เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Minimore Trainee # 2minimoretrainee
また あいましょう
  • ** บอกไว้ก่อนเลยว่า รูปเยอะกว่าทุกครั้ง ระวังเน็ตไม่พอนะ **


    เวลาเหมือนจะเล่นตลกเลย ตอนเริ่มใช้ชีวิตที่นี่ เหมือนทุกอย่างเป็นภาพสโลว ดอกชมพูพันธุ์ทิพย์ข้างตึกยังเป็นสีเขียวๆ หอข้างบริษัทยังเป็นหอผีสิง แล้วออฟฟิศนี่ก็ยังเป็นสถานที่แปลกหน้าในความรู้สึกของเรา


    พอมานึกย้อนๆกลับไป เหมือนเวลาเรากรอม้วนเทปหรือม้วนวิดีโอ มันจะเบาบาง ลางเลือน ชัดมั่งไม่ชัดมั่ง แต่ทุกครั้งที่คิดถึง มันจะเกิดความรู้สึกในใจแปลกๆ ที่ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี แต่คิดว่าทุกคนน่าจะเข้าใจถ้าเคยผูกพัน

    จากวันแรกที่ใช้ความเงียบ เรียบร้อย และน่ารัก (คิดไปเอง ๕๕๕) แทนการสื่อสารด้วยคำพูด 


    " วันแรกที่มาทำงาน มาสักสิบเอ็ดโมงนะคะ "

    "สวัสดีครับ ป่าน มินิมอร์นะครับ"

    อย่างที่เคยบอก(แล้วบอกอีก) ว่า ก่อนจะมาฝึกงาน เรารู้สึกว่าที่นี่น่าจะอบอุ่นและน่ารัก ถึงแม้ว่าจะเป็นวันแรกที่มาทำงาน แต่พี่ๆ ไม่มีใครเกร็งเลย (น้องๆ นี่แหละ เงียบกริบ) 

    จำได้ว่าวันนั้น 
    • พี่ตาล >> ซิลิก้าเจลเข้าไปอุดช่องเสียบหูฟัง กำลังตื่นเต้น
    • พี่แก้ว >>นั่งเงียบๆ อยู่ในเขตขั้วโลก (แอร์ในห้องหนาวมาก)
    • พี่ป่าน >>หลังจากไปรับเรามาก็ถามพี่วีวี่เกี่ยวกับซิลิก้าเจลให้พี่ตาล
    • พี่กิ๊ฟ พี่ต่าย >> ยังไม่มา
    • พี่วีวี่ >>มาถึงพร้อมกับอาการหัวร้อน เพราะเรื่องอะไรสักอย่าง
    • เด็กฝึกงานสามคน >> = =

    เป็นบรรยากาศที่จรรโลงใจมากค่ะ !


    แล้วหลังจากที่แนะนำนั่นนู่นนี่ ไปตามเรื่องที่ออฟฟิศอื่นๆ เค้าแนะนำงานน้องกัน ก็มีการวุ่นวายเกี่ยวกับโต๊ะนิดหน่อย

    ด้วยความที่พื้นที่ห้องออฟฟิศไม่สัมพันธ์กับจำนวนคน ที่เดี๋ยวมีคนนั้นคนนี้แวะเวียนมาเยี่ยม เลยมีเก้าอี้เหลือเฟือ แต่โต๊ะไม่พอ ก็เลยมีการดัดแปลง แงะนู่น จัดนี่ จนบรรจุเด็กๆ ตัวเล็กๆ สามคนบนโซนหน้าห้องได้

    ถือเป็นการยึดครองโต๊ะทำงานครั้งแรกของพวกเรา (โดยไม่ได้นัดหมาย และยึดเรื่อยมา) 

    แล้วเย็นวันถัดมานั้นเองที่เราได้ค้นพบว่า ห้องทำงานที่หนักแน่นจริงจัง เป็นเพียงเสี้ยวเดียวของตัวตนความเป็นมินิมอร์ เพราะในความเป็นจริงแล้ว งานหลักของพี่ๆ คือ 

    (นี่คือโต๊ะพี่ต่ายต่าย บอสใหญ่แห่งมินิมอร์จ้า) 
    (ท้า ดาาาา) เล่นบอร์ดเกมจย้าาาาาา

    เป็นห้องทำงานที่มีบอร์ดเกมกองรวมกันติดกำแพงห้องเลย = =

    (มีโต๊ะปิงปองกลางออฟฟิศนี่คุ้นๆ มั้ย?)
    ไม่เล่นบอร์ดเกมก็ตีปิงปองจ้า นั่งมองๆ ไปก็เพลินๆ ดี 


