เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
The Intern (2020)punchneverdie
อารัมภบท: "อนาคต"






  • เรามีวรรณฯเด็กวางอยู่ในแผนของอนาคตของเรามาเสมอเลยจริง ๆ








    ปีสามมาพร้อมกับโควิด

    ถ้าจะมีสิ่งไหนที่อยู่นอกเหนือแผนการของเราที่สุดก็คงเป็นโรคระบาดที่ก่อตัวส่งสัญญาณให้เราเตรียมการป้องกันอยู่นาน แต่ความหละหลวมบางประการจากรัฐบาลผู้มีหน้าที่ดูแลประชาชนก็ทำให้ทุกอย่างพังทลายไปหมด (อดคิดไม่ได้เลยว่าหากเรามีมาตรการรับมือที่ดี เวลานี้เราอาจจะหลีกเลี่ยงการติดเชื้อไม่ได้ แต่ทุกอย่างคงไม่ทรุดหนักถึงขนาดนี้)

    เอาละ

    ที่พูดถึง "แผนการในอนาคต" ของเราก็เพราะอยากจะเริ่มต้นบทแรกด้วยสิ่งนี้ (—อารัมภบทล้วน ๆ ไม่มีใจความ)

    จำได้ว่าก่อนจะเรียกสัมภาษณ์รอบรับตรง คำถามที่เราหอบไปถามรุ่นพี่ในเอก (ในทวิตเตอร์) ไม่ใช่คำถามที่ว่าเรียนยากมั้ย แต่เป็นคำถามที่ว่า 'พี่ ๆ ส่วนใหญ่ฝึกงานที่ไหนกันบ้างคะ'

    เราไม่ได้อยากรู้ว่าจบไปแล้วจะทำอะไร เราในตอนนั้นอ่านทุกอย่างเกี่ยวกับเอกเยอะมาก ๆ จนแทบจะท่องขึ้นใจ แต่เราอยากรู้ว่าการฝึกงานจะพาเราไปไกลแค่ไหนบ้าง และเรามีโอกาสจะเตรียมตัวเพื่อไปฝึกงานที่ไหนบ้าง

    เอกวรรณกรรมสำหรับเด็กอยู่ในแผนการของเรามาตลอด

    แม้แต่ตอนที่สอบสัมภาษณ์แล้วครูถามว่าได้คิดธีสิสไว้มั้ย เชื่อปะ เราคิดไว้จริง ๆ 5555555555555 เพราะตอนม.หกเคยมาโอเพ้นเฮ้าที่นี่ คิดไว้แล้วว่ายังไงก็จะเข้าวรรณฯเด็ก ดูธีสิสรุ่นพี่แล้วก็แอบ ๆ ฝันว่าถ้าติดที่นี่จะทำธีสิสอะไร ตอนนั้นตอบครูไปว่าจะเขียนนิยายเป็นธีสิสจบ เกี่ยวกับพี่สาวของเราเอง (ไม่ก็พ่อ)

    พออยู่ปี 2 เราก็เริ่มคิดว่าจะทำสัมนาหัวข้ออะไรดี 

    จริง ๆ ตอนนั้นก็ปักใจตั้งแต่เทอมแรกที่ได้เรียนเกี่ยวกับการศึกษาของเด็กปฐมวัยแล้วว่าอยากทำเรื่องการศึกษา เราอินกับมันมาก เป็นหนึ่งในวิชาในดวงใจที่ส่งผลต่อความคิดหลาย ๆ อย่างของเรามาจนถึงตอนนี้ แต่ขณะเดียวกันเรื่องฝึกงานก็อยู่ในหัวเราตลอด

    เคยมีคนพูดไว้ว่า ถ้าจะเลือกที่ฝึกงานให้เลือกที่ที่ถ้าเราเรียนจบไปแล้วคงจะไม่มีโอกาสได้เข้าไปทำ (ก็เลยไปทำ เพราะคงไม่มีโอกาสอีกแล้ว) แต่ขณะเดียวกันการเห็นพี่ที่ฝึกงานแล้วต่อยอดไปกระทั่งเรียนจบแล้วเข้าทำงานจริง ก็เป็นอะไรที่สร้างความลังเลใจให้เรามาก

    สถานะ "นักศึกษาฝึกงาน" ทำให้เราได้รับความใจดีและผ่อนปรนต่อข้อบกพร่องมากมายจากความไม่ประสาของเรา แต่ทีนี้..มันมีโอกาสแค่ครั้งเดียวนี่สิ โอกาสแค่ครั้งเดียวที่จะได้ลองในสิ่งที่ไม่เคยทำ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ในโลกของผู้ใหญ่ที่เรากำลังจะต้องก้าวขาเข้าไปเยือนในอีกหนึ่งปีข้างหน้า

    แค่ความคิดข้างต้นก็นำเราไปสู่ความลังเลครั้งใหญ่แล้ว เราถามตัวเองบ่อยมากว่าเราต้องการอะไร สิ่งที่อยากรู้ สิ่งที่อยากทำ สิ่งที่อยากฝึกปรือ

    แล้วก็บู้ม โควิด

    แผนเราเปลี่ยนไป ไม่ทั้งหมด เพราะเดิมทีที่นี่ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือก แต่ที่บอกว่าเปลี่ยนเพราะเราก็ต้องกลับไปถามตัวเองใหม่ทั้งหมด ทางเลือกสองทางที่เราลังเลมาตั้งแต่ต้นก็ต้องหยิบกลับมาตัดสินใจใหม่อีกครั้ง

    สับสนและลังเล

    ถ้าเลือกอีกที่นึงก็อาจจะได้ฝึกอะไรต่าง ๆ มากมายที่ไม่เคยรู้ไม่เคยทำ
    แต่ถ้าเลือกที่นี่ ก็เป็นโอกาสที่จะไม่มีเป็นครั้งที่สองอีกแล้ว

    สุดท้ายก็เอาละ..พั้นชอบและอินกับการศึกษาของเด็กปฐมวัยขนาดนั้น ก็คงจะดีนะถ้าได้ลองเข้าไปดูเข้าไปรู้มันสักครั้ง?

    อีกอย่าง...เป็นหัวข้อเล็ก ๆ ที่อยู่ในเหตุผลที่มีฝึกงานที่นี่ แต่ก็เป็นหัวข้อเล็ก ๆ ที่ส่งผลต่อการตัดสินใจอย่างใหญ่หลวง...

    เด่นหล้าเป็นโรงเรียนที่เราเคยอยากเข้าตอนอยู่อนุบาล

    จำไม่ได้แล้วว่าได้แผ่นพับมาจากไหน แต่เราหยิบมาดูบ่อยมาก ๆ แล้วก็บอกแม่ว่าอยากเข้าที่นี่ ตอนนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าค่าเทอมเท่าไหร่ (เรียกว่าไม่สนใจเลยคงจะถูกกว่า) รู้แค่ว่ามีบ้านบอลใหญ่ ๆ และห้องโรงภาพยนตร์ขนาดกระทัดรัดอยู่

    และอีกเหตุผลหลากหลายมากมายที่ส่งเสริมรวมถึงผลักดันให้เราตัดสินใจว่า พั้นจะฝึกงานที่เด่นหล้า!

    ในการตัดสินใจย่อมจะมีความลังเลอยู่เป็นธรรมดา แต่ก็..พั้นรู้ว่าพั้นทำได้ พั้นทำได้จริง ๆ เชื่อดิ

    ต่อจากนี้ก็รอเอกสาร และเตรียมพร้อมรอเปิดเทอม

    จากนั้นก็ไปเริ่มฝึกงานกันเถอะ :-)
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in