เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
BUTTERFLY EFFECTyel.s.low
feel




  • ก๊อก ก๊อก ก๊อก

    แกร๊ก


    "รีบหรอ"


    "มากๆ"


    ผมตอบรับคำประชดของคนที่พูดขึ้นเมื่อเห็นผมมายืนอยู่หน้าห้องตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า ในมืออุ้มไทเกอร์ที่ผ่านมาหลายชั่วโมงแล้วก็ยังทำตาขวางใส่ไม่เลิกสักที 


    "ขอทางหน่อยครับ ไทเกอร์หิวแล้ว"


    พูดพลางยื่นแมวตาขวางไปจ่อหน้าอีกคน เมื่อวานผมทิ้งถ้วยอาหารไทเกอร์ไว้ที่ห้องคุณวินด์ เผื่อเขาตุกติกไม่ยอมเปิดประตูให้จะได้ใช้มันเป็นข้ออ้าง


    "แขนไปโดนอะไรมา" คนตรงหน้าถามขึ้นเมื่อสังเกตเห็นรอยข่วนหลายแผลบนแขน


    "ไม่มีอะไรครับ"


    "ทะเลาะกับแมวอีกล่ะสิ"


    "คุณรู้ได้ไง!!"


    อีกคนไม่ตอบ แต่ส่งสายตาแบบไม่รู้ก็แปลกมาให้แทน ผมทำหน้ามึนๆก่อนแทรกตัวคนที่ยืนขวางประตูอยู่เข้าไปในห้อง ปล่อยไทเกอร์ลงกับพื้นส่วนตัวเองเดินไปทิ้งตัวนั่งที่โซฟา


    "คุณวินด์ตื่นเช้าเหมือนกันนะครับเนี่ย"


    "ผมยังไม่ได้นอน"


    "อ้าว.. งานเยอะหรอครับ"


    "อืม"


    "งั้นคุณวินด์จะทานอะไรหน่อยมั้ยครับ เดี๋ยวผมทำให้"


    "ไม่เป็นไร ผมกำลังจะชงกาแฟพอดี" 


    "ได้ไงล่ะครับ คุณไม่ได้นอนแล้วยังจะดื่มกาแฟอีก นี่เมื่อคืนก็ดื่มไปใช่ไหมครับถึงได้ลากยาวมาจนป่านนี้" ผมบ่นอีกฝ่าย นึกหงุดหงิดคนที่ไม่ดูแลตัวเอง ถึงจะเคยทำงานโต้รุ่ง อัดกาแฟวันละสองสามแก้วบ่อยๆ แต่พอเห็นอีกคนทำแบบเดียวกันก็เป็นห่วงจนเกินเรื่องเกินราวขึ้นมา


    "ผมว่าผมทำโจ๊กให้ดีกว่า แต่ห้องคุณคงไม่มีวัตถุดิบ งั้นเดี๋ยวผมกลับไปทำที่ห้องแล้วยกมาให้นะครับ" 
    พูดรัวๆก่อนลุกขึ้นเดินไปทางประตูแต่ถูกอีกคนจับแขนเอาไว้ซะก่อน


    "ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ ไม่มีใครแย่งคุณพูด"


    "ก็...!"


    "ส่วนโจ๊กไม่ต้องลำบากหรอก แค่ขนมปังง่ายๆก็พอแล้ว"


    "แต่ว่า..."


    "ขนมปังกับเครื่องปิ้งอยู่ในครัว มีแยมอยู่ในตู้เย็น รบกวนหน่อยนะครับ"


    "โอเคครับ"


    ผมยกมือสองข้างยอมแพ้เมื่ออีกคนใช้ท่าไม้ตายส่งยิ้มมุมปากมาให้ หมุนตัวเข้าไปในครัว ปิ้งขนมปังตามรีเควส หยิบซองโอวัลตินที่ตั้งอยู่ข้างถุงขนมปังเทใส่แก้วชงให้อีกคนดื่มแทนกาแฟ เสร็จก็ยกออกมาให้คนที่กลับไปนั่งทำงานอยู่หน้าคอม


    "โอวัลติน?"