    นั่นคือความทรงจำช่วงแรกของเรากับมินิมอร์ 

    หลังจากที่ทำงานไปสักพัก เราก็ได้เรียนรู้ว่า พี่ๆ ใจดี และใจดีมากกก เป็นออฟฟิศที่ไม่มีความรู้สึกกดดันอะไรเลย แถมยังทำให้เราคึกคักอยากทำงานให้ดีมากๆ เพื่อที่พี่ๆ จะได้ดีใจที่(อุตส่าห์รับเข้ามาแล้ว)เราขยันตั้งใจทำงาน 

    ได้เรียนรู้ที่ปรับตัว เช่น เวลามาทำงาน เราเรียนรู้ว่าพี่ๆ จะมากันช่วงไหน เพราะเคยมาแต่เช้าประมานสิบโมงตรงด้วยคิดว่าสายแล้วแต่ปรากฏว่า...
    (หงี้ด หงี้ด .... เงียบกริบ)
    Nobody Here จย้า ไฟยังไม่เปิด แอร์ก็ยังปิด เงียบกริบ นั่งรอจนเกือบจะเที่ยง พี่ๆ ถึงทะยอยกันมาแล้วบอกกับเราว่า 

    "วันนี้วันศุกร์ ก็งี้แหละน้อง" 

    ขอบขุ่นข่าาาาาาาา

    หลังจากนั้นก็เลยเพลย์เซฟ มาสิบโมงครึ่งตลอด ก็จะได้เจอพี่ๆ บ้าง ไม่ให้เหงาและหว่าเว้แต่เพียงเอกา

    มีคนส่งขนมมาให้กิน ก็เกิดเป็นแบ่งกันกินรอบห้อง 
    (ไดฟุกุรสสตอเบอรี่ ห้องนี้มีตั้งแต่อะไรแบบนี้ยันผงหม่าล่า)

    อ่ะ ขอนอกเรื่องแปบ 


    เรื่องของเรื่องคือว่า พี่เกด ห้องเยื้องๆ กัน อุ้มตุ๊กตาไปมาอยู่หลายที 

    (เจ้าตัวนี้ หมีเริงเมือง = =)
    เนี่ย ด้วยความที่พวกเราเด็กฝึกงาน ชอบจับ ชอบเล่นกันนัก ลูบๆ คลำๆ กันใหญ่  ตัวเราเอง ก็เป็นคนชอบตุ๊กตามาก แล้วมันก็นุ่มสุดยอด สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากเงินเข้าบัญชีก็คือ

    (ซีลกี้เองจย้า)
    เอ่อ...!! พี่เกดมี น้องก็มีฟร่ะ! (แถมตัวใหญ่กว่าด้วย) ๕๕๕ เจ้านี่เป็นเพื่อนร่วมห้องนอนตัวแรก ที่เรารับเข้ามาหลังจากมากอยู่กรุงเทพเลยนะ 

    (ตอนนั้นยังหาคำอธิบายบอกป๊ากับม๊าไม่ได้เลย จะซ่อนก็ไม่ได้ แต่รับมาแล้วอะ)

    ตอนที่พี่ต่าย พี่ตาลบอกให้เราสามคนคิดโปรเจคร่วม อะไรก็ได้ ของเด็กฝึกงาน ตอนแรกเกิดอาการงงๆ 

    แต่หลังจากที่ถกเถียงกัน (เรื่องเดอะเฟส) และเสนอไอเดีย (ว่าใครอยู่ภายใต้หน้ากาก) อยู่นาน เราเลยได้นำเสนอสิ่งนี้ 


    ต้นแบบที่วาดมาร่างๆ ก่อนจะนำไปสู่


    (แต๊น แตนนนน ) ผลงานร่วมที่ถึงจะดูกะโหลกกะลา แต่เราภูมิใจมากนาจาาาา

    อะ ไหนๆ ก็ ไหนๆ ขายของเลย 

    This is my boss 


    หลังจากนั้น พอรู้ตัวอีกที อ้าว เวลาผ่านไปสองเดือนแล้ว เฉยเลย

    แล้วก็เริ่มมีการคุยกันเรื่องงานหนังสือ อู้หูว ตื่นเต้นเลย ทันทีที่พี่ถามว่า มีใครอยากไปลองทำงานบ้างมั้ย (หูตั้งหางกระดิก) อยากกกก!!

    พี่ตาล คุณแม่ของพวกเรา เลยถามพี่ต่าย พี่ใหญ่ของเรา เพื่อไปถามพี่ตู่ พี่ที่ดูแลงานหนังสือว่าพอจะฝากเด็กน้อยสามคนไปร่วมทีมได้มั้ย 

    สรุปง่ายๆเลย ได้ 

    เย้ ไม่เคยทำ อยากลอง ได้ลอง โชคดีกว่านี้มีอีกมั้ยล่ะ? 

