เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
#inchiks au pair lifearabikla
ก่อนจะไปเป็นออแพร์ที่เยอรมนี ep.3 : เตรียมเอกสารวีซ่าออแพร์เยอรมัน! 2
  • สวัสดีค่าาา วันนี้กลับมาอีกครั้งกับเรื่องราวออแพร์ของเรานะคะะ ขอบคุณเพื่อนๆที่ติดตามอ่านเรื่องราวของเรานะคะ เราดีใจมากๆที่มีคนได้ประโยชน์จากสิ่งที่เราตั้งใจทำด้วย มันทำให้เรามีกำลังใจมากๆเลย 

    ขออัพเดตว่าอีกไม่ถึงอาทิตย์เราก็จะได้บินไปเยอรมันแล้วนะคะ ไม่ได้จะมาขิงนะคะ 555555 แต่อยากมาร่วมแชร์ความตื่นเต้นของเราเองงงง ฝันที่ไม่กล้าฝัน สุดท้าย แค่เราลงมือทำมันก็ใกล้ที่จะสำเร็จแล้วค่ะทุกคนนนน

    เอาล่ะเรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าค่ะ เพื่อนๆคนไหนที่ติดตามมาตั้งแต่อีพีที่แล้วก็คงเตรียมพร้อมกับเอกสารที่เราสามารถเตรียมเองกันได้แล้วเนอะะ ดังนั้นอีพีนี้เรามาดูกันบ้างดีกว่าค่ะว่าหลังจากที่เราได้แมชกับโฮสแล้ว มีอะไรเอกสารอะไรบ้างที่เราต้องได้จากโฮสเพื่อนำมายื่นขอวีซ่าค่าาา

    1. Au Pair Contract
    สิ่งที่เราต้องได้จากโฮสอย่างแรกเลยนะคะคือสัญญาในการเป็นออแพร์ของเรา บางโฮสที่เชี่ยวชาญการมีออแพร์แล้วอาจจะเสนอให้เราดูสัญญาตั้งแต่ก่อนแมชเลยก็ได้นะคะ อย่างโฮสบ้านแรกของเราพอได้คุยวิดีโอคอลครั้งแรกกันเสร็จแล้วเค้าถูกใจเราเค้าก็เสนอว่าจะให้เราดูสัญญาก่อนเลยค่ะว่าเราโอเคไหม สงสัยอะไรให้ถามได้เลย หรือในกรณีไหนที่เพื่อนๆตกลงแมชกับโฮสแล้วโฮสก็ต้องส่งสัญญามาให้เราดู และโฮสจะขอข้อมูลส่วนตัวของเราเพื่อกรอกในสัญญาหรือบางกรณีเราจะต้องเอาสัญญาจากโฮสมากรอกในส่วนของเราต่อเอง หลังจากนั้นคือเราต้องเซ็นชื่อยอมรับสัญญา แต่! ก่อนที่จะเซ็นชื่อยอมรับ เราอยากให้เพื่อนๆอ่านสัญญาให้ดีๆก่อนว่าเป็นไปตามที่เราได้ตกลงกับโฮสไว้มั้ย เช่น โฮสทำงานอะไร มีลูกกี่คน อายุเท่าไหร่ ที่อยู่ของบ้านโฮส เราจะได้ห้องนอนเป็นของตัวเองมั้ย ใช้ห้องน้ำร่วมกับใครรึเปล่า ทำงานกี่วันต่อสัปดาห์และวันละกี่ชั่วโมง ได้สิทธิ์ในการลาพักร้อนต่อปีเท่าไหร่ มีหน้าที่ดูแลน้องยังไงบ้าง โฮสจะดูแลค่าใช้จ่ายอะไรให้เราบ้าง และเราต้องทำงานบ้านมั้ย สัญญาควรที่จะต้องมีเป็นภาษาอังกฤษหรือบางโฮสอาจจะใช้เป็นภาษาเยอรมันนะคะ ถ้าในกรณีที่ไม่มีภาษาอังกฤษให้เราพยายามแปลด้วยตัวเองหรือถ้าไม่เข้าใจตรงไหนก็ให้รีบถามโฮสเลยค่ะเพื่อความเข้าใจที่ตรงกันและถ้าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นเค้าจะยึดสัญญาเป็นหลักอยู่แล้ว ดังนั้นสัญญาสำคัญมากนะคะ 