    "ครับ คุณทำงานมาทั้งคืนแล้ว ทานเสร็จก็นอนพักสักหน่อยเถอะครับ"


    "หึ ขอบคุณครับ แต่ว่านี่น่ะ คุณเอาไปดื่มเถอะ"


    อีกคนพูดพร้อมกับเลื่อนแก้วโอวัลตินมาให้ผม ส่งขนมปังเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆก่อนหันกลับไปทำงานต่อ


    "ไม่เอาครับ ผมชงมาให้คุณ"


    "ดื้อจริงๆเลยนะ" คุณวินด์บ่นพึมพำ ถอนหายใจ ยอมดึงแก้วกลับไปแต่หยิบขนมปังในจานยัดใส่ปากผมแทน


    "อุนอิน!!!" ผมโวยวายทั้งที่ขนมปังยังเต็มปาก อีกฝ่ายไม่สนใจแค่ยกโอวัลตินขึ้นจิบ ตอบกลับมาเสียงราบเรียบแล้วหันไปจดจ่อกับหน้าคอมเหมือนเดิม


    "กินด้วยกัน"


    ผมทำท่าทางงุ่นง่าน แต่เมื่อเห็นอีกคนกำลังใช้สมาธิจึงเปลี่ยนเป็นนั่งนิ่งๆมองคนที่กำลังตั้งใจทำงานแทน หากพอนั่งจ้องนานๆเข้าก็เริ่มรู้สึกเขิน คุณวินด์ตอนทำงานดูเท่ขึ้นกว่าปกติอีกสิบเท่า ตัดสินใจเก็บแก้วกับจานที่อีกคนกินเสร็จแล้วไปล้างเมื่อเริ่มทนกับความร้อนบนใบหน้าไม่ไหว

    ย้ายตัวเองมานั่งลงบนโซฟาหลังล้างจานเสร็จเพื่อไม่ให้รบกวนคนทำงาน ลูบหัวไทเกอร์ที่นั่งทำความสะอาดขนอยู่ข้างๆ เจ้าตัวอ้วนปรายตามองเล็กน้อยก่อนทิ้งตัวนอนหลับตาพริ้มให้ผมลูบหัวลูบหางอย่างสบายใจ พอได้กินอาหารก็ดูเหมือนจะหายโกรธเรื่องเมื่อคืนแล้ว ง้อง่ายจริงๆ

    เวลาผ่านไปสักพักตัวผมก็เริ่มไหลไปกับโซฟา เปลี่ยนสถานะเป็นของเหลวตามแมวที่นอนอยู่ก่อนหน้า เหลือบตาที่ตอนนี้เปิดแค่ครึ่งเดียวไปมองคุณวินด์ครั้งหนึ่งก่อนทิ้งตัวลงนอน 

    ยอมแพ้ให้กับแรงโน้มถ่วงของโลกในที่สุด..


    .
    .
    .



    คนที่นั่งหน้าจอคอมมาหลายชั่วโมงยืดตัวบิดขี้เกียจเมื่องานที่ทำอยู่เสร็จเสียที สายตากวาดมองไปรอบห้องหาคนที่เขาปล่อยให้นั่งเงียบๆอยู่นาน

    วินด์ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อไม่เห็นคนที่มาก่อกวนเขาแต่เช้าอยู่ในห้อง เดินเข้าไปในครัวเห็นแก้วกับจานที่แห้งแล้ววางคว่ำอยู่แต่ไม่เจอคนล้าง 

    หรือจะกลับไปแล้ว

    คิ้วเข้มขมวดขึ้นกว่าเดิมเมื่อคิดได้อย่างนั้น ขายาวพาร่างสูงเดินไปที่โซฟาก่อนจะชะงักเมื่อเห็นหนึ่งคนกับอีกหนึ่งแมวนอนอยู่ข้างกันบนโซฟา


    "หึ.."


    มุมปากกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มขบขันแบบที่หากคนนอนอยู่เห็นคงทำให้หัวใจเต้นรัวยิ่งกว่าจังหวะกลองชุด ดวงตาสีฟ้าทอดมองอยู่ครู่หนึ่งก่อนหมุนตัวเดินไปทางห้องนอน 

    กลับออกมาอีกครั้งพร้อมกล้องถ่ายรูปคู่ใจ ปรับค่านิดหน่อยจึงยกขึ้นลั่นชัตเตอร์ ปรากฏภาพคนตัวบางนอนหลับตาพริ้ม ผมสีน้ำตาลยุ่งซุกอยู่กับท้องนิ่มๆของเจ้าสามสี ปากบางถูกอุ้งเท้าข้างหนึ่งของไอ้อ้วนที่เจ้าตัวชอบเรียกยันไว้

    เก็บไว้แบล็กเมล์แล้วกัน..

    เปลี่ยนมุมถ่ายอีกสองสามรูปจนพอใจก็ย้ายมานั่งบนโซฟา มองคนที่กำลังหลับอย่างสบายใจนิ่งๆ นึกสงสัยการกระทำของตัวเองแต่ก็ไม่ได้คิดหาคำตอบ

    ปัชญ์เป็นผู้ชายตัวสูงโปร่ง แต่พอมายืนกับเขาความสูงกลับอยู่แค่ปลายคาง ทำให้อีกคนต้องเงยหน้าคุยกันประจำ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเป็นประกายระยิบระยับเวลาเห็นเขายกยิ้ม จมูกรั้นที่ทำให้เจ้าตัวดูดื้อขึ้นไปอีกตอนเถียง ปากบางที่มักฉีกยิ้มสดใสส่งมาให้

    ทุกอย่างรับกันอย่างลงตัวกับใบหน้าเรียว

    จะบอกว่าเป็นผู้ชายหน้าสวยก็คงไม่ผิดนัก

    วินด์ลุกขึ้นยืนเมื่ออีกคนดูไม่มีทีท่าว่าจะตื่นง่ายๆ หยิบกล้องไปเก็บในห้องก่อนกลับออกมาพร้อมผ้านวมในมือ ได้ยินเสียงขยุกขยิกที่โซฟา ไทเกอร์ตื่นแล้ว เจ้าสามสีใช้อุ้งเท้าตัวเองยันหัวอีกคนไว้เพื่อบิดขี้เกียจ 

    ดูเหมือนกิจกรรมยืดเหยียดกล้ามเนื้อจะรบกวนคนที่กำลังหลับอยู่ไม่น้อย

    ร่างบางขยับพลิกตัวจนคอเสื้อย้วยๆตกลงมาถึงไหล่ ชายเสื้อเลิกขึ้นเล็กน้อยพอให้เห็นหน้าท้องเรียบแบน เช่นเดียวกับกางเกงขาสั้นที่เลิกขึ้นจนเห็นต้นขา ผิวกายใต้ร่มผ้าดูขาวเนียนไปซะทุกส่วน

    วินด์กลอกตาไปมาเมื่อเริ่มรู้สึกตัวว่ากำลังคิดอะไรอยู่ กางผ้านวมที่ถือออกมาคลุมตัวให้อีกคน จากตอนแรกที่จะเอามาให้ห่มกันหนาว คงต้องเพิ่มห่มเพื่อปิดกั้นจินตนาการของเขาเข้าไปด้วย

    ทำไมพลิกตัวแค่ครั้งเดียวมันถึงเป็นได้ขนาดนี้วะ

    ถอนหายใจหน่ายๆก่อนหมุนตัวกลับเข้าห้องอีกครั้ง แวบหนึ่งในหัวเกิดความคิดขึ้นมาว่า


    คงให้ไปนอนแบบนี้ที่ห้องใครไม่ได้...


    .
    .
    .


    "ปัชญ์... ปัชญ์ ตื่นได้แล้ว"


    "... ครับ"


    "ปัชญ์ ตื่น"


    "หื้มมม.. เฮ้ย คุณวินด์!!!"


    ผมตะโกนเสียงดังลั่น ดีดตัวลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว ความงัวเงียหายเป็นปลิดทิ้ง 


    "ตกใจอะไร"


    "ก็หน้าคุณมัน..."


    พูดพร้อมยกฝ่ามือขึ้นตั้งระนาบเดียวกันกับหน้าตัวเองให้อีกคนดู เมื่อกี๊หน้าคุณวินด์อยู่ห่างจากผมไม่ถึงคืบ ถลึงตาใส่เขาไปอีกหนึ่งที หัวใจจะวายอยู่แล้ว!