    ตั้งแต่นั้น ก็เลย เร่งทำงาน ขยันสร้าง Content เก็บ Stock ไว้ใช้เวลาที่เราจะไม่อยู่ จากวันๆ นึง เขียนอย่างมาก ก๊อกแก๊กอันสองอัน พี่ปั่นไปวันละสามสี่เรื่องเลยจ้า ฟิตกันสุดๆ

    แล้วก็ถึงวันที่จะไปทำงานหนังสือ 

    ขอเลาคั่นนิดนึง

    ก่อนจะไปทำงานหนังสือ พี่ๆ กังวลกันเรื่องที่ว่าถ้ามันดึก เราจะกลับกันยังไง มีการฝากเรากับพี่ที่ดูแลงาน ถามกันว่าใครไปรับน้องได้มั่ง บลาๆๆๆ 

    โอ๊ยย ความรู้สึกตอนนั้นเหรอ

    ร้องไห้ได้มั้ย ทำไมต้องน่ารักมากขนาดนี้ TT

    หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้แวะมาที่ออฟฟิศ เพราะออกจากหอแต่เช้าไปช่วยงานหนังสือ กลับมาดึกๆ ก็เข้าหอเลย มีพี่ๆ แวะไปเยี่ยมที่บูธบ้าง ซึ่งเราจะดีใจกันมาก เสมือนมีผู้ปกครองมาเยี่ยมที่โรงเรียน (ฮือออ มาพร้อมขนมกันมั่ง มาพร้อมกำลังใจกันมั่ง น่าร้ากกก)

    หลังจบงานหนังสือ เหลือเรานี่แหละ มานั่งเขียนบันทึกฉบับนี้ ในขณะที่เพื่อนอีกสองคนฝึกงานจบแล้ว ก็แยกย้ายกันไป เจอกันทีก็ในไลน์ (พร้อมกับเรื่องอะไรกันเยอะแยะ ๕๕)

    (นั่งทำบันทึกฝึกงานพร้อมรายงานฝึกงานไปพร้อมกันด้วย เกร๋ๆ)

    พอมาถึงตรงนี้ เรารู้สึกแปลกๆ ในหัวใจ

    มันโหวงๆ พอจะปล่อยให้ตัวเองไปกับอารมณ์นั้น เหมือนน้ำตาจะรื้นขึ้นมา ซึ่งพี่อยู่กันเยอะแยะ ไม่ได้ว้อยยย!!

    สามเดือน สิบสองวัน กับสี่ครั้ง(ได้มั้ง) ที่ดอกชมพูพันธุ์ทิพย์บานแล้วก็ร่วง แล้วก็บานอีก แล้วก็ร่วงอีก และตอนนี้ก็บานจวนจะร่วงอีกแล้ว 

    ความทรงจำที่เราไม่ได้ใส่ใจจะจำเท่าไหร่ เพราะมันเป็นเรื่องที่เจอทุกวันจนไม่ได้รุ้สึกพิเศษอะไร พอมาวันนี้ เหมือนมันจะค่อยๆ มาย้ำเตือนให้เราคิดถึงที่นี่มากจริงๆ 

    จากวันแรกที่บอกไปข้างบน มาจนถึงวันนี้ มีหลายอย่างเปลี่ยนไป ทั้งมินิมอร์ แล้วก็ตัวเราด้วย 


    • พี่ตาล >> ออกไปเป็นนักเขียนเต็มตัว พร้อมกับดูแลแก๊งน้องเหมียว
    • พี่แก้ว >>นั่งเลือกห่วงยางระหว่างฟามิงโก้กับยูนิคอร์น เอาอะไรดีน้า พร้อมกับพันตัวด้วยผ้าห่มที่เหมือนผ้าม่านจนเหมือนเป็นพระทิเบต (ยืนยันว่าแอร์ในห้องหนาวมากจริงๆ)
    • พี่ป่าน >> ยังเป็นพี่ชายที่ใจดีและยิ้มได้น่ารักเหมือนเดิม ๕๕ 
    • พี่กิ๊ฟ  >> กลับไปแล้ว เพราะะออกเดินทางคืนนี้ เดินทางปลอดภัยนะคะ 
    • พี่ต่าย >> อยู่ๆ ก็ขาเจ็บ เดินกะเพลกๆ เข้ามา แต่ยังคงเป็นบอสผู้สดใสและร่าเริงเหมือนเคย
    • พี่วีวี่ >> ไม่อยู่ แต่รู้ว่าอยากเจอน้องเหมือนกัน ๕๕๕ (คิดไปเองงงง) 
    • เด็กฝึกงานสามคน >> เหลือคนเดียวนั่งอยู่ตรงนี้ อีกคนปั่นโปรเจค อีกคนน่าจะทำอะไรสักอย่างอยู่
    • เพิ่มเติมคือเรามีพี่ฟาง >> พี่คอนเทนต์คนใหม่ ที่คุยกันถูกคอ 

