Note. แต่งขึ้นในโอกาสโปรเจ็ค องฮุนรายสัปดาห์
ไม่ได้แต่งฟิคบรรยายมานานพอสมควร ผิดพลาดตรงไหนขออภัยด้วยนะคะ ??
เสียงผิวปากของใครบางคนดังก้องไปทั่วบริเวณอาคารเรียนแห่งหนึ่งที่เงียบสงบ ขณะนี้เป็นเวลาเกือบห้าโมงเย็นแล้ว นักเรียนส่วนใหญ่จึงทยอยพากันกลับบ้านจึงไม่มีใครเดินไปเดินมาเยอะเท่ากับช่วงกลางวัน
ร่างสูงโปร่งประมาณร้อยแปดสิบเซนติเมตรในชุดเครื่องแบบนักเรียนกำลังเดินล้วงกระเป๋ากางเกงสีน้ำเงินข้างหนึ่งใต้ชายเสื้อสีชาวที่หลุดลุ่ยโผล่ออกมาไม่เรียบร้อยตามระเบียบอย่างที่ควรจะเป็น ส่วนมืออีกข้างก็จับคอกีต้าร์โปร่งสีน้ำตาลเข้มขนาดเกือบเท่าตัว เดินถือไปด้วยความชินและชิวสุด ๆ
อง ซองอู คือ ตัวอักษรที่ปักอยู่บนหน้าอกด้านซ้ายของเสื้อเชิ้ตสีขาวแอบหม่นหมองตามสภาพการใช้งานมานานพอสมควร ดาวสามดวงที่เรียงกันบนชื่อบ่งบอกว่าพี่เขาเป็นนักเรียนมัธยมปลายปีสุดท้ายของโรงเรียนนี้
‘พี่ซองอู คนที่หล่อๆ ชอบเล่นกีต้าร์ แต่ปากหมาไปหน่อยอ่ะนะ’
นั่นคือนิยามประจำตัวของเขาที่มักได้ยินจากพวกรุ่นน้องหน้าอ่อนทั้งหลายแหล่
ขายาวทั้งสองข้างกำลังเดินเลี้ยวก้าวเข้าไปในห้องเล็ก ๆ ห้องหนึ่ง แต่ก็ชะงักเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นร่างกลม ๆ คุ้นตาในชุดพละสีกรมสะพายกระเป๋าเป้สีเหลืองสดใสกำลังเดินดุ๊กดิ๊กมาทางนี้พอดี ร่างสูงจึงหยุดยืนกอดอกพิงเสาแถวนั้น พร้อมเผยรอยยิ้มอ่อนกระตุกบนใบหน้า ก่อนจะเอ่ยทักทายตามสไตล์ผู้ชายอย่างองซองอู
“ไง ไอ้เด็กอ้วน”
เด็กอ้วนที่ว่าหยุดเดินทันทีแล้วใช้ดวงตาฉ่ำวาวหวานแหววทั้งสองข้างจ้องมองใบหน้ายียวนกวนประสาทของต้นเสียงนั้นด้วยความไม่พอใจ
“อ้วนที่หน้าพี่มึงดิ”
“บ้ะ เดี๋ยวนี้มันเก่งวุ้ย”
คนพี่เบ้ปากด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะเดินเข้าไปหาร่างเล็กที่สูงแค่ระดับติ่งหูของเขา เจ้าเด็กมอห้าที่ยืนเตี้ยตัวกลมตาหวานแต่หน้าบึ้งตึงอยู่ตรงข้ามร่างสูงชื่อว่า พัค จีฮุน แค่ชื่อก็สัมผัสได้ถึงความกลม ๆ อ้วน ๆ เหมือนเจ้าตัวเลยว่าไหม
แหม...ก็รู้จักกันมาก่อนไง ถึงได้กล้าล้ออย่างนั้น
เห็นงี้เขาก็ไม่ใช่คนปากหมาเรี่ยราดเด้อ
“ใครมันจะยอมให้โดนว่าอยู่ฝ่ายเดียวไปตลอดล่ะ”
“นั่นนะสิ คนเราต้องอยู่ให้เป็นเว้ย”
ประโยคกวนเบื้องล่างมาพร้อมกับมืออีกข้างที่ว่างอยู่ยกขึ้นมาบีบเหนียงใต้คางของจีฮุนอย่างที่ซองอูชอบทำเป็นประจำเวลาอยากแกล้งเพราะความรู้สึกหมั่นเขี้ยวไอ้เด็กอ้วนคนนี้อย่างบอกไม่ถูก
“เห้ยอย่าบีบดิ้ มันจั๊กกะจี้โว้ย!”
