เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Alive : กำเนิดกลายพันธุ์NO.W
Alive : กำเนิดกลายพันธุ์ ตอนที่ 13
  • ……….

     

    ตอนที่ 13 : หนี #4

     

    “กลับไปรวมกลุ่มกับเพื่อนไปวอลเทอร์”  บิลสั่ง วอลเทอร์ทำท่าจะค้านแต่ก็ยอมไปโดยดีผมยืนนิ่งจ้องมองใบหน้าของคนที่ทำให้ผมต้องเป็นแบบนี้ ทำให้พวกแซลลี่เข้าใจผมผิด อีกทั้งเขายังฆ่าแมกส์ได้ลงคอทั้งๆที่แมกส์ยังไม่ถึงสิบขวบเลยด้วยซ้ำ

    “เหมือนนายมีอะไรจะถามฉันนะ” บิลว่า ยืนอยู่หน้าเจ้าหน้าที่ติดอาวุธ ห่างจากผมที่ยืนตรงกลางร่วมสองเมตร

    “ทำไม...”  ผมยังพูดไม่ทันจบเสียงชายคนหนึ่งก็พลันดังขึ้นข้างหลัง

    “นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น” เขาเดินแหวกเจ้าหน้าที่นับสิบออกมาฝั่งตรงข้ามกับบิล

    “โอ้ ! มาคัส บังเอิญจริงนะที่นายมาอยู่ตรงนี้ได้”บิลพูดเสียงยียวน

    “พวกนายทั้งหมดกลับไปช่วยคุมสถานการณ์ซะ”  มาคัสตะโกนสั่งหน่วยติดอาวุธทั้งสองฝั่ง

    “เฮ้ๆ นี่มันลูกทีมฉันนะมาคัส มาสั่งตามใจชอบคงไม่ได้มั้ง”  บิลว่า กลายเป็นว่าผมต้องมายืนคั่นกลางการปะทะอารมณ์ของทั้งสองซะแล้ว

    “แต่ลูกทีมนายอยู่ภายใต้การควบคุมของฉันที่ใหญ่ที่สุดของตึกนี้” มาคัสโต้  “และถ้าใครยังไม่ฟังคำสั่งฉันอีกล่ะก็มันคนนั้นอาจจะถูกเปลี่ยนไปเป็นเวรเฝ้ากำแพงเมืองแทน” หลังจากเขาพูดจบบรรดาเจ้าหน้าที่พากันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ

    “ไปได้แล้ว ! ”  มาคัสตะโกนลั่น ทำเอาผมแอบกลัวขึ้นมา ด้วยน้ำเสียงที่ไม่ต่างจากครูฝึกสุดโหดในค่ายทหารเจ้าหน้าที่นับสิบทั้งสองฝั่งพากันหันหลังก่อนวิ่งลับสายตาไป

     

                ปล่อยให้ผมและชายสองคนตรงหน้ายืนนิ่งบนทางเดินยาวที่ว่างเปล่าปราศจากผู้คน มีเพียงเสียงปืนที่ดังแว่วมาไกลๆและเสียงร้องแสดงความเจ็บปวดของผู้ที่ไม่รอดเงื้อมมือพวกกลายพันธุ์พวกนั้นเป็นฉากหลังผมรู้สึกผิดขึ้นมา เพราะตัวเองเป็นต้นเหตุการนองเลือดในครั้งนี้   แต่ตอนนี้มันกลายเป็นอดีตที่ย้อนกลับไปแก้ไขไม่ได้แล้วตอนนี้ผมทำได้เพียงเลือกอนาคตของตัวเองเท่านั้น

     

                ผมก้มลงเก็บมีดบนพื้นใส่มันในฝักข้างเอว เดินไปหาบิลช้าๆ ใบหน้าเขาปรากฏความกลัวขึ้นมาเล็กน้อยมาคัสยืนเอนหลังพิงกำแพง อยู่ฝั่งตรงข้าม มองดูเหตุการณ์ตรงหน้า

    “ทำไมต้องฆ่าแมกส์”  ผมถามเสียงเรียบ ผลักเขากระแทกกับกำแพง

    “ใครบอกว่าฉันฆ่า ฉันให้เขาเลือกทางเดินชีวิตตัวเองต่างหาก” บิลตอบด้วยน้ำเสียงไม่สำนึกในสิ่งที่ตนก่อลงไปแม้แต่น้อย

    “ไอ้ชั่วเอ้ย ! ”  ผมซัดหมัดเข้าที่ใบหน้าบิลเต็มแรงด้วยความโมโห แน่นอนว่าความโกรธของผมย่อมไม่ใช่เพียงแค่หนึ่งหมัดแน่จนมาคัสที่ยืนดูอยู่ข้างหลังพูดขึ้นว่า  “ใจเย็นไอ้หนู เดี๋ยวก็ไม่ได้ถามมันหรอก”  ใบหน้าบิลเต็มไปด้วยรอยเขียวช้ำ ปูดบวม เลือดไหลออกจากปากแผลที่แตกเป็นสายเขาทรุดลง เข่ากระแทกพื้นอย่างอ่อนแรง

      

