เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ALIVE : เกม ซ้อน เกมNO.W
จะรอดไหมล่ะคราวนี้
  • ……….

     

    ตอนที่ 23 : จะรอดไหมล่ะคราวนี้

     

    ‘เอาไงดีๆ’  ผมนึกในใจขณะวิ่งผ่านทางที่เราเลี้ยวมา มายังทางซ้ายของตอนแรกที่เราไม่ได้เลือก

    “นี่มันอะไรวะเนี่ย”  ริกร้องด้วยความตกใจเมื่อภาพทางซ้ายมือของทางแคบๆ ที่เรากำลังวิ่งอยู่เผยภาพศพมนุษย์นอนกองซ้อนกันเป็นระเบียบเต็มพื้นที่ว่างที่ออกจะโสโครกไม่ต่างกับพื้นที่เรากำลังวิ่งอยู่เลย

    “จับไอ้สองคนนั้นไว้ !”  ชายในชุด รปภ. สีดำเข้มตะโกนไล่หลังเรามา

    “มันจะตะโกนทำไมวะในเมื่อพวกมันก็วิ่งไล่เราอยู่”  ริกถามขณะวิ่งตามทางชื้นแฉะแคบๆ ผ่านกองซากศพนับร้อยศพได้

    “กูรู้และว่ามันตะโกนบอกใคร เข้าไปในนี้เร็วเข้า !”  ผมรีบบอกริกทันทีเมื่อเห็นเงาของชายในชุดรปภ. อยู่ห่างออกไปไม่ไกลจากข้างหน้าเรานัก

    “ให้เข้าไปไหนล่ะ อย่าบอกนะว่า...”

    “รีบๆ เข้าไปเหอะน่า ! มานี่ !” ผมวิ่งผ่านกองซากศพที่เหมือนถูกแบ่งเอาไว้เป็นส่วนๆ ทำให้มีทางเดินระหว่างแต่ละกองได้และนั่นเท่ากับว่าเรามีบังเกอร์หลบกระสุนปืนแล้วถึงแม้จะไม่ค่อยอยากจะได้สักเท่าไหร่ก็เถอะ

    “ไม่ไหวนะอ๋อง หยั่งงี้”  ริกพูดด้วยความแหยงสุดชีวิตเมื่อต้องเข้ามาอยู่ท่ามกลางศพนับร้อย

    “ก้มลงไปเร็วเข้า อย่าให้กูต้องผลักมึงนะ”  ผมบังคับมันให้ก้มลงไปเพื่อให้ศพที่กองไว้บังเรา

    “กลิ่นสุดทนจริงๆ”  ผมพูดเมื่อได้กลิ่นเหม็นเน่าของศพแรงขึ้นเมื่อก้มลงหลบ

    “เพิ่งรู้รึไง !”  ริกพูดเสียงดัง

    “ชู่วว !  เดี๋ยวมันก็รู้หรอก”  ผมพูดปรามให้มันเบาเสียงลง ก่อนจะดึงปืนสั้นที่เหน็บไว้ข้างหลังกางเกงออกมา

    “ดีนะที่กูเอามาด้วย”  ผมพูด

    “มึงยังดีมีปืน แต่กูอ่ะ มีมีด”  ริกพูดก่อนจะดึงมีดที่เหน็บไว้ที่ขาออกมาถือไว้

    “เอาน่า ช่วยๆ กันไงก็ชนะเว่ย”  ผมพูดให้กำลังใจ

    “มันอยู่ในนี้แหละ หาให้ทั่ว !”  หนึ่งใน รปภ. ตะโกนขึ้น

    “เสื้อกูก็เพิ่งซื้อด้วย”  ริกพูดพลางมองเสื้อที่เลอะคราบเลือดจากศพและน้ำที่ขังตามพื้น

    “กูก็ซื้อพร้อมมึงน่ะแหละ คิดมากไปได้ เอาตอนนี้ให้รอดก่อนเถอะ”  ผมชะโงกหน้าขึ้นเหนือกองซากศพก่อนเห็น รปภ. สี่คนกำลังเดินหาพวกเราอยู่  ยังดีที่ในนี้ค่อนข้างมืด  ทำให้หาลำบากขึ้น อีกทั้งยังมีซากศพอยู่ทำให้หาพวกเรายากเข้าไปใหญ่ ซึ่งตอนนี้พวกเราแทบจะอยู่ในสุดของห้องแยกศพนี่

