เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Alive : กำเนิดกลายพันธุ์NO.W
Alive : กำเนิดกลายพันธุ์ ตอนที่ 7
  • ..........

     

    ตอนที่ 7 : หนึ่งอาทิตย์ยังน้อยไปของการเชื่อใจใครสินะ

     

    “เอาล่ะ เรารีบไปกันดีกว่า” ผมพูดมือจับที่เปิดประตู

    “ให้ผมช่วยสะพายเป้มั้ย? ”  อยู่ๆ แมกส์ก็ถามขึ้น ผมจึงนึกได้ว่าตัวเองสะพายเป้ทั้งหน้าและหลังอยู่  

    “ไม่เป็นไรหรอก กะจะเอาออกอยู่แล้วน่ะ ดันลืมซะได้” ผมเดินกลับมายังโต๊ะยาวกลางห้องครัว    วางเป้ใบเดิม เปิดออก ย้ายไฟแช็กกับหนังสือสองสามเล่มใส่ลงในกระเป๋าใบใหม่เลือกที่จะทิ้งเสื้อผ้าไว้ เพราะเดี๋ยวในเคลโอคงมีให้   

    “ทุกคนยังไม่ตายใช่มั้ยฮะ? ”

    “ยังหรอกน่า ขนาดฉันยังรอดมาได้ทุกคนก็ต้องรอดเหมือนกัน เข้าใจมั้ย”ผมถาม 

    “เข้าใจครับ”  แมกส์พยักหน้าเข้าใจ แต่ดูจากน้ำเสียงและสีหน้า เจ้าตัวเล็กนี่คงกังวลไม่ใช่น้อย

    “งั้นรีบไปกันเถอะ สวนทางกันขึ้นมาจะแย่เอา” 

     

    เราสองคนเดินออกมานอกร้าน วิ่งเหยาะๆ มาเรื่อย ผู้คนเริ่มหนาตาขึ้นมีคนบางกลุ่มรอดออกมาจากความวุ่นวายบนถนนช่วงนั้นได้ บางคนตะโกนห้ามพวกเราไม่ให้ไปทางนั้นสีหน้าแมกส์เริ่มซีดเผือดเผยให้เห็นความกลัวออกมามากขึ้น เมื่อยิ่งเข้าใกล้บริเวณที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและซากศพ

     

    ซอมบี้เริ่มกระจัดกระจายตามผู้คนที่ร่นถอยออกมาจากถนนเส้นนั้นพวกเรามาถึงสามแยกที่ว่า ภาพเหตุการณ์หนีตายตรงหน้ายิ่งเพิ่มความหวาดกลัวให้มากขึ้นไปอีก 

    “จับมือฉันไว้ดีกว่า”  ผมยื่นมือซ้ายไปรับมือเด็กชายไว้ มือขวากระชับชะแลงในมือมั่น

    “อย่าทิ้งผมนะ”  แมกส์พูดเสียงสั่น

    “ทำไมฉันต้องทิ้งนายด้วยล่ะ” ผมยิ้มให้แมกส์ ก่อนพากันเดินเข้าสู่นรกเบื้องหน้า

     

    ปึ้ก !  ผมใช้ชะแลงฟาดเข้าที่ข้อพับเข่า เจ้าซอมบี้ที่พุ่งเข้าใส่ทรุดล้มลง ผมไม่คิดจัดการต่อผมให้แมกส์วิ่งนำหน้า ตัวเองคอยคุ้มกันหลังให้ เราค่อยๆ ฝ่าฝูงชนเข้าไปในถนนตรงหน้า

     

    “แมกส์ ก้ม ! ”  ผมตะโกนเมื่อเห็นซอมบี้พรวดออกมาจากช่องว่างระหว่างรถบนถนน แมกส์ก้มลง ผมเหวี่ยงชะแลงเข้าใส่โพละ ! เข้าที่หัวเต็มแรงจนกระเด็นไปกระแทกรถข้างหลัง เลือดกระเซ็นอาบไปทั่วกระจกก่อนจะไถลครูดลงไปนอนกับพื้น 