เจ้าของเนื้อนิ่มโวยวายพร้อมหดหน้าหนีหลบไปทางอื่น เป็นรีแอคชันที่คนพี่ได้ตอบกลับมาทุกครั้งที่แกล้ง ซึ่งมันยิ่งทำให้เขารู้สึกสนุกและสะใจที่ได้ก่อกวนประสาทคนน้อง
อันที่จริงเจ้าตัวก็ไม่ได้อ้วนขนาดนั้นหรอก แค่ตัวกลม ๆ มีน้ำมีนวล เห็นแล้วอยากบีบไปทั่วทั้งตัวนอกจากเหนียงของน้องมันซะอีก
แกล้งใครก็ไม่มีสนุกเท่ากับพัคจีฮุนอีกแล้ว นั่นคือสิ่งที่ซองอูคิดมาเสมอ
“รู้สึกด้วยหรออ้วน นึกว่าไขมันกลบเส้นประสาทใต้คางไปหมดแล้วซะอีก—โอ้ย! มึงตีกูทำไมเนี่ย”
“ก็ดูพี่มึงพูดดิ ขยี้จังเรื่องไขมันกูเนี่ย”
“โอ๋ๆ...รักหรอกจึงหยอกเล่นน่า”
“ชิ”
มือที่เคยบีบเนื้อนิ่มใต้คางของน้องเล่นเปลี่ยนมายีกลุ่มผมสีน้ำตาลเข้มบนหัวกลมทุยด้วยความเอ็นดูปนหมั่นไส้ แอบเห็นใบหูทั้งสองข้างขึ้นสีแดงแจ๋ด้วย ไม่รู้ว่ากำลังเขินหรือกำลังหัวร้อนเกินจะทนไว้กันแน่
อ่า....น่าจะอย่างหลังมากกว่าเนอะ
“มีธุระแค่นี้ใช่ไหม จะได้กลับบ้าน”
“เห้ย อย่าเพิ่งกลับดิ”
“ทำไม?”
“อยู่ด้วยกันก่อน”
“ห้ะ”
“เดี๋ยวเล่นกีต้าร์ให้ฟัง เมื่อคืนเพิ่งซ้อมเพลงใหม่มา...นะๆ”
เกลียดเสียงอ้อนท้ายประโยคของพี่มึงจัง จีฮุนคิด รอยยิ้มกว้างจนตาหยีระหว่างดาวสามดวงตรงแก้มทำให้คนน้องพ่นลมหายใจหนักออกมาหนึ่งที แล้วเอ่ยคำตอบนั้นออกไปแบบปลง ๆ
“เออ ก็ได้ๆ”
รุ่นน้องในชุดพละวางกระเป๋าเป้แล้วนั่งลงบนโซฟาสีเลือดหมูกลางห้องสี่เหลี่ยมขนาดเล็กที่มีเครื่องดนตรีวางล้อมรอบทั่วห้องจนแทบไม่เหลือที่ว่างให้เดิน แอบยกมือขึ้นมาพัดตัวเองเล็กน้อยเพราะอากาศในห้องค่อนข้างร้อนอบอ้าว หน้าต่างก็ไม่มีให้ลมเข้ามาเลยสักบาน
ส่วนคนชวนซึ่งนั่งอยู่ด้านข้างก็กำลังวุ่นวายกับการหมุนลูกบิดปรับสายกีต้าร์เพื่อเช็คเสียงให้ตรงคอร์ด
“สายนั้นมันไม่ตึงไปหรอพี่ มันดูเล็กๆบางๆอ่ะ กลัวจะขาด”
“ปกติก็ตึงแบบนี้แหละ ไหนมึงช่วยฟังหน่อยดิ้ว่าเพี้ยนไหม”
พูดจบก็ดีดสายกีต้าร์เส้นล่างสุดทันที
“ฟังไม่ออกอ่ะ นี่ไม่ได้มีเซ้นเรื่องดนตรีซะหน่อย”
“โห ได้ไงอ่ะ เสียชื่อพี่ชายมึงหมดเลยนะเนี่ย”
“ไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลย”
พี่ชายคนนั้นที่พี่มันพูดถึงก็คือ คัง แดเนียล ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกับจีฮุน และเป็นเพื่อนรักโคตร ๆ ขององซองอูด้วย ทุกเย็นหลังเลิกเรียนเด็กอ้วนมอห้าตาหวานคนนี้มักจะมานั่งรอพี่ชายที่รักที่ห้องซ้อมดนตรีเป็นประจำเพื่อกลับบ้านด้วยกัน เขาจึงมีโอกาสได้เจอและได้แกล้งน้องมันบ่อย ๆ แบบนี้
