เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Alive : กำเนิดกลายพันธุ์NO.W
Alive : กำเนิดกลายพันธุ์ ตอนที่ 11
  • ..........

     

    ตอนที่ 11 : หนี #2

     

    หลังจากผ่านไปหลายนาทีที่ลิฟต์เปลี่ยนเส้นทาง ความตื่นเต้นในตัวผมดูจะหมดลงไปเรื่อยๆผมต้องยืนลุ้นอยู่หลายครั้งที่ลิฟต์ทำท่าจะหยุด แต่มันก็แค่เปลี่ยนเส้นทาง ผมรู้สึกว่าตัวเองกังวลมากเกินจึงคิดที่จะนั่งแต่ลิฟต์ก็ดันมาหยุดอีกครั้ง ผมยืนนิ่งอยู่พักใหญ่ ใจหนึ่งอยากจะให้มันเปิดให้รู้แล้วรู้รอดแต่อีกใจก็อยากให้มันแค่หยุดเพื่อเปลี่ยนเส้นทางอีกครั้ง แต่คราวนี้แตกต่างเกิดเสียง ติ๊ง ! พร้อมประตูที่เลื่อนออก ของจริงสินะคราวนี้

     

                ผมลังเล ก้าวออกไปข้างนอกข้างหน้าเป็นเพียงทางตรงไปสู่ห้องๆ หนึ่งเท่านั้น ราวกับว่ามีคนต้องการให้ผมลงมาที่นี่หรือจะเป็นคนที่ให้ยาเรามา ทางเดินกว้างประมาณคนสามคนยืนชิดกันผนังสองข้างสีขาวสะอาดขัดกับประตูเหล็กบานใหญ่สีดำเข้มที่ดูแน่นหนาซะจนผมสงสัยว่าข้างในมีอะไร

     

                และผมก็รู้คำตอบว่าทำไมประตูมันถึงใหญ่และแน่นหนาขนาดนี้หลังจากอ่านชื่อห้องที่อยู่เหนือประตู ห้องเก็บตัวอย่างกลายพันธุ์ที่ 1ผมไม่รู้จะทำอะไรต่อ พอหันกลับไปยังลิฟต์ มันก็หายไปซะแล้วเหลือเพียงผนังสีขาวสะอาดแทนที่ ราวกับตรงนั้นไม่เคยมีลิฟต์มาก่อน รู้สึกเหมือนนี่จะไปการบังคับกันกลายๆสินะ ประตูเหล็กนี่ก็ไม่สามารถเข้าได้ง่ายๆ มีทั้งเครื่องใส่รหัสและเครื่องสแกนลายนิ้วมืออีก

       

    “แล้วจะเข้ายังไง ช่องระบายอากาศรึ?”  ผมพึมพำพลางมองหาสิ่งที่ตัวเองพูด พบว่ามันอยู่สูงเหนือพื้นขึ้นไปเกือบสามเมตรบนผนังฝั่งซ้ายอย่างแรกเลยต้องเอาตะแกรงเหล็กที่ปิดออกก่อน

       

                ผมก้าวถอยหลังตั้งสติ ก่อนออกวิ่ง เท้าขวาเตะผนังเพื่อถีบตัวส่งขึ้นกับ ตามด้วยเท้าซ้าย ผมชูสองมือขึ้นสอดนิ้วลงไปในรูตะแกรงก่อนคว้ามันไว้ แต่เจ้าตะแกรงนี่แน่นเป็นบ้า

       

                กลายเป็นผมใช้มือสองข้างจับมันไว้สองขายึดกับกำแพง ผมออกแรงแขนกระชากครั้งที่หนึ่งเกิดเสียง ครึ่ก เบาๆ  ต้องออกแรงมากกว่านี้ ครั้งที่สอง ครึ่ก ! มันหลุดในที่สุด พร้อมๆกับร่างผมที่กำลังร่วงลงสู่พื้น ด้วยความตกใจและเท้ายังแนบติดอยู่กับกำแพง ทั้งข้อพับเข่ายังงออยู่   ผมออกแรงปลายเท้าถีบกำแพง ตัวผมหมุนลังกาหลังกลางอากาศก่อนตกลงด้วยการยืน มือถือตะแกรงแน่น นึกทึ่งในใจกับสิ่งที่ตัวเองเพิ่งจะทำลงไป

     

