เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Nothing but warehouse of fictioncashmerenoooose
We do not, nicotine does
  • Title: We do not, nicotine does

    Pairing: Johnny Depp/ Jude Law


    Tag: #cashmerefiction







    Every smoker has a story







    เราเป็นเพียงคงแปลกหน้าสองคนที่บังเอิญเจอกันในช่วงเวลาที่จิตใจดำดิ่ง





    ดึกมากแล้วแต่เดวิด จู๊ด ลอว์ยังเตร็ดเตร่อยู่ข้างนอก





    แสงจากหลอดไฟหลากสีในช่วงเทศกาลทำให้ตาของเขาพร่าเลือนชั่วขณะ





    บุหรี่ถูกจุดทิ้งไว้แต่ไม่ได้ยกขึ้นสูบ เสียงความคิดแล่นดังอื้ออึงตัดขาดจู๊ดจากโลกภายนอกชั่วขณะ





    ควันสีขาวบิดเบี้ยวหมุนวน





    อีกประเดี๋ยวสิ่งที่มันเข้ามาเกาะเกี่ยวพัวพันคงไม่พ้นปอดทั้งสองข้าง





    จู๊ดชอบมาที่นี่เวลาใช้ความคิด แม้จะคราคร่ำไปด้วยผู้คนแบบที่เขาไม่เคยชอบก็ตาม





    “มีอีกไหม”





    เสียงนั้นทึ้งเขากลับมาสู่ความเป็นจริง





    เรียกให้หันกลับไปมอง





    รอยยิ้มแฝงนัยยะถูกส่งมา ชวนให้สงสัยว่าสิ่งที่อีกฝ่ายจับจ้องอยู่คือบุหรี่—





    —หรือริมฝีปากของเขากันแน่





    จู๊ดพยักหน้าตอบรับคำถามจากชายแปลกหน้า





    ในพื้นที่สาธารณะซึ่งมีคนผ่านไปผ่านมา การเจอนักสูบด้วยกันไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไร





    บางครั้งเป็นเขาเองด้วยซ้ำที่เที่ยวเดินไปกระซิบขอมันจากคนอื่น





    “รอเดี๋ยว”





    ส่งเสียงงึมงำก่อนใช้มือข้างหนึ่งปะป่ายไปในเสื้อแจ็กเก็ตตัวเก่ง





    ครู่เดียวก็ล้วงเอาซองพลาสติกยื่นให้อีกฝ่ายซึ่งเกล็ดบุหรี่ออกจากซองอย่างชำนาญ





    เขาไล่สายตา





    ผ่านเสี้ยวหน้า





    สันกราม





    ไรหนวดบางเหนือริมฝีปาก





    รอยสักที่โผล่พ้นแขนเสื้อเพียงเล็กน้อยแทบจะต่อยอดจินตนาการไปสุดกู่





    ไม่รู้ทำไม





    แต่สีหน้าท่าทางนั้นล้วนน่ามอง





    ดูเหมือนว่าเขาคงจะใจลอยนานไปหน่อย





    รู้ตัวอีกทีคนแปลกหน้าก็รุกเข้าใกล้





    —ใกล้มาก





    จู๊ดสะดุ้ง





    เงาของอีกฝ่ายทาบทับ





    คนแปลกหน้าโน้มตัวลง





    คาบบุหรี่ไว้หมิ่นเหม่





    สองนิ้วช่วยประคอง





    มืออีกข้างยกขึ้นป้องปากกันลม





    ปลายมวนสีขาวจ่อเข้ากับปลายสีแดงวาบของเขา





    มองดูมันเผาไหม้ช้า ๆ





    กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ ปนเปไปกับกลิ่นนิโคติน





    เขาหายใจติดขัด





    มึนเมาแม้ไม่ได้แตะต้องแอลกอฮอล์สักหยด





    เราสบตากันผ่านควันขมุกขมัว





    วินาทียาวเกือบชั่วนิรันดร์





    อีกฝ่ายผละออก





    ระยะที่ปลอดภัยต่อหัวใจกลับมาอีกครั้ง





    "ผมมีไฟแช็ค"





