เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Portugal's tale: โปรตุเก๊สสส *เสียงสูงwanderlust_tk
เพราะเราแตกต่างและการนั่งเปอร์โยครั้งแรก
  • กา กา กา...

    ฉันได้ยินเสียงนกการ้องประกอบฉากเหมือนในหนังเรื่องใดสักเรื่องที่ฉันเคยดู เมื่อฉันพบกับความว่างเปล่า หลังจากออกมาถึงหน้าสนามบินลิสบอน มีเพียงความว่างเปล่า พวกเราไม่รู้ว่าจะต้องไปต่ออย่างไร...

    ก่อนหน้านี้ที่สนามบินแฟรงค์เฟิร์ตพวกเราได้ทำการติดต่อกับเจ้าหน้าที่ hostel ซึ่ง hostel ที่ว่านี้อาจารย์ชาวโปรตุเกสของพวกเราเป็นผู้จัดการติดต่อให้ก่อนที่พวกเราจะมา โบว์ทำการแจ้งเวลาที่พวกเราจะไปถึง และได้รับอีเมล์ตอบกลับมาว่าทางเจ้าที่ hostel จะมารอรับพวกเราที่สนามบินโดยพวกเราต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง ซึ่งนับเป็นจำนวนเงินที่รับได้ และน่าจะสะดวกสบายที่สุดสำหรับการมายังประเทศนี้ครั้งแรก เนื่องจากหากนั่งแท็กซี่ก็ต้องไปเสียเวลาตามหาที่พักนี้อีกต่อหนึ่ง 

    ที่เขาว่ากันว่า "เมื่อไม่คาดหวัง ก็จะไม่ผิดหวัง..." คงเป็นจริงดังว่า ฉันไม่ได้คาดหวังให้การมาฝึกงานครั้งนี้สวยหรูแต่อย่างใด เพราะอดีตที่ผ่านมาจากการไป work and travel ที่อเมริกาได้สอนฉันมาอย่างนั้น ว่าเราอย่าไปวาดหวังอะไรสวยงาม แต่ในทุกๆครั้ง ฉันก็อดที่จะหวังไม่ได้จริงๆ และครั้งนี้ก็เช่นกัน

    ย้อนไปเมื่อช่วงที่ฉันยังเป็นนิสิตปี 5 ที่คณะของเรามีนิสิตแลกเปลี่ยนมาจากประเทศญี่ปุ่น นางชื่อ มาโฮ ยามากูชิ ฉันยังจำวันนั้นได้ดีที่สนามบินสุวรรณภูมิที่ฉันและเพื่อนๆ อีก 6 คน ซึ่งจะไปเป็นนิสิตแลกเปลี่ยนต่างแดนเช่นเดียวกันในปีหน้า และอาจารย์อีก 1 ท่าน ไปยืนรอรับมาโฮที่ทางออกผู้โดยสารขาเข้าประเทศ มาโฮได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากพวกเรา อีกทั้งที่คณะยังเมตตาส่งรถตู้ประจำคณะมาบริการรับ-ส่งเป็นอย่างดี ถ้าฉันเป็นมาโฮฉันก็คงรู้สึกดีไม่น้อย

    กลับมาที่ความจริงของเราสอง ฉันและโบว์เดินออกมายังประตูด้านนอก ก็พบรถเปอร์โยซึ่งน่าจะผ่านการใช้งานมาแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ปี และมีหมายเลขทะเบียนรถตรงกับที่แจ้งมาทางอีเมล์จอดอยู่ ชายวัย 30 ที่นั่งอยู่ด้านคนขับน่าจะพอสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างจากพวกเรา จึงลงจากรถมาทักทาย และช่วยขนของขึ้นรถ

    เมื่อขึ้นรถเป็นอันเรียบร้อย คนขับรถของพวกเรา (นางก็คือเจ้าของ hostel ที่พวกเราเข้าพักนั่นเอง) ซึ่งต่อมาพวกเราก็รู้จักนางในนาม "ซาฟิค" แม้ฉันจะเรียกว่านาง แต่ซาฟิคเป็นชายหนุ่มรูปร่างสมบูรณ์ ผิวคล้ำ และเครื่องหน้าค่อนไปทางอินเดียผสมกับยุโรป เอาไว้ฉันจะมาบรรยายความแตกต่างทางเผ่าพันธุ์ของคนที่นี่ให้ฟังกันนะ เธอจ๋า 

    ซาฟิคขับรถพาเราเข้าเมืองมาผ่านถนนหนทาง ซึ่งเป็นเนินชันมาก ชันน้อย สลับกันไปกับทางเรียบ ฉันพออ่านบทความเกี่ยวกับประเทศนี้มาบ้างก่อนที่จะเดินทางมา ก็เลยจะพอเข้าใจถึงภูมิประเทศของที่นี่ จึงไม่ได้แปลกใจมากนัก แต่ก็เป็นครั้งแรกที่ฉันต้องนั่งรถขึ้นเนิน ลงเนินแบบนี้ สองข้างทางเป็นตึกสีเนื้อนวลกลางเก่ากลางใหม่คล้ายๆกันไปทั้งสองข้างทาง และที่สำคัญฉันไม่เคยเห็นรถยุโรปหรูๆ ที่มีอยู่น้อยบนถนนในไทยมากมายขนาดนี้มาก่อน (และนี่ก็เป็นครั้งแรกเช่นกันที่ฉันได้นั่งบนรถเปอร์โย ฉันต้องเอาไปอวดพ่อที่บ้ารถมากมายให้ได้ แม้มันจะเก่าไปหน่อยก็เหอะ) แต่ก็พอจะเข้าใจได้ว่าที่นี่คือ ยุโรป จะใช้รถยุโรปก็คงเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้ต้องเสียภาษีนำเข้ามากมายอย่างบ้านเรา

    นับว่าซาฟิคก็ทำหน้าที่ได้ดีพอสมควรกับเงินที่พวกเราจ่ายไป เพราะเมื่อถึงเมโทร (Metro) ซึ่งใกล้กับที่พักของพวกเรา นางก็ทำการแนะนำเป็นอย่างดีว่ายูจะต้องมาขึ้นรถที่นี่ อย่างนู้นอย่างนี้ เมื่อขับรถมาถึงยัง hostel แล้วนางก็ยังไม่ให้พวกเราลงจากรถ แต่ยังคงขับรถพาพวกเราวนไปรอบๆ ย่านชิลีซึ่งเป็นย่านที่พักของเราเพื่อแนะนำ super market ห้างร้านต่างๆ ที่พวกเราควรรู้เพื่อเอาชีวิตรอดในอีก 45 วันต่อจากนี้

    แม้ว่าจะไม่ได้มีคณะนิสิตและคณาจารย์ต้อนรับใหญ่โต หรือไม่มีรถมาอำนวยความสำดวกแบบไทยสไตล์ อย่างน้อยๆ วันนี้ฉันและโบว์ก็ยังโชคดีที่มีซาฟิคอยู่ด้วยตรงนี้ล่ะมั้ง....

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in