เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
BUTTERFLY EFFECTyel.s.low
next door



  • ผมนำอีกคนมาหยุดอยู่หน้าประตูห้อง เคาะสองสามครั้ง ยืนรอครู่หนึ่งเต้ก็เดินมาเปิด มันเหลือบตามองคนข้างหลังแล้วหันมาทำหน้าหมางงใส่ ก่อนจะหลีกทางให้ผมกับอีกคนเดินเข้าไป


    "กระเป๋าเงินกับคีย์การ์ดมึงกูวางไว้บนโต๊ะนะ"


    "เออ"


    "แล้วนั่น.."


    เต้เหลือบตามองคนที่เดินตามเข้ามาอีกครั้งแล้วเอ่ยถาม ผมเมินคำถามอยากรู้อยากเห็นของมัน ดึงมืออีกคนมานั่งตรงโซฟาหน้าทีวี เดินไปหยิบกล่องยาในตู้ก่อนกลับมาทิ้งตัวนั่งข้างๆ จับแขนอีกฝ่ายขึ้นมาแต่กลับถูกแรงยื้อไว้เล็กน้อย


    "ขอผมดูแผลหน่อยนะครับ"


    "ทำให้ตัวเองก่อน"


    "ครับ?"


    "ฝ่ามือคุณ"


    ผมก้มมองมือตัวเองด้วยความสงสัย ก่อนนึกขึ้นได้ว่าตอนล้มเอามือค้ำไว้ฝ่ามือเลยถลอกนิดหน่อย ยกยิ้มเล็กน้อย เงยหน้ามองอีกคน


    "แค่นี้เอง ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวผมทำทีหลัง"


    "ทำ"


    ส่งสายตาไม่พอใจ มองฝ่ามือที่มีรอยถลอกเล็กน้อยเป็นเชิงบังคับ ผมยกมือสองข้างยอมแพ้ ทำแผลให้ตัวเองจนเสร็จแล้วจึงยื่นมือไปข้างหน้า


    "ทีนี้ขอผมดูแผลให้คุณได้หรือยังครับ" พูดพลางยกยิ้มกวนๆให้อีกคน


    ดวงตาสีฟ้ามองมาอย่างเอือมระอา ยอมยื่นแขนตัวเองมาให้ ผมเอาสำลีชุบน้ำเกลือล้างแผล บรรจงเช็ดเอาเศษฝุ่นออก ใช้แอลกอฮอล์ทำความสะอาดรอบๆ หยดเบตาดีนลงบนแผล แขนอีกคนกระตุกเล็กน้อย

    ผมเงยหน้ามอง สีหน้าและแววตาของเขายังคงราบเรียบเหมือนเดิม หลุดขำออกมาจนอีกคนเบือนหน้าหนี สีแดงจางๆที่ปรากฏขึ้นบนใบหูทำผมยิ้มกว้างกว่าเดิม


    "แสบหน่อยนะครับ"


    ก้มลงทำแผลอีกครั้ง ครั้งนี้ผมเบามือกว่าเดิม 


    "ตรงข้อศอกแผลใหญ่หน่อย ผมแปะผ้าก๊อซไว้ ระวังอย่าให้แผลโดนน้ำนะครับ"


    ผมมองคนที่พยักหน้าช้าๆ ลุกขึ้นยืนเมื่อหมดธุระ ในหัวเริ่มคิดหาวิธีรั้งให้อีกคนอยู่ด้วยกันนานกว่านี้อีกหน่อย


    "อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนไหมครับ"


    "..."


    "ผมกำลังจะทำอาหารเย็น"


    "ไม่ล่ะ"


    "อ่า... งั้นเดี๋ยวผมลงไปส่งนะครับ"


    ตอบกลับไปอย่างห่อเหี่ยวก่อนลุกขึ้นยืน เดินนำอีกคนมาที่หน้าประตู


    "ส่งตรงนี้ก็พอ"


    ผมเงยหน้ามองอีกฝ่าย สบกับดวงตาสีฟ้าที่กลับมาอยู่ตรงหน้าอีกครั้งหลังจากใช้เวลาอยู่แค่ในความทรงจำมาหลายปี ตัดสินใจพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกไป


    "เราจะได้เจอกันอีกมั้ยครับ"


    "..."


    "ผมอยากเจอคุณอีก"


    "..."


    ความรู้สึกที่หลบซ่อนยาวนานคล้ายจะทะลักออกมา คำถามที่เคยได้แค่ถามตัวเอง
     
    ตอนนี้ 

    เจ้าของคำตอบยืนอยู่ตรงหน้า..

    คนตัวสูงหันหลังเดินออกจากห้อง ผมปิดประตู ยกมือลูบหน้าอกเผื่อจะช่วยให้หัวใจที่เต้นรัวสงบลง คำพูดทิ้งท้ายของอีกคนดังก้องอยู่ในหัว 


    "อืม ไว้เจอกัน"


    และผมเชื่อมันอย่างสนิทใจ...





                                                                                ? 