    “ซ้าย 2 ขวา 2 เดี๋ยวกูเป็นคนเปิดก่อนในนี้มันก้องเสียงปืนคงไม่น่าจะบอกตำแหน่งเราเท่าไหร่”  ผมบอกริกที่ยังคงทำท่าแหยงกับศพที่ล้อมรอบตัว

    “ยิงก็สงสารหูกูด้วยละกัน”  ริกพูดก่อนกำมีดในมือแน่นพลางเงี่ยหูฟังเสียงรอบข้าง

     

    ปัง

     

                ผมเปิดฉากยิงใส่คนแรกที่ถัดจากเราไปสองกองซึ่งใกล้สุดในระยะที่ผมยังคงยิ่งแม่นอยู่ เจ้านั่นหงายหลังไปกระแทกกับศพข้างหลัง

    “อย่าลืมล่ะ  มันอาจใส่เกราะอยู่” ริกเตือนก่อนแหงนหน้าขึ้นมองสถานการณ์แต่ก็อดเหวอกับการที่จะต้องอยู่ใกล้ศพไม่ได้

    “มันอยู่ไหนวะ !”  หนึ่งในเจ้าหน้าที่ตะโกนลั่น ก่อนส่ายปืนที่มีไฟฉายติดปลายอยู่ไปทั่ว

    “ระวังด้วยมันมีปืน !”  อีกคนตะโกนบอก

    “มึงจะไปไหน”  ริกถามเมื่อเห็นผมทำท่าจะเคลื่อนตัวออกไป

    “ไปเอาปืนให้มึงไง ตามมาสิ”  ผมพูดก่อนพุ่งหลาออกไปหลบข้างหลังอีกกองนึงแต่ยังไม่ทันที่ริกจะพุ่งตามมา กระสุนปืนก็ยิงไล่หลังผมมาซะแล้ว

    “มันอยู่ตรงโน้น !”  ผมเห็นไฟฉายของปืนถูกชี้มาตรงนี้ทั้งหมด 3 กระบอก

     

                ผมมองหน้าริกพลางทำสัญญาณบอกให้มันถอยหลังไปอีกกองนึงก่อนที่ผมจะชะโงกออกไปยิงอีกคน แต่คราวนี้กลับไปโดนกองศพจนเลือดของศพกระเซ็นไปทั่วบริเวณ  ตอนนี้ริกพุ่งไปยังอีกกองแล้วโดยที่พวกมันคิดว่าเรายังอยู่ด้วยกันตรงนี้ต่างก็มุ่งความสนใจมายังจุดที่ผมอยู่

    “โอย จะบ้าตาย นี่กูต้องมาคลานอยู่กับศพเหรอเนี่ย”  ริกพึมพำระหว่างคลานอ้อมไปข้างหลังพวกรปภ. นี่

     

    ปัง ! เสียงปืนยิงตอบโต้ไปมาของอ๋องกับยามพวกนั้นทำเอาเกิดเสียงดังกังวานไปทั่วห้อง

    “เอ่า  มันใส่เกราะไม่ใช่รึ  ไหงมันยังนอนนิ่งอีกล่ะ”  ริกพูดพลางมองข้ามซากศพตรงหน้าเพื่อมองรปภ. ที่โดนอ๋องยิงไปตอนแรก  เขาคลานอ้อมไปข้างหลังเพื่อที่จะได้เข้าไปเช็คดูว่ามันตายจริงหรือแค่หลอก  แต่ระหว่างทางก็ต้องคอยระวังด้วยเพราะรู้สึกว่ากระสุนปืนอ๋องมันจะเฉี่ยวมาโดนศพแถวๆ นี้เกือบจะทุกนัด

    “กูจะเป็นศพเพราะมึงเนี่ยแหละ”  ริกเอ่ยขึ้น ก่อนชักมีดในมือออกมาเมื่อมาถึงจุดที่เจ้านั่นมันนอนอยู่ริกกระโจนเข้าไปหาและใช้มีดแทงเข้าที่ท้องอย่างแรงหวังจะให้ทะลุเกราะแต่กลับกลายเป็นว่ามีดทั้งด้ามหายเข้าไปในหน้าท้องเจ้ารปภ. จนมิดด้าม ก่อนจะมีเลือดกระอักออกมาที่ปากเจ้าพนักงานที่นอนกุมบาดแผลจากการโดนยิงไว้

    “กรรม ชุดยามปกตินี่หว่า ไอ้เราก็นึกว่าใส่เกราะ”  ริกพูด หยิบปืนสั้นที่มีไฟฉายเหน็บไว้ที่ปลายปืนขึ้นมาจากพื้นข้างๆก่อนเหน็บมีดเก็บตามเดิมและเช็คว่าไอ้นี่มันตายชัวร์แล้ว

