เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ALIVE : เกม ซ้อน เกมNO.W
สงครามกลางเมือง
  • ……….

     

    ตอนที่ 13 : สงครามกลางเมือง

     

    “ระยะมันไม่ไกลเท่าไหร่ เราน่าจะหันหลังวิ่งทันนะ”  ริกเสนอความเห็น

    “เราไม่รู้ไงว่ามันใช้ปืนกลธรรมดาหรือสไนเปอร์ ถ้าอย่างหลังนี่คงรอดยาก”เอิร์นซึ่งยืนข้างกับเปาพูดขึ้น

    “พวกกูอ่ะมีเกราะ โดนยิงยังไม่ถึงตาย แต่มึงสองคนอ่ะโดนทีไม่น่ารอด” เปาที่ตายังจับจ้องไปที่ปั้มน้ำมันพูดขึ้นพลางมองหาวิธีที่จะออกไปจากจุดนี้ให้ได้

     

                ผมหยิบไอดีการ์ดขึ้นมาเพื่อจะดูแผนที่  แต่ก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าในระยะ 1 กิโลเมตร  มีผู้เล่นอื่นอีกตั้ง 10 กว่าคน  ก่อนจะบอกพวกเปามันก็ส่งสัญญาณตอบมาว่ามันรู้แล้ว

     

    “มันเริ่มเดินมาหาเราแล้ว”  เปาพูด  ผมเก็บไอดีการ์ดเข้ากระเป๋า

    “เอาไงล่ะ  วิ่งเถอะ ระยะมันยังไม่เท่าไหร่ไม่เสี่ยงก็ไม่รู้ ยังไงมันคงฆ่าเราอยู่ดีแหละ”  ริกพูด

    “มันก็จริง แต่เราไม่รู้ว่ามีพวกมันดักซุ่มตรงไหนบ้างรึเปล่าไง”  เปาตอบ

    “ไม่ต้องสนใจมากก็ได้ ปัญหาน่ะ  ลุยๆไปเถอะเอาไงบอกกูละกัน กูพร้อม”  เอิร์นพูด

    “เอาตามนี้แหละ พอกูนับถึงสามมึงยิงขู่มันนะไอเปา แล้วหันหลังวิ่งเลย”ผมพูดก่อนเริ่มนับ

     

    “หนึ่ง สอง....สาม !” 

     

    ตู้ม !

     

     

                อยู่ดีๆ รถที่อยู่ข้างหน้าเปาก็เกิดระเบิดขึ้นจนมันลอยขึ้นไปสองสามเมตรได้  ก่อนจะตกมากระแทกพื้นถนนข้างๆ พวกเรา  จนเกิดรอยแตกใหญ่บนพื้นถนน

    “สงสัยมันจะเป็นฝ่ายเปิดแล้วล่ะ วิ่ง !”   เปาตะโกนบอกพวกเรา

     

                ผมหันกลับ แต่พอจะออกตัววิ่งก็ดันไปเจอคนยืนอยู่ข้างหน้ากลุ่มเรา  ห่างไปเกือบสิบช่วงรถได้  ก่อนบอกพวกมันให้รีบก้มหลบกระสุนทันทีเมื่อเห็นว่าไอ้เจ้านั่นมันยกปืนขึ้นมา

     

    เปล้ง !

     

                เสียงกระสุนปืนกระทบเข้ากับตัวรถอย่างจัง ดีนะที่เจ้านั่นมันยิงไม่แม่นเพราะขนาดไม่แม่นนี่รถรอบตัวยังเต็มไปด้วยรูกระสุนขนาดนี้  ตอนนี้พวกเราหลบอยู่หลังตัวรถ  เพื่อดูสถานการณ์  เปาหยิบกล้องส่องทางไกลขึ้นมาส่องไปรอบๆ เพื่อมองหาข้าศึก

     

                ส่วนริกหยิบปืนขึ้นมาเตรียมตอบโต้บ้างแล้ว ผมจึงคว้าสไนเปอร์ขึ้นมาบ้าง โดยหวังว่าอย่างน้อยมันก็น่าจะยิงได้แม่นกว่าปืนกลแน่ๆ