    อีกเรื่องก็คือบางคนมีคำถามว่าสัญญาต้องเป็นสัญญาตัวจริงที่ส่งมาจากเยอรมันมั้ย ปัจจุบันนี้ไม่ต้องแล้วนะคะแค่กรอกข้อมูลให้ครบมีลายเซ็นโฮสทั้งสองคนและลายเซ็นเรา แค่นี้เราก็สามารถนำไปยื่นกับสถานทูตได้แล้วค่ะ ^_^

    2.  ทะเบียนบ้านของโฮส
    สิ่งต่อไปที่เราจะต้องได้จากโฮสก็คือทะเบียนบ้านของโฮสที่มีชื่อเด็กๆอยู่ด้วยนะคะ ควรได้เป็นฉบับที่ล่าสุดนะคะเพื่อความอัพเดตดังนั้นเมื่อเราแมชกับโฮสแล้วเราสามารถขอทะเบียนบ้านกับเค้าได้เลยเพื่อที่ว่าถ้าโฮสบ้านไหนยังไม่มีทะเบียนบ้านฉบับล่าสุดเค้าจะได้ไปขอจากเขตที่เค้าอยู่ทันแล้วเราจะได้ไม่ต้องมาลุ้นก่อนไปขอวีซ่าด้วยค่ะ ยิ่งสถานการณ์ช่วงโควิดอาจจะทำให้บางเขตทำงานล่าช้าแล้วเราก็พลอยจะดำเนินการอะไรไม่ทันไปด้วย ดังนั้นใครที่แมชกับโฮสแล้วก็เกริ่นๆกับโฮสไว้ได้เลยนะคะะ

    3. ใบเชิญจากโฮส
    สิ่งต่อมาที่ไม่ได้ระบุไว้ในเว็บไซต์สถานทูตแต่ถ้าเรามีก็จะเป็นภาษีให้เราและเราเชื่อว่าสิ่งนี้ก็มีผลในการทำให้วีซ่าเราได้รับการอนุมัติง่ายขึ้น นั่นก็คืออ ใบเชิญจากโฮสนั่นเองค่า ใบเชิญจากโฮสก็จะคล้ายๆใบสรุปจากสัญญาของเราว่าโฮสคือใคร อยู่ที่ไหน มีลูกกี่คน ต้องการเชิญเราไปเป็นออแพร์ที่บ้านของเค้าตั้งแต่วันไหนจนถึงวันไหนและเรามีหน้าที่อะไรบ้าง


                                                    อันนี้เป็นตัวอย่างใบเชิญจากโฮสของเรานะคะ

    ในกรณีนี้ถ้าหากเพื่อนๆคนไหนที่โฮสไม่ได้ให้ใบเชิญมาก็ไม่ต้องกังวลนะคะเพราะทางสถานทูตไม่ได้ระบุว่าเราต้องมี หรือกรณีที่เพื่อนๆคนไหนอาจจะได้มาเป็นลักษะอื่นๆที่ไม่เหมือนกันก็ไม่ต้องตกใจค่ะ ถ้าเป็นใบเชิญที่มีชื่อโฮสเขียนว่าเชิญเราไปเป็นออแพร์แค่นั้นก็โอเคแล้วค่า

