สำหรับช่วงชีวิตวัยเด็กของเรานั้นประกอบไปด้วยสามอย่าง คือ การ์ตูนดิสนีย์ในรายการดิสนีย์คลับที่ดูมาตั้งแต่รุ่นพี่นัทพี่แนทจนมาถึงพี่เป๊กพี่ส้ม ละครจักรๆวงศ์ๆที่ฉายต่อในตอนเช้าวันเสาร์อาทิตย์ และกองหนังสือ

เรากล้าพูดได้เต็มปากว่าตอนเด็กๆนั้นเราเป็นนักอ่านตัวยง อ่านหนังสือแทบทุกชนิด เกือบทุกประเภท เริ่มตั้งแต่หนังสือเป็ดน้อยอาบน้ำตอนเป็นเด็กจิ๋ว หนังสือนิยายประโลมโลกต่างๆของคุณย่าคุณยาย (หนังสือเล่มแรกที่ทำให้เข้าสู่วงการหนังสือนิยายคือ ปริศนา ของ ว.ณ.ประมวลมารค) สารนุกรมประวัติศาสตร์ต่างๆ วิทยาศาสตร์​ สังคม ศิลปะวัฒนธรรม (คุณตาชอบซื้อหนังสือของ Reader Digest มาให้อ่าน) และหนังสือวรรณกรรมเยาวชนต่างๆ ซึ่งในช่วงวัยเด็กนั้นเราใช้เวลาช่วงพักเที่ยงของทุกวันปลีกตัวเงียบๆอยู่ในห้องสมุดและยืมหนังสือกลับมาอ่านที่บ้านเกือบทุกวัน



แน่นอนว่าหนังสือวรรณกรรมเยาวชนที่เรารักมากที่สุดก็หนีไม่พ้น แฮร์รี่ พอตเตอร์ (รองลงมาคือเดอะลอร์ดออฟเดอะริงที่ไม่รู้ว่านับเป็นวรรณกรรมเยาวชนได้รึเปล่าแหะ อ้อ..อีกเรื่องคืออย่าให้เรื่องนี้ไม่มีโชคร้ายด้วย)



เรายอมรับอย่างเต็มปากเต็มคำว่าเราเฝ้ารอคอยจดหมายซองสีน้ำตาล จ่าหน้าซองด้วยหมึกสีเขียวมรกตอยู่เสมอ ใฝ่ฝันว่าซักวันหนึ่งเราจะได้นั่งฮอกวอตส์เอ็กซ์เพรสไปเรียนกับเขาบ้าง วันคืนผ่านไปจนเราโตขึ้นแต่ก็ไม่ได้รับจดหมายที่ว่าเสียที เราก็ได้ข้อสรุปว่านกฮูกอาจจะตายระหว่างทางเพราะความร้อนของประเทศไทยที่แผดเผา หรือจริงๆแล้วตัวเราคงเป็นสควิบอย่างแน่แท้



เราดำเนินชีวิตอย่างธรรมดาสามัญเยี่ยงมักเกิ้ลทั่วไป ซื้อของนี่นั่นที่เกี่ยวกับแฮร์รี่มาเต็มบ้านจากร้าน WB ที่เซ็นทรัลลาดพร้าว ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋านักเรียน (ค่ะ ตอนประถมเราสะพายเป้ที่มีหน้าแฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่ไปเรียน) ปากกา ดินสอ ยางลม ไม้บรรทัด ทุกอย่างรอบตัว ทุกลมหายใจเข้าออกเป็นแฮร์รี่ไปหมด



ด้านการเรียนเรามีเฮอร์ไมโอนี่เป็นไอดอล เราจะอ่านหนังสือเรียนทุกวิชาจนจบก่อนเปิดเทอมตั้งแต่ชั้นประถมจนมัธยมปลาย ยกเว้นวิชาเลขที่เราไม่ถนัด เปิดเทอมไปด้วยความรู้เต็มสมอง ตอบคำถามคุณครูได้ เรียกได้ว่าเป็นเด็กเนิร์ดที่นั่งหน้าห้อง (แต่ไม่ชูมือตอบนะ ฮา) ส่วนช่วงมหาลัยก็อ่านบ้างบางวิชาที่ชอบและถ้าเจอประโยคภาษาละตินก็จะแอบควงปากกาเหมือนเสกคาถา