    นานทีเดียวกว่าเขาจะหาเสียงของตัวเองเจอ





    คนแปลกหน้าหัวเราะในลำคอ





    อัดควันเข้าปอดอึกใหญ่ก่อนพูด





    "ขอโทษ เห็นนิ่งไปนาน ก็คิดว่าไม่มีเลยขอต่อบุหรี่ ขอแล้วนะ—อย่ามองแบบนั้น ก็ไม่ตอบสักทีนี่ เลยคิดว่าอนุญาต"





    มองดูมือของอีกฝ่ายขยับเขี่ยเถ้าบุหรี่





    “ถ้าไม่มี คิดว่าผมจะจุดบุหรี่ยังไงวะ”





    “ก็—ไม่รู้สิ”





    อีกฝ่ายหัวเราะอีกครั้ง





    “ต่อเอาจากใครสักคนอีกทีมั้ง”





    “ประสาท”





    เขากลอกตา





    ปล่อยให้เสียงหัวเราะนั้นกลืนหายไปกับฉากหลัง





    จู๊ดขยับตัวออกห่าง





    “เป็นวันแย่ๆสินะ?”





    เรายืนอยู่ข้างกันโดยมีช่องไฟขนาดใหญ่คั่นกลาง กระนั้นนอกจากเขาแล้วก็ดูเหมือนจะไม่มีคู่สนทนาคนอื่นอีกแล้ว





    “คุณล่ะ?”





    เขาไม่ได้ตอบแต่ถามกลับ





    “โคตรห่วย”





    น้ำเสียงทุ้มต่ำน่าฟังนั่นแหบพร่าเล็กน้อย จู๊ดไม่เห็นสีหน้าของอีกฝ่าย แต่เดาว่าคงไม่สู้ดีนัก





    “แต่อย่างน้อยผมก็รู้ว่ามันจะไม่แย่ไปกว่านี้แล้ว นั่นทำให้รู้สึกดีขึ้นเยอะ แล้วคุณล่ะ”





    “ก็คงไม่ต่างกัน”





    จู๊ดไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่อยากต่อบทสนทนากับใคร กระนั้นการถูกชวนคุยโดยชายแปลกหน้าคนนี้กลับไม่ทำให้รู้สึกรำคาญอย่างที่ควร





    “บุหรี่ดีนะ”





    “ก็แค่ของธรรมดาๆ จากร้านสะดวกซื้อแถวนี้แหละ”





    “God bless America! ผมเพิ่งเคยเห็นอะไรแบบนี้ ไอ้นี่คืออะไร เราหาแบบนี้ได้ที่นี่จริง ๆ เหรอ”





    ชูก้นกรองลายประหลาดตาให้ดู ความยียวนนั่นปัดความรู้สึกสงสารในใจเขาไปจนหมด





    “เงียบแล้วสูบไปเหอะ”





    อีกฝ่ายหัวเราะในลำคอ





    “ดุ”





    “ก็คุณน่าโมโห”





    เขาเขี่ยเถ้าบุหรี่ทิ้งก่อนพูดต่อ





    “เอาแต่พูดจากวนประสาท”





    อีกฝ่ายยิ้มมุมปาก





    “เรียกผมว่าจอห์นก็ได้”





    ระยะห่างถูกถอยร่น





    “จอห์น?”





    เจ้าของชื่อกลอกตาไปมา





    “จอห์น มาจากจอห์นนี่ ผมรู้—ออกจะธรรมดาและหาได้ง่ายเกินไปหน่อย จริงไหม”





    เขาส่ายศีรษะ





    “ผมไม่มีสิทธิ์ตัดสินคุณในเรื่องนั้นหรอก”





    แสร้งทำเป็นทิ้งสายตามองผู้คนที่เดินผ่านไปมา





    “ผมเดวิด จู๊ด ลอว์—ใช่ เดวิดเดียวกับที่คุณคิดแหละ เฮ้! นั่นคุณกำลังหัวเราะเหรอ”