    “ลุกขึ้นๆ ” ผมจับแขนเด็กชายให้ลุกขึ้น เมื่อแมกส์เอาแต่นั่งก้มหน้าตัวสั่นระริกไปด้วยความกลัว   แต่แล้วผมก็ชะงัก มองไปรอบตัว พวกซอมบี้มันหายไปไหน?ผมสงสัยเมื่ออยู่ๆ พวกมันก็บางตาลง 

    “เจค...”  แมกส์เรียกพลางสะกิดให้ผมหันไป

    “หือ” ผมหันกลับมา มองตรงไปยังทางตรงข้ามกับที่เรามาเห็นฝูงชนวิ่งแตกตื่น สีหน้าแต่ละคนกลัวสุดขีด วิ่งไม่สนแม้แต่ซอมบี้ข้างตัว แต่ละคนวิ่งกันสุดฝีเท้าราวกับอยู่ในหนังน้ำท่วมโลก   เกิดบ้าอะไรขึ้นอีกล่ะเนี่ย?

     

    ผลั่ก ! 

     

    “เจค ! ”  แมกส์ตะโกนเมื่อผมโดนฝูงชนที่บ้าคลั่งวิ่งเข้าใส่    

    “ฉันไม่เป็นไร”  ผมลุกขึ้น จับมือแมกส์ ทันใดนั้นก็รู้ทันทีว่าสิ่งที่ทำให้ทุกคนต่างพากันวิ่งไม่คิดชีวิตคืออะไร

               

    ปรากฏสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดที่ผมไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อนอันที่จริงมันก็ยังเหมือนคนนั่นแหละ แต่มือเท้าที่ใหญ่ขึ้น ทำให้พวกมันวิ่งได้เร็วขึ้นพละกำลังมากขึ้น ผมเห็นพวกมันวิ่งอยู่ไกลๆ ทุกครั้งที่มันวิ่งผ่าน มันจะจับและเหวี่ยงสิ่งมีชีวิตรอบข้างกระแทกไปทั่วจนตายแล้วพวกมันก็ไม่เลือกด้วยว่าสิ่งที่มันทุ่มหรือเหวี่ยงเป็นอะไร เพราะเหล่าซอมบี้ก็ตายไปเป็นสิบแล้วจากน้ำมือของมัน

    “ดูท่าเราต้องกลับไปรอที่รถแล้วล่ะ” ผมบอกแมกส์ยกแมกส์ขึ้นขี่หลัง จับเท้าทั้งสองของเด็กชายแน่นก่อนวิ่งกลับไปยังร้านอาหารที่แมกส์รอพวกบิล

     

                เสียงผู้คนกรีดร้องดังไม่ขาดสายด้วยความอยากรู้  ขณะวิ่งผมจึงหันหลังกลับไปมองข้างหลัง อยากเห็นที่มาของเสียงกรีดร้องที่ทำเอาจิตใจหดหู่นี่ผมเห็นร่างๆ หนึ่ง เป็นผู้ชาย โดนสองมือที่ใหญ่โตผิดปกติของเจ้าตัวประหลาดนั่นฉีกออกเป็นสองส่วนก่อนที่มันจะเหวี่ยงทิ้งอย่างไม่ใยดี เสียง แหมะๆ ของฝนเลือดที่ตกกระทบพื้นถนน ยิ่งทำให้ผมตัวสั่นเข้าไปอีก

     

    แต่แล้วผมก็ได้ยินเสียงๆ หนึ่งตะโกนขึ้น

     

    “แมกส์ ! ”  เขาคนนั้นร้องเรียกชื่อแมกส์ไม่ผิดแน่ผมรีบมองหาต้นเสียงขณะวิ่ง

    “วอลเทอร์ ! ” แมกส์ตะโกน ผมรู้แล้วว่าเสียงใคร แต่ตอนนี้ยังมองไม่เห็นเจ้าตัว

    “ทางนี้ ! ”  เสียงวอลเทอร์ตะโกนขึ้นมาอีกผมหันไปตามเสียง ก่อนจะเห็นเพื่อนใหม่วิ่งอยู่บนถนนฝั่งตรงข้ามถัดไปจากถนนสองเลนส์อันที่จริงผมกับวอลเทอร์ก็ค่อนข้างสนิทกันนะ แต่ผมไม่เห็นบิลอยู่ด้วยกับทั้งสามสงสัยว่าสิ่งที่ผมคิดจะเป็นจริง และคงมีใครจัดการไปแล้ว