ความติ่งแฮร์รี่ลามมาถึงความเชื่อส่วนบุคคลด้วย... เช่น ตอนก่อนสอบเราจะเขย่าขวดน้ำยานำโชคที่ได้แถมมาพร้อมกับหนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์กับเจ้าชายเลือดผสม หรือเวลาที่เรารู้สึกเศร้า หมดแรงใจในการใช้ชีวิตจะคิดว่ามีผู้คุมวิญญาณอยู่รอบๆที่ดูดกลืนเอาความสุขไปหมด สิ่งที่เราทำทุกครั้งคือเดินไปเปิดตู้เย็น พูดคนเดียวในใจว่า เอกซ์เปกโต พาโตรนุม (คาถาเสกผู้พิทักษ์ไล่ผู้คุมวิญญาณ) แล้วก็หยิบช็อคโกแลตขึ้นมากินแบบที่ศจ.ลูปินบอก

และวันนี้ที่รอคอยก็มาถึง... เราจะมาสานฝันของสควิบอย่างเราด้วยการมาเยือนปราสาทฮอกวอตส์ที่ Universal Studio Japan ขอสารภาพตามตรงนะ... ที่ไปดูใบไม้ร่วง นั่งรถไฟไปแช่ออนเซ็น กินเนื้อโกเบนั่นมันก็แค่ทริปเสริม เป็นกิจกรรมแทรกต่างหาก เพราะหลักใหญ่ใจความของทริปนี้มันคือวันนี้ต่างหาก! นี่คือสาเหตุที่แท้จริงของการมาเหยียบแดนอาทิตย์อุทัยยยยยย

เด็กเรเวนคลออย่างเราจะได้เข้าโรงเรียนแล้วจ้า♡

อนึ่ง...เราเป็นแฟนเดนตายโลกแคบที่คิดว่าแฮร์รี่คือหนังสือ 7 เล่ม ส่วน The Curse Child นั่นมันแฟนฟิค ส่วน Fantastic Beast นั่นคืออีกเรื่องนึงไปเลย แค่มี Hedwig Theme ให้กรี๊ดเล่นๆตอนเปิดหนังเท่านั้นแหละ ส่วน Voldermort: Origins of the Heir คือเชี่ยอะไรของมึ้งงงงงงงงง (ขออนุญาตหยาบคาย) อะไรคือทายาทของก็อดดริด กริฟฟินดอร์ที่จะมาหยุดคนที่คุณก็รู้ว่าใคร โอ้ยย ปวดหัว

มาจะกล่าวบทไปด้วยเรื่องของการซื้อตั๋วเข้าไปเที่ยวเล่นกันนะฮะ

บัตรเข้า USJ นั้นสามารถหาซื้อได้ 3 วิธี คือ

เราผู้วางแผนการเที่ยวเรียบร้อยแล้วและกลัวว่าชีวิตจะฉุกละหุกเกินไปจึงเลือกวิธีการซื้อออนไลน์จ้ะ ซึ่งต้องขอขอบคุณ แพรรี่ ที่สไกป์ข้ามโลกมาจากอังกฤษเพื่อช่วยซื้อตั๋วให้ แต่เกิดปัญหาตัดบัตรเครดิตไม่ได้เพราะต้องใช้เป็นบัตรเครดิตของญี่ปุ่นเท่านั้น(อันนี้เราก็งงๆเหมือนกัน ลองใช้บัตรหลายใบจากหลากหลายธนาคารก็ไม่ผ่าน) โชคดีที่ เตย แนะนำเว็บไซต์ www.govoyagin.com มาให้เราเลยซื้อผ่านจากเว็บนี้แทนซึ่งมันก็จะอัพราคาแพงขึ้นมาอีกนิด

เหตุที่เราซื้อตั๋วออนไลน์เพราะเราจะซื้อ Universal Express Pass ด้วยแหละ เนื่องจากจากที่สอบถามเพื่อนลูกเรือญี่ปุ่นแล้วก็ได้ความมาว่า อ้อออ บางทีต้องรอเล่นเครื่องนึงสองชั่วโมงอะยู ซึ่งเนี่ย ธรรมดามากๆเลยนะ

เมื่อคิดได้ดังนั้นก็แก้ปัญหาการต่อคิวด้วยการเอาพลังเงินเข้าสู้นั่นเองค่ะ ไหนๆก็มาแล้ว จ่ายค่าตั๋วมาแล้วเล่นไม่ครบมันก็ไม่สุดอะเนอะ