อ่อ...ลืมบอกไปว่าซองอูและเพื่อนอีกสี่คนเป็นนักดนตรีเพลงสตริงประจำวงของโรงเรียนที่ได้เล่นตามงานคอนเสิร์ตวันสำคัญของโรงเรียน ช่วงเวลาตอนเย็นจึงต้องพาตัวเองมาสถิตอยู่ในห้องซ้อมจนเป็นบ้านหลังที่สองแล้วก็ว่าได้
แต่วันนี้สมาชิกที่เหลือมีนัดเตะบอลสานสัมพันธ์กับน้องมอสี่กัน ไอ้คนที่เก่งแต่ดนตรีส่วนกีฬาไม่เอาไหนจึงต้องโดดเดี่ยวมาอยู่คนเดียวลำพังในห้องซ้อม
ไม่สิ ตอนนี้ไม่โดดเดี่ยวแล้วเพราะมีสิ่งมีชีวิตตัวกลมที่ชื่อพัคจีฮุนมานั่งตาแป๋วอยู่ข้าง ๆ แล้วนิ
“เล่นสักทีดิ้ จะได้รีบฟังแล้วรีบกลับบ้าน”
“ใจเย็นไอ้น้อง กำลังจะเล่นแล้วเนี่ย”
คนตัวสูงจัดการวางท่าตัวเองกับกีต้าร์โปร่งให้เข้าทีเข้าทาง กระแฮ่มเสียงตัวเองเล็กน้อยแล้วพูดบางอย่างขึ้นมาก่อนจะบรรเลงดนตรี
“เอาล่ะครับ วันนี้พี่ซองอูคนหล่อห้องมอหกทับห้าจะมาเล่นเพลงสด ๆ ให้ฟัง เป็นเกียรติมากเลยที่วันนี้ได้น้องจีฮุนห้องมอห้าทับสองมาเป็นผู้ชม"
พี่มึงเป็นไรอ่ะ นึกว่ากำลังเปิดคอนเสิร์ตเดี่ยวไมโครโฟนงี้หรอ -_-;
“แหน่ะ อย่าเพิ่งทำหน้าเกรี้ยวกราดแบบนั้นสิ พี่เชื่อว่าเพลงที่พี่กำลังจะเล่นต้องช่วยให้น้องหายหัวร้อนกับความลีลาของพี่แน่นอนครับ เพราะมันคือเพลง....”
คนพี่เว้นช่วงประโยคนั้น แล้วหันไปสนใจกีต้าร์ในมือแทน นิ้วเรียวเริ่มดีดสายบรรเลงอินโทรทำนองแบบอะคูสติกที่ซองอูถนัดนักหนา
“เธอไม่ใช่เจ้าหญิง อย่างในนิยาย เธอไม่ใช่ดอกไม้ อย่างในนิทาน ไม่ใช่นางในฝันโดดเด่นเหมือนตามอย่างนางสาวไทย...♪♬”
โอเค เพลงดับหัวร้อนจริง ๆ ด้วย
เพราะมันชื่อเพลงว่า หวานเย็น ไงล่ะ
จีฮุนกำลังนั่งมองเจ้าของเมโลดี้แสนไพเราะด้วยความตั้งใจ สลับกับมองใบหน้าโหมดจริงจังของพี่เขาที่ไม่ค่อยเผยให้เห็นบ่อย ๆ นัก เขาก็ไม่เคยอยู่กับพี่ซองอูแบบสองต่อสองอย่างนี้ด้วยจึงเกิดอาการแปลก ๆ ในใจเล็กน้อย
“ใครจะมองว่าเธอเป็นไง แต่ว่าฉันกลับมองเธอเป็นแบบนี้”
น้ำเสียงทุ้ม ๆ กับดนตรีที่กำลังเล่นของซองอู ทำให้จีฮุนเผลอเคลิบเคลิ้มโยกหัวไปตามเพลง ดวงตาประกายใสสำรวจไล่ตามรูปหน้าแสนสมบูรณ์นั้นแล้วก็แอบชื่นชมในใจ ปกติพี่มันก็หล่ออย่างที่เคยได้ยินคนอื่นพูดถึงกันนั่นแหละ เสียก็แต่ปากหมา กวนประสาทแบบนั้นไง
“เธอคือหวานเย็นดับร้อนข้างในหัวใจที่ฉันมี และรักซะจนตัวฉันเก็บไปคิด เอาเธอมานอนคิดเท่านี้ฉันก็สุขใจ”
แต่พอได้เห็นมุมนี้จีฮุนก็รู้สึกว่า พี่ซองอูแม่งโคตรหล่อเลย
“เธอคือหวานเย็น แค่เห็นหน้าเธอแล้วฉันก็ชื่นใจ”
“!!”