    รีบหันกลับไปมองคู่สนทนาก่อนส่งสายตาคาดโทษ





    “เปล่า ผมเปล่า—เดวิดก็คลาสสิคดี ผมชอบนะ”





    จอห์นนี่ส่งเสียงปฏิเสธพัลวันทั้งที่มุมปากยังประดับรอยยิ้มเอาไว้





    ไอ้หมอนี่





    “แต่ส่วนใหญ่เพื่อนๆ มักเรียกผมว่าจู๊ด ไม่โทษพวกเขาหรอก อย่างกับว่ามีผู้ชายที่ชื่อเดวิดน้อยนักนี่”





    จู๊ดอัดควันเข้าปอดอึกใหญ่ก่อนพูดต่อ





    “ขนาดพ่อแม่ยังไม่เรียกผมด้วยชื่อต้นเลย”





    “งั้นเดาว่าผมคงต้องเรียกคุณว่าเดวิดใช่หรือเปล่า”





    เลิกคิ้วตอนที่ได้ยินอย่างนั้น





    คนแปลกหน้ากับคำพูดแพรวพราวเต็มไปด้วยเสน่ห์ กับดักอันตรายของนักสูบแท้ๆ 





    “นั่นน่าประทับใจมากจอห์น”





    เขายิ้ม





    เพียงชั่วขณะที่เราสบตาก่อนที่ต่างฝ่ายต่างผละออก มองดูวิวยามค่ำคืนที่ประดับประดาด้วยแสงไฟจากตึกสูงในนิวยอร์ค





    “คุณมาเที่ยวเหรอ—หรือว่ามาทำงาน โทษที แต่สำเนียงคุณชัดเจนมากว่าไม่ได้มีบ้านเกิดอยู่ที่นี่”





    “ผมรู้ ผมรู้—ผมมาทำงานน่ะ”





    “ผมยังไม่เคยไปอังกฤษเลย จริงหรือเปล่าที่บ้านเกิดของคุณมักมีฝนมากกว่าแจ่มใส”





    “คุณคิดไม่ถึงเชียวล่ะ—“





    จู๊ดยักคิ้วให้อีกฝ่าย





    “คุณใจดีจัง”





    เขาหัวเราะ





    “เพิ่งเคยได้ยินคนพูดแบบนั้น”





    จดบุหรี่





    สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด





    ค่อยละเลียดชิมความร้อนขมปร่าอย่างเชื่องช้า





    ทิ้งสายตามองอีกฝ่ายก่อนพ่นควันสีขาวออกจากปาก





    “ปกติเขาพูดกันว่าผมทำตัวไม่น่าคบหา”





    ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ระยะห่างระหว่างเราไม่ได้มากมายขนาดนั้นแล้ว





    “เพราะคุณชอบขมวดคิ้ว ทำตาขวาง ๆ คนเลยกลัวกันน่ะสิ”





    จอห์นนี่พูดต่อ





    “แต่เมื่อกี้พอยิ้มแล้วไม่ดุ”





    ความขัดเขินเข้าแทรกกลาง





    เขาเบือนหน้าหนี





    สูบบุหรี่แก้เก้อ





    “ขอบใจ”





    อ้อมแอ้มตอบเสียงเบา





    เราไม่ได้คุยอะไรกันอีก ปล่อยให้ความเงียบทำหน้าที่ของมันอย่างแข็งขัน





    บุหรี่ในมือของเขาดับลงพอดีตอนที่จอห์นนี่เอ่ยถาม





    “ผมรู้จักร้านดี ๆ แถวนี้ คุณอยากไปหาอะไรดื่มด้วยกันไหม?”





    อือ—จะว่ายังไงดีล่ะ





    “ผมเลี้ยงเอง”





    ยังไงก็ไม่ได้มีธุระที่ไหนต่ออยู่แล้วนี่นะ





    “ก็ได้ครับ”





    เขาเว้นจังหวะ





    “แล้วก็—เรียกผมว่าจู๊ดเถอะ”





    เราส่งยิ้มให้กันผ่านม่านควันบุหรี่สีเทาที่ค่อยจางลง





    END

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in