    “มึงจะส่องกล้องไปทำไมวะ ไอเปา”  ริกถาม

    “ถ้าเราส่องเห็นศัตรูแล้วตำแหน่งมันจะขึ้นบอกในไอดีการ์ด ตอนนี้กูแชร์ให้ทุกคนที่เพิ่มเพื่อนกูเห็นหมดแล้วจะได้รู้ว่ามันอยู่ตรงไหน แต่มันก็ได้แค่ ในรัศมี 1 กิโลเมตรเหมือนกัน”  เปาตอบก่อนจะบอกให้ผมกับริกรีบเพิ่มเพื่อนมันเข้าไปในไอดีการ์ด

    “ไอดีการ์ดนี่มันมีดีเหมือนกันนี่หว่า”  ริกพูดหลังจากเห็นจุดเล็กๆ ในแผนที่นับสิบรอบๆ แยกถนนที่เราอยู่

    “รู้แล้วเครียดกว่าเก่าอีกแฮะ โดนล้อมชัดๆ หยั่งงี้” ผมตอบก่อนจะยิงโต้กลับออกไปเพื่อชะลอความเร็วในการบุกของพวกมันให้ช้าลงหน่อย

    “เราแยกกันไปดีกว่า แล้วค่อยมาเจอกันใหม่ ไม่งั้นมันได้ระดมทั้งกระสุนและระเบิดใส่พวกเราแน่ๆ ส่วนจุดนัดพบค่อยคุยกันในไอดีการ์ดเอา” เอิร์นพูด

    “ก็จริงนะ  แบ่งๆ พวกมันกันไป พวกมันจะได้ไม่ใช้ของใหญ่ในการปล้นเรา”เปาเห็นด้วย

    “ไม่มีอะไรใหญ่เท่าระเบิดแล้วแหละกูว่า”  ริกพูดก่อนลุกขึ้นยิงตอบโต้กับพวกมัน

    “เอาไงก็เอา ไปเร็วไอริก !” ผมบอกมันก่อนกราดยิงออกไปข้างหน้าจนพวกมันต้องก้มหลบ แล้วใช้จังหวะนี้ในการวิ่งหนีให้ห่างจากใจกลางถนนให้มากที่สุดไม่อย่างนั้นมันคงไม่ต่างกับหมูในอวยเป็นแน่ 

     

                ระหว่างที่ผมกับริกกำลังฝ่ากันออกมาผมก็เหลือบไปเห็นเปากับเอิร์นฝ่าด่านกันออกไปอีกทางเหมือนกัน  

    “ไอริกก้มเร็ว”  ผมตะโกนบอกมันก่อนตัวเองจะรีบหมอบลงไปกับพื้นทันทีเมื่ออีกฝ่ายต่างระดมห่ากระสุนหมายจะฆ่าพวกเราสองคน

    “กูอยากจะรู้จริงๆ ว่าทำไมมันไม่เก็บกระสุนเอาไว้ไปใช้กับซอมบี้”  ริกมองลอดหน้าต่างรถที่แตกละเอียดออกไปมองเจ้ากลุ่มคนที่หมายจะฆ่าพวกเราที่ต่างเดินต่างวิ่งมาทางเราสองคน พวกมันค่อยๆ เดินฝ่าซากรถที่อยู่เกลื่อนกลาดไปทั่วท้องถนนซึ่งมันก็เปรียบเสมือนบังเกอร์ป้องกันอันตรายสำหรับผมกับริกเหมือนกัน

    “รีบลุกให้ไวเลยเร็วเข้า ! เดี๋ยวกูคุ้มกันให้มึงวิ่งเข้าไปในตรอกทางนั้นซะ !” ริกตะโกนบอกก่อนยิงสู้กับศัตรูที่เริ่มกระหน่ำดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ

     

                ผมรีบลุกขึ้นวิ่งไปข้างหน้าก่อนสไลด์ตัวเข้าไปหลังรถอีกคันซึ่งอยู่ถัดมา  ตะโกนบอกให้ริกรีบวิ่งออกมาจากตรงนั้น

     