                ผมทิ้งตะแกรงเหล็ก วิ่งไต่กำแพงขึ้นไปจับขอบช่องระบายอากาศดึงตัวเองเข้าไปช้าๆ ในท่อกว้างกว่าช่วงตัวผมไม่มากนัก ผมค่อยๆ คลานไปตามทาง รอบตัวไม่มีช่องอะไรให้มองออกข้างนอกเลยผ่านไปสักพักทางขวามือก็ปรากฏช่องระบายอากาศเป็นแนวยาว รู้สึกจะเป็นแนวยาวขนานไปกับตัวห้อง

     

                ผมหยุด มองลงไปยังห้องข้างล่างเป็นห้องที่ใหญ่และกว้าง เห็นบานประตูเหล็กที่ผมเข้าไม่ได้ ไม่มียามหน้าประตู ในห้องไม่ค่อยสว่างนักทั้งๆ ที่ข้างบนเพดานก็ติดไฟไว้มากมาย แต่เลือกเปิดเฉพาะจุดเท่านั้น ผมเลือกมองไปตามที่ที่มีแสงไฟก่อนข้างหลังสุดของห้องปรากฏยามชุดดำ คราวนี้ชุดเหมือนทหารขึ้นมาหน่อยพร้อมกับเกราะและปืนผมมองไม่ผิดแน่ ว่าแต่ทำไมสายตาผมมองได้ดีในที่สลัวและไกลขนาดนี้

     

                เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ผมก็ทำตัวให้นิ่งและเงียบก่อนมองฝ่าความมืดเพื่อดูส่วนที่เหลือ จึงพบกับสิ่งที่เจ้าป้ายหน้าห้องได้บอกไว้ ข้างล่างสภาพคล้ายๆคอกสัตว์ มีทางเดินตรงกลาง ฝั่งขวาเป็นกรงเหล็กขนาดใหญ่ ข้างในเต็มไปด้วยพวกกลายพันธุ์อัดแน่นกันอยู่ข้างในส่วนฝั่งซ้าย  เป็นหลอดทดลองทรงกระบอกซึ่งตั้งอยู่บนพื้นห้องข้างในบรรจุพวกกลายพันธุ์อีกจำพวกหนึ่ง

     

                ในหลอดมีแสงเรืองสีฟ้าเหมือนกับที่ผมเคยอยู่ตัวหลอดทดลองสว่างอยู่ท่ามกลางความมืด มีหลายสิบหลอดทีเดียว ไม่นับพวกฝั่งขวาที่อยู่ในกรงอีกนับร้อยผมทึ่งกับสิ่งที่เห็น ก่อนรีบตัดสินใจคลานต่อไปอย่างเงียบๆ ดูว่าปลายทางมันจะไปสุดที่ไหน

     

    แต่เมื่อคลานมาได้ถึงกลางห้อง ก็มีเสียง แกร่ก ! เกิดขึ้น เสียงเหมือนเหล็กบางๆ กระทบกันก่อนรอบตัวพลันมืดสนิท ผมตกใจเมื่ออยู่ๆ บานเกร็ดช่องระบายอากาศก็ปิดลงซะดื้อๆ “ลางไม่ดีแล้วไง” ผมพูดกับตัวเอง

     

                ทันทีที่พูดจบ ผมได้ยินเสียงเหมือนอะไรบางอย่างถูกพ่นในอากาศเสียงมันช่างคุ้นหูมากๆ ก่อนจะเห็นว่าทางข้างหน้าปรากฏควันสีเขียวกำลังแผ่ขยายอยู่ในอากาศและมันกำลังมาทางผมด้วยไอควันบ้านี่อีกแล้ว

     

                ผมเอี้ยวคอกลับไปดูข้างหลังก็มีควันสีเขียวนี่เหมือนกันฝั่งซ้ายก็ทึบ ฝั่งขวาก็ดันมาปิด ปล่อยไว้แบบนี้ ผมจะกลายเป็นอะไรก็ไม่รู้ทางเลือกเดียวของผมคือทุบเจ้าตะแกรงเหล็กด้านข้างนี้ออก แล้วโดดลงไปข้างล่าง ไม่งั้นได้โดนรมควันแน่

     

                ผมใช้มือขวาทุบแผงระบายอากาศอยู่สองสามทีจนมันกระเด็นหล่นลงไปข้างล่าง ผมค่อยๆ ออกช้าๆโดนหย่อนขาลงมาจนเหลือเพียงสองมือที่ยึดขอบไว้ ก่อนตัดสินใจปล่อยมือ ตุ้บ ! เสียงเท้ากระทบกับพื้นห้องผมโดดลงมาระหว่างหลอดทดลอง ยิ่งเข้าใกล้ยิ่งเห็นความน่ากลัวของเจ้าตัวที่อยู่ข้างใน