    “เธอรอด”  แซลลี่ดีใจที่เห็นผมอีกครั้ง 

    “ไปเจอกันที่รถ”  วอลเทอร์ตะโกนข้ามฟากถนน ผมพยักหน้ารับ

               

    อีกไม่กี่เมตรก็จะถึงแยกข้างหน้าแล้ว  แต่จู่ๆ กับมีอะไรบางอย่างมาจับหมับเข้าที่ไหล่ผม  ผมหันไปตามแรงพร้อมกับผละตัวออก แต่ก็ต้องตกใจเมื่อสิ่งตรงหน้าไม่ใช่ซอมบี้แต่เป็นบิลนั่นเอง 

    “บิล”  น้ำเสียงแมกส์บ่งบอกได้ถึงความดีใจที่ได้เจอบิลอีกครั้งถึงแม้ว่าสถานการณ์มันจะไม่น่ายินดีซักเท่าไร

    “ว่าไงเจ้าตัวน้อย”  บิลยิ้มทัก บิลดูท่าทางสบายดีเหมือนไม่ได้โดนกัดหรือว่าผมจะคิดไปเองว่าเขาโดนกัด แต่นี่ทำไมพวกเราถึงมายืนคุยกันในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ล่ะเนี่ย

    “ผมว่าเราค่อยไปคุยกันที่รถเถอะ”  ผมพูด แต่ดูท่าจะสายไปซะแล้วเพราะสิ่งที่ผมกลัวได้มาเยือนอยู่ตรงหน้า

     

     

    ตึง  ! เสียงอุ้งเท้าที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมของเจ้ากลายพันธุ์กระโดดลงมาจากบนอาคารมาหยุดยืนอยู่ข้างหน้า ห่างจากพวกเราไปไม่กี่เมตร มองพวกเราด้วยสายตาอาฆาต ผู้คนรอบข้างพากันแตกฮือวิ่งกระจัดกระจายแต่คราวนี้เจ้าตัวประหลาดข้างหน้ากับไม่คิดจัดการผู้คนรอบข้าง  มันเดินตึงตังมาทางพวกเรา

    “แมกส์ นายต้องลงแล้วล่ะ”  ผมอุ้มแมกส์ลงกับพื้น รีบเปิดกระเป๋า หยิบเอาปืนพกที่ได้ขึ้นมาทันที ผมเล็งไปที่เจ้าตัวประหลาดข้างหน้าระยะเหลือไม่กี่เมตรแล้ว น่าจะยิงไม่พลาด

    “เราสู้มันไม่ได้หรอกเจค” บิลว่า อุ้มแมกส์ตั้งท่าจะวิ่งแต่เราไม่มีทางหนีอื่นแล้ว ข้างหลังก็มีพวกมันอีกหลายตัว 

    “มันก็ต้องลองสักตั้งล่ะ”  ผมพูด ลั่นไกด้วยมือที่สั่นเทา นี่เป็นครั้งแรกที่ผมจะได้ยิงปืนผมยิงรัวไปยังเป้าหมายตรงหน้า คงด้วยตัวที่ขยายใหญ่ขึ้นกว่าคนปกติเสมือนพวกชอบเพาะกล้ามของมันทำให้ผมยิงเข้าช่วงตัวครบทุกนัด มันร้องอย่างเจ็บปวด ก่อนจะบ้าคลั่งขึ้นและวิ่งเข้าใส่  

    “เข้าไปหลบข้างใน” บิลตะโกนอุ้มแมกส์วิ่งขึ้นชานบันได ใช้ไหล่กระแทกประตูเปิดดังปึงเพื่อเข้าไปข้างใน ผมรีบตามเข้าไปติดๆปิดประตูตามหลังอย่างไว

     

    ทำไมมันเงียบไปล่ะ เกิดอะไรขึ้น ผมแปลกใจเมื่อตัวประหลาดเมื่อครู่ไม่คิดจะเล่นงานพวกเราต่อ

     