                ผมใช้สไนไม้คอยยิงคุ้มกันให้มันอันที่จริงก็กะจะฆ่าหรอกนะแต่ผมดันยิงไม่แม่นอีก

    ได้แต่ทำให้พวกมันสะดุ้งโหยงก่อนรีบหลบหลังรถเท่านั้น

    “วิ่งเข้าตรอกทางนั้น !”   ริกที่วิ่งมาถึงตัวรถก็ตะโกนบอกก่อนวิ่งเลยไปยังตรอกข้างหลังผม

    “ไอห่า ไม่รอกูเลยนะ”  ผมพูดกะจะให้มันได้ยินแต่มันดันวิ่งไปไกลซะแล้ว  ผมยิงไปอีกนัดก่อนจะหันหลังวิ่งตามมันไปยังตรอกที่ว่า

    “โอ้ย !”  ผมร้อง หลังจากรู้สึกว่าตัวเองโดนยิงเข้าที่ขาจนตัวเองล้มหน้าคะมำไถลไปกับพื้นถนนข้างหน้าก่อนจะเห็นไอริกวิ่งมาทางผมขณะที่ผมกำลังกลิ้งอยู่

    “ ลุกเร็วเข้า ! มึงอยากตายรึไงฮะ”   ริกรีบหามผมขึ้นทันที

    “มึงนั่นแหละจะปล่อยให้กูตาย”  ผมพยายามลุกขึ้น ก่อนรีบเดินให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยมีริกหามอยู่ 

    “ไอ้พวกนี้ก็น้า.... แค้นอะไรกูนักหนาวะ”  ริกบ่นเมื่อเจ้าพวกนั้นมันยังไล่ยิงพวกเรามา

    “หาจุดตั้งหลักแล้วยิงโต้คืนบ้างเถอะ ตอนนี้พวกมันไม่มีทางป้องกันได้แน่ ถ้าอยู่ในที่โล่ง”

    “จริง”  ริกพูด

    “มึงเห็นถังขยะใบใหญ่ตรงนั้นมั้ย”  ผมชี้ไปยังถังขยะที่ตั้งให้สนิมขึ้นพร้อมกับส่งกลิ่นโชยแปลกๆออกมา  มันถูกตั้งอยู่ในส่วนมืดของตรอก

    “อือ ทำไม”  ริกถาม

    “กูจะไปซุ่มยิงตรงนั้น แล้วมึงก็เข้าไปข้างในตึกนี้ซะไปหาที่ซุ่มข้างใน  พอมันตามมึงมาถึงตรงนี้กูก็จะใช้สไนดักเล็งยิงมันได้” ผมพูด

    “แต่นั่นมันทางตันนะ แค่มึงยิงนัดแรกมันก็รู้แล้วว่ามึงอยู่ไหน”  ริกพูดก่อนจะยิงออกไปยังถนนเพื่อขู่พวกมันไว้

    “เอาเถอะน่า อย่างน้อยก็น่าจะฆ่าได้ซัก 1-2 คนแหละเดี๋ยวมันคงไม่กล้าเข้ามาแล้วล่ะที่เห็นเพื่อนเข้ามาแล้วตายน่ะ” ผมพูด

    “เร็วเข้า ! ไม่มีเวลาแล้ว”  ผมผลักริกไปทางประตูหลังของตึกข้างๆ นี่ ก่อนตัวเองจะเดินกระเผลกๆไปยังเจ้าถังขยะใบที่ว่า

    “ระวังตัวด้วย”  ริกพูดก่อนจะปิดประตูตามหลัง

     

                ผมนั่งซุ่มอยู่หลังถังขยะใบโตที่ทำด้วยเหล็กค่อนข้างหนาคาดว่าคงกันกระสุนได้พอสมควร ผมสำรวจแผลที่โดนยิงก่อนรู้ว่ามันแค่ถากหน้าแข้งไปเท่านั้นเองแต่ค่อนข้างถากลึกอยู่พอควรผมฉีกปลายเสื้อยืดแขนยาวของผมออกมาพันแผลเอาไว้เพื่อห้ามเลือดก่อนเตรียมสไนเอาไว้ให้พร้อม

     