สำหรับ Universal Express Pass นั้นก็มีให้เลือก 2 แบบตามกำลังทรัพย์และความขี้เกียจไปต่อแถว นั่นก็คือจัดเต็มเลย 7 เครื่อง กับแบบ 4 เครื่อง และก็แยกย่อยแตกออกไปอีกว่าจะเป็นแบบธรรมดาหรือเป็นเครื่องเล่นพิเศษ (Flying Dinosaur กับ Backdrop)

และและและที่สำคัญก็คือเขาจะมีโควต้าจำกัดสำหรับการซื้อพาสในแต่ละแบบด้วยเด้อ มาก่อนได้ก่อน นอกจากนี้ก็ต้องเช็คด้วยนะจ๊ะว่าเครื่องเล่นไหนปิดซ่อมบ้างตอนที่เราจะไป ไม่ใช่ซื้อพาส 7 มาแล้วเครื่องนั้นเล่นไม่ได้ เครื่องนี้ปิดซ่อม จะกลายเป็นเสียตังไปเปล่าๆเด้ออออ

ถ้าหากยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะซื้อพาสดีมั๊ยหนอ วันนั้นคนจะเยอะแยะวุ่นวายมั๊ยนะ ก็สามารถเข้าไปดูเว็บไซต์พยากรณ์คนเข้าเยี่ยมชมสวนสนุกได้ที่ www15.plala.or.jp/gcap/usj แม่นไม่แม่นยังไงก็ไม่รู้ เอาไว้เป็นข้อมูลอ้างอิงก็ได้จ้ะ

นอกจากนี้ทางสวนสนุกมักจะมีกิจกรรมต่างๆตามเทศกาลนี่นั่นและอีเวนท์พิเศษมากมาย ควรเช็คเวลาเปิดปิดและกิจกรรมต่างๆก่อนที่จะวางแผนหรือจองตั๋วนะคะ เช่น เราที่มาในช่วงรอยต่อระหว่างอีเวนท์วันฮาโลวีนและคริสมาสต์พอดิบพอดี๊ ทางสวนสนุกเลยเปิดช้าและปิดเร็วกว่ากำหนดจ้ะ แถมวันแรกของอีเวนท์คริสมาสต์คือวันที่ 10 แต่เราเข้าไปวันที่ 9 คลาดไปแค่วันเดี๊ยววววว

...

(หมดคำจะเอื้อนเอ่ย)

กรี๊ดดดดดดด ทำไมมมมมม เสียในที่ไม่ได้เช็คตารางกิจกรรมก่อน ครั้นจะเปลี่ยนแผนก็ไม่ได้เพราะจองทุกอย่างไว้หมดแล้ว ก็เอาเถอะ... คิดซะว่ามาวันนี้คนจะน้อยหน่อยเพราะคนจะมาเยอะๆในวันพรุ่งนี้เง้ ก็ทำใจคิดบวก(หรืออีกนัยหนึ่งคือหลอกตัวเอง)ไปนะฮะ

เออ เข้ามาเล่นซะทีเว้ยยยยย

พวกเรามาถึง USJ กันตั้งแต่เช้าตรู่ สังเกตที่ด้านขวาของภาพยังมีดวงจันทร์ปรากฎอยู่บนฟากฟ้าอยู่เลย ถือคติที่ว่านกที่ตื่นเช้าจะได้กินหนอนตัวอ้วนกลมฉันใด คนที่ตื่นเช้าก่อนชาวบ้านชาวช่องเขาก็จะได้เข้าพาร์คก่อนฉันนั้น

โอ้โห รีบอะไรกันขนาดเน้ หนาวก็หนาวยังจะมาต่อแถวกันอีกเร้อ แล้วกลุ่มก้อนมนุษย์ที่มาแต่เช้านั้นก็เบียดกันแน่นเชียว สภาพเหมือนเพนกวินจักรพรรดิ์ที่ยืนเบียดๆกันเป็นกระจุกๆต้านความหนาวอะ

ทีมมาช่วยแม่บ้านทำความสะอาดและเทสต์เครื่องเล่นนะคะ

และ...