ร่างเล็กชะงักเสียหลักเล็กน้อยเมื่อสายตาที่แอบมองหน้าพี่มันเมื่อกี้ดันสบเข้ากับนัยน์ตาสีเข้มโดยไม่ทันตั้งตัว แถมยังมองตาค้างอยู่อย่างนั้นไม่เลื่อนไปทางอื่นสักที แล้วดูเนื้อเพลงที่กำลังร้องออกมานั่นด้วยสิ
“ชีวิตที่มีเธอคงสดใส แค่มีเธอมาใกล้ชิดกัน”
เชี่ย...จังหวะนี้ไม่เขินไม่ได้แล้วว่ะ (T////T)
...แปะๆๆๆ...
คนน้องยกมือขึ้นมาปรบเสียงดังอย่างจริงจังหลังจบท่อนฮุคทันที จนคนพี่สะดุ้งแล้วหยุดเล่นกะทันหัน
“มึงรีบปรบมือทำไมเนี่ย ยังไม่จบเพลงเลย”
“อ..อ้อ ก็ชอบไง แค่นี้ก็เพราะมากแล้ว”
เปล่าหรอก อันที่จริงมันเป็นวิธีกลบเกลื่อนความเขินที่กำลังแสดงผ่านสีแดงระเรื่อบนใบหน้าและใบหูของพัคจีฮุน---ไม่ดิ อากาศในห้องมันร้อนต่างหากโว้ย
และหวังว่าเสียงปรบมือจะช่วยกลบเสียงหัวใจของเขาที่เผลอเต้นแรงเมื่อกี้ด้วย
อาการหนักแล้วนะพัคจีฮุน .__.
“เขินกูอ่ะดิ้”
เชี่ย...พี่มึงรู้ได้ไงวะ! ;-;
“ใครๆ ก็บอกว่าตอนกูร้องเพลงกับเล่นกีต้าร์อ่ะโคตรหล่อเลย”
“โว้ะ พูดไปเรื่อย”
เอาเถอะ...คนอย่างอง ซองอูก็ชอบหลงตัวเองเป็นปกติแบบนี้แหละ -_-;
มือป้อมหยิบหมอนใบเล็กแถวนั้นมาปาใส่คนด้านข้างด้วยความหมั่นไส้ เกือบใจหายใจคว่ำไปหมดนึกว่าพี่มันจะได้ยินเสียงเต้นหัวใจอันหนักหน่วงของเขาจริง ๆ เพราะห้องนี้ยิ่งเล็กและอยู่กันแค่สองคนด้วย
“เล่นแค่นี้ใช่ป่ะ จะได้กลับบ้านเลย”
“รีบจั๊ง บ้านมันไม่หนีไปหรอกคุณ”
“อ้าว แล้วจะให้อยู่ต่อทำไมอ่ะ”
“กูก็แค่อยากอยู่กับมึงนานๆ ไง”
“.....”
“ไม่ได้หรอ”
ใครสั่งใครสอนให้พี่มันพูดประโยคที่ว่าพร้อมทำสายตาแพรวแพราวแบบนั้นไปด้วย รู้ไหมว่ามันทำให้พัคจีฮุนคนนี้เสียอาการไปหมดแล้ว...ไม่น่าเลย ไม่น่ามาให้พี่มันมาแหย่หัวใจเล่นให้เต้นแรงขนาดนี้
“ม...ไม่—”
“จะปฏิเสธกูจริงดิ”
“.....”
“หื้ม?”
