมันอยู่ในห้องนี่  ผมสะพายสไนไว้ดังเดิมก่อนชักปืนสั้นขึ้นมาทำลายส่วนลูกบิด  ผมผลักบานประตูเข้าไปสุดแรง  วิ่งไปลากศพทั้งสี่ที่เพิ่งจัดการเสร็จเข้ามาเก็บไว้ในห้องก่อนที่จะมีคนอื่นมาเห็นเข้า ผมปิดประตูตามหลังทันทีเมื่อลากมาครบทั้งสี่ แต่ก็ได้แค่ปิดเท่านั้นไม่สามารถล็อคห้องได้อยู่ดี

     

                ผมเดินไปยังตู้ล็อคเกอร์ใส่ของบิดลูกกุญแจที่คาเอาไว้กับตู้  เปิดออก  ก่อนจะหยิบเป้สะพายออกมา  มันเล็กกว่าเป้ที่ผมแบกอยู่ตอนนี้เล็กน้อย  ผมล้วงลงไปหยิบกระเป๋าหนังสีดำขนาดเท่าฝ่ามือออกมาใส่ลงในกระเป๋ากางเกง ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมา  กดเลขที่คุ้นเคยลงไปอย่างรวดเร็ว

    “ฮัลโหล !  ไอม่อน! นี่มึงทำไรอยู่”  ผมถามทันทีที่ต่อสายได้

    “อ้าว ! ว่าไง ไม่เจอตั้งหลายวันแน่ะอย่าบอกนะว่าติดเกมส์ไปซะแล้ว เกมส์ไรนะ Alive ใช่มะ”ม่อน  เพื่อนที่ทำงานด้วยกันกับผมย้อนถาม

    “เออ ! กูติด ! ติดกันจนเลิกไม่ได้แล้วเนี่ย! มึงฟังกูนะ ส่งกำลังเสริมมาตรวจการณ์ระวังภัยไว้ที่บริษัทเกมส์ALIVE ตอนนี้เลย เข้าใจมั้ย”  ผมสั่ง

    “อยู่ๆ จะให้ไปทำไมวะ”  ม่อนถาม  “ข่าวที่ว่าเกมส์นี้มีอะไรเบื้องหลังมันเป็นความจริงน่ะสิ! ไม่งั้นไม่ส่งพวกกูมาตรวจกันหรอก” ผมตอบกลับ

    “เฮ่อ ! มีงานอีกแล้วสิน่า... ทราบแล้ว !  เดี๋ยวจัดคนไปให้”  ม่อนตอบรับ

    “ซุ่มรออยู่แถวๆ ตึกล่ะ อย่าเพิ่งเปิดเผยตัว รอคำสั่งก่อน”

    “ค้าบผม ! รับทราบครับ !”  ม่อนรับคำพร้อมกับวางหูโทรศัพท์  ผมยัดโทรศัพท์ลงในกระเป๋ากางเกงหลังปลดเป้ที่แบกแทบตลอดเวลาออก 

    “เอาไปแต่ของที่ใช้ละกัน”  ผมเลือกเอาแม็กกระซีนสำรองสองแม็กออกมาบรรจุลูกให้พร้อมกับระเบิดมืออีกสองสามลูก ขวดยาอีกสองขวดที่เหลือกับกล่องยาต้านไวรัสที่ยังพอมีอยู่ กระสุนสไนเปอร์อีกกล่องหนึ่ง  ผมยัดทั้งหมดลงไปในกระเป๋าเป้เมื่อผมมาครั้งแรก

    “คล่องตัวขึ้นเยอะ”  ด้วยขนาดที่เล็กและของที่น้อยลง เนื่องจากผมไม่ได้เอากระสุนปืนกลมาด้วยและกระสุนสไนกับปืนพกก็ไม่ได้เอามาหมดทำให้น้ำหนักเบาลงเยอะเหมือนกัน

    “เอาล่ะ ป่านนี้เจ้าบ้านั่นไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ ลูกน้องมันก็เยอะซะเหลือเกินเดี๋ยวก็โผล่ๆ”  ผมเปิดประตู  ก้าวออกจากตัวห้องพร้อมกับปิดประตูตามหลัง  มีผู้เล่นคนหนึ่งเดินสวนผมไปด้วยท่าทีสงสัย  คงเพราะเนื้อตัวที่เหมือนผ่านสงครามมาหน่อยๆ ทั้งเสื้อที่เลอะคราบเลือดบางส่วนมีรอยถลอกตามเนื้อตัว  เป็นผมคงลังเลที่จะเล่นดีไม่เล่นดีแล้วล่ะถ้าเห็นแบบนี้

     