     

    ปัง !  เสียงปืนดังขึ้นสองนัดก่อนไฟที่คอยส่องมาทางผมจะดับไปหนึ่งดวงผมรีบลุกขึ้นมาก่อนจะพบว่าริกได้ปืนมาแล้ว และตอนนี้ก็เหลือ รปภ. ที่อยู่กึ่งกลางระหว่างผมกับริกแค่คนเดียว ปัง !  เสียงปืนดังขึ้นอีกนัดก่อนที่ผมจะเห็นเงาที่คุ้นเคยของริกยืนโผล่ขึ้นมาในมือส่องไฟฉายมายังผม

    “โหดจริงไรจริงคนนี้”  ผมตะโกนบอกริกที่ห่างไปสองสามบล็อกของศพที่กองอยู่

    “รีบออกจากตรงนี้เถอะ จะอ้วกแล้วเนี่ย โคตรเหมือนจริงอ่ะ”  ริกพูดพลางเอามือปิดจมูก

    “นี่เราฆ่าเจ้าหน้าที่ของเกมส์ไปจะโดนไรมั่งวะเนี่ย”  ผมพูดเมื่อเดินมาถึงจุดที่ริกยืนอยู่พร้อมกับบอกให้มันปิดไฟฉายที่ปืนซะเพราะมันเป็นเครื่องบอกตำแหน่งอย่างดีทีเดียว

    “ป่านนี้คงมีประกาศจับแล้วมั้ง  ไม่ก็อาจจะโดนแบนก็ได้” ริกว่า

    “น้ำเสียงเหมือนไม่กลัวเลยเนอะมึงเนี่ย”  ผมถาม

    “ป้องกันตัวเองนี่หว่า ใครจะอยากโดนจับล่ะ โดนเป็นหนูทดลองอะไรก็ไม่รู้ใครจะอยากเป็นล่ะวะ” ริกบอก

    “ไปต่อเถอะ”  ผมนำริกออกมาทางซ้ายของห้องซึ่งเป็นทางไปต่อจากจุดที่เราเข้ามาหลบในห้องที่เต็มไปด้วยศพนี่

    “รู้สึกว่านั่นจะเป็นบันไดนะ”  ริกพูดพร้อมกับชี้ไปยังเงาประตูเหล็กข้างหน้า

    “แล้วนี่ลงไปไหนวะเนี่ย”  ผมพูดพร้อมกับมองทางขวามือที่มีบันไดทอดลงไปยังชั้นล่างอีก

    “มึงจะลงรึไง รีบออกจากนี่เถอะก่อนที่จะจิตตกไปมากกว่านี้”  ริกพูดก่อนจะยกที่ล็อคประตูออกแล่วค่อยๆดึงประตูเข้าหาตัวช้าๆ เพื่อเปิด

    “ดูดิ๊ โล่งป่าว”  ริกถามพลางดึงประตูไว้

     

                ผมค่อยๆ ชะโงกหน้าออกไปดูซึ่งประตูนี่มันพาพวกเรามาโผล่ตรงส่วนไหนก็ไม่รู้  รู้แต่ว่าข้างนอกที่ผมเห็นเป็นล็อบบี้ชั้นหนึ่งแน่ๆแต่ตอนนี้ผมเห็น รปภ. กับอาวุธครบมือกำลังวิ่งมาทางผมราวๆ ห้าคนได้  “มึงริบปิดเลยนะ”  ผมบอกริกก่อนจะหันหลังเตรียมตั้งท่าวิ่งกลับไปทางเดิมที่เรามา

    “มีไรอีกล่ะ... แหม่  มากันซะเยอะเลย” ริกรีบปิดประตูทันทีพร้อมล็อคประตูตามเดิม เมื่อยื่นหน้าออกไปเห็นภาพรปภ. หลายคนกำลังวิ่งตรงมาทางเรา

    “ไป ๆ ๆ !”  ริกตะโกน

    “ไม่ต้องบอกกูหรอกน่า”  ผมออกตัววิ่งก่อนหักเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางเดิมที่เราวิ่งกันมา ผมกับริกวิ่งมาจนถึงแยกเดิม ผมเหลือบไปมองลิฟต์ที่พาเราลงมาซึ่งก็ยังแน่นิ่งไม่มีทีท่าจะขยับเหมือนเดิมก่อนจะต้องเบรกฝีเท้าลงทันทีเมื่อถึงเขตห้องแล็บข้างหน้าซึ่งก่อนหน้านี้ได้ยินพนักงานสองคนคุยกัน