                นั่งได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงเจ้าพวกนั้นค่อยๆเดินเข้ามา ถึงจะพยายามเดินให้เงียบยังไงก็คงไม่พ้นเสียงย่ำน้ำแน่ๆ  ด้วยในตรอกค่อนข้างชื้น  แถมยังมีน้ำขังเป็นหย่อมๆ ด้วยขนาดผมยังนั่งยองๆ แทนเลย รู้สึกว่าน้ำมันจะเน่าด้วยซ้ำ

     

                    ผมค่อยๆ วางปืนทาบลงบนขอบถังขยะพลางเล็งไปที่ชายคนหนึ่งใส่เสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนรองเท้าผ้าใบแลดูปกติเหมือนคนไม่มีพิษสงทั่วไปแต่คงหายากแน่นอนในเกมส์แบบนี้

     

    ผมค่อยผ่อนลมหายใจช้าๆและพยายามเล็งให้ดีที่สุดหมายจะจัดการให้ได้ในหนึ่งนัด แต่ฝั่งนั้นคงมองเห็นผมยากหน่อยเมื่อผมอยู่ในส่วนมืดในตรอก  ผมกลั้นลมหายใจก่อนลั่นไกปืน

     

    ปัง !   

     

                ผมยิงออกไปหนึ่งนัดปลิดชีพชายคนที่กำลังหมุนลูกบิดเพื่อเปิดประตูอยู่จนเจ้านั่นกระเด็นด้วยแรงปืนเล็กน้อยก่อนล้มตึงลงบนพื้น ผมรีบชักคั้นลั้งปืนทันทีก่อนจะยิงนัดที่สองออกไปติดๆ  แต่ดันพลาดไปโดนที่ขาของชายในชุดคล้ายๆ กับคนแรกเพียงแค่สีเสื้อไม่เหมือนกันเท่านั้นจนลงไปนอนกุมขาอยู่ที่พื้นก่อนจะตะโกนเรียกพวกมาลากออกไปจากเขตการยิง ก่อนตะโกนบอกพวกครั้งที่สองว่ามันอยู่ในตรอก ! ๆ

     

                ทันทีที่ผมได้ยินเจ้านั่นตะโกนผมคิดในใจว่า‘ซวยแล้วไงกู’  ผมรีบลุกขึ้นแต่ก็ไม่ทันซะแล้วไม่รู้ว่ามันยิงมั่วหรือว่าเห็นผมกันแน่มันถึงกระหน่ำยิงมาทางผมแบบไม่ยั้งยังดีที่เจ้าถังขยะนี่ใหญ่พอจะบังผมได้ทั้งตัว

     

    เสียงกระสุนกระทบกับตัวถังขยะที่ทำด้วยเหล็กดังไม่ขาดสาย  ผมได้แต่นั่งนิ่งๆ เนื่องด้วยข้างหน้าเป็นกำแพงอิฐตันไร้ซึ่งทางไปต่อได้แต่รอความช่วยเหลือที่หายเงียบไปของไอริก‘มันหายไปไหนของมันวะ ไม่ใช่มันทิ้งกูใช่มั้ย’ ผมคิดเมื่อไม่มีความเคลื่อนไหวของมันเลยอีกทั้งเจ้าพวกข้างหน้ามันเริ่มใจกล้าเดินเข้ามาแล้วด้วย

     

                ผมคงทนรอต่อไปไม่ได้จึงหยิบปืนกลที่สะพายอยู่ตลอดเวลาลุกขึ้นมากราดยิงไปยังกลุ่มคนข้างหน้าที่เดินหน้าเข้ามาได้เกือบครึ่งตรอกแล้ว  จนล้มลงไปนอนชุ่มน้ำที่เจิ่งนองอยู่บนพื้น

    ‘เสร็จไปอีก 1 คน’ ผมพูดกับตัวเอง

     

    ……….