นกที่ตื่นเช้าจะได้กินหนอนตัวอ้วนกลมฉันใด

คนที่ตื่นเช้าก่อนชาวบ้านชาวช่องเขาก็จะได้เข้าพาร์คก่อนฉันนั้น

คติประจำใจข้างต้นนั้นใช้ไม่ได้กับที่นี่

เพราะ...

คนที่มีตังค์และซื้อบัตร VIP

มีสายรัดข้อมือจะได้เข้าก่อนพวกเราๆที่ตื่นเช้าไปอี๊ก

(เพิ่มเงินไปจะได้เข้าก่อนใครๆครึ่งชั่วโมงนะจ๊ะ)

หลังจากกลุ่มมนุษย์ที่มีความสามารถพิเศษคือความรวยเข้าไปแล้วนั้น ก็ถึงตาพวกเราเหล่าทีมเปิดพาร์คกันบ้าง พอประตูเปิดปุ๊บ ผ่านจุดตรวจตั๋วแล้วเหมือนมีคนยิงปืนขึ้นฟ้าเป็นสัญญาณสตาร์ทตัว ทุกคนก็วิ่งประหนึ่งนี่คือร่างสองของยูเซน โบลต์

ไอ้เราก็เฮ้ยยย เขาวิ่งว่ะ วิ่งด้วยยยยย ไปด้วยยยยยย ว่าแล้วก็หันไปจับแขนของคนที่มาด้วยแล้วเริ่มออกตัวตามคนอื่นๆไป (เขาก็วิ่งตามมาแบบงงๆ)

หมู่มวลมนุษย์ที่วิ่งสี่คูณร้อยนั้นก็พากันเลี้ยวฟืบบบบบบบเข้าไปในโซนป่าต้องห้าม (ก็คือโซนแฮร์รี่นั่นแหละ) เมื่อเห็นประมาณคนเยอะมากกรูเข้าไปทางนั้นประหนึ่งซอมบี้ใน World War Z เราก็หัวเราะคริคริอยู่ในใจ เพราะข้าพเจ้าผู้ถือบัตรพาสนั้นยังไงก็ได้เข้าแบบไม่ต้องต่อคิว ฮี่ฮี่ฮี่ (ทุนนิยมสามานย์จริงๆโว้ย)

เพียงครู่เดียวเท่านั้น มนุษย์ก็เต็มไปหมดดดดดด ทุกอย่างเกิดขึ้นไวมาก

ฉะนั้นในช่วงที่คลื่นมนุษย์หลั่งไหลกันเข้าไปเล่นแฮร์รี่ เราก็วิ่งต่อมาอีกนิดเพื่อมาประเดิมเครื่องแรกของวันที่โซน Jurassic Park กับเครื่องเล่นกุ๊กกิ๊ก ตัวเปียกนิดๆอย่าง Jurassic Park - The Ride และต่อด้วย Flying Dinosaur (กะว่าไปตีลังการับลมเงี้ย) ซึ่งเครื่องนี้สนุกมากกกกกกก แนะนำให้ทุกคนเล่น อย่าไปกลัว มันไม่มีอะไรเลย เราเดินลงมาแบบเฉยๆ ใจจริงอยากเล่นอีกรอบด้วยซ้ำแต่ก็ตัดใจไปเล่นอย่างอื่นก่อนดีกว่า ก็เก็บเครื่องเล่นครบไปหนึ่งโซน

จากนั้นเราก็มาพักเบรกการตีลังกากันที่ JAWS ที่ทำดี๊ดี และต่อด้วยเครื่องที่ลงมาแล้วระบบช็อตคือ Hollywood Dream - The Ride แบบธรรมดา ไอ้ Hollywood Dream - The Ride - Backdrop ที่มันถอยหลังอะจิ๊บๆแต่อันที่ไปข้างหน้าคือโอ้ย เวียนหัวเด้อ ลงมาแล้วรู้สึกหนืดๆกันทั้งคู่เลยพักไปดูพาเรดกันดีกว่าาาาาา