    "เมื่อกี๊มันอะไรวะ"


    "อะไร"


    "ก็ไอ้บรรยากาศเหมือนห้องนี้มีกันอยู่สองคนเมื่อกี๊มันคืออะไร"


    คนที่ถูกลืมไปแล้วว่ามีตัวตนอยู่ในห้องโวยขึ้นหลังผมเดินกลับมาที่โซฟาตัวเดิมอีกครั้ง อืม.. ห้องนี้มีกันอยู่สองคนหรอ ถ้ามีเขามาอยู่ด้วยกันในห้องนี้จริงๆก็คงดีไม่น้อย


    "ใครวะ คนรู้จักหรอ"


    "ไม่ยุ่งดิเต้"


    "ไอ้เหี้ยปัชญ์! บอกมา ไม่งั้นกูจะฟ้องแม่มึงว่ามึงพาผู้ชายเข้าห้อง"


    "ขี้ฟ้องว่ะเต้ มึงเป็นเด็กห้าขวบหรือไง"


    "มึงเลือกเอาว่าจะบอกกูดีๆหรือบอกด้วยน้ำตา"


    เต้พุ่งเข้ามาเขย่าคอผมอย่างคนหมดความอดทน เมื่อต่อมเสือกพุ่งทะลุปรอท หัวผมโยกไปตามแรง ก่อนหยุดลงเพราะตัวปัญหาถูกผมถีบไปกองอยู่ที่พื้น


    "น้ำตามึงอ่ะหรอ"


    "เออ รีบบอกมาก่อนที่กูจะต้องคุกเข่าอ้อนวอนมึง"


    ผมยกยิ้มขำกับความเล่นใหญ่ของไอเต้ ยอมบอกมันดีๆก่อนที่มันจะบีบน้ำตาอ้อนวอนผมขึ้นมาจริงๆ


    "เจ้าของไทเกอร์"


    พูดพร้อมยกมือขึ้นลูบหัวไทเกอร์ที่ว่าเมื่อมันกระโดดขึ้นมานอนบนตัก โผล่ออกมาถูกจังหวะจริงๆ


    "หืม ไอ้แมวอ้วนนี่ก็ของมึงไม่ใช่หรือไง"


    "หึ นั่นน่ะเจ้าของตัวจริง"


    "ตัวจริง?"


    "คนที่เคยเล่าให้ฟังตอนมอหก" ขยายความเล็กน้อยเมื่อเห็นเพื่อนทำหน้าโง่ใส่


    "อ้อออ หนุ่มแปลกหน้าที่สวนสาธารณะ"


    เบะปากให้หนึ่งทีเมื่อเห็นมันทำสายตาล้อเลียน


    "แล้วไงวะ บังเอิญเจอกันหรือไง"


    "อืม ที่ซุปเปอร์มาเก็ต"


    "ถึงว่า ยืนเหมือนคนสติหลุด"


    "เออ เหม่อจนเกือบโดนรถชน เขาช่วยไว้เลยพาขึ้นมาทำแผล" ยักคิ้วอวดๆไปหนึ่งที


    "เหอะ ใจลอยหาผู้ชายจนเกือบโดนรถชน โง่ขนาดนี้อย่าบอกใครนะว่าเป็นเพื่อนกู"


    ผมปาหมอนอัดหน้ามันเมื่อได้ยินคำพูดไม่เข้าหู ลุกขึ้นเตรียมเดินเข้าครัวก่อนหงายหลังกลับมานั่งแหมะที่เดิมอีกครั้งเพราะถูกไอ้เต้ดึงคอเสื้อไว้


    "อย่าเพิ่งไปดิกูยังเสือกไม่จบ เขาจำมึงได้มั้ยวะ"


    "ไม่รู้"


    อืม ไม่รู้ 

    ไม่รู้ว่าเขาจำได้ไหม

    ไม่รู้ว่าเขาเคยจำผมไว้บ้างหรือเปล่า

    แต่ผมไม่เคยลืม

    ดวงตาสีฟ้าที่ฉาบความเศร้าจางๆ

    จนถึงตอนนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้นอยู่..




    ครั้งหน้าที่เจอกัน 

    ผมจะทำอะไรให้ความเศร้าในนั้นเจือจางลงได้บ้างนะ






                                                                                       ? 





    วันนี้วันหยุด

    ผมเป็นนักศึกษาจบใหม่ ทำงานเป็นนักออกแบบและวาดภาพประกอบให้กับนิตยสาร

    สำนักงานใหญ่อยู่ที่อเมริกา ส่วนบริษัทลูกเพิ่งก่อตั้งที่ไทยเมื่อสองปีก่อน

    หัวหน้าเป็นรุ่นพี่จบจากมหาวิทยาลัยเดียวกัน เคยทำงานในตำแหน่งกราฟิกดีไซน์ที่บริษัทแม่ก่อนบินกลับมารับตำแหน่งหัวหน้าแผนกที่ไทย มีข้อเสียคือชอบคิดว่าผมว่างงานเลยมาลากไปเป็นนายแบบให้พวกคอลัมน์แฟชั่นที่เพื่อนตัวเองเป็นช่างภาพอยู่บ่อยๆ


    "หุ่นมึงดี หน้ามึงได้ เก็บไว้ก็เสียของเอามาโชว์ซะบ้าง"  ข้ออ้างที่ได้ยินประจำ จริงๆพี่มันก็แค่ขี้เกียจหาคนให้วุ่นวาย เลยมาวุ่นวายกับผมแทน..