    “แซลลี่กับเอมี่อยู่ที่ไหน” ผมตะคอกถาม รู้สึกอารมณ์พลุ่งพล่านขึ้นมามือจับมีดข้างเอวแน่น

    “เอาสิ ! ฆ่าฉัน”  บิลตะโกนใส่ ไม่สนใจคำถามของผม ไอ้บ้านี้มันไม่ได้กลัวผมเลยแม้แต่นิดเดียว

    “จัดให้อยู่แล้ว ! ” ผมพูดพร้อมกับง้างมีดในมือขึ้นหมายจะแทงชายตรงหน้า

    “เป็นฉันจะไม่ทำอย่างนั้นนะเจค” มาคัสพูดขึ้นอีกครั้ง ผมชะงักเล็กน้อย  “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณ”

    “นั่นสินะ ไม่ใช่เรื่องของฉันสักหน่อย”  เขาว่า ยังทำหน้าไม่ทุกข์ร้อนใดๆ

     

    ผมหันกลับมา เงื้อมีดขึ้น ออกแรงแทงเข้าไปตรงๆ ยังตำแหน่งหัวใจ

       

    หมับ !  แต่มือของผมกับถูกหยุดโดยมือใครไม่รู้แต่ที่รู้คือไม่ใช่มาคัสแน่ เพราะผมยังรู้สึกได้ว่าเขายังคงยืนนิ่งพิงกำแพอยู่ข้างหลังผม

     

    “นายจะฆ่าคนที่หมดสติรึ? ”  ชายปริศนาพูด ยังคงจับข้อมือผมอยู่ ปลายมีดอยู่ห่างจากขั้วหัวใจบิลไม่กี่เซ็นเท่านั้นผมเพิ่งสังเกตว่าบิลหมดสติไปแล้ว   “เก็บไว้ฆ่าตอนที่เขายังรู้สึกตัวดีกว่า  มันจะรู้สึกดีกว่านี้”  เขาพูด เดินไปหามาคัส

    “คุณคงเป็นหนึ่งในคนที่ถูกทดลองสินะ”  ผมเดาว่าใช่ ไม่มีมนุษย์คนไหนเคลื่อนไหวได้รวดเร็วและมีแรงมากขนาดนี้

    “ใช่แล้ว ฉันพอล ยินดีที่ได้รู้จัก”  เขาแนะนำตัวเอง

    “ให้ผมเดานะ คุณเป็นคนที่เอายานั่นมาให้ผมกิน”  ผมมองไปยังมาคัส

    “ถูกต้อง”  มาคัสตอบ

    “ทำไมต้องผม”  

    “เพราะอย่างนายคงไม่เป็นมิตรกับที่นี่แน่ เลยอยากช่วยให้หนีออกไปไง ไปใช้ชีวิตของตัวเองข้างนอกนั่น”

    “มันคงไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกมั้ง” ผมตอบ

    “ฮะฮะ ใช่แล้ว ฉันจะบอกให้นะ ว่าพวกเธอสองคนน่ะโชคดีมาก ไม่มีผลกระทบข้างเคียงเหมือนหมายเลขอื่นๆ” มาคัสกล่าว

    “หมายความว่าไง” ผมถาม พอลยืนนิ่งอยู่ข้างๆมาคัสราวกับเป็นบอดี้การ์ด  

    “ก็หมายความว่าปกติดีไง ซึ่งถ้านายหนีออกไปล่ะก็ จะมีคนออกตามล่านายกับมาศึกษาและเป็นต้นแบบสำหรับรุ่นอื่นๆอีก หนีแล้วก็ต้องหนีให้รอด”  

    “ทำไมคุณถึงช่วยผมล่ะ คุณเป็นฝ่ายเดียวกับพวกนี้ไม่ใช่รึไง” ผมถาม

    “เดี๋ยวสักวันนายก็รู้เองนั่นแหละ ฉันต้องไปแล้ว เป็นหัวหน้าแต่ดันหายหัวไปนี่คงไม่ดีเท่าไหร่” มาคัสเดินกลับไปยังทางที่เขามา  ก่อนจะหยุดและหันมาพูดว่า “เดินไปทางนั้นสักพักจะมีประตูบันไดหนีไฟ ลงทางนั้นแล้วกัน ไม่ค่อยมีคนใช้กันหรอกว่าแต่นายคิดจะออกจากที่นี่ยังไง” มาคัสย้อนถาม

    “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”  ผมตอบตามความจริง อันที่จริงผมอยากจะไปตามหาพวกแซลลี่ก่อนด้วยซ้ำ

    “อ้อ เรื่องพวกของนาย ผู้หญิงที่ชื่อแซลลี่กับเด็กที่ชื่อเอมี่น่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงพวกเธอมีที่อยู่ปลอดภัย อาหารการกินพร้อม ฉันว่านายควรคิดวิธีออกไปจากที่นี่มากกว่าแต่ถ้าคิดไม่ได้ อีกสองชั่วโมงจากนี้ฉันจะให้พอลไปตามหานายแล้วพาออกไป” มาคัสว่า

    “ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณช่วยผมเพราะอะไร แต่ยังไงผมก็ขอบคุณ”   ผมกล่าวก่อนวิ่งไปตามทางที่มาคัสบอก

     

    ……….

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in