    “เป็นอะไรรึเปล่าเจคดูนายกังวลพิกลนะ”  บิลพูดขึ้นเขานั่งอยู่บนเคาน์เตอร์คิดเงิน ในนี้เป็นร้านขายของเก่า ถึงจะไม่ใหญ่มาก แต่ก็มีชั้นวางของมากมายที่อัดแน่นไปด้วยวัตถุเก่าแก่ผมรู้สึกว่าท่าทางของบิลมันดูสบายเกินไป ทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมา

    “ผมว่าเราควรหาทางออกจากตรงนี้ก่อนดีกว่า เผื่อเจ้านั่นมันจะบุกเข้ามา”ผมแสดงความเห็น

    “ไม่ต้องห่วงหรอก ไม่มีอะไรต้องกลัว ตัวข้างนอกนั่นมันไม่ทำร้ายพวกเราหรอก”บิลตอบ เสียงของเขาดูมั่นใจจนน่าขนลุก เหมือนว่าแมกส์จะรู้สึกได้เหมือนผมเด็กชายตัวน้อยค่อยๆ เดินมายืนข้างๆ ผมขณะผมพูด

     

    “ใช่แล้ว เชื่องไม่ต่างกับสุนัขฝึกเลยล่ะ” เสียงชายปริศนาดังขึ้นก่อนที่เจ้าของร่างจะค่อยๆ เดินออกมาจากมุมมืดข้างหลังผม

    “คุณเป็นใคร? ” ผมตะโกนถาม  ยกปืนขึ้นชี้ไปที่ชายใส่ชุดสูทสีดำสนิท ที่ไม่รู้มาอยู่ข้างหลังผมตั้งแต่เมื่อไร

    “ใจเย็นน่าเจค คนนี้เพื่อนฉันเอง”  บิลพูด

    “ดูท่าเด็กนายจะหัวรั้นน่าดู คงไม่คิดจะทรยศพวกเราทีหลังหรอกนะ” ชายในชุดสูทพูด

    “แค่นี้ผมดูแลได้น่า เดี๋ยวนี้หาคนหนุ่มสุขภาพดียากจะตาย ดันตายกันไปซะเยอะ”บิลว่า

    “พูดเรื่องอะไรของคุณน่ะบิล”  ผมถาม

    “ฉันว่านายลดปืนลงแล้วทำใจสบายดีกว่านะ พวกเราจะได้กลับซักที” บิลว่า

    “ผมไม่ไปไหนทั้งนั้นแหละ ผมไม่ปล่อยให้พวกแซลลี่ตกอยู่ในอันตรายแน่”ผมจับมือแมกส์หันหลังจะเดินกลับไปที่หน้าประตู

     

    ปัง  !

     

    “นายนี่มันคนดีซะจริงนะเจค แต่ทางนั้นน่ะไม่ต้องห่วงหรอก ป่านนี้พวกฉันคงไปรับตัวพาเข้าเคลโอส่วนในไปแล้วล่ะ”บิลตอบ ลดปืนลง ผมทรุดฮวบลงกับพื้น เลือดไหลนองซึมขากางเกงผมโดนบิลยิงเข้าที่ขา  

    “อย่าเพิ่งตายนะเจค ฮือ... ”   แมกส์พูดไปร้องไห้ไปอยู่ข้างๆ   

    “เฮ้ ฉันบอกว่าไง ผู้ชายเขาไม่ร้องไห้กันบ่อยๆ หรอกนะ”  ผมลูบหัวแมกส์โดนยิงนี่มันเจ็บเป็นบ้า แต่ผมก็ไม่ร้องสักแอะจะแสดงความอ่อนแอให้พวกมันเห็นไม่ได้

    “สอนได้ดีเจค แต่ฉันไม่มีเวลามาเล่นกับนายหรอกนะ”   

     

    ปึ้ก !

     

                ภาพสุดท้ายที่ผมเห็นคืออุ้งมือของบิลที่เงื้อมสูงขึ้นมันค่อยๆ พุ่งเข้ามาหาผมช้าๆ ราวกับภาพสโลว์โมชั่น ผมรับรู้ได้ถึงแรงหมัดอันหนักหน่วงของบิลก่อนที่ทุกอย่างจะพลันมืดลง พร้อมกับเสียงร้องของแมกส์ที่ค่อยๆ แผ่วเบาลงเรื่อยๆ จนเงียบหายไปในที่สุด

     

    ……….

     

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in