    “รอไรเล่า ไม่ต้องแอบเอิ่บมันแล้ว มันไล่หลังเรามาแล้วเนี่ย”  ริกพูดไม่ทันขาดคำก็ได้ยินเสียงปิดประตูดังกึ้ง ! ก่อนจะตามด้วยเสียงฝีเท้ามากมายที่กำลังตามเรามา

     

                สองข้างทางเป็นห้องแล็บที่ค่อนข้างดูสะอาดกว่าข้างนอก  มีศพนอนนิ่งอยู่บนเตียงห้องละเกือบสิบเตียงได้ และแน่นอนว่าตอนนี้พนักงานทั้งหมดก็เห็นเราสองคนแล้วด้วย ต่างก็ทำท่างุนงง  และบางคนก็กระวนกระวาย  แต่ที่ผมเห็นชัดสุดก็คือไม่มีทางไปต่อแล้วแน่ๆ นอกจากประตูเข้าสองห้องนี่

    “ทางตัน”   ผมพูด

    “จบแล้วมึงทีนี้”  ริกพูดด้วยน้ำเสียงหมดหวัง  “มันมากันแล้วด้วย”  ริกพูดก่อนจะหันไปมองกลุ่ม รปภ. ที่วิ่งตรงมาทางนี้พร้อมกับอาวุธปืนในมือ

    “มันต้องมีทางออกสิวะ !”  ผมมองนู่นนี่ไปมาพยายามหาทางออกและคิดไปด้วยก่อนจะเห็นว่าผู้หญิงคนที่บอกให้พวกเราวิ่งหนีก็อยู่ในห้องกับไอผู้ชายที่ชื่อเอริค อะไรนั่น  “มานี่เร็วไอริก!”  ผมผลักประตูกระจกทางซ้ายเพื่อเข้าไปข้างในห้องซึ่งตอนนี้พวกพนักงานที่ใส่เสื้อกราวน์เหมือนนักวิจัยเริ่มแตกตื่นกันแล้ว

    “พวกเธอ..ยังไม่....”  คนที่ชื่อเอริคมีท่าทางตกใจเมื่อยังเห็นเราสองคนเดินเข้ามา

    “ใช่ ! ไม่ตาย”  ผมต่อประโยคให้ครบ “มานี่ ! เดี๋ยวนี้ !”  ผมเอาปืนจ่อเอริคที่ท่าทางตกใจยิ่งกว่าเก่า ให้เดินเข้ามาหาตัวก่อนจะล็อคตัวไว้เพื่อใช้เป็นตัวประกันกับรปภ. ที่ตอนนี้แห่มาแล้ว

     

    เพล้ง ! เสียงกระจกห้องแล็บแตกด้วยกระสุนปืนที่พวกรปภ. ยิงใส่ก่อนที่ทั้งหมดห้าคน จะยืนเรียงเอาปืนจ่อมาทางผมกับริก

    “ยกมือขึ้นและยอมจำนนซะ !”  หนึ่งใน รปภ. ตะโกนขึ้น

    “พวกมึงน่ะแหละวางปืนซะ ไม่งั้นไอ้นี่ตาย !”  ผมตะโกนออกไปพลางกดปืนไปที่หัวเอริคเหมือนในหนังที่พวกผู้ร้ายชอบทำกันก่อนหันไปมองริกที่ทำหน้าเหมือนกับว่า ‘มึงเป็นห่าอะไรของมึงเนี่ย’

     

                ผมค่อยๆ ก้าวออกไปนอกประตูโดยในมือก็ยังคงจ่อปืนที่หัวเจ้าเอริคอยู่ซึ่งออกอาการสั่นเล็กๆ  “ถอยไป ! ไม่งั้นไอ้หมอนี่ตาย !”  ผมตะโกนเพื่อเปิดทางซึ่งดูเหมือนว่าพวกรปภ. หันไปสบตากันก่อนค่อยๆ เปิดทางให้พวกเราเดินฝ่าออกไป

     

                ทันทีที่พ้นพวก รปภ.ผมก็หันขวับกลับมาเดินหันหลัง เนื่องด้วยไม่แน่ใจเจ้าพวกนี้นักจึงลากเอริคไปด้วยโดยมีริกที่ตอนนี้เดินนำหน้าให้