     

    “เสียงอะไรหล่น”  เสียงชายคนหนึ่งพูดขึ้น ผมคิดในใจว่าที่ทุบไปนั่นไม่ได้ยินรึไหนตะแกรงจะหล่นลงมาอีก มาได้ยินเอาตอนกระโดดลงมาแล้วเนี่ยนะ แต่แทนที่ผมจะได้ยินเสียงฝีเท้าเจ้าหน้าที่ที่เข้ามาใกล้กลับยิ่งไกลออกไปจนไม่ได้ยินในที่สุด

        

                ด้วยตัวห้องกว้างและเปิดไฟไว้เพียงบางจุดซึ่งจุดที่ว่าก็อยู่หลังห้องนู่น ทำให้บริเวณอื่นไม่มืดก็มีเพียงแสงสลัว “ทำตามแผน”  เสียงชายอีกคนพูดขึ้น ผมพยายามมองหาทั้งสองแต่ก็ไม่พบ  ทำตามแผน แผนอะไรล่ะ

     

    ครืดด ! เสียงบานประตูเหล็กดังขึ้นมันไม่ใช่บานทางเข้าแน่ๆ เพราะมันอยู่ขวามือผมนี่เอง ก่อนจะตามมาด้วยเสียง แกร๊ก !ที่ดังขึ้นใกล้ๆ

     

    “อย่าบอกนะว่า...”  ผมพูดกับตัวเอง เห็นฝั่งตรงข้ามผมประตูรั้วเหล็กที่เป็นกรงขังเจ้าตัวประหลาด อยู่ๆ ก็ถูกปลดล็อคซะเฉยบานประตูแง้มออกช้าๆ มันหยุดเหลือช่องขนาดพอดีตัวสำหรับกลายพันธุ์ข้างในให้ออกมาได้เพียงทีละตัว

     

    “ฝีมือใครสักคนแน่ๆ ” ผมแน่ใจ หยิบตะบองเหล็กประจำตัวออกมาแล้วจะสู้มันได้มั้ยล่ะเนี่ย  ผมจ้องฝ่าความมืดไปยังตัวประหลาดตรงหน้า พวกมันก็เหมือนซอมบี้ทั่วไป ต่างกันตรงที่เพศหญิงจะมีกรงเล็บที่ยาวเฟื้อยงอกออกมาทั้งสองมือส่วนผู้ชายดูจะไม่มีอะไรผิดปกติ พวกมันค่อยๆ ทยอยออกมาทีละตัวอย่างเชื่องช้า

     

    ต้องรีบหาทางออกจากที่นี่ ผมเงยหน้ากลับไปมองช่องระบายอากาศ เห็นควันสีเขียวทึบกำลังลอยฟุ้งอยู่บริเวณปากช่อง

     

    แฮ่ !

     

    “เอาแล้วไง”  พวกมันเห็นผมเข้าแล้ว ผมลุกขึ้นวิ่งไปตามทางเดินตรงกลาง หวังว่าสุดทางที่มีแสงไฟผมจะได้พบกับทางออก ปึก ! ผมใช้ตะบองเหล็กฟาดเข้าที่หัวซอมบี้ตัวหนึ่ง มันเกือบจะคว้าผมได้แล้ว ทำให้ผมรู้ว่าซอมบี้เพศชายถูกทำให้เคลื่อนไหวได้เร็วขึ้น

     

    “เหวอ !”  ผมก้มหลบกรงเล็บยาวเฟื้อยที่ฟาดแหวกอากาศมาทันหวุดหวิดก่อนเตะตัดขา มันล้มลงและใช้ท่อนเหล็กในมือฟาดซ้ำเข้าที่หัวไปสองสามที ได้ยินเสียง โพละ !รู้สึกว่าผมจะทำกะโหลกมันแตกซะแล้ว แอ่งเลือดสีเข้มเริ่มเจิ่งนองเป็นมันวาวในความมืด

     

                ดูเหมือนสิ่งที่ผมเพิ่งทำยิ่งไปกระตุ้นต่อมบ้าคลั่งของพวกที่อยู่ในกรง พวกมันคุ้มคลั่งขึ้นมากันยกใหญ่ คงอยากจะออกมาจัดการผมเต็มแก่ต่างพากันเขย่าลูกกรงเหล็กจนดังลั่นไปทั้งห้อง ไม่อยากจะคิดว่าถ้าพวกมันหลุดออกมาทั้งหมดจะเกิดอะไรขึ้น