    "ผมไม่ได้จะทำอะไร" คุณวินด์เลิกคิ้วข้างหนึ่งก่อนเอ่ยตอบ


    "ผมก็ไม่ได้คิดว่าคุณจะทำอะไร" แค่ตกใจ กลัวตัวเองคิดจะทำอะไรคุณต่างหาก...


    "แล้วจะทำหน้าแบบนั้นทำไม"


    "เปล่าครับ" อีกฝ่ายมองเหมือนไม่เชื่อแต่ก็ไม่คาดคั้นต่อ ผมลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก


    "จะออกไปธุระข้างนอก"


    "อ้อ.. "


    "ผมงีบไปแล้วตอนคุณหลับ ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้น"


    เวร เผลอทำหน้าแบบไหนออกไปวะ!


    "ผมยังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย"


    "หน้าคุณเหมือนมีฉลากอารมณ์แปะบอกอยู่ตลอดเวลา"


    "จริงๆผมเป็นคนเก็บสีหน้าเก่งมากนะ"


    "หรอ"


    "ไม่เชื่อกันนี่"


    "กลับห้องได้แล้ว"


    "คุณเปลี่ยนเรื่องอ่ะ"


    อีกฝ่ายยักไหล่ ไม่ปฎิเสธ เดินนำไปหน้าประตูผมจึงต้องลุกตามไป เพิ่งสังเกตตอนนี้ว่าตัวเองมีผ้าผืนใหญ่คลุมตัวอยู่ แอบซุกหน้าลงกับผ้านวมที่มีกลิ่นของอีกคนจางๆ ดีจังเลย ขอกลับไปนอนกอดที่ห้องได้มั้ยนะ..

    ผมถอนหายใจอย่างเสียดาย ตัดใจจากผ้าผืนใหญ่ก่อนที่ตัวเองจะดูโรคจิตไปมากกว่านี้ เดินตามคุณวินด์ไปที่ประตู อีกคนหันมามองเล็กน้อยก่อนดึงคอเสื้อที่ตกอยู่กับไหล่ของผมขึ้นมา จับนู่นจับนี่ให้เสื้อที่ยับยู่ยี่ดูเรียบร้อย จัดผมฟูๆให้เข้าที่เข้าทาง 

    รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กที่มีผู้ปกครองแต่งตัวให้ก่อนไปโรงเรียน


    "ออกไปข้างนอกก็แต่งตัวดีๆหน่อย"


    "แค่เดินกลับห้องเองนะครับ"


    "นั่นแหละ"


    "อ่า.. งั้นผมกลับนะครับ"


    "อืม เป็นเด็กดี.." 


    ผมทำหน้างงส่งให้คนที่เอาแต่พูดอะไรแปลกๆออกมา แต่ก็ยังฉีกยิ้มกว้างพยักหน้ารับอย่างกระตือรือร้นไปด้วย


    "แน่นอนอยู่แล้ว"


    "อย่าไปหาเรื่องทะเลาะกับแมวอีก" พูดพลางปรายตามองร่องรอยที่ไทเกอร์ฝากไว้บนแขน


    รอยยิ้มหุบฉับ ก่อนใบหน้าจะเปลี่ยนเป็นบูดบึ้งแทน คุณวินด์มองปฏิกิริยาที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนั้นพลางหัวเราะในลำคอ ผมยืนงุ่นง่าน อยากจะโวยวายกลับแต่พอเห็นอีกคนยิ้มก็ไปไม่เป็นทุกที 


    "ไว้เจอกันครับ" พูดทั้งที่ปากยังเบะอย่างไม่พอใจ


    "ครับ"


    คุณวินด์ตอบกลับ ยกยิ้มบางพร้อมลูบหัวกันสองสามที ผมถอนหายใจก่อนส่งยิ้มกลับไปให้ หมุนตัวเดินออกมาจากห้องอีกคน

    เสียงหัวใจดังก้อง

    เต้นแรงให้กับเรื่องเดิมๆ

    ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจกับตัวเอง

    ยังไงก็แพ้รอยยิ้มเขาจริงๆ ให้ตาย






                                                                                    ? 







Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in