    เราเองก็ได้เปลี่ยนไปเยอะเหมือนกันนะ 

    เรายังหลงทางเหมือนเดิม แต่ที่เพิ่มเติมคือเรากล้าที่จะหลงแล้วหาทางกลับที่ถูกต้อง ไม่กลัวที่จะออกไปข้างนอกคนเดียวเท่าไหร่แล้ว

    เราผูกพันกับใครง่ายเป้นทุนเดิม แต่เรารู้ว่าเราโชคดีที่คนที่เราผูกพันด้วย เค้าน่ารัก ใจดี และเป็นสิ่งที่ดีที่เราควรผูกพัน

    เรากล้าเขียนมากขึ้น กล้าแปลมากขึ้น กล้าจะผิดมากขึ้น โดยมีพี่ๆ คอยประคองมาสามเดือน จนเริ่มจะกล้าคิด กล้าออกจากกรอบของตัวเองมากขึ้น 

    เราเริ่มเรียนรู้ว่าจริงๆ แล้วอันไหนทำไม่ได้ และอันไหนพยายามได้

    เรารู้ว่า ความผูกพันและการจากลาไม่ได้น่ากลัว แต่การลืมความรู้สึกดีๆ ต่างหากที่น่าเศร้าใจ

    เราคิดว่าเราโชคดีมากที่ได้มาเป็น มินิมอร์ 

    เรารัก มินิมอร์นะ รักมากๆ เป็นบ้านที่อบอุ่น และมีความสุขที่สุดหลังนึงเลยล่ะ ^^

    นี่เป็นบทความสุดท้ายที่เราจะลงชื่อเอาไว้ในฐานะ

     Minimore Trainnee : Little Swan

    เราจะไม่พูดว่าลาก่อน เพราะเราเชื่อว่าเราจะต้องเจอกันอีก 

    เเล้วเจอกันนะ

    また あいましょう!。

    Little Swan (清子)
     


    ส่งท้ายอีกหน่อย ความทรงจำที่ไม่อยากลืม

     
    นี่ แอบถ่ายไว้ วันแรกที่ไปขอรหัส Wifi กันเอง แล้วนัทโดนเรียกเข้าห้องปกครองของพี่ต้น (๕๕) 
    ซึ่งความจริงแล้วคนที่จะต้องโดนเรียกน่าจะเป็นเรา (ซอรี่เด้ออ)

    อันนี้เป็นข้าวเช้ามื้อแรก ที่พี่สาวพี่ชายทำให้ ในการฝึกงานวันแรก
     เป็นปิ่นโตที่น่ารักและมีกำลังใจเต็มเปี่ยมเลยเนอะว่ามั้ย?

    วันที่ได้ ซีลกี้มากอด เด็กฝึกงานทั้งสาม ก็เอาพาดตักนั่งคลำกันไปทั้งบ่าย ๕๕๕

    ทำงานร่วมกันมาตั้งสามเดือน พึ่งจะมีรูปร่วมกันในงานหนังสือ (หลินๆ งงอะไรรู๊กกกกกก) 
    (นัท หงส์ หลินๆ)

    ไอติมเลี้ยงส่งจากพี่ป่าน กับประตูฝืดๆ ของห้องมินิมอร์

    ลูกอมรสมินต์ กับโน๊ตแรกของการฝึกงาน ที่หลังจากนั้น มันกลายเป็นโน๊ตสุดท้ายไปด้วยเลยแหละ ๕๕๕ 

    หลังจากขอชื่อกับตำแหน่ง พี่ๆ พร้อมใจกันให้นามบัตรแบบดีใจสุดขีด 
    (คือไม่ค่อยได้แจกใครใช่มั้ย ตอบน้องมาเดี๋ยวนี้นะ ) ๕๕๕


    บ๊าย บาย แล้วจริงๆ นะ Little Swan (清子)



     

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
lhinlhin (@lhinlhin)
น้ำตาจะไหล
pupuritaa (@pupuritaa)
@lhinlhin คิดถึงงี้เหรอ?
vvkhxng (@vvkhxng)
แงงงงงง เจอกันวันสุดท้าย ฮ่าๆๆ กลับบ้านปลอดภัยน๊า เตรียมตัวสู่วัยทำงานตอนต้นให้พร้อมนะครับ เป็นกำลังใจให้น๊า 'w')/
pupuritaa (@pupuritaa)
@vvkhxng (._.) แง้ ยังไม่ได้เล่นเกมอื่นๆ กะ พี่ๆเลยย