     

    “กูรู้แล้วว่าทำไมมันคิดอยากจะไปซุ่มในตรอก”   ริกบ่น พลางใช้สันปืนฟาดเข้าที่หน้าซอมบี้ตัวหนึ่ง  ก่อนต้องตกใจในจำนวนของพวกมัน  ถึงแม้ไม่รู้ว่าทำไมต้องเข้ามาอัดกันอยู่ในร้านสะดวกซื้อขนาดเล็กก็ตาม 

     

                ริกปล่อยปืนสะพายไว้ก่อนคว้าเอามีดที่เหน็บไว้ที่ขาซึ่งไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่ออกมาเสียบเข้าที่คอซอมบี้เชื่องช้าตัวนึงที่อยู่ใกล้ๆเขา  กลัวว่าถ้าใช้ปืนเดี๋ยวพวกนั้นมันจะรู้เอาได้ว่ามีคนอยู่ข้างในแต่ด้วยข้าวของต่างๆ ที่ร่วงกราวลงมา ทั้งยังถูกใช้เป็นอาวุธพวกนั้นคงรู้แล้วล่ะว่าข้างในมีอะไรแน่ๆ

     

    “ไม่ไหวแล้วโว้ย  !  โอ๊ย ! ห่านี่กัดอยู่ได้ทนไม่ไหวแล้วว้อย !”  ริกคว้าปืนกลที่สะพายอยู่ขึ้นมากราดยิงซอมบี้ที่ขวางหน้าจนตายเกลื่อนกับพื้นห้องก่อนรีบวิ่งขึ้นชั้นสอง เขายิงซอมบี้ในคราบพนักงานแคชเชียร์ที่โผล่มาหน้าทางขึ้น  เขารีบสำรวจบริเวณชั้นสองของตัวอาคาร  ดีที่ร้านนี้เป็นร้านเล็กๆ จึงไม่มีห้องให้สำรวจมากมายนักเขารีบเปิดเป้เอากล่องยาต้านไวรัสออกมาปักลงไปที่ต้นขาพร้อมกับฉีดลงไป  “เกิน 10 นาทียังวะเนี่ย” ริกพูดกับตัวเองก่อนนั่งพักหายใจ

     

    ..........

     

    “ลูกพี่คับ มีอีกคนอยู่ในร้านแน่เลยคับ”  ผมได้ยินเสียงคนพูดกับคนที่เป็นหัวหน้า

    “กูรู้แล้ว มึงจัดการไอ้บ้านี่ก่อนดีกว่า ไปเอาน้อยหน่ามาให้มันกินหน่อยดิ้” เจ้าคนที่น่าจะเป็นหัวหน้าตะโกนบอกลูกน้อง

     

                ‘มึงไม่คิดหน่อยหรอว่ากูไม่ชอบกิน’  ผมคิดในใจ  ทำอะไรไม่ได้นอกจากลองถีบกำแพงอิฐข้างหน้าดูด้วยความอับจนหนทาง   ครึ่ก !   เกิดเสียงอิฐเคลื่อนเล็กน้อยจากแรงถีบ  ผมยิ้มออกทันทีเมื่อเหมือนเห็นทางหนีของตัวเองรำไรอยู่ข้างหน้า

    “ถ้าขาไม่โดนยิงจะดีกว่านี้นะเนี่ย”  ผมออกแรงถีบซ้ำไปที่จุดเดิม แต่ก็รู้สึกว่ามันคงไม่ทันการแน่ๆ

     

    กรึ้ก !  ผมได้ยินเสียงเหมือนเหล็กกระทบกับพื้นปูนมาทางผม สัญชาตญาณมันบอกผมทันทีเลยว่ามันคือน้อยหน่าแน่ๆ

     

    ตู้ม

     

                ถังขยะใบโตที่ผมใช้อาศัยเป็นเกราะถูกแรงระเบิดทำให้ส่วนที่ยื่นไปทางปากตรอกมันลอยขึ้นมาทำท่าจะคว่ำมาทางผม

    “เหวอ !”    ผมร้องออกมาด้วยความตกใจ  เมื่อตัวเองกำลังจะโดนทับ แต่โดนทับตายยังไม่เท่ากับโดนถังขยะทับตายหรอกใช่มั้ย

     

    กึง !