    4. ประกันภัยที่โฮสจะต้องทำให้เรา
    สิ่งสุดท้ายที่เราจะต้องได้จากโฮสก็คือประกันภัยที่โฮสจะต้องทำให้เราและจะคุ้มครองเราตลอดระยะเวลาที่เราก้าวขาลงไปเหยียบยังแผ่นดินประเทศเยอรมนีจนกระทั่งวันสิ้นสุดของการทำงานของเราค่ะ โดยส่วนมากโฮสจะต้องจ่ายประกันให้เรารายเดือน แต่ในส่วนของประกันนี้ทางสถานทูตก็ไม่ได้ระบุว่าเราต้องมีเพื่อนำไปยื่นวีซ่านะคะแต่ประกันจะสำคัญมากเมื่อวีซ่าของเราผ่านแล้วเพราะเราต้องนำใบประกันที่โฮสทำให้เราโดยระบุวันที่เริ่มคุ้มครองให้เป็นวันเดียวกับตั๋วเครื่องบินที่เรานำไปยืนยันที่สถานทูตในวันรับวีซ่านั่นเองค่ะ ดังนั้นถ้าเพื่อนๆคนไหนที่โฮสยังไม่ได้ทำประกันให้ตอนขอวีซ่าก็ไม่ต้องตกใจนะคะเพราะเอาจริงๆแล้วสิ่งที่เราต้องมีที่สำคัญเลยจริงๆก็แค่สัญญาที่มีลายเซ็นเรากับโฮสและทะเบียนบ้านที่มีชื่อน้องๆแค่นั้นเองค่ะ เอกสารอื่นๆที่เรากล่าวถึงในวันนี้เป็นเพียงสิ่งที่จะช่วยเสริมให้ทางสถานทูตพิจารณาวีซ่าของเราได้รวดเร็วขึ้นแค่นั้นเอง

    ก่อนที่เราจะลากันไปในวันนี้เราก็ขอมาแชร์ทริคเล็กๆน้อยๆในการขอวีซ่าที่เราขออ้างอิงจากประสบการณ์ตรงของเรานะคะ

    วันนั้นเรานัดสถานทูตไว้ตอนรอบ 7.30 น. เราแนะนำให้เพื่อนๆเผื่อเวลาให้ไปถึงสถานทูต 30 นาทีก่อนถึงเวลาสัมภาษณ์นะคะ 

    การแต่งกาย - แต่งยังไงก็ได้ค่ะให้ดูแล้วเรียบร้อยก็พอ จะใส่กระโปรง หรือกางเกงก็ได้เลยค่า

    สิ่งที่ต้องพกไป - อย่างแรกคือต้องปริ้นอีเมลยืนยันวันนัดที่สถานทูตส่งมาให้เราหลังจากที่เราทำการจองวันไว้ไปด้วยนะคะเพราะเราต้องเอาอีเมลนี้ไปยื่นให้เจ้าหน้าที่ด้านหน้าสถานทูตดูเพื่อเข้าไปข้างในค่ะ จากนั้นก็คือเอกสารทั้งหมดที่เราเตรียมมา อย่าลืมนะคะ ทั้งเอกสารของเราและเอกสารจากโฮสเราต้องถ่ายเอกสารทั้งหมดอย่างละ 2 ชุดและไม่ต้องขีดรับรองเอกสารใดๆทั้งนั้นค่ะ เราสามารถเอากระเป๋าไปได้นะคะแต่เราจะโดนให้ปิดมือถือและให้ฝากไว้ที่จุดตรวจค่ะ เอกสารอื่นๆนอกนั้นเอาเข้าไปได้ค่ะ อ้อและที่สำคัญคือต้องใส่แมสไปด้วยนะคะ ไม่งั้นเข้าไม่ได้ค่า 