                ผมเดินลงมาชั้น6  รู้สึกว่าบรรยากาศแปลกไปหน่อยๆความรู้สึกมันวังเวงไงชอบกล ผมเดินมาได้ถึงกลางทางเดินก็มีผู้เล่นคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องข้างหน้า  ผมทำตัวตามปกติแล้วเดินผ่านไป  แต่อยู่ๆ เจ้านี่มันก็ดันหันมาล็อคแขนผมไว้ซะอย่างนั้น

     

    “เฮ้ย ๆ ! อะไรเนี่ย”  ผมดิ้นสุดแรง เริ่มคิดในใจว่าตนติดกับเข้าให้แล้ว  แล้วมันก็จริงดังที่คิดซะด้วย เพราะผมเห็นผู้ชายในชุดรปภ. อีกสองคนเดินออกมาจากบริเวณที่เอาไว้ให้ผู้เล่นนั่งพักผ่อนกัน

     

    “อั้ก !”  เดินมาไม่ทักไม่ทายเจ้า รปภ. ก็ประเคนหมัดใส่ท้องก่อนที่ผมจะเห็นศัตรูตัวฉกาจของผมเดินออกตามหลังพวก รปภ. มา เจ้าหัวหน้าบริษัทนั่นเอง  เดินออกมาในชุดสูทสีดำกับรองเท้าหนังอย่างดี  ใบหน้าดูเครียดตลอดเวลาเดินสะพายกระเป๋าเหล็กสีเงินตรงมายังผมที่ถูกลูกน้องมันล็อคตัวไว้

    “อ้าว ๆ ! ดูสิว่าฉันเจอใครเอ่ย”  มันพูดด้วยน้ำเสียงยียวน

    “คิดจะหยุดสุดยอดแผนการของฉันรึไงฮะ ! ว่าไงล่ะ” เจ้าผู้บริหารพูดต่อ

    “คิดจะล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์รึไง ถึงได้คิดไอ้อาวุธบ้าๆ นั่นออกมา” ผมถาม

    “มันคือวิวัฒนาการของมนุษยชาติต่างหาก  !”  ผู้บริหารตอบ

    “ไอ้บ้าเอ๊ย !” ผมดิ้นสุดแรงหมายจะซัดเจ้านี่ให้ได้สักหมัด

    “ใจเย็นๆ น่า อย่าเพิ่งอารมณ์ร้อน ฉันมีของขวัญมาฝากนายโดยเฉพาะเลยนา” หมอนี่พูดยียวนก่อนจะยกกระเป๋าขึ้นโชว์ให้ผมดู

    “นั่นอะไร !”  ผมถาม  

    “นายคงคิดว่าฉันไม่รู้สินะว่านายเป็นคนของหน่วยสืบราชการลับน่ะ  !  พอดีฉันบังเอิญรู้มาน่ะนะ แต่นายคงไม่อยากรู้หรอกว่าฉันรู้มาจากใครเพราะมันจะทำให้นายเจ็บซะเปล่าๆ”

    “พูดมากน่าบอกมาสั... อั้ก !”  พูดไม่ทันจบเจ้ารปภ.ก็ซัดหมัดใส่ท้องผมอีกหมัด

    “พูดขัดผู้ใหญ่มันไม่ดีนะรู้มั้ย... เอ้า ! เข้าเรื่องต่อดีกว่านายก็รู้ว่าชั้นมีห้องทดลองอยู่ที่ ALIVE และอุปกรณ์สุดล้ำที่ไม่มีจริงในโลกหลายอย่างและนายคงรู้ว่าผู้ร้ายส่วนใหญ่เมื่อรู้ว่าตนอยู่ในภาวะเสี่ยงจะโดนจับ มักจะทำอะไร  แน่นอน !  ทำลายหลักฐานไงล่ะ !”  

    “แกคงไม่คิดจะ.. อุ้ก !”  อีกหมัดตามมาติดๆ เจ้า รปภ.บ้านี่ก็หมัดหนักซะเหลือเกิน นี่ขนาดโดนแค่สามหมัดก็แทบยืนไม่ไหวแล้ว  ผมรู้สึกว่าเจ้าคนที่ล็อคตัวผมไว้มันคงเริ่มหนักหน่อยๆแล้วล่ะ

    “ก็บอกว่าให้ฟังกันก่อนๆ แน่นอนว่าฉันจะระเบิด Deathless City ทิ้งซะ หลักฐานเอาผิดฉันก็จะไม่มี และถ้านายคิดว่านั่นมันยังไม่พอล่ะก็จะบอกให้อีกสักหน่อยว่าที่นี่ฉันก็จะไม่ทำให้มันเหลือซากเหมือนกัน  ทีนี้มาเข้าเรื่องจริงๆ เลยดีกว่า  กระเป๋าใบนี้ !”  มันพูดพร้อมยกกระเป๋าขึ้นให้ดูอีกรอบ