    ละสายตาจากหน้าจอคอม ถอนหายใจให้งานที่รออยู่เป็นภูเขา วันหยุดไม่มีจริง...

    บิดขี้เกียจหนึ่งที ลุกจากเก้าอี้ เดินไปเปิดตู้เย็นเมื่อเมื่อท้องเริ่มร้องประท้วง เลยเวลาอาหารเช้ามานานจนใกล้จะกลายเป็นอาหารเที่ยง กวาดสายตามอง หากพบเพียงความว่างเปล่า ขมวดคิ้วเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานมีตัวตะกละมาฝากท้องที่ห้อง

    กูรู้ว่ามึงหิวนะเต้ แต่ก็ไม่คิดว่าจะกวาดครัวกูเกลี้ยงขนาดนี้

    ปิดประตูตู้เย็นเมื่อไม่พบอะไรที่พอจะใช้ประทังชีวิต ปากพึมพำถ้อยคำระลึกถึงเพื่อนอยู่หลายประโยค

    ครั้งหน้าคงต้องซื้ออาหารสำเร็จรูปมาตุนไว้บ้าง

    คิดพลางเดินไปหยิบกระเป๋าเงินกับคีย์การ์ด ตัดสินใจลงไปซุปเปอร์ฯฝั่งตรงข้ามเพื่อซื้อข้าวสารอาหารแห้งมายังชีพ เหยียบเข้ามาในโซนของสดอีกครั้งทั้งที่ยังผ่านไปไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง หวนคิดถึงเจ้าของดวงตาสีฟ้าที่เพิ่งเจอกันเมื่อวาน 


    "อืม ไว้เจอกัน"


    ไว้เจอกันที่ว่านี่.. อีกนานแค่ไหนนะ

    สะบัดหัวเรียกสติครั้งหนึ่งเมื่อรู้สึกว่าเริ่มเหม่อไปไกล เดินไปจ่ายตังค์เมื่อได้ของครบก่อนจะข้ามถนนกลับคอนโดฯ คราวนี้สติผมอยู่ครบ ไม่เปิดโอกาสให้รถคันไหนมาบีบแตรใส่อีก 

    ลิฟท์โดยสารหยุดอยู่ที่ชั้นหนึ่งพอดี ก้าวเท้าเข้าไปข้างใน มองตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆพาผมไปสู่ชั้นที่ต้องการ เลขหยุดอยู่ที่ชั้นสามสิบห้า ประตูเปิดออกพร้อมกับผมที่ค่อยๆเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

    ไว้เจอกันที่เขาบอก เร็วขนาดนี้เลยหรอ..

    ผมพาตัวเองออกมาจากลิฟท์ เงยหน้าพูดกับคนที่ยังมองกันด้วยสายตาเรียบนิ่ง ไม่มีทีท่าตกใจ


    "คุณอยู่ที่นี่หรอครับ"


    "อืม" เหลือบตามองไปที่ลิฟท์ครั้งหนึ่งก่อนจะหันกลับมาตอบสั้นๆ


    "เมื่อวานไม่เห็นบอก" บ่นพึมพำกับตัวเอง ถามต่อในสิ่งที่สงสัย หัวใจเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น


    "ชั้นนี้เหมือนกันสินะครับ คุณอยู่ห้องไหนหรอ"


    "ข้างๆ"


    "ครับ?"


    "ห้องข้างๆคุณ"


    อ่า ห้องผมอยู่สุดทางเดิน ห้องข้างกันมีแค่ห้องเดียว ไว้เจอกันของเขาไม่ใช่คำโกหกจริงๆด้วย เพราะอยู่ใกล้กันขนาดนี้เขาถึงมั่นใจว่ายังไงก็ต้องเจอกัน 

    ผมยกยิ้มอย่างยินดี ลืมเรื่องที่เขาไม่ยอมบอกว่าตัวเองก็อยู่ที่นี่เหมือนกันไปซะสนิท 


    "แล้วนี่คุณจะออกไปข้างนอกหรอครับ"


    "ไปกินข้าว"


    "ผมเพิ่งไปซื้อของมา กะจะทำอะไรกินอยู่พอดี"


    "..."


    "มากินด้วยกันมั้ยครับ"


    ประตูลิฟท์ปิดลงแล้ว ตัวเลขที่ปรากฏบ่งบอกว่ามันกำลังเลื่อนไปชั้นอื่น

    ดวงตาสีฟ้ายังคงเรียบนิ่งเหมือนเคย หากมุมปากที่ยกเป็นรอยยิ้มน้อยๆส่งผลให้หัวใจผมเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง


    "...ครับ"


    และคำตอบของเขาทำให้ผมไม่สามารถหยุดยิ้มได้เลย





                                                                                    ? 



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in