    ขั้นตอนการยื่นขอวีซ่า
    - เมื่อถึงเวลานัดตามที่เราได้จองไว้ เจ้าหน้าที่จะเรียกเราเข้าไปข้างในห้องขอวีซ่าและกดบัตรคิวให้เราเพื่อไปยังช่องที่เราจะได้สัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่
    - นั่งรอจนถึงคิวของตัวเอง เจ้าหน้าที่จะทักทายเราเป็นภาษาไทยก่อน ถ้าเค้าถามอะไรมาให้เราตอบไปด้วยเสียงที่ดังฟังชัดนะคะ 
    - หลังจากนั้นบางคนอาจจะแจ๊คพอตโดนถามเป็นภาษาเยอรมันด้วย ถ้าใครไม่เก่งตรงนี้เรามีลิสต์คำถามจากพี่จ๊ะจ๋ามาฝาก (https://www.facebook.com/pg/jajarmekatz.fanpage/photos/?tab=album&album_id=1188421601254851) ตามลิงค์นี้ไปฝึกตอบคำถามด้วยตัวเองกันได้เลยค่ะทุกคนเพราะเราโดนถามแบบนี้เลย อาจจะไม่ทั้งหมด (เพราะเอาจริงๆพี่เค้าแชร์ไว้หลายคำถามมากนะคะ5555) แต่อย่างน้อยพอเราพอรู้คีย์เวิร์ดก็อาจจะถูๆไถๆตอบไปได้ค่ะ ถ้าเจ้าหน้าที่ถามภาษาเยอรมันมาก็ไม่ต้องกลัวนะคะ พยายามตั้งสติและตอบไปเลยค่ะ เค้าแค่อยากรู้ว่าเราจะไปใช้ชีวิตที่นั่นได้รึเปล่าแค่นั้นเลยย
    - หลังจากสัมภาษณ์นั่นโน่นนี่เสร็จ เจ้าหน้าที่จะให้เราจ่ายเงินค่าวีซ่านะคะ ของเราล่าสุดเดือน กรกฎาคม 2563 อยู่ที่ 2,600 บาทค่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้นค่าวีซ่าจะอยู่ที่ประมาณ 75 ยูโร แปลงเป็นเงินไทยขึ้นอยู่กับเรท ณ วันนั้นๆนะคะ
    - เมื่อเราจ่ายเงินเสร็จเจ้าหน้าที่จะคืนเอกสารตัวจริงของเราทั้งหมดรวมถึงพาสปอร์ตของเราด้วย และจะให้ใบเสร็จที่จะมีเลขคำร้องขอวีซ่าของเราอยู่มุมบนขวาที่เป็นบาร์โค้ดนะคะ ให้เราเอาเลขนั้นไปแจ้งโฮสได้เลยเพื่อที่โฮสจะได้ไปยืนยันกับเขตว่าข้อมูลทุกอย่างถูกต้องและจะทำให้ขั้นตอนในการตรวจสอบเป็นไปได้รวดเร็วขึ้นด้วยค่ะ
    - หลังจากนั้นเพื่อนๆก็รอโทรศัพท์จากทางสถานทูตได้เล้ยยยยย

    เอาล่ะค่ะ วันนี้ก็เรียกได้ว่ายาวพอสมควรแต่เชื่อว่าบทความตอนนี้น่าจะตอบคำถามของเพื่อนๆได้บ้างหรือใครที่ตื่นเต้นในการขอวีซ่าก็จะได้ลดความตื่นเต้นกันไปบ้างเนอะะะ เราเองก็ตื่นเต้นมากๆเพราะไม่ได้มีใครมาคอยชี้แนะเท่าไหร่ ต้องขอบคุณเพื่อนๆจากกลุ่มเฟสบุ๊คมากๆที่ตอบคำถามเราที่เราสงสัยอะไรเล็กๆน้อยๆ และทุกอย่างมันก็ผ่านมาได้ด้วยดี เราเองก็เลยตั้งใจว่าอยากช่วยเหลือเพื่อนๆเหมือนกัน เราสนับสนุนให้ทุกคนทำตามฝันนะคะ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องอะไรก็ตาม ขอบคุณเพื่อนๆที่ฝันแล้วลงมือทำนะ เพราะเราเชื่อว่าไม่ว่าเราจะไปถึงฝันที่เราฝันไว้มั้ยก็ตามแต่อย่างน้อยเราก็เดินออกมาจากจุดสตาร์ทแล้ว ^_^ สุดท้ายนี้ใครมีคำถามอะไรอยากสอบถามเพิ่มเติมหรือสอบถามส่วนตัวก็สามารถตามหาเราได้ที่ facebook: Paweekorn Boonsed นะคะ ยินดีตอบคำถามเพื่อนๆทุกคนเลย 

    อีพีต่อไปเราก็จะเป็นเรื่องราวของออแพร์จริงๆแล้วน้าาา ยังไงก็รอติดตามกันด้วยนะคะะ

    สำหรับวันนี้ก็ ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงตรงนี้นะคะ Have a nice day :)
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in