    “ไปต่อเจค ไปต่อ” ผมสั่งตัวเองที่มัวยืนทึ่งกับภาพความบ้าคลั่งตรงหน้ารู้สึกว่าพวกที่อยู่ในหลอดทดลองทางซ้ายดูน่ารักไปเลย

     

                ผมวิ่งต่อไม่รู้สึกเหนื่อย ยังแอบสงสัยว่าตัวเองมองในที่มืดได้ชัดขนาดนี้เชียวเหรอ ถ้ารอดออกไปได้ต้องหาความจริงซักหน่อยแล้ว

     

              ถัดไปข้างหน้าไม่กี่เมตรผมเห็นกำแพงสูงประมาณศีรษะ มันปกปิดพื้นที่ส่วนในไว้   คงเป็นส่วนของเจ้าหน้าที่     เพราะนี่เป็นจุดเดียวที่แสงไฟจากเพดานส่องลงมา   ทำให้บริเวณนี้สว่างโร่ เสียงร้องคำรามของพวกมันยังคงดังไล่หลังผมหันกลับไปถีบซอมบี้ที่วิ่งตามมาจนกระเด็นไปกระแทกตัวข้างหลัง ก่อนกระโดดปีนกำแพงข้างหน้ารีบบิดตัว กระโดดลงอีกฝั่ง

     

                ผมรีบลุกขึ้น พื้นที่ตรงนี้เต็มไปด้วยชั้นวางของมากมายซึ่งบนชั้นก็ไม่ใช่อะไรนอกจากพวกอาวุธชุดเกราะ ผมรีบวิ่งเข้าไป หวังว่าตัวเองจะเจออาวุธที่ดีกว่าในมือตอนนี้ แต่มันมีแค่ปืน  ไม่มีแม็กและกระสุนด้วย พวกซอมบี้เริ่มคับคลั่งขึ้นมาแล้วด้วยจำนวนฝีเท้าและเสียงคำรามที่ดังอยู่อีกฟากของกำแพงนี่ ยังดีที่มันปีนไม่ได้หรือว่าพยายามปีนอยู่ไม่รู้เพราะผมไม่เห็น

     

                ผมสะดุดเข้ากับห้องเล็กๆทางซ้ายมือ มันล็อค ผมออกแรงถีบ มั่นใจในพลังตัวเองที่ที่เพิ่มขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุแต่ตอนนี้มันพาผมรอดได้แน่ๆ บานประตูกระเด็นเข้าไปในห้องทั้งบานผมหาสวิตซ์ไฟและเปิด ภายในห้องสว่างด้วยหลอดไฟสีขาวบนเพดาน 

     

                ตัวห้องเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสเล็กๆมีชั้นวางของล้อมรอบเหมือนข้างนอก แต่คราวนี้กับเป็นสิ่งของที่ผมต้องการ บรรดาแมกกาซีนถูกวางเรียงไว้เป็นระเบียบมีลูกระเบิดวางเป็นแผง ผมคว้ามาสายหนึ่ง สะพายไว้ที่ตัว หยิบมีดพกแบบทหารเหน็บไว้ข้างหลังวิ่งออกมาข้างนอก ด้วยความกลัวว่าพวกมันจะแห่ปีนขึ้นมา  

                ผมดึงระเบิดออกจากสายสะพายดึงสลักออก ขว้างออกไปแบบไม่สุดแรง แต่ก็พ้นกำแพงไปหลายเมตร คงตกราวๆ กลางห้อง

     

    ตูม ! เสียงระเบิดดั่งสนั่น ตามมาด้วยเสียงเหมือนน้ำกระเซ็นแหมะ ! ไปทั่ว คงเป็นพวกซอมบี้ที่โดนระเบิดจนร่างถูกฉีกเป็นชิ้นๆไม่ต้องเดาก็รู้ว่า หลังกำแพงนี่คงเต็มไปด้วยแอ่งเลือดและเศษเนื้อกระจายเกลื่อนพื้นแต่เสียงหนึ่งที่ทำให้ผมคิดว่าตัวเองพลาดมหันต์แล้วก็คือ...

     

                เพล้ง ! สิ่งเดียวที่ผมนึกได้ว่าเป็นกระจกในห้องนี้ก็มีแค่อย่างเดียวคือหลอดทดลอง !

     

    “เพิ่มงานให้ตัวเองจนได้นะเจค”

     

    ..........

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in