    “คิดว่าออกจากตึกนี้แล้วจะรอดรึไง”  เอริคถาม

    “ก็ยังไม่รู้สิ”  ผมตอบ

    “พวกแกสองคนไม่ได้ตายดีแน่ ฮ่าๆๆ”  เอริคพูดจบก็หัวเราะเสียงดัง “หุบปากน่า อยากตายรึไง” ผมเอาปืนขู่จนเงียบอีกครั้ง  เราเดินใกล้จะถึงแยกที่เราลงมาตอนแรกแล้ว

    “อ๋อง ลิฟต์มันใช้ได้แล้วว่ะ”  ริกพูด น้ำเสียงตื่นเต้นเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าไฟในลิฟต์กลับมาทำงานอีกครั้งผมจึงรีบเปลี่ยนเส้นทางเข้าไปทางเดิมที่มาทันที

    “ทำไมทุกคนถึงกลัวตายกันนักในเมื่อนี่มันก็แค่เกมส์”  ผมถามระหว่างเดินย่ำเท้าลงไปในพื้นแฉะๆ เพื่อมุ่งหน้าไปยังลิฟต์

    “จะรู้ไปทำ...ก็ได้ๆๆ”  เอริครีบตอบตกลงทันทีเมื่อผมกดปืนลงไปที่หัว

    “ถ้าชั้นบอกว่าพวกนายไม่ได้อยู่ในเกมส์มาตั้งแต่แรกล่ะ”  เอริคพูดขึ้น

    “จะบ้ารึไง !  เป็นไปไม่ได้  งั้นเราจะไปโผล่ที่นอกชานเมืองตอนแรกได้ไงล่ะ” ริกย้อนถาม

    “เอาความจริง”  ผมย้ำ

    “นี่แหละ ความ จรี....”  เอริคพูดไม่ทันจบก็โดนหนึ่งใน รปภ.ยิงเข้าใส่ลำตัวทันที  ทำเอาผมกับริกตกใจเมื่ออยู่ดีๆ เจ้าหน้าที่ก็ยิงตัวประกันเองซะงั้น

    “พูดมากเกินไปแล้ว”  คนที่ท่าทางเหมือนหัวหน้า รปภ. พูดขึ้น

    “เอ้า !  จัดการซะ” หัวหน้ารปภ.สั่งลูกน้องข้างหลัง ก่อนที่ทุกคนจะเริ่มเปิดฉากยิง ผมรีบตะโกนบอกริกให้วิ่งเข้าไปในลิฟทันทีที่กระสุนนัดแรกพุ่งเข้าใส่ร่างเอริคที่ผมใช้บังตัวเองอยู่ก่อนยิงโต้ออกไปบ้างซึ่งพวกมันถึงกับเหวอเลยเพราะไม่มีแม้แต่ที่กำบังซึ่งก็ไม่ต่างกับเป้านิ่งในที่แคบๆ

    ผมจึงยิงจัดการไปได้สองคนก่อนที่คนหลังๆ เริ่มถอยหลังหนีไปพร้อมๆกับเจ้าคนหัวหน้าด้วย  ผมรีบโยนร่างที่คงจะพรุนไปด้วยกระสุนของเอริค  รีบเข้าไปในลิฟต์พร้อมกับยิงถ่วงเวลาไปด้วย ไม่งั้นเราจะกลายเป็นเป้านิ่งซะเอง

    “เปิดประตูมาไม่ใช่มารอเป็นกองทัพแล้วนะ”  ริกพูดเมื่อลิฟต์ปิดประตูลงและได้ยินเสียงกระสุนกระทบประตูของพวกรปภ. นั่นที่ยังคงยิงอยู่

    “ไม่รู้เหมือนกัน เดี๋ยวโทรบอกพวกไอเปาให้ไปเตรียมของรอที่โรงแรมเลย สงสัยจะอยู่ไม่ได้แล้วล่ะ” ผมพูดก่อนที่ลิฟต์จะเกิดเสียงดังขึ้นเมื่อถึงชั้น1 ผมเปลี่ยนแม็กสำรองที่เหน็บมา ก่อนที่ทั้งริกและผมต่างกำปืนไว้แน่นพร้อมยิง

    “มึงว่าไอ้บ้าเอริค ที่บอกว่าเราไม่ได้อยู่ในเกมส์ ถ้ามันพูดจริงแล้วตอนนี้เราอยู่ไหน” ริกถาม

    “เราถึงต้องรู้ให้ได้ไง แต่ตอนนี้รอดออกไปจากนี่ให้ได้ก่อนดีกว่า”  ผมพูดก่อนที่ประตูลิฟต์จะค่อยๆเปิดออก

     

    ..........

     

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in