    “มีของอยู่สองอย่าง  หนึ่ง  หัวเชื้ออาวุธชีวภาพ และสอง การ์ดบอกเวลา นี่ฉันทำขนาดพกพามาให้นายโดยเฉพาะเลยนา  เอ้าๆ ไม่ต้องสงสัยว่าเวลาอะไรมันก็เวลาของเมือง Deathless City ไงล่ะ  จะวางไว้ให้ตรงนี้นะ เดี๋ยวมาเอาซะด้วยล่ะ พอดีฉันต้องไปติดตั้งอาวุธชีวภาพแล้วน่ะ อ้อ  จะบอกอะไรให้ ฉันไม่ได้จะเอาไปขายให้ใครหรอกนะแต่ฉันแค่อยากมีคนที่จะอยู่ใต้อาณัติของฉันตลอดไปต่างหาก ฮ่าฮ่าฮ่าๆๆ !”

    “ไอ้เลวเอ้ย !”  ผมตะโกนด่าออกไปด้วยความโมโห

    “ด่าเจ็บจัง  จัดการมันซะ !” หมอนั่นพูดจบก็สั่งลูกน้องทันทีก่อนจะหันหลังเดินไปยังลิฟต์ข้างหน้า

    “ฝันดีนะไอ้หนู !”  รปภ. คนเดิมที่ชกผมพูดขึ้นก่อนเงื้อหมัดขึ้นกลางอากาศ  ความคิดแวบเดียวของผมคือจะป้องกันตัวอย่างไรดี  ก่อนที่จะโดนหมัดตรงเข้าหน้าอย่างจัง  ภาพทุกอย่างดูเลื่อนลอยสำหรับผมไปหมด  ความรู้สึกเหมือนตนเองได้ลิ้มรสชาติสนิมอยู่ไปทั่วทั้งปาก  ก่อนที่ผมจะรู้สึกว่าตนเองกำลังโดนทั้งหมัดทั้งเท้า ประเคนใส่แบบไม่เว้นช่วง  

     

    สักพักผมรู้สึกว่าตนเองกำลังร่วงลงช้าๆ ช้าๆ  “4 ช.ม.  อีก 4 ช.ม. เมืองจะระเบิดแล้วรึ” สายตาผมไปสบเข้ากับตัวเลขบนบัตรที่เจ้านั่นมันวางไว้ให้บนโต๊ะ ก่อนที่ทุกอย่างจะมืดลงและไม่รู้สึกอะไรอีกเลย…

    .

    .

    .

    .

    .

    .

                ความรู้สึกแรกเมื่อลืมตาตื่นคือระบมไปทั้งตัวและปวดหัวตึ้บ ผมนอนหมดสภาพอยู่บนพรมสีแดงที่ปูทางเดินเอาไว้   ผมรวบรวมแรงกายจากร่างกายอันบอบช้ำจากการเป็นกระสอบทรายก่อนหน้า ค่อยๆ ลุกขึ้นพิงกำแพงเพื่อประคองตัว  เดินมายังบริเวณที่เอาไว้สำหรับพักผ่อน  ผมเดินอย่างกระอักกระอ่วนเนื่องด้วยทั้งหมดแรง ทั้งระบมไปหมด

     

                ผมเอื้อมมือไปหยิบบัตรที่เจ้านั่นทำรูปทรงเดียวกับไอดีการ์ดของผม  เหมือนนามบัตรใสๆ ที่ตรงกลางบอกเวลาเป็นตัวเลขสีแดงกำลังนับถอยหลังช้าๆ

    “2 ชั่วโมง !  นี่กูสลบไป 2 ชั่วโมงหรอเนี่ย ! ชิบหายแล้ว !” ผมตกใจสุดๆ เมื่อเห็นเวลาที่เหลือก่อนที่เมืองจะระเบิด  ผมรีบลุกขึ้นอย่างเร็วก่อนจะฮวบลงด้วยอาการเจ็บแปลบทุกครั้งที่ขยับตัว  รีบเดินเพื่อที่จะเข้าห้อง  จะได้วาร์ปไปบอกเจ้าพวกนั้น แต่อยู่ๆ สมองมันก็แว่บขึ้นมาว่า

    “แล้วถ้าเลือกไปหยุดระเบิดที่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนตอนนี้  จะทำยังไงกับอาวุธชีวภาพที่เจ้านั่นมันจะใช้กับคนในเมืองนี้ล่ะไม่ใช่แค่ในเมืองสิ มันต้องระบาดไปทั้งโลกแน่ๆ”  

     

    “จะไปช่วยเพื่อนหรือไปช่วยโลก…” ผมทรุดฮวบลงไปนั่งกับโซฟาสำหรับพักผ่อนทันที  เมื่ออยู่ๆ ผมก็มีทางที่ต้องเลือก....

     

    ..........

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in