เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My Pop Culturepat.
Biri Gal(2015) มาจุดไฟฝันแล้วพยายามไปด้วยกันเถอะ!
  •   

         ภาพยนตร์คอมเมดี้เรียกน้ำตาที่สร้างจากเรื่องจริงของ ‘ซายากะ’ สาวแกลสุดเปรี้ยวอดีตเด็กนักเรียนห้องบ๊วยที่สอบติดมหาวิทยาลัยชื่อดังของญี่ปุ่น ทั้งที่คนรอบข้างแม้แต่อาจารย์ประจำชั้นก็ยังหัวเราะและปรามาสว่าเธอคงไม่มีทำได้สำเร็จ แต่ด้วยเทคนิคการสอนของอ.พิเศษและการเลี้ยงดูของแม่ที่คอยให้กำลังใจทำให้เธอก้าวผ่านมันไปได้ในที่สุด

         ใครที่กำลังหมดไฟในการเรียน การทำงานหรือสิ้นหวังในชีวิต ภาพยนตร์เรื่องนี้จะมาเติมเต็มและจุดประกายบางอย่างให้คุณฮึดสู้กับอุปสรรคยากๆต่อไปแน่นอน แม้เรื่องราวจะเน้นไปที่การเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยของนักเรียนม.ปลาย แต่ก็มีประเด็นสังคมที่แทรกอยู่อย่างน่าสนใจเช่นกัน ไม่ว่าจะเรื่องการเลี้ยงดูเด็ก การเรียนการสอนของอาจารย์ ดูแล้วก็ชวนให้นึกถึงสภาพการศึกษาของเมืองไทยไม่น้อย

         ในสังคมญี่ปุ่นนั้น การแข่งขันสอบเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังถือว่าดุเดือดไม่แพ้การสอบเข้าจุฬา หรือธรรมศาสตร์ในบ้านเราเลย เด็กที่เตรียมเอนท์จะตั้งใจมากติวหนังสือจนดึกดื่นทั้งวัน เรียกว่า เป็นปีที่หนักหน่วงของวัยรุ่นเพราะจะเที่ยวเล่นไม่ได้ ต้องมีวินัยในการบังคับตัวเองให้ทบทวนบทเรียนมากๆ การสอนของอาจารย์ที่โรงเรียนก็มีผลเช่นกัน สำหรับเด็กหัวไม่ดีหรืออยู่ห้องบ๊วยอย่างซายากะแล้ว แค่แต่งตัวผิดระเบียบหรือสูบบุรี่ก็โดนอาจารย์ดูถูกว่า เป็นขยะที่ไม่มีอนาคตเสียแล้ว เด็กๆเหล่านี้ก็เลยไม่รักตัวเอง ไม่มีความเชื่อมั่นว่าตัวเองสามารถเรียนได้คะแนนดีๆเหมือนคนที่หัวดี สุดท้ายเลยเลือกที่จะเที่ยวเล่น แต่งตัวสวยๆ ร้องเพลงสนุกสนานกับเพื่อนไปวันๆดีกว่า เพราะไม่รู้ว่าเรียนไปแล้วจะทำให้ชีวิตดีขึ้นตรงไหน
         แต่เมื่อซายากะได้มาเรียนพิเศษข้างนอก แล้วเจออาจารย์ที่เข้าใจวัยรุ่น ไม่ดุด่าเมื่อเห็นเธอใส่เสื้อสั้นๆกระโปรงตัวจิ๊ดเดียว แต่กลับชมอีกว่า ‘แต่งตัวทันสมัยจังเลย ช่วยสอนให้แต่งแบบนี้บ้างสิ’ และยังมีการสร้างแรงจูงใจให้เด็กว่า ถ้าสอบเข้าได้จะได้เจอหนุ่มหล่อๆได้ทำงานที่ดีๆ รู้จักคนเยอะ แม้บางคนจะมองว่า เป็นการขายฝัน แต่สำหรับเด็กที่เรียนไม่เก่งกลับใช้ได้ผล เพราะเด็กพวกนี้แค่อยากจะมีความสุขในชีวิต ไม่ได้ต้องการอะไรมาก พวกเขาจึงให้ความสำคัญกับผลลัพธ์ในอนาคตมาก ดังนั้น แค่มีความหวังก็เดินหน้าต่อไปได้
         โรงเรียนในไทยก็ไม่ต่างกัน ปัญหาการสอนแบบท่องจำยังเป็นสิ่งที่แก้ไม่ตก หากอาจารย์ในโรงเรียนสอนด้วยความสนุก แทรกวิชาการกับเรื่องที่เด็กสนใจเหมือนอาจารย์ในเรื่องนี้ก็คงดี เวลาเด็กตอบคำถามผิด ครูไทยหลายคนก็ชอบตำหนิ ว่าสอนไปแล้วทำไมจำไม่ได้ หรือแบบเธอคงสอบเข้าที่ดีๆไม่ได้หรอก หารู้ไม่ว่า นั่นเป็นการบั่นทอนจิตใจเด็กโดยไม่รู้ตัว หากการสอนในโรงเรียนสามารถช่วยให้เด็กสอบเข้าได้สำเร็จ คงไม่เกิดโรงเรียนสอนพิเศษขึ้นเป็นดอกเห็ดอย่างที่เราเห็นกันทุกวันนี้ ไม่ใช่แค่นักเรียนที่ต้องพยายาม แต่ครูเองก็ต้องพร้อมจะเรียนรู้จิตวิทยาในการสอนเด็กแต่ละแบบเช่นกัน
     สิ่งที่ทำให้เด็กคนหนึ่งสอบเข้าได้ไม่ใช่แค่การติวอย่างหนักหนาสาหัสเท่านั้น แต่การเลี้ยงดูจากครอบครัวก็สำคัญ ครอบครัวไทยและญี่ปุ่นที่หัวโบราณ ชอบขีดเส้นให้ลูกเดินตามทางที่ตนวาดหวังไว้ยังมีอยู่ไม่น้อย การเป็นทนาย หมอ คนดังมีชื่อเสียงยังเป็นค่านิยมที่พ่อแม่ชาวเอเชียเชื่อว่า จะทำให้มีชีวิตที่ประสบความสำเร็จได้ เราหลงลืมไปหรือเปล่าว่า การให้กำลังใจ สนับสนุนลูกให้ทำสิ่งที่รักเป็นสิ่งที่สำคัญกว่า ถึงเด็กจะไม่ได้เดินไปตามเส้นทางที่มั่นคง แต่หากเขาทำแล้วมีความสุข เขาสนุกกับสิ่งที่ทำ ครอบครัวก็ควรเป็นคนแรกที่พร้อมอยู่เคียงข้างเขาไม่ใช่หรือ?
         อีกหนึ่งสิ่งที่จะได้รับจากเรื่องนี้ คือความพยายาม ซายากะเองก็เริ่มจากศูนย์ จากเป็นเด็กที่แยกกระทั่งทิศเหนือใต้ไม่ออก หรือสะกดตัวคันจิยังผิดตลอดเวลา แต่เธอก็เชื่อมั่นในตัวเองและทุ่มสุดชีวิตจนประสบความสำเร็จได้ ในชีวิตจริงเราทุกคนคงไม่ได้พยายามแล้วทุกอย่างเป็นใจเสมอไป แต่อย่างน้อยก็ได้ลองทำดูซักตั้งแล้ว มันจะต้องเป็นพลังให้เราต่อไปได้อย่างแน่นอน
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in