พาเรดคริสมาสต์ที่น่ารักกุ๊งกิ๊งงงงงงง

จริงๆพาเรดนี้ไม่ได้อยู่ในตารางกิจกรรมแต่อย่างใดๆ เรื่องของเรื่องคืออยู่ๆก็มีเจ้าหน้าที่เอาแผงเหล็กมาตั้งๆเรียงๆไว้ พร้อมด้วยกองทัพคนถือกล้อง ห้อยบัตร Press มากมาย เราก็เลยทำตัวเป็นไทยมุงเข้าไปยืนๆรอๆดูด้วย เย้ยยยยยยยย เราไม่ได้มาเสียเที่ยวเว้ยยย นี่มันเป็นหนึ่งในกิจกรรมของช่วงคริสมาสต์ เราว่าวันนี้มันจะต้องเป็น Press Event ให้นักข่าวมาทำข่าวแน่ๆ เพราะฉะนั้นเราก็คิดเอาเองว่าเขาต้องรันโชว์ทุกอย่างให้เหมือนกับ Christmas Event เพียงแค่ไม่ได้มีบอกเวลาไว้เท่านั้นเอง ฮูเร่!!

จากนั้นก็ไปต่อกันที่ Space Fantasy - The Ride ที่ทำให้คนข้างๆหัวหมุนจนต้องเดินไปซื้อน้ำซ่าๆมาดื่ม ต่อด้วย The Amazing Adventure of  Spider-Man ที่สนุกดี และก็ไปดูโชว์ต่างๆประปราย

และเมื่อตะวันใกล้ลับขอบฟ้า เหล่าเทเลทับบี้บอกลา เราก็วกกลับไปที่โซนแฮร์รี่อีกครั้งหนึ่ง (คนข้างๆคงเหนื่อยใจน่าดู ฮาาาา)

สาเหตุที่กลับมาเพราะรู้สึกว่ามันจะต้องมีโชว์ที่ปราสาทเซ่! และก็จริงดังว่าเพราะเริ่มมีเจ้าหน้าที่เอาแผงเหล็กมากั้นๆๆๆๆๆแล้วเรียบร้อย ฮี่ฮี่ฮี่

และระหว่างที่รอนั้นเราก็เข้าไปเลือกไม้กายสิทธิ์ที่ร้านของคุณโอลิแวนเดอร์ค่ะ บอกเลยว่าบทพูดนั้นฉันพูดต่อเขาได้ทุกคำอะ ฮี่ฮี่ พอจบจากห้องนั้นที่อธิบายเรื่องไม้กายสิทธิ์แล้วก็ได้เวลามาเลือกจ้ะ

ไม้กายสิทธิ์ที่ขายนั้นมี 2 แบบ คือ เป็นไม้ของตัวละครในเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ และไม้กายสิทธิ์ที่ทำจากไม้แบบต่างๆ ซึ่งเราเลือกแบบที่สอง... ไม่สิ ไม้กายสิทธิ์เป็นฝ่ายเลือกพ่อมดแม่มดต่างหาก :D

มีคำอธิบายเกี่ยวกับไม้กายสิทธิ์ที่ทำจากไม้ต่างๆไว้ด้วย

ส่วนวิธีการเลือกของเราก็ง่ายมาก

เราจับมันทุกอัน ถือมันทุกชิ้น ไม้ไหนที่จับถนัดมือและรู้สึกดีก็เลือกอันนั้นจ้ะ

และหวยก็มาออกที่ไม้ไอวี่

ก็คิดอยู่ว่าตรงกับนิสัยใจคอของเรามั๊งนะ ฮาาาาาา

และในกล่องไม้กายสิทธิ์จะมีแผนที่รอบๆฮอกมี้ดให้ไปลองเสกคาถากันด้วยล่ะ เราก็ตามหา ตามเสกด้วยความสนุกสนาน พ่อมดแม่มด(ความจริงคือสตาฟ...)ที่ยืนประจำจุดต่างๆก็คอยให้กำลังใจให้เราร่ายคาถาและตวัดไม้ให้ถูกต้องด้วย ความรู้สึกตอนร่ายเวทมนตร์เสกคาถานี่มันดีจริงๆเลย (แม้ว่าจะเห็นเซ็นเซอร์อยู่ตำตาก็เถอะนะ...) ฮืออออ ความฝันเป็นจริงแล้วจ้ะ ซึ้งใจจจจ

จากนั้นก็มารอดูโชว์ที่น่ารักงดงาม เป็นการจบวันที่ดีมากมากมาก

เท่านี้ก็ดีต่อใจสำหรับสควิบอย่างเราแล้วล่ะ

ป่ะ คลิกไปเปิดฟังกันเถอะ

つづく

โปรดติดตามต่อต่อไป