จู่ ๆ จีฮุนก็รู้สึกว่าระยะความห่างของใบหน้าคนเจ้าเล่ห์ค่อย ๆ ลดทีละเซนติเมตร เมื่อคนพี่โน้มตัวลงมาโดยที่มือยังคงถือกีต้าร์อยู่บนตัก ตากลมฉ่ำวาวเบิกกว้าง ฟันสองซี่ที่เผยอออกมาริมฝีปากชมพูอ่อน ทำให้ซองอูได้เห็นภาพเจ้ากระต่ายน้อยที่กำลังตื่นตูมเพราะกลัวจะโดนล่า
นั่นจึงทำให้ซองอูอยากแกล้งเด็กตรงหน้ามากกว่าเดิมเข้าไปอีก
“นี่”
“อ..อะไร?”
เสียงนั้นตะกุกตะกักเพราะเจ้าของเสีีียงกำลังเกร็งจนตัวแข็งไม่กล้าขยับตัว เมื่อคนตัวสูงกว่าเลื่อนใบหน้ามาแถวข้างหู ลมหายใจที่พ่นออกมาเป็นจังหวะชวนให้ขนลุกซู่ไปทั่วร่างกายของคนตัวเล็กกว่า
“กูชอบเวลาเห็นมึงเสียอาการแบบนี้จังเลยว่ะ”
“.....”
“ทำยังไงกูถึงได้เห็นมึงเสียอาการแบบนี้เพราะกูไปตลอดชีวิตดีวะจีฮุน”
คนน้องหันขวับทันทีเพื่อมองหน้าคนพี่เมื่อได้ยินนั้น แต่ลืมไปว่าใบหน้าของพี่มันวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ พอดี ทำให้ปลายจมูกของทั้งคู่แตะกันโดยไม่ได้ตั้งใจ
“เชี่ย!”
ร่างเล็กรีบดีดตัวเองถอยออกมาก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟาและไม่ลืมหยิบกระเป๋าเป้สีเหลืองของตัวเองมากอดแนบไว้แน่นด้วย
“ผ..ผม กลับก่อนนะ ลืมไปว่าวันนี้มีการบ้านต้องรีบทำ”
“ให้กูช่วยทำที่นี่ก็ด้ะ—”
“ไม่เอา!”
“.....”
“ชอบทำเองมากกว่า แบบว่า...เดี๋ยวไม่มีสมาธิไรงี้ .__.”
“อ่อ...”
“ไปล่ะ บาย”
จีฮุนโบกมือลาแล้วรีบเดินสับขาดุ๊กดิ๊กผ่านหน้าคนพี่ออกไปทางประตูห้องไม่รอมองเขาที่กำลังโบกมือให้กลับพร้อมรอยยิ้มกว้างจนตาหยีอีกครั้ง ถึงจะรีบแค่ไหน เขาก็ยังเห็นสีหน้าของคนตัวเล็กโคตรแดงจนลามทั่วทั้งใบหูและตามตัวน้องมันไปหมดเหมือนขนมะเขือเทศมาทั้งสวน
ไม่ต้องถามก็รู้ว่าเด็กอ้วนนั่นกำลังเขินจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ ซึ่งมันเป็นอาการที่ทำให้เขารู้สึกว่า น้องจีฮุนแม่งโคตรน่ารักเลยว่ะ
และ อง ซองอู ยังยืนยันเหมือนเดิมว่า แกล้งใครก็ไม่สนุกเท่า พัค จีฮุน อีกแล้ว
แต่ประโยคที่เขาพูดไปก่อนที่จะทำให้กระต่ายตื่นตูมลุกหนีออกไปอ่ะ...
เขาอยากให้มันเป็นแบบนั้นจริง ๆ นะ
ขอย้ำอีกครั้งว่า อง ซองอู อยากเห็นพัค จีฮุน เสียอาการเพราะเขาไปตลอดชีวิตเลยว่ะ :-)
End.
เหตุเกิดฟิคนี้มาจากเพลงหวานเย็นเลยค่ะ บวกกับชอบเวลาเห็นน้องมันเสียอาการด้วย ไม่มีอะไรเลยจริงๆ
เข้ากับธีมหน้าร้อนรึยัง...หน้าร้อนที่ว่าก็คือหน้าของน้องจีฮุนตอนเขินไงอิอิ .//.
ถ้าชอบก็ไปหวีดกันในแท็ก #หวานเย็นองฮุน นะคะ (‘∀’●)♡
.... แต่คนน้องก็น่าแกล้งจริงๆ
ชอบบบ