“ยินดีต้อนรับสู่โลกหลังความตายคุณสตีเว่น”
ยมทูตสาวเอ่ยท่ามกลางสายฝนที่หยดโปรยปกคลุมไปทั่วบริเวณถนนในนครนิวยอร์ก “เดทวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง” เสียงไซเรนแผดร้องดังเป็นการย้ำเตือนได้ดีถึงจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางจารจรได้เพิ่มขึ้นแล้ว ยมทูตสาวและอีกหนึ่งวิญญาณยืนมองร่างของชายผิวแทนนอนจมกองเลือดเป็นการปิดฉากสุดท้ายในชีวิต
“ก็ดี” เขายิ้ม “น่าเศร้านิดหน่อยที่มันเป็นครั้งสุดท้าย”
เธอกระชับร่มใสในมือแน่นขึ้นถึงแม้จะรู้ว่ามันเป็นเพียงแค่พร็อพโง่ๆที่หยิบติดมือตอนออกมาจากอพาร์ทเมนท์ แถมมันออกจะเกะกะไปด้วยซ้ำเพราะร่างยมทูตตอนนี้ไม่ได้เปียกฝนเสียหน่อย เมื่อรู้ตัวว่าเผลอคิดถึงเรื่องของตนเองมากเกินไป จนลืมกลุ่มมวลสารข้างกายที่กำลังเอ่ยถึงเดทครั้งสุดท้ายกับสาวชาวอังกฤษที่พบในคาเฟ่ไม่ไกลจากไทม์สแควร์นัก เธอจึงกระแอมขึ้นมาเบาๆ
“ฉันเสียใจด้วย” เธอเอ่ย
เพื่อเป็นการปลอบใจเขา ยมทูตสาวจึงชวนอีกฝ่ายไปนั่งเล่นแถวเซ็นทรัลพาร์คเพื่อส่งท้ายในโลกมนุษย์อย่างที่ยมทูตดีๆตนหนึ่งพึงจะทำ (เชื่อเถอะ ว่าคงเป็นเธอเพียงหนึ่งเดียว) การนั่งเหม่อลอยอย่างไร้จุดหมายกับโดนัทชิ้นที่สาม และคำบอกเล่าถึงความฝันของวิญญาณหนุ่มพึงมีในโลกที่ยังมีชีวิตดำเนินเวลามากว่าหลายชั่วโมง เขากล่าวถึงหน้าที่การงานที่กำลังไปได้สวย ความสัมพันธ์กับแฟนสาวชื่อไดอาน่าที่กำลังตัดสินใจขอหล่อนแต่งงานในปลายฤดูใบไม้ร่วงที่จะมาถึง การเดินทางท่องเที่ยวรอบโลก หรือแม้แต่เรื่องเล็กน้อยอย่างการมีชีวิตอยู่เพื่อรอวันที่วงดนตรีวงโปรดอย่าง Oasis หวนคืนกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง
“คุณเป็นยมทูตได้ยังไงน่ะ” เขาถาม “หมายถึงตอนเป็นมนุษย์ไปทำอะไรมาถึงกลายเป็นยมทูต”
“ฉันแทบไม่มีความทรงจำอะไรตอนเป็นมนุษย์อยู่ในหัว” ยมทูตว่าพลางดูดน้ำมะเขือเทศกล่องในมือขณะเดินเตร่ไปตามทางกลับบ้าน “มียมทูตรุ่นพี่สักคนกล่าวว่าความทรงจำของยมทูตตอนเป็นมนุษย์คือสิ่งเลวร้าย พวกเราต่างเป็นคนบาป — บาปเสียจนเกินกว่าจะจินตนาการได้”
วิญญาณหนุ่มทำหน้าฉงน เพราะคำว่าบาปที่ได้ยินกับการกระทำอย่างการดูดน้ำมะเขือเทศของยมทูตตรงหน้าช่างขัดกันเสียเหลือเกิน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in