     

                ‘ฮึ ! ทำไมเรายังไม่ตายล่ะ’  ผมคิด ลืมตาขึ้นมาเห็นในสิ่งที่เกิดขึ้น เจ้าถังขยะมันถูกค้ำไว้ด้วยกำแพงอิฐที่ผมพยายามถีบอยู่ตั้งนาน ‘ดีนะที่เจ้าถังนี่มันยาว’ แต่ตอนนี้สภาพตัวผมนี่เรียกว่าชุ่มทั้งน้ำทั้งเนื้อหมดแล้วเนื้อตัวนี่เต็มไปด้วยขยะ แถมยังเปียกไปด้วยน้ำขังเน่าๆ นี่อีก

    “โอ๊ะๆๆ !”   ผมรีบลุกเข้าไปหลบอยู่ใต้ถังขยะเหมือนเดิมเมื่อเจ้าพวกนั้นเห็นว่าผมยังรอดอยู่จึงระดมยิงเข้ามาอีก ‘คงไม่มีอีกลูกหรอกนะ’ ผมคิด

     

    “มึงกล้าทำร้ายเพื่อนกูหรอวะ”  ริกตะโกนขึ้นมา แต่ผมก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าเสียงมันมาจากทางไหน

    “เฮ้ย ! ยิงโน่น มันอยู่ตรงหน้าต่างชั้น 2 พวกมึงสองคนเข้าไปทางหน้าร้านแล้วขึ้นไปฆ่ามันซะ เร็ว !”   ผมได้ยินคนหัวหน้าสั่งการ ผมคิดว่าตัวเองต้องทำอะไรบ้างแล้ว

     

                ผมยื่นหน้าออกมาดูสถานการณ์ก่อนเห็นชายสองคนวิ่งผ่านตรอกไป  สงสัยจะเป็นพวกที่จะบุกเข้าทางหน้าประตูแน่ๆ  ผมตัดสินใจลุกขึ้นพร้อมกับถือปืนกลไว้แน่น  เดินตรงไปที่ประตูหลังของร้าน  กราดยิงทันทีเมื่อเห็นเจ้าคนที่แอบอยู่ตรงมุมตึก จนมันต้องหลบฉากกลับไปข้างหลัง  ก่อนที่ผมจะเปิดประตูพลางยิงขู่ไว้เรื่อยๆจนพาตัวเองเข้ามาได้ในที่สุด

    “ไอริก ! ไอริก !”  ผมตะโกนเรียกมันก่อนเปลี่ยนแมกกาซีน

     

    ตูม !

     

    “อั่ก  !”   ตัวผมโดนกระแทกด้วยชั้นวางสินค้าจนไปกระแทกเข้ากับกำแพงข้างหลัง

    “บ้านมึงรวยระเบิดหรอวะ !”  ผมตะโกนออกไปทางเจ้าพวกนั้นก่อนรีบลุกขึ้นยิงต้านออกไปทางประตูหน้าที่เจ้าพวกนั้นมันระเบิดเข้ามา

    “พวกมึง 2 คนน่ะไม่รอดแน่เว่ย ฮะฮะฮะ !”  ผมได้ยินเสียงเจ้าตัวหัวหน้าหัวเราะ ก่อนต้องรีบเอาหลังยันประตูหลังของร้านไว้เมื่อมีคนเปิดมัน

     

    ‘งานเข้าแล้ว’ ผมหันปืนเข้าหาตัวเองก่อนยิงทะลุประตูเหล็กที่ไม่น่าจะหนามากนักออกไปสองสามนัดจนได้ยินเสียงคนร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดอยู่ข้างนอกประตู

    “ขึ้นมาข้างบนเร็วเข้า !”  ริกที่ยืนอยู่บนขั้นบันไดตะโกนเรียก พลางใช้ปืนสั้นยิงตอบโต้เจ้าพวกหน้าประตูที่ตอนนี้ก็ยังไม่กล้าเข้ามาข้างในผมรีบวิ่งขึ้นชั้นสองทันทีทั้งๆ ขาเจ็บอยู่นั่นแหละก่อนบอกให้มันรีบตามขึ้นมา

    “มึงทิ้งกูเมื่อมีโอกาสสินะ”  ผมพูดขึ้น พลางควานหายาที่น่าจะพอมีเหลือจากที่ช่วยริกโดนยิงเมื่อคราวก่อนไว้ก่อนพบกับผ้าพันแผลจึงรีบพันไปที่ปากแผลโดยเร็ว

    “ทิ้งห่าไร มึงให้กูเข้ามาเผชิญซอมบี้มากกว่ามั้ง”  ริกตอบกลับก่อนเตรียมแมกกระสุนให้พร้อมไว้

    “เออ ๆ เอาเถอะ ซวยกันทั้งคู่เนี่ยแหละ”  ผมดึงผ้าพันแผลออกก่อนดึงขากางเกงลงเมื่อแผลมันหายดีแล้ว

    “พวกมันไม่น่าจะเยอะอย่างที่คิดนะหรือว่าไอ้สิบกว่าคนนั่นมันตามเรามาหมดเลยวะ”  ริกพูด

    “จะเป็นไปได้ไง กูฆ่าไป 2 หัวหน้าอีก 1 หรือกูฆ่าไปแล้วเปล่าไม่รู้สิ ประตูทางเข้าอีก 2” ผมพูด

    “งั้นก็เหลืออีก 3 ถ้าเราจะตั้งรับข้างบนล่ะก็ได้ แต่ไม่รู้ต้องรอนานเปล่าเนี่ยสิมันอาจถอยไปแล้วก็ได้ เห็นเงียบไปแล้วเนี่ย”  ริกว่า หยิบน้ำขึ้นมาดื่มอึกใหญ่

    “งั้นก็ลงไปลุยกันเถอะ !”  ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้ไม้เก่าที่ผมนั่งพักก่อนกระชับปืนแน่น  ค่อยๆ เดินลงไปข้างล่างโดยมีริกตามหลัง

     

    อ้าก !   ช่วยด้วย !

     

     “เกิดไรขึ้นวะ”  ริกพอได้ยินเสียงร้องก็ถามขึ้น

    “ไม่รู้ว่ะ”  ผมที่เดินลงมายังชั้นล่างกระซิบตอบก่อนค่อยๆเดินไปทางประตูหน้าร้าน ซึ่งก็ได้พบกับความวิบัติครั้งยิ่งใหญ่เมื่อเห็นเจ้ายักกลายพันธุ์มันกำลังฉีกร่างพวกกลุ่มโจรที่กำลังไล่ฆ่าพวกผมอยู่

    “มึงอย่านิ่งดิไออ๋อง ทำกูกลัวไปด้วยนะ”  ริกกระซิบก่อนชะโงกหน้ามาเห็นในสิ่งที่ผมเห็น

    “มึงเห็นเหมือนที่กูเห็นใช่มั้ยวะไอริก”  ผมกระซิบ สายตายังจ้องไปยังยักษ์ข้างหน้า

    “กูเห็นเหมือนมึงเลยล่ะเพื่อนอ๋อง”  ริกพูดด้วยเสียงสั่น

    “ประตูหลังพาเราออกไปได้ ตึกนี้ไม่มีดาดฟ้า”  ผมพูดเอ่ยเสียงเบา ค่อยๆ เดินถอยหลังกลับด้วยความเงียบสุดๆพลางหลบสิ่งของต่างๆ ที่เมื่อเหยียบแล้วจะทำให้เกิดเสียง

    “งั้นรีบไปเลย  เร็วเข้า !” ริกพูด

     

                ผมค่อยๆแง้มประตูเปิดออก  พบกับศพซึ่งโดนผมยิงทะลุประตูไปเมื่อครู่  ระหว่างที่รอริกเดินออกมาผมเหลือบไปเห็นแผลงระเบิดน้อยหน้าที่เจ้าพวกนั้นมันพยายามให้ผมกิน  ผมรีบเดินไปหยิบขึ้นมาทันที 

    “เดี๋ยวนะอ๋อง นี่มึงอำกูเล่นใช่มั้ยออกมาข้างหลังตรอกซึ่งเดินออกไปก็เจอมันอยู่ดีเนี่ยนะ” ริกกระซิบถาม

     

    ตึง...  

     

    “เดินหนักแน่นดีแท้...”  ผมได้ยินริกพูดล้อเจ้ายักษ์ ก่อนจะหยุดเงียบไป  เมื่อผมละสายตามาจากระเบิดในมือก็รู้เหตุผลที่มันเงียบทันที  เพราะว่าไอ้เจ้ายักษ์นั่นมันเดินมาหยุดอยู่หน้าตรอกที่พวกเรายืนอยู่และมันก็เห็นพวกเราแล้วด้วย

    “คะ คราว น่ะ นี้  ได้ ตาย ขะ ของจิง แน่”  ริกพูดตะกุกตะกักผสมกับเสียงที่สั่นจากความกลัวของมัน  

     

                ตอนนี้สมองผมเหมือนหยุดทำงานไปชั่วครู่อยู่ดีๆ ก็โล่ง คิดอะไรไม่ออกซะอย่างนั้น สงสัยคงช็อคกับเจ้ายักษ์หน้าตาเละเฟะเต็มไปด้วยคราบเลือดเต็มตัวที่ยืนตระหง่านอุดทางหนีพวกเราอยู่

     

    โฮก !

     

                ฉับพลันเจ้ายักษ์นั่นมันพุ่งมาทางเราทันทีแต่ก็ต้องติดลำตัวของมันเอง เนื่องด้วยตัวมันใหญ่กว่าตรอกที่เราอยู่มากนัก การกระแทกอันบ้าคลั่งของมันกับตึกทำเอาบริเวณนั้นเกิดแผ่นดินไหวขนาดย่อมเลยทีเดียว  จนผมกับริกล้มลงไปนอนแผ่แช่น้ำเน่าๆ บนพื้น ในขณะที่มันก็ยังคงดันทุรังพังตึกเข้ามาหาพวกเราเรื่อยๆ

    “เอาไงดีวะ”  ริกถามขึ้นเหมือนกับว่าตอนนี้ความกลัวทำให้มันมีสติคืนมา

    “กูมีระเบิด เราจะระเบิดกำแพงอิฐข้างหลังเรา แล้ววิ่งป่าราบออกไปเลย”  ผมเสนอความคิด

    “แล้วแน่ใจได้ไงว่ามันจะมีทางออก”  ริกถาม กราดยิงไปเจ้ายักษ์นั่นจนเกือบหมดแม็ก

    “เก็บกระสุนไว้เถอะ พวกเราเหลือน้อยเต็มทีแล้ว”  

    “มีไม่มีกูไม่รู้หรอก รู้แต่ว่ากูไม่มาตายตรงนี้แน่”  พูดจบผมดึงสลักระเบิดออกก่อนจะปาไปยังกำแพงข้างหลังพวกเรา   ตู้ม!   แรงระเบิดทำเอาผนังรอบข้างแตกและพังลงมาเป็นแถบ  อีกทั้งพวกเรายังโดนก้อนอิฐกระแทกใส่อีกต่างหาก

    “เจ็บตัวทุกทีสิน่า”  ริกบ่น

    “ไปเร็วเหอะ  มันคลั่งอีกแล้ว” ผมลุกพลางฉุดแขนริกให้ลุกขึ้นมาด้วย  พวกเรามุ่งไปทางซากอิฐที่ยังมีควันจากการระเบิดคุ้งอยู่ทำให้ไม่สามารถเห็นทางข้างหน้าได้ชัดนัก

    “เอาระเบิดมานี่ดิ้”  ริกพูดพร้อมกับคว้าระเบิดออกไปจากแผลงเก็บระเบิดที่อยู่ในมือผม ก่อนดึงสลักออกปาไปทางเจ้ายักษ์นั่นที่อยู่ในตรอก

    “มึงทำบ้าอะไรลงไปรู้ไม่เนี่ย !” ผมร้องออกมาด้วยความตกใจกับสิ่งที่มันทำลงไปเมื่อเห็นว่าเจ้าระเบิดนั่น มันไม่สามารถทำอะไรมันได้เลยแม้แต่น้อย  อีกทั้งยังทำลายกำแพงรอบๆ ตัวมันให้วิ่งมาหาเราเร็วขึ้นอีกด้วย

    “เค้าขอโทษ  เค้าอยากเท่ห์บ้างนี่นา”  ริกพูดด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด

    “มึงรีบวิ่งให้ไวเลยนะ”  ผมตะโกนบอกมันให้เร่งฝีเท้าเร็วขึ้นอีกจนพวกเราฝ่าหมอกควันที่เกิดจากซากอิฐซากปูนที่หล่นลงมากระแทกกับพื้น จนมาอยู่ในอีกช่วงถนนนึง

     

    ..........

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in